เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
จะแต่งเรียงความวันพ่อ ขอข้อมูลหน่อยครับพี่น้อง
ILHAM:
ช่วยให้
การแต่งเรียงความ ต้องมี3ส่วนนะนักเรียน ส่วนแรกเป็นคำนำ ส่วนที่2เป็นเนื้อหา ส่วนสุดท้ายเป็นสรุป ตรงเนื้อหานี้ต้องยาวหน่อย มีได้หลายย่อหน้า ส่วนคำนำและสรุปนั้นควรมีแค่ย่อหน้าเดียว จำไว้นะนักเรียน
ส่วนเนื้อหานั้น ครูให้เป็นการบ้านกลับไปหาเอาเอง
5555
nada-yoru:
อัสลามุอะลัย วะเราะมาตุลลอฮ์ วะบารอกาตุ
ช่วงหลังๆที่ได้กลับมาจากญี่ปุ่น รู้สึกขอบคุณอัลลอฮ์
อย่างเหลือเกิน ที่ทำให้ตัวข้าน้อยได้มีโอกาส
ได้ใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่และพี่ๆน้องๆ
และให้มีโอกาสได้อยู่ดูแลท่านทั้งสองยามที่ท่านเจ็บป่วย
ไม่สบาย อย่างที่ครั้งหนึ่งท่านเคยดูแลเรา...
แม้จะทำได้ไม่ดีเท่าตอนที่ท่านทำให้กับเรา...
แต่เราก็ได้รับโอกาสนั้น...อัลฮัมดุลิลลาฮ์...
ที่สำคัญ ได้อยู่ช่วยงานท่านอย่างใกล้ชิด
ได้รับรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับท่าน...
คนเราหากอยู่ห่างกัน ก็อาจจะทำให้เรา
ไม่อาจมองเห็นบางมุมของคนที่เรารักได้ค่ะ...
บางอย่างมองไกลๆจะเห็นได้ชัด
บางอย่างต้องมองใกล้ๆถึงจะสัมผัสถึง...
เลยทำให้รู้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
แม้เราจะพยายามลดหย่อนภาระของท่านลงไปสักแค่ไหน
แต่ท่านก็ยังคงเหนื่อยไม่สร่าง...
ทำให้รู้ว่่า...การเป็นพ่อคน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
จากที่เคยคิดว่า การเป็นแม่นั้นยากเย็น
จนลืมความสำคัญของพ่อไปบ้างในบางครั้ง
หากเมื่อได้กลับไปใกล้ชิดพ่ออย่างจริงๆจังๆ
ในวันที่เราโตขึ้น และได้เห็นโลกกว้างขึ้น
ทำให้มุมมองของเราเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน...
การได้ช่วยเหลือการงานของพ่อ เลยทำให้รู้ว่า
การเป็นพ่อคนก็ไม่ได้ง่ายดายเลย...
และทำให้รู้ว่า...คนเป็นพ่อนั้นเหนื่อยแค่ไหน
กับการแบกรับภาระหน้าที่ที่คงต้องแบก
ไปจนสิ้นลมหายใจ...
เลยคิดว่า...ในหนึ่งสัปดาห์ จะทำให้สองในเจ็ดวัน
เป็นวันพ่อ กับ วันแม่...
ในวันหยุดสองวัน เราจะให้เวลากับพ่อกับแม่...
เพื่อพูดคุย ถามไถ่ ให้ความสำคัญกับท่าน...
นักเรียนนักศึกษาหลายๆท่าน
คงได้โจทย์สำหรับการเขียนเรียงความ"วันพ่อ"
กันมาแล้วใช่มั้ยคะ...
เพราะว่า วันพ่อใกล้จะมาถึงแล้ว...
เมื่อก่อนเวลาเขียนเรียงความวันพ่อกับวันแม่
จะได้รับรางวัลบ่อยๆ...
แต่เมื่อนึกย้อนกลับไป...คิดว่า ณ ห้วงเวลานั้น
เรายังไม่ได้ซาบซึ้งถึงพระคุณของท่าน
เท่ากับ ณ ห้วงเวลานี้...
เพราะเมื่อโตขึ้น มันทำให้รู้ว่า...
ตอนนี้มันคงไม่ใช่เวลาที่เราจะไปเรียกร้อง
หรือแย่งชิงความรักจากพ่อแม่อย่างตอนเด็กๆแล้ว
และไม่ใช่เวลาที่เราจะมานั่งคิดว่า
พ่อรักลูกคนไหนมากที่สุด และรักใครมากกว่ากัน...
เพราะสิ่งเหล่านั้น เรารู้แล้วว่า มันจะทำให้พ่อแม่ของเรา
ต้องตกที่นั่งลำบาก...เราอาจทำให้ท่านลำบากใจได้...
...เพราะเรากำลังทำให้ท่านต้องยกความรักขึ้นตาชั่ง...
วันนี้...เราที่โตขึ้นแล้ว และท่านที่เรี่ยวแรงน้อยลง
เราจึงได้คำตอบว่า เราควรจะมอบความรักให้ท่าน
แทนที่จะไปเรียกร้องความรักจากท่านแข่งกับคนอื่น
ท่านจะรักลูกคนไหนหรือเข้าข้างลูกคนไหนมากกว่ากัน
เราจะไม่สนใจ เพราะสิ่งที่เราสนใจก็คือ...
เราพร้อมจะให้...และไม่ขอเรียกร้องอะไรจากท่านอีก
เพราะเราได้มามากพอแล้ว มากเกินกว่า
จะตอบแทนได้หมดแล้วด้วยซ้ำ...
และท่านเองก็เหนื่อยกับเรา เหนื่อยกับลูกๆของท่าน
มามากพอแล้ว ท่านควรได้เวลาพักบ้าง...
แม้จะรู้ว่าอย่างไรท่านก็ไม่ยอมพัก
แต่หากเราอยากให้ท่านได้พัก เพียงแค่เรา
ไม่นำภาระไปให้ท่านแบกเพิ่ม...และพร้อมจะ
ช่วยเหลือท่านเท่าที่กำลังจะมีให้...
เชื่อว่า...ภาระของท่านแม้จะไม่น้อยลง
แต่ก็คงไม่เพิ่มขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น...
...ตั้งแต่ไหนแต่ไร...ใครๆก็มักพูดกันว่า
พ่อไม่ค่อยหวงหรือห่วงข้าน้อยเท่าลูกสาวคนอื่นๆ
เพราะไม่ว่าข้าน้อยจะไปไหน ทำอะไร พ่อไม่เคยขัด
อยากทำอะไรก็ได้ทำ...อยากไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ไป
เหมือนพ่อไม่ได้ให้ความสนใจว่าเราจะไปไหนทำอะไร....
แต่แปลกที่ข้าน้อยมักคิดต่าง มองต่างจากคนอื่น...
เนื่องจากระหว่างเรากับพ่อมันมีอะไรบางอย่าง
ที่คนอื่นมองไม่เห็น...ในขณะที่คนอื่นมองว่าพ่อไม่หวง
ไม่ห่วง แต่เรากลับรู้สึกว่า พ่อรู้ใจและเชื่อใจเรามากกว่า...
และความคิดนั้นดูจะเป็นความจริงเสียด้วย...
เพราะทุกครั้งที่อยู่ห่างท่าน ท่านคือคนที่โทรมาหา
เรามากกว่าคนอื่นๆที่บอกว่ารักเราด้วยซ้ำ...
คนไม่รักไม่ห่วงกัน เขาไม่นึกถึงกัน
ไม่คิดถึงกันบ่อยๆหรอกใช่มั้ยคะ...
การแสดงออกถึงความรัก มันไม่จำเป็นต้องทำให้
คนอื่นรับรู้กันถ้วนหน้า ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ
แค่ระหว่างเราสองคนรู้กันก็มากพอแล้ว...
เพราะถ้าคนที่โทรมาหาเรา ถามโน่นถามนี่เรา
นั่งฟังเราเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟังได้เป็นชั่วโมงๆ
โดยไม่บ่นสักคำ แถมยังคุยกันถูกคอ
พอเราจะขอวางสายก็ไม่ยอม...บอกว่าเล่าต่อสิ...
คนที่ถามเราเสมอว่า "ตอนนี้หนักกี่โล"
"ทำกับข้าวกินเองรึเปล่า" "แล้วนอนกี่โมง"
"งานที่ทำหนักไหม" "เงินใช้พอรึเปล่า"
และไม่ว่าเราจะมีปัญหาอะไร เขาคนนั้นก็สนใจที่จะฟังเสมอ
เวลาที่เราร้องไห้เสียน้ำตาให้กับความผิดพลาด
แม้เขาจะไม่พูดอะไรมากมาย แต่เขาก็ยังรอสาย
รอจนเราหยุดร้องไห้...
พร้อมกับถามว่า "ไหวไหม" "สู้ไหวรึเปล่า..."
คนที่พร้อมจะรับฟัง คนที่ร้อนหนาวไปกับเรา
ถ้าคนๆนั้นไม่ได้ห่วง ไม่ได้สนใจ ไม่ได้รักเรา
เขาจะทำให้เราได้ขนาดนี้หรือ...
และประโยคที่ทำให้เราอุ่นใจได้เสมอเลยก็คือ...
"ไม่ไหวก็กลับมา...แต่พ่อรู้ว่าแกสู้ไหวอยู่แล้ว...
ความอดทนสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้..."
ดังนั้น...ท่านจะรักใครหรือลูกคนไหนมากกว่า
มันคือสิทธิ์ของท่าน...มันคือความรักของท่าน
ท่านจะให้ใครสักเท่าไหร่มันก็เป็นสิทธิ์ของท่าน
แค่รักที่ท่านให้เรามา มันก็มากเพียงพอแล้ว...
ท่านไม่จำเป็นต้องรักเรามากที่สุดก็ได้
แค่ให้รักเราอย่างที่รักอยู่...มันก็มากเกินพอแล้ว...
และเราจะมอบความรักให้ท่านให้มากที่สุดเท่าที่จะให้ได้
เพราะสุดท้ายแล้ว...ความรัก มันชั่งไม่ได้ด้วยตาชั่ง
เราก็ต้องชั่งใจกันเอาเอง...
"เหนื่อยล้า...นานแล้ว...เธอใช้เวลาชีวิตที่ผ่านมานั้น
เพื่อฉันและคนมากมาย
ผ่านร้อน ผ่านหนาว เธอสร้างมันตามความฝัน
จนเกิดวันนี้ เพราะรักและความจริงใจ..."
วัสลามค่ะ...
^______________^
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version