ผมขอเล่าเหตุการณ์ให้คุณ ashary ฟังครับ อาจยาวไปหน่อย
ผมเคยเห็นปอเนาะหนึ่ง บาบอ 2 คน เป็นคนที่อาเล็มมาก
มาจากกลันตัน ในสมัยก่อน ท่านทั้งสองเสียนานแล้ว มีความเชี่ยวชาญในเรื่องกุรอาน นาฮู ซอรัฟมาก แม้กระทั่งหลายวิชาถือว่าเป็น อูลามาอฺได้
พ่อผมเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อน บาบอแอ(หนึ่งใน 2คนนั้น) ได้รับลัยลาตุลก็อคถึง2ครั้ง
ท่านจะไม่พูดนอกจากความจริง สอนทั้งคน สอนทั้งญิน คนกรุงเทพ บางคนที่รู้จักท่านมักพูดว่า ครูแอลิ้นคม
บางคนบอกว่า ท่านเป็นคนวะลี ส่วนบาบออีกคนหนึ่งเป็นคนการอมัต ไม่เหมือนกับคนแรก
ฟังเรื่องราวของท่านจากหลายๆคนแล้ว....ก็พูดในทำนองเดียวกัน แต่เรื่องราวของท่านมีมากกว่านั้น
ผมขอสรุปถึงอีบาดะฮฺที่ทั้ง 2 วางแบบอย่างไว้
1.ท่านจะถือศีลอดโดยการนับวัน เพราะท่านถือว่า การดูดวงจันทร์นั้น
มีเงื่อนไขที่ละเอียดอ่อน กล่าวคือ ต้องดูท้องฟ้าว่า เปิดหรือปิด หมายถึงกลุ่มหมอกของแต่ละจังหวัดจะไม่เหมือนกัน หากดูเดือนแล้วจะเกิดความผิดพลาดได้ เช่น คุณสมบัติของผู้ที่ดูเดือน ต้องอาดิลจริงๆ ท่านจึงเลือกทางที่ 2 คือการนับวัน มาตลอด จนถึงปัจจุบันนี้
2.ท่านมีศิษย์เป็นพันๆ แต่ไม่เคยละหมาดญุมอะฮฺนอกจากซุฮฺริเท่านั้น
เพราะท่านถือว่า นักเรียนคือผู้เดินทาง ท่านไม่จำกัดระยะเวลาว่าต้องอยู่กี่วัน จึงจะวายิบละหมาด
ลักษณะทั้ง 2 ข้อนี้ ไม่เหมือนกับอุลามาอฺท่านอื่นๆ เพราะท่าน ถือว่า การบวช และละหมาดญุมอะฮฺ
เป็นเรื่องของการต้องรู้เงื่อนไข ทำเล่นไม่ได้
ส่วนอีบาดะฮฺอื่นๆก็เหมือนกับทั่วไป คือ การเฝ้ากุโบร์ ทำบุญ ทำเมาลิด..
ที่อยากถามท่าน ashary คือ ละหมาดวันศุกร์ที่เคร่งครัดที่สุดตามทัศนะของชาฟีอียฺมีหลักฐานยังไงบ้าง
พอดีที่หมู่บ้านเกิดการแบ่งพวกกัน เนื่องจาก ผู้ที่อ้างว่าเขาคือกลุ่มใหม่เป็นผู้ที่ถูกต้องทำให้เกิด 2 กลุ่มคือ เก่าและใหม่
โดยเก่าจะละหมาดซุฮฺรีเมื่อเข้าเวลาละหมาดญุมอะฮฺ(เสียงอาซานดัง)ที่มัสยิด
ส่วนใหม่จะละหมาดญุมอะฮฺแม้กับคนนอกพื้นที่(ไม่ครบ 40)หลังจากกลุ่มเก่า
การละหมาดของทั้งสองถือว่า...เป็นอย่างไรบ้าง
ปวดหัวกับเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว