เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
ชัยค์มุฮัมมัดบินอับดุลวะฮาบเป็นนักปฏิรูปไม่ใช่เป็นนะบี
al-azhary:
ท่านชัยค์ หะซัน บิน ฟัรหาน อัลมาลิกีย์ กล่าวว่า
ชัยค์มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) เป็นบุคคลหนึ่งที่มีความโด่งดังเหมือนกับคนอื่น ๆ ย่อมมีผู้คนให้การตำหนิอย่างเลยเถิดและให้การสรรเสริญยกย่องอยากเลยเถิดเช่นกัน เรามีความพยายามแสวงหาความเป็นกลางสำหรับผู้ที่มีใจเป็นธรรม เพื่อให้ทราบถึงสิทธิแห่งคุณงามความดีและทราบถึงความพลาดพลั้งและอ่อนแอ เราจะน้อมรับถึงสัจจะธรรมสำหรับผู้ที่มีสัจจะธรรม เราจะไม่ประนีประนอมในการตอบโต้สิ่งอธรรม ดังนั้น เราจึงหวังการตอบแทนและผลบุญในสองสภาพการณ์นี้ และหวังความปลอดภัยจากบาปและการลงโทษ คือ ดังกล่าวนั้น ก็ด้วยการชี้แจงให้บรรดาผู้คนได้ทราบถึงข้อผิดพลาดต่าง ๆ ด้วยการมีหลักฐานมายืนยัน จนกระทั้งเขาไม่นิยมและถูกชักจูงให้อยู่เบื้องหลังบรรดาบุคคลที่เลยเถิด มีความอคติมากกว่าสิ่งที่พวกเขาได้กระทำดี ไม่ว่าความผิดพลาดในเรื่องของหลักการศรัทธาหรือด้านนิติศาสตร์อิสลาม พร้อมทั้งต้องยอมรับว่า ความผิดพลาดทางด้านการศรัทธานั้น ย่อมมีผลอันเลวร้ายต่อบรรดาบุคคลที่มีความเลยเถิด ซึ่งพวกเขามีมากกว่าบรรดาบุคคลที่เป็นกลาง
ดังนั้น บรรดาบุคคลที่เลยเถิดนั้น คือจุดมุ่งหมายที่เราจะทำการปรับวิเคราะห์แบบสรุป ๆ ซึ่งพวกเขาเกินเลยในเรื่องการตักลีด อีกทั้งยังห้ามแก้ไขหลักการของท่านชัยค์มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ พวกเขาจะประกาศสงครามกับทุก ๆ บุคคลที่ทำการอ่านข้อมูลอื่นที่ทำให้มีการยอมรับเพียงแค่บางส่วนในสิ่งที่เขาได้เขียนและยอมรับ พวกเลยเถิดได้แบ่งแยกศาสนาออกเป็น 10 ส่วน และ 4 ส่วน ซึ่งบางครั้งพวกเขาเสียเวลาไปกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้เรื่องข้อปลีกย่อยกลับกลายเป็นเรื่องอุศูลพื้นฐานของศาสนา ทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ จนเกิดการกล่าวฮุกุ่มกาเฟรและอนุมัติเลือดเนื้อของบรรดมุสลิมีน ณ ตรงนี้ ฟิตนะฮ์จึงครอบงำ การทดสอบทวีความรุนแรง เพราะคนไม่รู้อะไร ก็จะพูดกันว่า "เราได้อยู่บนแนวทางของนักปราชญ์ก่อน ๆ ของเรา ซึ่งเราไม่ยินดีกับการเอาผู้อื่นมาแทนพวกเขา และเราไม่ยินดีกับการหันเหออกจากพวกเขา ดังนั้น พวกเขาคือนักปราชญ์ของเราที่มีคุณธรรม และเราก็มีแนวทางที่ชัดเจน!"
กล่าวกันว่า "ความผิดพลาดของนักปราชญ์คือความผิดพลาดของโลก" ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ จึงจำเป็นต่อนักวิชาการต้องรับภาระหน้าที่อย่างกล้าหารในการชี้แจงของผิดพลาดของบรรดาบุคคลสำคัญ ในเชิงวิชาการ , มีมารยาท , และมีใจที่เป็นธรรม ดังนั้น แม้ผู้เจริญรอยตามจะมีความเลยเถิด แต่พวกประเสริฐของพวกเขาไม่ด่างพล้อย ดังนั้น ภาระกิจของผู้แสวงหาความรู้ที่มีใจเป็นธรรมและแสดงหาความโปรดปรานของอัลเลาะฮ์ ทำการผลักดันให้ผู้คนทั้งหลายอยู่ในความเป็นกลางเกี่ยวกับข้อเท็จจริงต่าง ๆ เหล่านี้ รู้ถึงตัวตนที่แท้จริง โดยไม่เลยเถิดและหยาบกระด้าง เราจะรู้ถึงความดีงามและข้อผิดพลาดต่าง ๆ ดังนั้น จะไม่มีผู้ใดรอดพ้นจากความผิดพลาดนอกจากบรรดานบีและร่อซูลเท่านั้น" สรุป จากหน้า 11 - 12
al-azhary:
ท่านชัยค์ หะซัน ฟัรฮาน อัลมาลิกีย์ กล่าวต่อว่า
เกี่ยวกับการใช้ศัทพ์คำว่า วะฮาบียะฮ์
ประการที่หนึ่ง คือต่อไปผู้อ่านจะพบระหว่างการค้นคว้าวิเคราะห์ว่า บางครั้งฉันจะใช้คำว่า "วะฮาบียะฮ์" ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องของการน่าตำหนิอย่างที่ฝ่ายคัดค้านได้เรียกขึ้นมา หรือว่าทำให้ "วะฮาบียะฮ์" เป็นมัซฮับใหม่ แต่ทว่ามันเป็นเรื่องการเรียกศัพท์ทางเทคนิคหรือฉายาที่บรรดามุสลิมิมีนส่วนมากทำการเรียกที่มีต่อ กระแส กระบวนการ แนวคิด การเรียกร้อง ที่มีประวัติศาสตร์ มีลักษณะพิเศษ มีตำรา และอุลามาอ์เฉพาะของพวกตน
ประการที่สอง พวกวะฮาบีย์บางส่วนได้พึงพอใจกับฉายานี้ และพวกเขานำฉายาดังกล่าวมาเรียกแทนตัวพวกเขาเอง ดังนั้น คำว่า "วะฮาบีย์" จึงไม่ใช่เป็นลักษณะของการตำหนิและการสรรเสริญ และไม่ใช่เป็นการตำหนิ จนกระทั่งหากยอมรับในหลักการวะฮาบีย์ จะกลายเป็นมัซฮับหนึ่งขึ้นมา เพราะฉะนั้น มัซฮับที่ยึดอยู่บนหลักฐานที่ถูกต้องนั้น นามชื่อของมัซฮับที่เกิดขึ้นใหม่จะไม่ทำให้มัซฮับเกิดความเสียหาย การเรียกของผู้คนก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากว่า เงื่อนไขของการมีมัซฮับนั้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ในยุคแรกของศตวรรษที่สาม เฉกเช่นเดียวกันกับ กระแสความคิดหรือมัซฮับที่ทฤษฏีหรือแนวปฏิบัติอยู่บนบรรดาหลักฐานที่อ่อน ก็ย่อมไม่มีประโยชน์อันใดจากการตั้งชื่อมัซฮับซ่ะสวยงาม หากแม้ว่ามัซฮับดังกล่าวจะอยู่ยุคศตวรรษแรกก็ตาม เพราะการพิจารณานั้น ด้วยกับความรู้ที่ถูกต้อง อีม่านที่บริสุทธิ์ และการปฏิบัติที่ดีงาม ไม่ใช่ด้วยการตั้งชื่อหรือมีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ
ฉันรู้สึกแปลกใจที่มีบรรดาพวกมุก๊อลลิดต่างกล่าวกันว่า ถ้อยคำ "อัลวะฮาบียะฮ์" นั้น ผู้เป็นปฏิปักษ์จะนำมาใช้เรียก พวกเขามักนำมาพูดกับฉายานี้ ทั้งที่การเรียกชื่อไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะมาถกเถียงกัน
มีอุลามาอ์ที่เรียกร้องแนวทางดังกล่าว อนุญาตให้ใช้คำว่า "วะฮาบียะฮ์" พวกเขาต่างนำมาใช้ในตำราต่าง ๆ ของพวกเขา โดยไม่หวั่นเกรงต่อการกล่าวหาว่า สร้างมัซฮับขึ้นมา ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังทำการประพันธ์ตำราต่าง ๆ เกี่ยวกับอะกีดะฮ์และการเรียกร้องของวะฮาบีย์ โดยมิได้มีความเสื่อมเสียแต่ประการใด
ส่วนหนึ่งจากบรรดาอุลามาอ์ที่เรียกร้องแนวทางวะฮาบีย์ ยังนำคำว่า "วะฮาบีย์" มาให้เรียก เช่น ชัยค์ สุไลมาน บิน ซะห์มาน , ชัยค์ มุฮัมมัด บิน อับดุลล่าฏีฟ ( ดู หนังสือ อัดดุร๊อร อัซซะนียะฮ์ เล่ม 8 หน้า 433) และบรรดาอุลามาอ์ที่ปกป้องวะฮาบีย์ เช่นชัยค์ หามิด อัลกิฟฟีย์ , ชัยค์อับดุลเลาะฮ์ อัลกอซีมีย์ , ชัยค์ สุลัยมาน อัดะดะคีล , ชัยค์ อะห์มัด บิน หุจญร์ อบู ฏอมีย์ , ชัยค์มัสอูด อัลนัดวีย์ , ชัยค์ อิบรอฮีม บิน อุบัยด์ เจ้าของหนังสือ อัตตัซกิเราะฮ์ , และท่านอื่น ๆ ต่างก็ใช้คำว่า "อัลวะฮาบียะฮ์" แต่กระนั้น ท่านชัยค์ ฮามิด อัลกิ๊ฟฟีย์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) ยังคงพยายามที่จะสร้างความสงสัยต่อเจตนาของทุก ๆ คนที่ใช้คำนี้ และเขาได้ยื่นข้อเสนอจากการเรียกว่า "วะฮาบียะฮ์" ไปเป็น "อัดดะอ์วะฮ์ อับมุฮัมมะดียะฮ์" เพื่อพาดพิงไปยังชื่อของท่าน ชัยค์ มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ แต่ไม่พาดพิงไปยังชื่อของบิดา คือ อับดุลวะฮาบ (วะฮาบีย์) ดังนั้น อุลามาอ์ยุคหลังอย่างท่านชัยค์ ซอและห์ อัลเฟาซาน ได้ตักลีดตามท่านชัยค์ ฮามิดอัลกิ๊ฟฟีย์ ในการตำหนิต่อท่านชัยค์ อบู ซะฮ์เราะฮ์ และคนอื่น ๆ (ก็เพราะพวกเขาใช้คำว่าวะฮาบีย์)
การเรียกร้องของ อัลกิ๊ฟฟีย์และอัลเฟาซานให้เรียกวะฮาบีย์ว่า "อัดดะวะฮ์ อัลมุฮัมมะดียะฮ์" ไม่ใช่ "อัดดะวะฮ์ อัลวะฮาบียะฮ" นั้น เนื่องจาก ท่านชัยค์ มีชื่อว่า "มุฮัมมัด" ซึ่งดังกล่าวนี้ถึงเป็นการนำเสนอที่น่าแปลก อันเนื่องจากมีเหตุผลเล็กน้อยดังนี้ คือ ส่วนมากจากบรรดามัซฮับที่โด่งดังนั้น จะไม่ตั้งชื่อ ด้วยกับนามชื่อเจ้าของแนวทาง แต่จะตั้งชื่อด้วยนามของบิดาหรือปู่ ดังนั้น มัซฮับ ฮัมบาลีย์ حنبلى เป็นต้น จะใช้พาดพิงไปยังคำว่า حنبل (ฮัมบัล) ซึ่งเป็นปู่ของท่านอิมามอะห์มัด (เนื่อจากท่านอิมามอะห์มัดมีชื่อว่า อะห์มัด บุตร มุฮัมมัด บุตร หัมบัล) แต่ท่านชัยค์อัลเฟาซานหรือชัยค์อัลกิ๊ฟฟีย์ และผู้ที่เจริญรอยตามทั้งสอง ต่างไม่คัดค้านการเรียกชื่อนี้(คือฮัมบาลีย์) และพวกเขาก็ไม่เรียกมัซฮับฮัมบาลีย์ว่า "มัซฮับอะห์มะดีย์" (ที่มาจากชื่อของอิมาม อะห์มัด เอง)
เฉกเช่นเดียวกันกับมัซฮับชาฟิอีย์ ซึ่งพาดพิงไปยังท่าน ชาฟิอ์ ซึ่งเป็นปู่ลำดับที่ 4 ของท่านอิมามชาฟิอีย์ ทั้งที่อิมามชาฟิอีย์มีชื่อว่า "มุฮัมมัด บุตร อิดรีส บุตร อัลอับบาส บุตร อุษมาน บุตร ชาฟิอ์" แต่เหตุใดพวกเขาถึงไม่เรียกมัซฮับชาฟิอีย์ว่า "มัซฮับมุฮัมมะดีย์" (เพราะอิมามชาฟิอีย์ชื่อว่า มุฮัมมัด)
ยิ่งกว่านั้น ท่านชัยค์ซอลิห์ อัลเฟาซาน ยังเรียกผู้ที่ตาม มุฮัมมัด บิน สุรูร บิน นายิฟ ซัยนุลอาบิดีน ด้วยถ้อยคำว่า "อัซซุรูรียะฮ์" ทำไมถึงไม่เรียกว่า "อัลมุฮัมมะดียะฮ์" เช่นเดียวกัน ! ทั้งที่เขาชื่อ "มุฮัมมัด บิน สุรูร" และในปัจจุบันเราเองก็ได้ยินในกลุ่มสะละฟียะฮ์ ได้มีหลายฉายาที่พวกเขาใช้เรียกซึ่งกันและกัน เช่น อัลญามียีน , อัลมัดค่อลียีน , อัลบาซียีน (ผู้ที่ตามบินบาซฺ) , และอัลบานียีน(ผู้ตามอัลบานีย์) เป็นต้น ( สรุปจาก หน้าที่ 12 และหน้าที่ 144 - 146)
al-azhary:
السلام عليكم وحمة الله وبركاته
ผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับหลักการของท่านชัยค์มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ อยู่สามรูปแบบ คือแบบที่หนึ่ง จะเป็นหนังสือประเภทวิจารณ์ในแง่ลบอย่างเดียว , รูปแบบที่สอง จะเป็นหนังสือที่ยกย่องสรรเสริญอย่างเดียว ,และแบบที่สาม คือจะเป็นกลางยกย่องและวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งรูปแบบที่สามนี่แหละ ที่ผมกำลังจะนำเสนอไปเรื่อย ๆ อินชาอัลเลาะฮ์
والسلام
Hakeem:
.คุณอัลอัชฮารีย์ครับ ไอ้กระผมส่วนนำประวัติศาสาตร์ส่วนหนึ่ง ของผู้ที่ชาววะฮาบีย์สรรเสริญเขามาให้พี่น้องได้ตัดสินว่าสิ่งที่ท่านผู้นี้ทำการ ตัดสินในปัญหาต่างๆเกี่ยวกับศาสนานั้น เขาอุตริกรรมขึ้นมาใหม่หรือไม่ และนอกเหนือชาวสลัฟและจากสี่มัซฮับ และตาบีอีนและซอฮอาบะ และท่านนบีหรือไม่ และยังไงก็ช่วยแนะนำด้วยขอรับ
เป็นที่รู้กันแล้วว่า..ท่าน มูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ.(บุตรของอัลวะฮาบ)
ได้เริ่มขึ้นในตะวันออกกลางในปี ฮ.ศ.1143 หลังจาก การเกิดทัศนะทั้ง4 ประมาณ 843 ปีให้หลัง และได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในปี ฮ.ศ.1150 ที่เมืองอันนัจดฺ ซึ่งเขาได้เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.1206
เขาได้เริ่มเผยแพร่ด้วยกับการเรียกร้องที่มีการผสมผสานความคิดต่าง ๆ ของเขา โดยอ้างว่า ความคิดเหล่านี้มาจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านและซุนนะฮฺนบี เขาได้ยึดเอาอุตริกรรมบางส่วนมาจากท่านตากียุดดีน อะฮฺหมัด อิบนุ ตัยมียะฮฺ แล้วได้นำมาฟื้นฟูใหม่อีกครั้ง
ส่วนหนึ่งจากอุตริกรรมที่ท่านอิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบที่เอามาจากอิบนุตัยมียะฮฺ คือ
1. การห้ามตะวัสสูลต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด
2. การห้ามเดินทางเพื่อไปเยี่ยมสุสานท่านศาสดามูฮัมหมัดและคนอื่น ๆ จากบรรดาศาสนทูตและบรรดาคนซอและฮฺอื่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อไปขอพร ณ ที่นั้น เพื่อหวังการตอบรับการขอพรจากอัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ)
3. ยัดเยียดการเป็นกาเฟรให้แก่บุคคลที่เรียกผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วยคำต่อไปนี้ :- يارَسُولَ اللهِ โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ , يَامُحَمَّدُ โอ้ท่านมูฮัมหมัด , يَاعَلِيَّ โอ้ท่านอาลี ,หรือกล่าวว่า يَاعبد القادِرِ โอ้ท่านอับดุลกอเดร จงช่วยฉันด้วย หรือเช่นถ้อยคำกล่าวเหล่านี้ นอกเสียจากจะต้องกล่าวกับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
4. ยกเลิกการหย่าแบบมะฟุลบิฮ ที่มีมาพร้อมกับการผิดสาบาน เช่น สาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺในเรื่องที่เสนอว่าจะจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ
5. มีความเชื่อว่าอัลลอฮฺมีรูปร่างและมีทิศ
และเขาก็ได้อุตริเรื่องต่าง ๆ ด้วยกับตัวของเขาเอง ซึ่งสิ่งที่เขาได้อุตริขึ้นมาเช่นต่อไปนี้
1. การห้ามกล่าวซอลาวาตต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ถัดจากอาซาน...
2. และบรรดาลูกศิษย์ของเขาได้ห้ามการจัดงานฉลองวันประสูติท่านศาสดา(เมาลิดดินนบี) โดยขัดแย้งกับคำสอนของท่านอิบนุตัยมียะฮฺซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกเขา
...
มรดกในการปฏฺบัติและมารยาท...เหล่านี้เป็นสิ่งที่ตกทอดกันมาจนถึงพี่น้องเราในเมืองไทย ไม่ว่าชาวที่ต้องการให้ผู้คนเรียกว่า ..กลุ่มซุนนะ กลุ่มสลาฟียะ..ฯลฯ ซึ่งทั้งหลายนั้นก็ปฏิบัติตามแนวคิดเดิมของ ท่านอิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ(วะฮาบียะ)ทั้งนั้น เเม้ว่ามีชื่อแตกต่างกัน..ผมอยากให้คุณอัลอัชฮารีช่วยชี้แนะและทำความกระจ่างในเรื่องนี้ในสิ่งที่ท่านอิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบได้สั่งห้ามกระทำข้างบนนั้น...มีหลักการและหลักฐานอย่างไรครับ เอาพอเข้าใจก็พอขอ
รับ..
al-azhary:
--- อ้างจาก: Hakeem ที่ เม.ย. 22, 2007, 10:34 AM ---มรดกในการปฏฺบัติและมารยาท...เหล่านี้เป็นสิ่งที่ตกทอดกันมาจนถึงพี่น้องเราในเมืองไทย ไม่ว่าชาวที่ต้องการให้ผู้คนเรียกว่า ..กลุ่มซุนนะ กลุ่มสลาฟียะ..ฯลฯ ซึ่งทั้งหลายนั้นก็ปฏิบัติตามแนวคิดเดิมของ ท่านอิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ(วะฮาบียะ)ทั้งนั้น เเม้ว่ามีชื่อแตกต่างกัน..ผมอยากให้คุณอัลอัชฮารีช่วยชี้แนะและทำความกระจ่างในเรื่องนี้ในสิ่งที่ท่านอิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบได้สั่งห้ามกระทำข้างบนนั้น...มีหลักการและหลักฐานอย่างไรครับ เอาพอเข้าใจก็พอขอ
รับ..
--- End quote ---
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
คุณ Hakeem ครับ ผมขอมะอัฟด้วยที่จะช่วยชี้แนะและทำความกระจ่างในสิ่งที่ท่านชัยค์มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบได้สั่งห้ามกระทำข้างต้น เพราะกระทู้นี้ ผมต้องการนำเสนอ แนวคิดจากหนังสือของท่านชัยค์ หะซัน ฟัรฮาน อัลมาลิกีย์ เท่านั้น ซึ่งถือว่าสิ่งที่ผมนำเสนอไป ไม่ใช่หมายความว่า ผมมีแนวคิดเหมือนกับท่าน ชัยค์ หะซัน ฟัรฮาน อัลมาลิกีย์ ไปเสียทั้งหมด แต่ผมนำเสนอเผื่อว่าผู้อ่านจะมีแนวคิดในแง่มุมหนึ่งแง่มุมใดขึ้นมา จากที่เคยมีอยู่เดิม ดังนั้น ในกระทู้นี้ ผมขอนำเสนอสรุปเนื้อความที่มีอยู่ในหนังสือของท่านชัยค์ หะซัน ฟัรฮาน อัลมาลิกีย์ เท่านั้นน่ะครับ
แต่ผมไม่ห้ามให้ออกความเห็นหรือทำการวิจารณ์เชิงวิชาการของพี่น้องที่เข้ามาอ่านน่ะครับ
والسلام
Al-azhary
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version