จากการได้รูจักและรับทราบในความรู้ของนักเรียนในภาคได้นั้น
ทำให้เราได้รู้ว่าขนวนการสอนถูกนำสู่สมอนของเขาเหล่าให้มีความคิดที่เกลียดชังอย่างไม่มีเหตุผล แม้กระทั้งข้อมูลที่จะนำเสอนควนที่จะมีทั้งด้านดีและที่ผิด การรักก็เพื่ออัลลอฮการเกลีดก็เพื่ออัลลอฮ ไม่ใช้การรักในกลุ่มหรือต้องมีความคิดเดียวกันนั้นย่อมไม่ใช้อุมมะฮของท่านนบี มุสลิมเราขาดความรู้และเข้าใจในกุรอานที่เป็นแม่บทแต่กลับมามุ่งด้านฟิกส์ก่อนที่จะเรียนกุรอานจนนำไปสู่ปัญหาต่างๆตามมา ประเด็นข้อขัดแย้งของศอฮาบะฮเราก็ควรจบที่ศอฮาบะฮ แล้วเราก็เลือกที่จะตามคนหนึ่งคนใดก็ได้ ส่วนอุลามะฮนั้นเราก็เลือกที่จะตามนั้นประเด็นสำคัญก็คือ สิ่งเหล่านั้นจบที่อัลลอฮและท่านนบีพรือไม่ ถ้าศาสนาไม่จบที่อัลลอฮและท่านนบี เราจะกล่าวซะฮาดะฮไปทำไม
แต่ผมว่า
ทุกวันนี้ที่พี่น้องของเรามีความแตกแยกนั้นส่วนหนึ่งก็คือ การที่พี่น้องกลุ่มที่ไม่สังกัดมัสหับนี้แหละ
ครับ ที่ชอบฮุกม ซอฮาบะ ฮุกมอุลามะที่อยู่ในทัศนะอัชชาฟีอี ทั้งที่บางครั้งหลักฐานอัลฮาดิสของทางฝ่ายมีมัสหับนั้น เป็นระดับซอหิฮฺ ก็พยายามทำให้ดออีฟ และจากดออีฟก็ทำใหเป็นเมาฎัวะ แบงก็ฮูกมว่าตกนรก อย่างนี้เเละที่เขาเรียกว่าแบ่งพรรคแบ่งกลุ่มใช่ครับ บางครั้งปัญหามันก็น่าจะจบที่ซอฮาบะ แต่ทำไม ทัศนะดังกล่าวของท่านจึงไม่ยอมรับ
และถ้ามันไม่ตรงกับแนวทางของตน แล้วทำไมต้องถูกวิจารณ์ แต่ ถ้ายอมรับว่าเลือกตามซอฮาบะคนหนึ่งคนใดแล้วจบนั้น
วันนี้ ก็คงไม่ต้องมาถามหาฮะดิสบทนั้นมาเทียบเคียงและ ที่ตนไม่เห็นด้วย ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
ถ้าคิดว่าจบที่อุลามะแล้ว การ วิจารณ์อุลามะของแต่ละทัศนะ ที่นักวิชาการยุคหลัง ไม่ยอมรับในทัศนะอื่นๆคงจะไม่มี ณ.วันนี้
แต่ปัญหาทุกวันนี้ต้องย้อนกลับไปดูต้นเหตุต้นตอว่า มาจากไหน และใครเป็นผู้เริ่ม นี้คือประเด็นที่เราต้องคุยกันให้เคลียร์
