ผู้เขียน หัวข้อ: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)  (อ่าน 6312 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم

اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ آلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ ،،، وَبعْدُ ؛

ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ได้กล่าวว่า

اَلْكَوْنُ كُلُّهُ ظُلْمَةٌ ، وَإِنَّمَا أَنَارَهُ ظُهُوْرُ الْحَقِّ فِيْهِ ، فَمَنْ رَأيَ الْكَوْنَ وَلَمْ يَشْهَدْهُ فَيْهِ ، أَوْ عِنْدَهُ ، أَوْ قَبْلَهُ ، أَوْ بَعْدَهُ ، فَقَدْ أَعْوَزَهُ وُجُوْدُ الْأَنْوَارِ ، وَحُجِبَتْ عَنْهُ شُمُوْسُ الْمَعَارِفِ بِسُحُبِ الأَثَارِ

“บรรดาสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหมด(โดยพิจารณาถึงแก่นแท้ของตัวมันเองนั้น) มืดมิด(คือมิได้มีด้วยตัวของมันเอง)  ทว่าแท้จริงได้ทำให้เกิดรัศมี(ด้วยการสร้าง)มันขึ้นมาโดยการปรากฏการสรรสร้างของอัลเลาะฮ์ให้อยู่ในมัน  ดังนั้นผู้ใดเห็นสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย  โดยเขาไม่ประจักษ์เห็นพระองค์ (เป็นผู้สร้างเนรมิตขึ้นมา) ในมัน  หรือ(ไม่เห็นว่าพระองค์ทรงสร้าง)ขณะที่(ทำการใคร่ครวญพิเคราะห์มัน) หรือ(เขาไม่เห็นพระองค์เป็นผู้สรรสร้าง)ก่อน(ที่จะวิเคราะห์พิจารณา)มัน หรือ(เขาไม่เห็นว่าพระองค์เป็นผู้สร้าง)หลังจาก(ที่เขาได้พิจารณามัน)  แน่นอนเขาได้ขาดการมีบรรดารัศมี(แห่งพระผู้เป็นเจ้าที่จะทำให้เขารู้ประจักษ์เห็นอัลเลาะฮ์ด้วยหนทางใดหนทางหนึ่งที่กล่าวมา) และบรรดาคุณลักษณะแห่งการรู้จัก(ในอัลเลาะฮ์)ที่ประหนึ่งเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ ได้ปิดกั้นตัวเขาด้วยบรรดาร่องรอยแห่งหมู่เมฆ (ที่มาบดบัง)”

ฮิกัมนี้ได้รับหลักการอันเข้มข้นจากคำตรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ที่ว่า

اللَّهُ نُورُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ مَثَلُ نُورِهِ كَمِشْكَاةٍ فِيهَا مِصْبَاحٌ

“อัลเลาะฮ์ทรงเป็นรัศมีแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน  อุปมารัศมีของพระองค์  อุปมัยดั่งช่วงทึบที่มีตะเกียงติดอยู่(แสงของตะเกียงย่อมสอดส่องภายในช่วงนั้นอย่างเต็มที่และสว่างไสวที่สุด)” อันนูร 35

ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ได้กล่าวฮิกัมในวรรคแรกว่า

اَلْكَوْنُ كُلُّهُ ظُلْمَةٌ ، وَإِنَّمَا أَنَارَهُ ظُهُوْرُ الْحَقَّ فِيْهِ

“บรรดาสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหมด(โดยพิจารณาถึงแก่นแท้ของตัวมันเองนั้น) มืดมิด(คือมิได้มีด้วยตัวของมันเอง  ทว่าแท้จริงได้ทำให้เกิดรัศมี(ด้วยการสร้าง)มันขึ้นมาโดยการปรากฏการสรรสร้างของอัลเลาะฮ์ให้อยู่ในมัน”

หมายถึงบรรดาสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายที่ท่านสามารถเห็นมันด้วยตาและรับรู้ได้ด้วยสติปัญญานั้น  แท้จริงแล้วส่วนต่าง ๆ ของมันได้ประกอบติดขึ้นมาอย่างละเอียดอ่อนด้วยสื่อกลางของรัศมีภายในที่(ที่ส่องให้เห็นถึงการมีของอัลเลาะฮ์ได้)ประจุอยู่  ผู้ให้กำเนิดแหล่งที่มาของรัศมีนี้ก็คืออัลเลาะฮ์  ดังกล่าวนั้นก็เพราะว่าสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลายจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยตัวของมันเอง  แต่ทว่ามันจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการทำให้มีหรือการสร้างโดยอัลเลาะฮ์  แต่การมีของมันยังคงมีอยู่ต่อเนื่องด้วยการคงอยู่ของเดชานุภาพของอัลเลาะฮ์  และการยังคงมีอยู่ซึ่งเดชานุภาพแห่งอัลเลาะฮ์  ก็จะทำให้การมีสรรพสิ่งทั้งหลายยังคงมีขึ้นทุกวินาที

คำว่า “รัศมี”  ก็คือสิ่งที่ส่องดวงตาของเราให้ทราบถึงการมีของอัลเลาะฮ์ด้วยการพิจารณาบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทรงสร้างมัน  และยังเป็นรัศมีที่ส่องตาใจของเราให้ประจักษ์เห็นถึงการมีของอัลเลาะฮ์  ดังนั้นสรรพสิ่งทั้งหลายอัลเลาะฮ์ทรงสร้างรัศมีไว้เพื่อส่องดวงตา  ส่องสติปัญญา  และส่องตาใจให้เราได้ประจักษ์รู้และเห็นว่าพระองค์ทรงมีนั่นเอง  และรัศมีนี้จะส่องออกมานอกจากผู้ที่มีจิตใจอีหม่านอย่างแท้จริง

ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์กล่าวว่า

فَمَنْ رَأيَ الْكَوْنَ وَلَمْ يَشْهَدْهُ فَيْهِ ، أَوْ عِنْدَهُ ، أَوْ قَبْلَهُ ، أَوْ بَعْدَهُ ، فَقَدْ أَعْوَزَهُ وُجُوْدُ الْأَنْوَارِ ، وَحُجِبَتْ عَنْهُ شُمُوْسُ الْمَعَارِفِ بِسُحُبِ الأَثَارِ

“ดังนั้นผู้ใดเห็นสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย  โดยเขาไม่ประจักษ์เห็นพระองค์ (เป็นผู้สร้างเนรมิตขึ้นมา) ในมัน  หรือ(ไม่เห็นว่าพระองค์ทรงสร้าง)ขณะที่(ทำการใคร่ครวญพิเคราะห์มัน) หรือ(เขาไม่เห็นพระองค์เป็นผู้สรรสร้าง)ก่อน(ที่จะวิเคราะห์พิจารณา)มัน หรือ(เขาไม่เห็นว่าพระองค์เป็นผู้สร้าง)หลังจาก(ที่เขาได้พิจารณามัน)  แน่นอนเขาได้ขาดการมีบรรดารัศมี(แห่งพระผู้เป็นเจ้าที่จะทำให้เขารู้ประจักษ์เห็นอัลเลาะฮ์ด้วยหนทางใดหนทางหนึ่งที่กล่าวมา) และบรรดาคุณลักษณะแห่งการรู้จัก(ในอัลเลาะฮ์)ที่ประหนึ่งเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ ได้ปิดกั้นตัวเขาด้วยบรรดาร่องรอยแห่งหมู่เมฆ (ที่มาบดบัง)”

หมายถึง : ผู้ใดที่เห็นสรรพสิ่งในจักรวาลแล้วเขาไม่เห็นประจักษ์ด้วยตาใจว่ามีอัลเลาะฮ์ตะอาลาเป็นผู้ทรงสร้างในมัน , และเช่นเดียวกันเขาก็จะไม่เห็นประจักษ์ต่ออัลเลาะฮ์ในขณะที่เขากำลังพิจารณาใคร่ครวญบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายรอบ ๆ ตัวเขาด้วยการที่สรรพสิ่งเหล่านั้นทำให้เขากำลังรำลึกถึงอัลเลาะฮ์ในขณะที่เห็นและใคร่ครวญมัน , และเช่นเดียวกันเขาก็จะไม่เห็นประจักษ์เห็นพระองค์ก่อนที่จะใคร่ครวญถึงบรรดามัคโลคด้วยสื่อของเหตุผลทางสติปัญญาที่บ่งชี้ถึงการมีของอัลเลาะฮ์ตะอาลา  และเช่นเดียวกันเขาจะไม่ประจักษ์เห็นพระองค์เลยหลังจากที่ได้ผ่านพ้นช่วงการพิจารณาใคร่ครวญถึงมัคโลค  แน่นอนเขาจากย่อมเป็นผู้ที่อัลเลาะฮ์ทรงปฏิเสธรัศมีแห่งทางนำและเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่พระองค์ทรงตรัสว่า

وَمَن لَّمْ يَجْعَلِ اللَّهُ لَهُ نُوراً فَمَا لَهُ مِن نُّورٍ

“และผู้ใดซึ่งอัลเลาะฮ์ไม่ทรงบันดาลรัศมีไว้แก่เขา  เขาก็จะไม่มีรัศมีใด ๆ ทั้งสิ้น” อันนูร 40

ดังนั้นบุคคลที่อัลเลาะฮ์ทรงให้เขามีความสุขด้วยรัศมีแห่งการรู้จัก(มะรีฟะฮ์)ในพระองค์  แล้วพวกเขาก็ได้รับทางนำไปสู่พระองค์นั้นจึงมีอยู่ 3 กลุ่มเท่านั้น

กลุ่มที่หนึ่ง : คือกลุ่มที่สามารถรู้จักอัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ก่อนที่จะทำการใคร่ครวญต่อบรรดามัคโลคและรู้จักพระองค์ก่อนที่จะพิจารณาถึงหลักฐานต่าง ๆ ที่บ่งชี้ถึงการมีอัลเลาะฮ์ตะอาลา  พวกเขาเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องการอะไรมากไปกว่าเพียงแค่รู้จักกระจกเงาที่สะท้อนถึงตนเอง  กล่าวคือในขณะที่ทำการพิจารณาใคร่ครวญถึงตนเองนั้น  พวกเขาก็จะรู้จักถึงความเป็นทาสบ่าวที่ต่ำต้อย  พวกเขารู้ว่าการที่มีชีวิตอยู่  สามารถเคลื่อนไหวได้  และประกอบกิจการต่าง ๆ ได้นั้นก็ด้วยผู้อื่น(คือด้วยกับอัลเลาะฮ์ผู้ทรงทำให้เกิดขึ้น) และขณะที่พวกเขาทำการค้นคว้าวิเคราะห์ผู้ให้เป็นไปกับสิ่งดังกล่าวก็จะไม่จบผู้ใดนอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้นที่ประจักษ์(ด้วยตาใจ)อยู่ต่อหน้าพวกเขา  ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้ได้รับอิทธิพลจากคำตรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลาที่ว่า

وَفِي أَنفُسِكُمْ أَفَلَا تُبْصِرُونَ

“และในตัวของพวกเจ้านั้น  ไฉนเล่าพวกเจ้าจึงไม่พินิจพิจารณา?”  อัซซาริยาต 21

และพวกเขาดำเนินชีวิตอยู่พร้อมกับคำตรัสของพระองค์ที่ว่า

أَوَلَمْ يَكْفِ بِرَبِّكَ أَنَّهُ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ شَهِيدٌ

“ยังไม่เพียงพออีกหรือที่องค์อภิบาลของเจ้าทรงเป็นสักขีพยาน(ยืนยันต่อการมี)ทุก ๆ สิ่ง” ฟุศศิลัต 53

ดังนั้นกลุ่มนี้จึงไม่ต้องการการพิจารณาใคร่ครวญบรรดามัคโลคที่อยู่รอบ ๆ ตัวของพวกเขา  แต่ตัวของพวกเขาเองต่างหากคือกระจกเงาที่เป็นทางนำไปสู่อัลเลาะฮ์  จึงไม่สงสัยเลยว่าผู้ใดที่รู้จักตัวเองเขาย่อมรู้จักผู้อภิบาลของเขา

กลุ่มที่สอง : คือกลุ่มที่การได้รับทางนำอยู่บนการพิจารณาใคร่ครวญในสารทิศด้านต่าง ๆ แห่งจักรวาลนี้  พวกเขาก็จะได้รับทางนำด้วยบรรดารัศมีที่เจริดจรัสและซ่อนเร้นอยู่ภายในให้ไปสู่ผู้ให้กำเนิดรัศมี  นั่นก็คืออัลเลาะฮ์ตะอาลา  ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ประจักษ์ถึงผู้สร้างท่ามกลางสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย  และพวกเขาเหล่านี้ก็คือผู้ที่อัลเลาะฮ์ทรงยืนยันไว้ว่า

سَنُرِيهِمْ آيَاتِنَا فِي الْآفَاقِ وَفِي أَنفُسِهِمْ حَتَّى يَتَبَيَّنَ لَهُمْ أَنَّهُ الْحَقُّ

“ต่อไปเราจะทำให้พวกเขาได้มองเห็นสัญลักษ์ต่าง ๆ ของเราซึ่งมีอยู่ในด้านต่าง ๆ (ของจักรวาลนี้) และในตัวของพวกเขาเองจนกระทั่งได้ประจักษ์แจ่มชัดแก่พวกเขาว่าที่จริงแล้ว  พระองค์คือสัจธรรม (ที่พิสูจน์ได้ในทุกสภาวะ)” ฟุศศิลัต 53

และพวกเขาก็ได้รับอิทธิพลมาจากคำตรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลาที่ว่า

قُلْ سِيرُوا فِي الْأَرْضِ فَانظُرُوا كَيْفَ بَدَأَ الْخَلْقَ ثُمَّ اللَّهُ يُنشِئُ النَّشْأَةَ الْآخِرَةَ

“จงประกาศเถิด  พวกท่านจงจาริกไปในแผ่นดินเถิด  แล้วจงพิจารณาว่า  พระองค์ทรงบังเกิดสรรพสิ่งทั้งหลายอย่างไร?  หลังจากนั้นอัลเลาะฮ์ทรงบังเกิด (สรรพสิ่งนั้น ๆ อีก)  เป็นครั้งสุดท้าย (ภายหลังสิ่งนั้นได้ผ่านความตายและเน่าเปื่อยมาแล้ว)” อัลอังกะบูต 20

ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ใคร่ครวญถึงสรรพสิ่งทั้งหลาย  พวกเขาก็จะรำลึกถึงผู้สร้างเสมอ

กลุ่มที่สาม : พวกเขาจะเห็นบรรดามัคโลคที่หลากหลาย  เห็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์  เห็นบันดาหลักฐานที่ชี้ถึงการมีพระองค์  และบ่งชี้ถึงความเอกกะในการมีพระองค์  แต่พวกเขามิได้ประจักษ์เห็นพระองค์แบบโดยตรงในทันทีทันใด  ทว่าต้องทำการวิเคราะห์พิจารณาถึงบรรดาสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่หลากหลาย  สติปัญญาจึงต้องหวนกลับไปวิเคราะห์ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง  และประจักษ์ว่าสรรพทั้งหลายเหล่านั้นมีระบบระเบียบและเป้าหมาย  สุดท้ายพวกเขาก็บรรลุไปยังสิ่งที่สติปัญญาให้การยอมรับว่า  บรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทั้งหมด  เป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นมาใหม่ด้วยหลักฐานยืนยันที่ว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ  และทุกสิ่งที่บังเกิดขึ้นใหม่นั้นจำเป็นต้องมีผู้สร้าง  และผู้สร้างนี้ก็คืออัลเลาะฮ์ตะอาลานั่นเอง

ความแตกต่างระหว่างผู้ศรัทธากลุ่มที่สามกับกลุ่มที่สองนั้น  คือกลุ่มที่สามไม่มีความสามารถที่จะประจักษ์เห็นอัลเลาะฮ์ท่ามกลางบรรดามัคโลคได้นอกจากต้องนึกคิดบรรดาหลักฐานข้อบ่งชี้หรือกฏเกณฑ์เชิงวิชาการและทำการใคร่ครวญโดยใช้ระยะเวลา  แล้วพวกเขาก็บรรลุถึงข้อเท็จจริงของอีหม่าน  ซึ่งพวกเขาก็เหมือนกับผู้ที่ไม่สามารถเดินได้นอจากต้องค้ำด้วยไม้เท้า  สำหรับกลุ่มที่สองนั้นพวกเขาเกือบจะไม่ต้องพิจารณาสิ่งใดที่อัลเลาะฮ์ทรงสรรสร้างเลยก็รำลึกถึงผู้สร้างแล้ว  เชื่อศรัทธาในการมีอยู่ของพระองค์และมีความมั่นใจถึงความยิ่งใหญ่โดยมิต้องอาศัยการนึกเหตุผลทางสติปัญญาหรือกฏเกณฑ์เชิงวิชาการเพื่อนำผลลัพธ์ออกมา  ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นประหนึ่งผู้ที่ไม่ต้องการไม้เท้ามาค้ำจุนด้วยหลักทางสติปัญญาอันนี้

ฉะนั้นบุคคลประเภทที่สองจะมีความสุขด้วยเอกภาพของการประจักษ์เห็น  وَحْدَةُ الشُّهُوْدِ  (วะห์ดะตุชชุฮูด – หมายถึงเมื่อเขาได้เห็นมัคโลคก็จะประจักษ์เห็นทันทีว่าอัลเลาะฮ์องค์เดียวคือผู้สร้าง) เนื่องจากเขาจะไม่ได้เห็นทุกสิ่งในโลกดุนยานอกจากมันจะเป็นกระจกใสบริสุทธิ์ที่มาสะท้อนให้เห็นบรรดาคุณลักษณะของผู้ที่สร้าง (เช่นคุณลักษณะความเดชานุภาพ , คุณลักษณะความยิ่งใหญ่ , คุณลักษณะความวิจิต , คุณลักษณะความปรีชาญาณ , เป็นต้น) โดยมิต้องอาศัยบรรดาหลักฐานทางสติปัญญาและผลลัพธ์ที่ได้มาเลย

ทั้งที่ระดับของกลุ่มที่สองนี้มีความสูงส่งและสมบูรณ์ยิ่งกว่า  แต่ทว่ากลุ่มที่สามนี้เป็นกลุ่มของบรรดาผู้ศรัทธาส่วนมากในปัจจุบันเฉกเช่นพวกเราทั้งหลายนี่แหละ  ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ปลอดภัยและถูกตอบรับแล้ว  เนื่องจากการยึดเหตุผลทางปัญญาและหลักฐานต่าง ๆ ในการยืนยันว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีนั้น  แม้ว่าเขาจะเสมือนกับคนพิการหรืออ่อนแอที่ต้องอาศัยไม้เท้าคอยช่วยเหลือค้ำจุนก็ตาม  แต่มันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์และนำไปถึงจุดมุ่งหมายได้ในที่สุด  ทว่าเขาก็จะต้องแสวงหาปัจจัยอื่นอีกเพื่อนำมาสร้างความแน่นแฟ้นในอีหม่านและเปลี่ยนความมั่นใจในเชิงวิชาการและการใช้เหตุผลไปสู่การประจักษ์เห็น(โดยมิต้องอาศัยเหตุผลทางปัญญา)โดยจะขึ้นไปอยู่ในระดับของ  وَحْدَةُ الشُّهُوْدِ  (วะห์ดะตุชชุฮูด) แล้วเขาก็จะประจักษ์เห็นด้วยตาใจโดยมิได้อาศัยเหตุผลทางปัญญาเลย  และการไปสู่ระดับดังกล่าวนั้นก็ต้องด้วยการซิกรุลลอฮ์ให้มาก ๆ และพยายามผูกเกี่ยวเนี๊ยะมัตต่าง ๆ ที่ได้รับไว้กับอัลเลาะฮ์ผู้ทรงประทานเนี๊ยะอฺมัตอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว  ท่านก็โปรดรู้ไว้ว่า  กลุ่มแรกนั้นจะอยู่ในระดับอีหม่านที่สูงสุดเนื่องจากเขาได้ขึ้นไปอยู่ระดับการประจักษ์เห็นอัลเลาะฮ์ก่อนที่จะพิจารณาถึงบรรดามัคโลค  ส่วนกลุ่มที่สองนั้นเขาจะประจักษ์เห็นอัลเลาะฮ์ขณะที่เห็นบรรดามัคโลคและใคร่ครวญเกี่ยวกับมัน  และสำหรับกลุ่มที่สามนั้นพวกเขาจะยังไม่ประจักษ์เห็นผู้สร้างจนกว่าทำการพิจารณาใคร่ครวญด้วยหลักฐานและเหตุผลต่าง ๆ ทางสติปัญญา  จนกระทั่งได้ผลลัพธ์ออกมาว่าอัลเลาะฮ์คือผู้ทรงสรรสร้างจักรวาลทั้งหลาย  ดังนั้นท่านจงเป็นจากกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดจากทั้งสามกลุ่มนี้เถิด  และอย่าลืมฟันฟ่าให้ถึงระดับอีหม่านที่สูงสุดดังที่ได้กล่าวอธิบายมาแล้ว

แต่ท่านจงอย่าเป็นกลุ่มที่สี่  ซึ่งเขาจะไม่ประจักษ์เห็นในอัลเลาะฮ์  ตาใจของเขาจะไม่เห็นพระองค์  ไม่ว่าก่อนจะพิจารณาใคร่ครวญบรรดามัคโลค  หรือขณะกำลังพิจารณา  หรือหลังจากพิจารณามันแล้วก็ตาม  ด้วยเหตุเช่นนี้แหละเขาย่อมอยู่ในบุคคลที่อัลเลาะฮ์ทรงตรัสไว้ว่า

وَمَن لَّمْ يَجْعَلِ اللَّهُ لَهُ نُوراً فَمَا لَهُ مِن نُّورٍ

“และผู้ใดซึ่งอัลเลาะฮ์ไม่ทรงบันดาลรัศมีไว้แก่เขา  เขาก็จะไม่มีรัศมีใด ๆ ทั้งสิ้น” อันนูร 40

บทสรุปทั้งหมดเป้าหมายของท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์จากฮิกัมอันวิจิตนี้ก็คือ  ปรารถนาอย่าทำให้บรรดามัคโลคทั้งหลายเป็นพันธนาการที่มาหักห้ามตัวท่านจากการประจักษ์เห็นอัลเลาะฮ์  แต่ท่านจงทำให้สรรพสิ่งทั้งหลายเป็นกระจกสะท้อนถึงผู้ทรงสร้างนั่นเอง 

وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 02, 2008, 10:56 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธ.ค. 02, 2008, 10:57 PM »
0
 salam

ตรงใหนไม่เข้าใจโปรดถามครับ  loveit:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธ.ค. 03, 2008, 01:55 PM »
0
อัสลามุอะไลกุ้ม...

อีหม่านระดับที่ 3 นั้น...เป็นหลักอะกีดะฮ์หรือหลักเตาฮีดเกี่ยวอัลลอฮ์...แสดงปราชญ์ผู้ทรงความรู้เขา...จะถึงในระดับที่ 3 โดยไม่ใช่ระดับหนึ่งในช่วงท้ายชีวิตของพวกเขา...ดังนั้นการเสริมสร้างอีหม่านทั้งชีวิต...อย่างน้อยช่วงวาระสุดท้ายก็ขอให้เราอยู่ในอีหม่านระดับที่สาม...อามีนยาร็อบบัลอาละมีน

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธ.ค. 05, 2008, 05:01 PM »
0
กลุ่มที่สาม : พวกเขาจะเห็นบรรดามัคโลคที่หลากหลาย  เห็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์  เห็นบันดาหลักฐานที่ชี้ถึงการมีพระองค์  และบ่งชี้ถึงความเอกกะในการมีพระองค์  แต่พวกเขามิได้ประจักษ์เห็นพระองค์แบบโดยตรงในทันทีทันใด  ทว่าต้องทำการวิเคราะห์พิจารณาถึงบรรดาสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่หลากหลาย  สติปัญญาจึงต้องหวนกลับไปวิเคราะห์ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง  และประจักษ์ว่าสรรพทั้งหลายเหล่านั้นมีระบบระเบียบและเป้าหมาย  สุดท้ายพวกเขาก็บรรลุไปยังสิ่งที่สติปัญญาให้การยอมรับว่า  บรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทั้งหมด  เป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นมาใหม่ด้วยหลักฐานยืนยันที่ว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ  และทุกสิ่งที่บังเกิดขึ้นใหม่นั้นจำเป็นต้องมีผู้สร้าง  และผู้สร้างนี้ก็คืออัลเลาะฮ์ตะอาลานั่นเอง

ความแตกต่างระหว่างผู้ศรัทธากลุ่มที่สามกับกลุ่มที่สองนั้น  คือกลุ่มที่สามไม่มีความสามารถที่จะประจักษ์เห็นอัลเลาะฮ์ท่ามกลางบรรดามัคโลคได้นอกจากต้องนึกคิดบรรดาหลักฐานข้อบ่งชี้หรือกฏเกณฑ์เชิงวิชาการและทำการใคร่ครวญโดยใช้ระยะเวลา  แล้วพวกเขาก็บรรลุถึงข้อเท็จจริงของอีหม่าน  ซึ่งพวกเขาก็เหมือนกับผู้ที่ไม่สามารถเดินได้นอจากต้องค้ำด้วยไม้เท้า  สำหรับกลุ่มที่สองนั้นพวกเขาเกือบจะไม่ต้องพิจารณาสิ่งใดที่อัลเลาะฮ์ทรงสรรสร้างเลยก็รำลึกถึงผู้สร้างแล้ว  เชื่อศรัทธาในการมีอยู่ของพระองค์และมีความมั่นใจถึงความยิ่งใหญ่โดยมิต้องอาศัยการนึกเหตุผลทางสติปัญญาหรือกฏเกณฑ์เชิงวิชาการเพื่อนำผลลัพธ์ออกมา  ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นประหนึ่งผู้ที่ไม่ต้องการไม้เท้ามาค้ำจุนด้วยหลักทางสติปัญญาอันนี้


อีหม่านในระดับที่ 3 นั้น  ปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ต่างได้ครอบครอง  การเสริมสร้างอีหม่านมาทั้งชีวิตนั้น  ได้สุกงอมถึงขั้นระดับที่ 3 ในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขา  ดังนั้นในช่วงบั้นปลายชีวิตของนักปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ยิ่งในช่วงป่วยใกล้เสียชีวิตนั้น  ความสุกงอมของอีหม่านระดับที่ 3 ทำให้พวกเขาไม่สนใจอีหม่านรูปแบบระดับที่ 1 ที่ต้องใช้รูปแบบวิชากะลามโดยใช้เหตุผลและหลักฐานมายืนยันในการอีหม่านในเรื่องการมีอัลเลาะฮ์  เพราะในช่วงป่วยใกล้ตายนั้นอีหม่านในการเพ่งจิตจดจ่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาไม่เคยห่างหาย  สติปัญญาไม่มีเวลาจะมาคิดหาเหตุผลหรือหลักฐานแบบอีหม่านระดับที่ 1 เพราะมันไม่มีประโยชน์ในช่วงบั้นปลายที่อีหม่านได้สุกงอมถึงระดับขึ้น 3 แล้ว  บรรดาการคิดหากเหตุผลและหลักฐานต่าง ๆ มาเพื่อยืนยันถึงการมีอัลเลาะฮ์ตะอาลาที่ผ่าน ๆ มามันไร้ค่าเสียแล้ว  เพราะเป้าหมายที่ทรงคุณค่าอันแท้จริงคืออีหม่านระดับที่ 3 อันสุกงอมและทำให้จิตใจสงบมั่นในช่วงใกล้ตาย  ที่ผ่านมาฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากช่วยวาระสุดท้ายนี้  จิตใจของฉันขออยู่กับพระองค์  ขอหวนรำลึกแต่พระองค์  ทุกสิ่งทุกอย่างมอบหมาย(ตัฟวีฎ)ไปยังพระองค์เท่านั้น

ดังนั้นในช่วงท้ายชีวิตท่านอิมามอัรรอซีย์  ได้กล่าว(ถ้าท่านได้กล่าวเช่นนั้นจริง ๆ)  ว่า

نهاية إقدام العقول عقال

وأكثر سعى الناس للعالمين ضلال

وأرواحنا في وجضة

وغاية دنيانا أروى ووبال

ولم نستفد من بحثنا طول عمرنا

سوى أن جمعا قيل وقالوا

"สิ้นสุดของการย่างเข้าไปของบรรดาสติปัญญานั้นมีเชือกผูก(สิ้นสุดทางไป)

ความพยายามส่วนมากของมนุษย์ให้กับในโลกนี้นั้นเป็นการความลุ่มหลง

และบรรดาจิตวิญญาณของเราอยู่ในความรุ่มร้อน

จุดจบโลกดุนยาของเรามีทั้งความวิบัติและเลวร้าย

และเรามิได้รับประโยชน์จากการวิเคราะห์ของเราทั้งชีวิต

นอกจากเพียงเราได้รวบรวม สิ่งที่ถูกกล่าวมาและสิ่งที่พวกเขาได้กล่าวไว้"

นั่นเพระว่าท่านอยู่ในอีหม่านระดับที่ 3 แต่มิใช่ปฏิเสธรูปแบบของอีหม่านระดับแรกครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 05, 2008, 05:12 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธ.ค. 05, 2008, 05:10 PM »
0
 salam

ดังนั้นเมื่อเราอยู่ในแค่อีหม่านระดับที่ 1  เราก็อย่าไปอ้างว่าตนเองว่ามีอีหม่านสูงส่งระดับที่ 3 ทั้งที่ตนเองอีหม่านยังถึงขั้น  พอได้เรียนเตาฮีดที่บอกว่าแบบสะลัฟ  แล้วคิดว่าตนเองนี่อีหม่านเหมือนสะลัฟทั้งที่ระดับไม่ยังถึงขั้น  ก็ไม่ควรอ้างตนเองตราบใดที่ยังรู้ถึงหลักตะเซาวุฟหรือหลักเอี๊ยะห์ซานเพื่อเชื่อมโยงระหว่างหลักอะกีดะฮ์ที่อยู่ในสติปัญญาให้เข้าไปอยู่ในหลักเอี๊ยะห์ซานที่อยู่ในจิตใจ

ดังนั้นเรามีสิทธิ์ที่จะก้าวขึ้นไปถึงอีหม่านระดับที่ 2 และที่ 3 หากเราเอาจริงเอาจังอย่างแท้จริงครับ  แต่ที่สำคัญอีหม่านระดับแรกยึดกันให้มั่นคงกันก่อนครับ  ซึ่งก็ถือว่าผ่านแล้ว
   
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ มัยซูน

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 280
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธ.ค. 05, 2008, 05:40 PM »
0
อ่านแล้วงงค่ะ เพราะว่า บทความที่เขียนวันที่ 16 พย.51 อ่านแล้ว Zeezah เข้าใจว่า ระดับที่ 1 ดีเลิศ ระดับที่ 2 รองลงมา และระดับที่ 3 ดีน้อยที่สุดซึ่ง ก็คือพวกเราและคนส่วนมาก แต่พอมาอ่านตอนหลังๆ กลับกลายเป็น ว่า ระดับที่ 3 ดีที่สุด คือกลับกันน่ะค่ะ หรือว่า Zeezah มึนเอง ?????


ใช้สองมือหนึ่งหัวใจบอกเล่ากับพระองค์ก้มหน้าลง..แล้วขอความเมตตา

ออฟไลน์ ad-dalawy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 193
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธ.ค. 05, 2008, 06:30 PM »
0
อ่านแล้วงงค่ะ เพราะว่า บทความที่เขียนวันที่ 16 พย.51 อ่านแล้ว Zeezah เข้าใจว่า ระดับที่ 1 ดีเลิศ ระดับที่ 2 รองลงมา และระดับที่ 3 ดีน้อยที่สุดซึ่ง ก็คือพวกเราและคนส่วนมาก แต่พอมาอ่านตอนหลังๆ กลับกลายเป็น ว่า ระดับที่ 3 ดีที่สุด คือกลับกันน่ะค่ะ หรือว่า Zeezah มึนเอง ?????

จริงๆ แล้วอีหม่านระดับที่หนึ่ง  คืออีหม่านระดับต้น  ส่วนอีหม่านระดับที่สองก็จะสูงขึ้น  และอีหม่านระดับสามคือจะสูงขึ้นไปอีก  ผมคิดว่าการบอกว่าระดับอีหม่านที่หนึ่งนั้นก็เพื่อชี้ให้เห็นว่าคนเราเมื่อมีอีหม่านก็จะก้าวเข้ามาอยู่ในระดับต้นก่อนนั่นคือระดับที่หนึ่ง.....

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธ.ค. 06, 2008, 02:03 PM »
0
อ้างถึง
กลุ่มที่หนึ่ง : คือกลุ่มที่สามารถรู้จักอัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ก่อนที่จะทำการใคร่ครวญต่อบรรดามัคโลคและรู้จักพระองค์ก่อนที่จะพิจารณาถึงหลักฐานต่าง ๆ ที่บ่งชี้ถึงการมีอัลเลาะฮ์ตะอาลา  พวกเขาเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องการอะไรมากไปกว่าเพียงแค่รู้จักกระจกเงาที่สะท้อนถึงตนเอง  กล่าวคือในขณะที่ทำการพิจารณาใคร่ครวญถึงตนเองนั้น  พวกเขาก็จะรู้จักถึงความเป็นทาสบ่าวที่ต่ำต้อย  พวกเขารู้ว่าการที่มีชีวิตอยู่  สามารถเคลื่อนไหวได้  และประกอบกิจการต่าง ๆ ได้นั้นก็ด้วยผู้อื่น(คือด้วยกับอัลเลาะฮ์ผู้ทรงทำให้เกิดขึ้น) และขณะที่พวกเขาทำการค้นคว้าวิเคราะห์ผู้ให้เป็นไปกับสิ่งดังกล่าวก็จะไม่จบผู้ใดนอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้นที่ประจักษ์(ด้วยตาใจ)อยู่ต่อหน้าพวกเขา

อย่างเช่น...

หากบังเอิญเราได้เจอกับเสือตัวหนึ่งที่ดุร้าย  เราจะมีความรู้สึกอย่างไร?  กลัว  หวาดหวั่น  ตัวสั่น  หมดเรี่ยวหมดแรง หรือจะวิ่งหนี? 
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมาโดยอัติโนมัติ หรือเกิดขึ้น  ภายหลังจากที่เราได้คิดตรึกตรองและพิจารณาใคร่ครวญในตัวเสือกระนั้นหรือ?สำหรับบุคคลที่รู้จักเสือ ย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน



เปรียบเทียบแบบนี้ได้ป่าวค่ะ loveit:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 06, 2008, 03:35 PM โดย zaifuddeen »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธ.ค. 06, 2008, 07:59 PM »
0
อย่างเช่น...

หากบังเอิญเราได้เจอกับเสือตัวหนึ่งที่ดุร้าย  เราจะมีความรู้สึกอย่างไร?  กลัว  หวาดหวั่น  ตัวสั่น  หมดเรี่ยวหมดแรง หรือจะวิ่งหนี? 
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมาโดยอัติโนมัติ หรือเกิดขึ้น  ภายหลังจากที่เราได้คิดตรึกตรองและพิจารณาใคร่ครวญในตัวเสือกระนั้นหรือ?สำหรับบุคคลที่รู้จักเสือ ย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน



เปรียบเทียบแบบนี้ได้ป่าวค่ะ loveit:

เปรียบเทียบได้ครับ  mycool: คือเข้าไปในป่าโดยรู้ว่ามีเสือจึงมีความกลัวและระวังเสืออยู่แล้ว  พอเห็นเสือแล้วก็รู้เลยโดยไม่ต้องใคร่ครวญอะไรอีกแล้ว  เช่นเดียวกัน  หากเราอยู่ในโลกแห่งนี้เราก็มีจิตใจที่จดจ่อกับอัลเลาะฮ์อยู่แล้ว  พอได้เห็นสรรพสิ่งต่างๆ ก็จะเพิ่มพูนอีหม่านในรำลึกถึงพระองค์เพิ่มยิ่งขึ้น ๆ ไป  อีหม่านก็เพิ่ม ๆ ยิ่งขึ้นไป นี่คืออีหม่านระดับสาม ซึ่งสูงสุด

หากเข้าไปในป่าโดยไม่คิดว่ามีเสือ  แต่เผอิญไปพบเข้าก็รู้เลยว่าเป็นเสือ  ก็ประหนึ่ง การเห็นมัคโลคทั้งหลายพร้อมกันนั้นเราก็จะรำลึกถึงท่านอัลเลาะฮ์ว่าพระองค์คือผู้สร้าง  นี่คืออีหม่านระดับสองรองลงมา

หากเราเข้าไปในป่าโดยไม่คิดว่ามีเสือ  พอเสือปรากฏว่า  เราก็คิดพิจารณาอยู่ว่ามันคือเสือจริงหรือเปล่าหรือเป็นสิงห์โตกันแน่หรือเป็นแมวตัวใหญ่  คิดสักพักรู้ว่ามันคือเสือ  ก็ประหนึ่งเราเห็นมัคโลคทั้งหลาย  แล้วใคร่ครวญว่ามันน่าทึ่ง  และสิ่งที่น่าทึ่งนี้คนธรรมดาสร้างขึ้นมาไม่ได้แน่  แต่ผู้ที่สร้างต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่โดยแท้  และจะเป็นผู้อื่นไม่ได้นอกจากอัลเลาะฮ์ตะอาลา นี่คืออีหม่านระดับหนึ่งหรือระดับต้น ๆ  ก็ถือว่าอัลฮัมดุลิลาฮ์แล้ว
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ มุคลิศ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 159
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธ.ค. 06, 2008, 09:04 PM »
0
และการไปสู่ระดับดังกล่าวนั้นก็ต้องด้วยการซิกรุลลอฮ์ให้มาก ๆ และพยายามผูกเกี่ยวเนี๊ยะมัตต่าง ๆ ที่ได้รับไว้กับอัลเลาะฮ์ผู้ทรงประทานเนี๊ยะอฺมัตอย่างสม่ำเสมอ

หัวใจเต้นเพราะมีเลือดสูบฉีด  แต่ความจริงมันได้น้อมรับยอมจำนนทำตามหน้าที่ที่อัลเลาะฮ์ทรงมอบให้แก่มันต่างหาก  ดังนั้นเมื่อหัวใจมีการนึกอัลลอฮ์เสมอๆ หัวใจก็เริ่มมีชีวิตชีวา  เพราะหัวใจถูกสร้างมาเพื่อรำลึกถึงอัลลอฮฺแต่พวกเราทำลืม  ดังนั้นเมื่อหัวใจรำลึกถึงอัลลอฮ์สม่ำเสมอไม่ว่าด้วยสื่อใดก็ตาม  อีหม่านก็จะเพิ่มพูน  อีหม่านก็จะอยู่ในระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

الَّذِينَ آمَنُواْ وَتَطْمَئِنُّ قُلُوبُهُم بِذِكْرِ اللّهِ أَلاَ بِذِكْرِ اللّهِ تَطْمَئِنُّ الْقُلُوبُ

“บรรดาผู้ซึ่งมีความศรัทธา และหัวใจของพวกเขาสงบมั่นด้วยการรำลึกถึงอัลเลาะฮ์ พึงสังวร! ด้วยการรำลึกถึงอัลเลาะฮ์นั้น บรรดาหัวใจจะสงบสุข”

ดังนั้น หัวใจที่มีความสงบมั่น ย่อมสนองรับการเพิ่มพูนอีหม่าน พระองค์ทรงตรัสความว่า

هُوَ الَّذِي أَنزَلَ السَّكِينَةَ فِي قُلُوبِ الْمُؤْمِنِينَ لِيَزْدَادُوا إِيمَاناً مَّعَ إِيمَانِهِمْ

“พระองค์ทรงประทานความสงบมั่นในบรรดาหัวใจของผู้มีศรัทธา เพื่อพวกเขาจะได้เพิ่มพูนศรัทธา พร้อมกับศรัทธาของพวกเขา(ที่มีอยู่แล้ว)”

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=1640.msg12670;topicseen#msg12670

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ธ.ค. 07, 2008, 10:06 AM »
0
อ้างถึง
ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์กล่าวว่า

فَمَنْ رَأيَ الْكَوْنَ وَلَمْ يَشْهَدْهُ فَيْهِ ، أَوْ عِنْدَهُ ، أَوْ قَبْلَهُ ، أَوْ بَعْدَهُ ، فَقَدْ أَعْوَزَهُ وُجُوْدُ الْأَنْوَارِ ، وَحُجِبَتْ عَنْهُ شُمُوْسُ الْمَعَارِفِ بِسُحُبِ الأَثَارِ

“ดังนั้นผู้ใดเห็นสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย  โดยเขาไม่ประจักษ์เห็นพระองค์ (เป็นผู้สร้างเนรมิตขึ้นมา) ในมัน  หรือ(ไม่เห็นว่าพระองค์ทรงสร้าง)ขณะที่(ทำการใคร่ครวญพิเคราะห์มัน) หรือ(เขาไม่เห็นพระองค์เป็นผู้สรรสร้าง)ก่อน(ที่จะวิเคราะห์พิจารณา)มัน หรือ(เขาไม่เห็นว่าพระองค์เป็นผู้สร้าง)หลังจาก(ที่เขาได้พิจารณามัน)  แน่นอนเขาได้ขาดการมีบรรดารัศมี(แห่งพระผู้เป็นเจ้าที่จะทำให้เขารู้ประจักษ์เห็นอัลเลาะฮ์ด้วยหนทางใดหนทางหนึ่งที่กล่าวมา) และบรรดาคุณลักษณะแห่งการรู้จัก(ในอัลเลาะฮ์)ที่ประหนึ่งเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ ได้ปิดกั้นตัวเขาด้วยบรรดาร่องรอยแห่งหมู่เมฆ (ที่มาบดบัง)”

หมายถึง : ผู้ใดที่เห็นสรรพสิ่งในจักรวาลแล้วเขาไม่เห็นประจักษ์ด้วยตาใจว่ามีอัลเลาะฮ์ตะอาลาเป็นผู้ทรงสร้างในมัน , และเช่นเดียวกันเขาก็จะไม่เห็นประจักษ์ต่ออัลเลาะฮ์ในขณะที่เขากำลังพิจารณาใคร่ครวญบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายรอบ ๆ ตัวเขาด้วยการที่สรรพสิ่งเหล่านั้นทำให้เขากำลังรำลึกถึงอัลเลาะฮ์ในขณะที่เห็นและใคร่ครวญมัน , และเช่นเดียวกันเขาก็จะไม่เห็นประจักษ์เห็นพระองค์ก่อนที่จะใคร่ครวญถึงบรรดามัคโลคด้วยสื่อของเหตุผลทางสติปัญญาที่บ่งชี้ถึงการมีของอัลเลาะฮ์ตะอาลา  และเช่นเดียวกันเขาจะไม่ประจักษ์เห็นพระองค์เลยหลังจากที่ได้ผ่านพ้นช่วงการพิจารณาใคร่ครวญถึงมัคโลค

ดังเช่น...

หากบังเอิญได้มองดูผู้หญิงที่สวย ใจเขาจะหวนนึกถึงอัลลอฮฺในทันที  เขาจะรีบสรรเสริญอัลลอฮฺ บนความปรีชาญาณ และความสามารถของพระองค์  ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งที่มีความสง่าและสวยงาม  เขามีความรู้สึกต่ำต้อยและอ่อนแอ ในฐานะทาสที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยอัลลอฮฺ  เขามีความเกรงกลัว หวาดหวั่น  ต่อขุมนรกของพระองค์  อารมณ์และความรู้สึกทั้งหมดขึ้นอยู่กับอัลลอฺเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  ดังนั้น  ผู้หญิงที่เขามองเมื่อครู่นี้  จึงไม่อาจรังควานในจิตใจของเขาได้ เพราะเหตุว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย(อยู่นอกสายตา hehe)

ท่านซัยดินา อาลี  ในขณะที่ท่านอยู่คนเดียวในมัสยิด  ท่านเคยกระซิบบอกกับจิตใจ ว่า "โอ้โลกดุนยา  หากเจ้าต้องการหลอกลวง  อย่าหลอกเราเลย ไปหลอกลวงคนอื่นเถิด"

ใช้ได้นะคะบัง loveit:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 07, 2008, 10:21 AM โดย zaifuddeen »

ออฟไลน์ มุคลิศ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 159
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ธ.ค. 09, 2008, 05:57 PM »
0
ดังเช่น...

หากบังเอิญได้มองดูผู้หญิงที่สวย ใจเขาจะหวนนึกถึงอัลลอฮฺในทันที  เขาจะรีบสรรเสริญอัลลอฮฺ บนความปรีชาญาณ และความสามารถของพระองค์  ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งที่มีความสง่าและสวยงาม 

ขอออกความเห็นส่วนที่บอกว่า "บังเอิญได้มองดูผู้หญิงสวย"  ไปเป็น  "บังเอิญเห็นผู้หญิงที่สวย" ดีกว่าหรือครับ  แต่ถ้าสามีมองภรรยาแล้วคิดอย่างเช่นที่กล่าวหาก็ไม่เป็นไร ;D  แต่ผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่เป็นสามีนั้นที่ดีแล้วเวลาเห็น  ก็ให้นึกถึงอัลเลาะฮ์ทันทีว่า พระองค์ทรงห้ามให้มองดีกว่าไปคิดว่าพระองค์ทรงสร้างมัคโลคที่งดงามเหลือเกิน  และให้นึกว่าความสวยงามนี้ต่อไปอัลเลาะฮ์ก็ให้เหี่ยวเฉากลายเป็นดินเหมือนเดิมดังที่เคยถูกสร้างมาจากดิน  ซึ่งมันจะสะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์นั้นช่างต่ำต้อยที่ไม่นานอัลเลาะฮ์ก็ทรงทำให้ต้องร่วงโรยและต้องตายถูกฝั่งกลายเป็นดินต่อไปภาคหน้า  แถมการคิดแบบดังกล่าวยังเพิ่มพูนอีหม่านให้แก่เราด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 09, 2008, 06:02 PM โดย มุคลิศ »

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ระดับอีหม่านของหัวใจ (ฮิกัมที่14)
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ม.ค. 29, 2010, 10:48 PM »
0

 salam

ญะซากัลลอฮุคอยรอนผู้นำเสนอทุกๆท่านค่ะ

ฮิกัมอ่านแล้วจิตใจสงบได้อย่างดีเลยค่ะ  loveit:

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged