ที่จริงแล้ว สิทธิ์ในการหุกุมใดๆ นั้น เป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ผู้ใดทำการหุกุมบุคคลหนึ่งๆ ได้ ซึ่งหากเขากระทำไป ก็ถือเป็นการละเมิดต่ออัลลอฮฺ แต่ที่เราเห็นว่า อุละมาอ์ท่านนั้นท่านนี้ทำการหุกุมบางบุคคล หรือบางกลุ่ม หรือบางแนวคิด นั้น แท้ที่จริงแล้ว หุกุมเหล่านั้นล้วนแต่มีอยู่เดิมแล้ว อุละมาอ์เพียงแต่ทำหน้าที่ประกาศ หรือบอกให้ประชาชนรู้ว่า บุคคล หรือกลุ่ม หรือแนวคิด นั้นๆ หากได้ทำการละเมิด หรือฝ่าฝืน หรือปฏิเสธบัญญัติของอัลลอฮฺในประการนั้นประการนี้ ซึ่งตรงกับหุกุมใดๆ ของอัลลอฮฺที่ทรงกำหนดอยู่เดิมไว้แล้วในกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮ์ ดังนั้น เขาจะต้องรับหุกุมในฐานนั้นๆ ไปตามแต่กรณีที่เขาได้กระทำ
เป็นต้นว่า ได้มีรายงานว่านบีย์ ศ็อลฯ กล่าวว่า บุคคลใดๆ ที่ทำการด่าทอ (หรือล่วงละเมิด) ต่อบรรดาศ็หาบะฮ์ของฉัน ดังนั้นเขาคือกาฟิรฺ (สรุปความหมาย-ผู้นำเสนอ)
ดังนั้นบุคคลใดๆ ที่ส่อในพฤติกรรมดังกล่าว ไม่ว่าในยุคใดๆ อุละมาอ์ในยุคนั้น ก็จะทำการวินิจฉัยความผิดนั้น ด้วยหุกุมที่มีอยู่แล้ว เมื่อมั่นใจว่า ตรงกับหุกุมใดๆ อุละมาอ์ก็จะทำการชี้ขาดว่าบุคคลนั้นๆ หรือการกระทำนั้นๆ หรือการยึดมั่นนั้นๆ เป็นหุกุมนั้นๆ พร้อมกับมีหลักฐานว่า สิ่งนั้นมีหลักฐานการหุกุมเช่นนั้นอยู่จริงในกิตาบุลลอฮฺ หรืออัสสุนนะฮ์ หรืออิจฺญ์มาอฺ
ดังนั้น หากจะถามว่า บุคคลใดที่มีสิทธิ์ในการหุกุมในกรณีหนึ่งๆ นั้น ก็ขอตอบว่า นั่นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตอาลา แต่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น อุละมาอ์ทำหน้าที่ได้แต่เพียงวินิจฉัย และบอกกล่าวว่า บุคคลนั้นๆ ได้ละเมิดตรงกับบัญญัติห้ามข้อนั้นข้อนี้ของอัลลอฮฺ ดังนั้น จึงต้องตัดสินด้วยหุกุมนั้นๆ ไป - วัลลอฮุอะอฺลัม - ฝากผู้รู้ท้วงติงด้วยหากผิดพลาด - วัสสลาม