เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
ทำบุญให้แก่คนตาย
Hakeem:
............อยากถาม โตะครู อะมัดอิซาว่า...ทั้งสิ่งที่อัลอัชฮารีย์ยกมานนั้น ครูอะมัดฯจะคิดว่าอย่างไรกับการกระทำของท่านหญิงอาอีชะ(รด)บ้าง.
.... تَلْبِينَةٍ فَطُبِخَتْ ثُمَّ صُنِعَ ثَرِيدٌ فَصُبَّتْ التَّلْبِينَةُ عَلَيْهَا ثُمَّ قَالَتْ كُلْنَ مِنْهَا فَإِنِّي سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ التَّلْبِينَةُ مُجِمَّةٌ لِفُؤَادِ الْمَرِيضِ تَذْهَبُ بِبَعْضِ الْحُزْنِ
รายงานจาก อุรวะฮ์(หลานของท่านหญิงอาอิชะฮ์) จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ภริยาของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า แท้จริง ท่านหญิงอาอิชะฮ์นั้น เมื่อมีคนในครอบครัวของนางได้เสียชีวิต บรรดาสตรีก็จะมารวมตัวกันเพื่อสิ่งดังกล่าว หลังจากนั้น พวกนางก็แยกย้ายกันไป นอกจากครอบครัวและบรรดาเพื่อนของนาง ดังนั้น ท่านหญิงอาอิชะฮ์จึงใช้ให้นำภาชนะหนึ่งที่มีตัลบีนะฮ์(คืออาหารที่ทำมาจากแป้งอย่างดี ซึ่งบางครั้งจะใส่น้ำผึ้งผสมลงไปด้วย จะมีสีขาวนุ่มน่ารับประทาน) จากนั้นทำการปรุง หลังจากนั้นก็ทำการปรุงษะรีด(คือขนมปังหรือโรตีที่ฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วจิ้มกับแกงเนื้อ) แล้วนำตัลบีนะฮ์ราดบนษะรีด จากนั้นท่านหญิงอาอิชะฮ์กล่าวว่า พวกเธอจงรับประทานมันเถิด เพราะฉันได้ยินท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า (การรับประทาน)ตัลบีนะฮ์ จะทำให้ผู้ป่วยสบายใจคลายความโศรกเศร้า" รายงานโดย อัลบุคอรีย์
...
เชิญ คุณอะมัดฯ แสดงจุดยืนตัวเองให้พี่น้องของเราได้เห็นแบบชัดเจนอีกทีครับ....ในฮาดิสบทนี้...
ahmedisa:
คุณฮากีมครับ กรุณาอย่านอกเรื่องนะครับคุณพยายามเอาเรืองนิกะห์เข้ามาป้วนเปี้ยนอีกแล้วนะครับ
ผมอยากให้คุณแยกนะครับว่า ระหว่างการกิยาศกับการตีความขยายความเหมือนกันไหม
แล้วคุณกัลบไปมองว่าการกิยาศของอุลามาอ์สำนักคิดนั้นเขาเอาหลักการกิยาศนี้ใช้ไปกับอะไร
ส่วนบ้านเราไม่ได้ใช้การกิยาศเลยในเรื่องแต่งงานกลับใช้การตีความและขยายความจากการกิยาศของบรรดาสานุศิษย์สำนักคิดอีกทีหนึ่ง แล้วอ้างว่านี่คือการกิยาศซึ่งเป้นวิธีหนึ่งของบรรดาอุลามาอ์ (หน้าไม่อายครับ)
จำไว้สิครับพี่น้อง ฮักอีม หลักการกิยาศของอุลามาอ์สำนักคิดคือกิยาศจากกุรอานและฮะดิษและชนสลาฟนะครับ
แต่ที่บ้านเราทำดันไปตีความโดยละเลยการกิยาศทิ้งการกิยาศ เอาการตีความ(ตามความเข้าใจของกลุ่มตัวเอง)และการขยายความ โดยนำพื้นฐานจากบางส่วนบ้างหรือส่วนหนึ่งจากเรืองนั้นๆ (ไม่เคยกลับไปมองกุรอานเป้นอันดับแรกเลยครับ) แล้วยังอ้างว่าเป็นมัซฮับชาฟีอีย์ (หน้าไม่อายหรือเลยเนี่ย)
อีกเช่นเดียวกัน คุณฮักอีม พยายามจะหว่านล้อมว่าผมเป็นวะฮาบีย์ที่ไม่เอากิยาศ อัสตัฆฟิรุลลอฮ์ ผมแสดงจุดยืนมาตลอดว่าการมองหลักการต้องมีตัรตีบที่ผมวางไว้(แล้วคุณก็คัดลอกไปแล้วกลับมาแว้งผม) เป็นเพราะผมลบกระทู้เดิม คุณเลยพยายามตบตาพี่น้องท่านอื่นๆแล้วเอาตัรตีบของบรรดาสำนักคิดที่ผมแสดงจุดยืนมาตลอด(คือ 1.กุรอาน 2.ซุนนะห์ 3. อิจมาอ์4.กิยาศ) หว่านล้อมห้พี่น้องเข้าใจผิด (ขอให้ทุกอย่างที่คุณพยายามใช้วิธีสกปรกกลับไปหาคุณ อามีน)
ผมจะเป็นอะไรก็แล้วแต่คุณก็น่าจะเสวนาเฉยๆก็ได้ทำไมต้องยัดเยียด กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ให้ผม เพื่อสร้างความเข้าใจผิดต่อพี่น้องด้วย ผมไม่เคยว่าคุณเลยนะครับ ว่าคุณน่าจะเป้นแบบนั้นแบบพวกนั้นพวกนี้ ด้วยความเคารพนะพี่น้องฮักอีม วะฮาบีย์จะเป็นเรื่องเสียหายสำหรับคุณหรือเป้นเชื้อร้ายตามที่คุณหมกมุ่นก็แล้วแต่ แต่ด้วยมารยาทคุณควรจะเก็บไว้ไม่สมควรอย่างยิ่งที่คุณจะยัดเยียดให้พี่น้องที่คุณจะร่วมเสวนาด้วย ท่านร่อซู้ลไม่เคยเสวนาโดยการด่าว่าและยัดเยียดนะครับถึงแม้ท่านรอซู้ลรู้ว่า คนนั้นกำพืดเดิมคือชาวญาฮีลียะห์ หรือเป้นยิวหัวดื้อที่น่าด่าว่า หรือเป็นมุนาฟิก แต่ท่านรอซู้ลใช้วิธีการให้เกียรติสยบโดยการบอกถึงตัวตนแห่งอิสลามและแสดงความเป้นพี่น้อง
ผมอยากให้คุณพิจจารณานะครับว่า ความเป็นพี่น้องขณะนี้ของคุณมีไหม ถ้าไม่มีคุณก็ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์(หมายถึงเรียนไปก็เท่านั้น เขาเรียกแบบชาวบ้านะครับว่า เรียนเพื่อโต้แย้ง) คุณก็ควรตรวจสอบอย่างยิ่งในเรื่องนี้
ความเกลียดชังของคุณที่มีต่อวะฮาบีย์ คุณน่าจะศึกษาก่อนนะว่าวะฮาบีย์มีกี่แบบกี่พวกกี่กลุ่ม ผมยอมรับว่าผมเรียนมหาลัยที่มีบรรดา ดร.จบจากมะดีนะห์ซึ่งคนไทยเรามักเรียกที่นั่นว่า ญามิอะห์ของวะฮาบีย์ นั่นคือความการยัดเยียดของกลุ่มโตะครูบางกลุ่มที่พยายามผลักดันอะไรบางอย่างที่ไม่สำเร็จ จึงใช้วิธีโหมกระพือข่าวเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหาย(เหมือกลุ่มที่เรียกว่าซุนนะห์บางกลุ่มในกทม.และมักต่อต้านพี่น้องตับลีฆและพี่น้องที่ศึกษาสายมัซฮับชาฟีอีย์) หลังจากนั้นเขายังสร้างเครือข่ายเพื่อให้การยัดเยียดเยี่ยงนี้อยู่นานๆเช่นเครือข่ายอย่างที่ คุณ กำลังตกเป็นเครื่องมือ
คุณควรศึกษาก่อนนะครับว่า วะฮาบีย์ มีกี่กลุ่ม กี่แบบ กี่พวก ดังนั้นอย่ามาเหมารวมไม่งั้นคุณไปละหมาดที่มัสยิดหะรอมไม่ได้เลยถ้าคุณมีฐิถิในวะฮาบีย์แบบที่คุณมี คุณควรเป็นักศึกษานะครับอย่าเป็นนักตัดสิน ด้วยความเคารพครับพี่น้อง :)
ส่วนฮะดิษที่คุณปู่เอามานั้น ฮะดิษเดียวเท่านั้นใช่ไหมที่เพียงพออนุญาตให้ทำบุญจนเป็นบ่อเกิดสร้างปัญหาติดหนี้ได้ ผมพยายามชี้และต่อต้านว่าเรื่องนี้ถ้ามันไม่มีแบบอย่างจริงๆตรงๆก็อย่าไปสนับสนุน เพราะแม้ท่านอิหม่ามชาฟีอีย์ยังออกมาฟัตวาชัดเจนว่าไม่ใช่แนวทางของท่าน และที่เห็นคือมันเกหิดปัญหาตามมาเยอะมากกว่าสิ่งที่คิดว่ามันน่าจะดี ;D
คุณฮักอีมยังอคติเหมือนเดิมนะครับ โอเค ถ้าอยากเข้าใจว่าผมเป็นวะฮาบีย์ก็แล้วแต่คุณ ผมไม่อยากตักเตือนคุณแล้วถ้าคุณละเลยเรื่องการให้เกียรติผมก็สุดแล้วแต่คุณ ยังไงก็ต่อต้านแบบนี้ตลอดนะครับ คุณจะได้เป็นคนแบบนี้ตลอดไป จะได้ไม่เกิดการพัฒนาขึ้น จะได้ไม่เจอกับความเป็นพี่น้อง (หากคุณต้องการ) แต่ยังไงก็ขอให้ทุกอย่างเกิดกับตัวคุณ ถ้าคุณคิดว่าผมป็นวะฮาบีย์สุดโต่งก็ขอให้กลับเข้าตัวคุณครับ อามีน :D
ahmedisa:
อนึ่งถ้ากิยาศจากฮะดิษข้างต้นของคุณปู่อัลฯยกมานั้น ก็คงต้องให้ทุกอย่าง(การเลี้ยงหรือทำบุญ) มีเฉพาะสตรีนะครับ อย่าขยายให้นอกเหนือสตรีนะครับ นั่นแหละถือว่าเป็นแบบอย่าง :D
Goddut:
ผมว่าน้องอีซา ต้องศึกษาเพิ่ม
เรื่องหลักฐาน การทำกุศลให้คนตาย
ผมจะมานำเสนอเมื่อผมว่าง และมีโอกาส ( และหมายถึง จะนำเสนอ เรื่องตัลกีน ที่ค้างไว้ด้วย)
อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม...
al-azhary:
--- อ้างจาก: ahmedisa ที่ มี.ค. 29, 2007, 05:53 PM ---อนึ่งถ้ากิยาศจากฮะดิษข้างต้นของคุณปู่อัลฯยกมานั้น ก็คงต้องให้ทุกอย่าง(การเลี้ยงหรือทำบุญ) มีเฉพาะสตรีนะครับ อย่าขยายให้นอกเหนือสตรีนะครับ นั่นแหละถือว่าเป็นแบบอย่าง :D
--- End quote ---
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร กล่าวว่า
في رواية الليث عن عقيل " إن عائشة كانت إذا مات الميت من أهلها ثم اجتمع لذلك النساء ثم تفرقن أمرت ببرمة تلبينة فطبخت ثم قالت: كلوا منها
"ในสายรายงานของท่านอัลลัยษ์ จาก อุกัยน์ เมื่อมีคนในครอบครัวของนางได้เสียชีวิต บรรดาสตรีก็จะมารวมตัวกันเพื่อสิ่งดังกล่าว หลังจากนั้น พวกนางก็แยกย้ายกันไป นอกจากครอบครัวและบรรดาเพื่อนของนาง ดังนั้น ท่านหญิงอาอิชะฮ์จึงใช้ให้นำภาชนะหนึ่งที่มีตัลบีนะฮ์(คืออาหารที่ทำมาจากแป้งอย่างดี ซึ่งบางครั้งจะใส่น้ำผึ้งผสมลงไปด้วย จะมีสีขาวนุ่มน่ารับประทาน) จากนั้นทำการปรุง จากนั้นท่านหญิงอาอิชะฮ์กล่าวว่า พวกท่านจงรับประทานมันเถิด"
สายรายงานนี้ ชี้ให้เห็นว่า ท่านหญิงอาอิชะฮ์ให้บรรดาบุรุษร่วมรับประทานด้วย แล้วน้องอีซา ได้รับอะไรจากหะดิษนี้ล่ะ ตอบก่อนซิ อย่าเพิ่งไปเข้าใจเอาเอง ศึกษาจากหะดิษแล้วเข้าใจ ไม่ใช่เอาทัศนะของตนเองมาเข้าก่อน แล้วนำหะดิษไว้หลัง ;D
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version