salam
ครับผม ผมลองไปอ่านบทความในเว็บ ไซค์ผู้ให้บริการ open office ถึงอยากให้ลองอ่านกันหนะครับ ผมว่าคุณสมบัติ ใกล้เคียงกับ ms word เลย ที่สำคัญ
ฟรี ทำไมถึงควรเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org 2.0Use OpenOffice.orgผมไม่ทันสังเกตว่าไมโครซอฟท์ออฟฟิศกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไอทีของพวกเรา เมื่อไหร่ แต่ถึงวันหนึ่ง ทุกคนก็ส่งไฟล์ให้กันเป็น .doc, .xls และ .ppt เหมือนกับว่าทุกคนรู้ว่าคนที่รับไฟล์จะต้องใช้ไมโครซอฟท์ออฟฟิศอยู่เหมือน กัน ไฟล์ของไมโครซอฟท์ออฟฟิศเลยกลายเป็นมาตรฐานของเอกสารสำนักงานไปในที่สุด จำได้ว่าสมัยก่อนเราใช้ Office 97 กัน เสร็จแล้วพอคนส่วนใหญ่ใช้ Office XP เราทุกคนก็ต้องอัพเกรด ไม่งั้นจะรับส่งไฟล์กับคนอื่นลำบาก แปลกดีที่ระหว่าง Office แต่ละเวอร์ชันกลับเปิดไฟล์กันไม่ค่อยได้
ผมเช็คราคาล่าสุดว่า Office 2003 Standard กล่องหนึ่งราคาเท่าไหร่
19,800 บาท หนึ่งหมื่นเก้าพันแปดร้อยบาท!
ถ้าพนักงานบริษัทผมมีอยู่สิบคนที่ต้องใช้โปรแกรมออฟฟิศ ผมต้องเสียเงินค่าไลเซ็นส์ละ 18,350 รวมเป็นเงิน 183,500 บาท หนึ่งแสนแปดหมื่นสามพันห้าร้อยบาท!
ผมไม่อยากนึกเลยว่า บริษัทที่มีพนักงานเป็นร้อยคนจะต้องเสียค่าไลเซ็นส์ออฟฟิศสักเท่าไหร่ แม้ว่าการซื้อไลเซนส์จำนวนมาก (volume license) จะช่วยให้ประหยัดไปได้บ้าง แต่ก็คงจะเป็นเงินจำนวนมากอยู่ดี แล้วถ้าบริษัทไม่ซื้อไลเซ็นส์ให้ครบ ก็จะต้องมีพนักงานที่ใช้ออฟฟิศโดยที่ไม่มีไลเซ็นส์ และนั่นก็จะทำให้บริษัททำผิดกฏหมายลิขสิทธิ์และเสี่ยงกับการถูกตรวจจับ
โอเพนซอร์ส
Open Sourceถึงวันนี้ทุกคนคงรู้จักซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สกันหมดแล้ว ซอฟต์แวร์ที่อนุญาตให้ทุกคนติดตั้ง ใช้งาน เผยแพร่ แก้ไขปรับปรุงได้อย่างเสรีและฟรี ไม่ว่าจะใช้งานส่วนตัวหรือเพื่อธุรกิจ แต่หลายคนเมื่อพูดถึงซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สแล้วมักจะนึกถึงแต่ระบบปฏิบัติการณ์ลินุกซ์ จนลืมไปว่าบนวินโดวส์ก็มีซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ดี ๆ หลายตัว
การเปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์ application โอเพนซอร์สที่รันอยู่บนวินโดวส์นั้นทำได้ง่ายกว่าการเปลี่ยนไปใช้ลินุกซ์ และที่สำคัญ application มักจะราคาแพงกว่าระบบปฏิบัติการ และจำเป็นต้องใช้เป็นจำนวนมาก ทำให้การเปลี่ยนไปใช้ application โอเพนซอร์สช่วยให้องค์กรประหยัดเงินค่าไลเซ็นส์ไปได้มาก รวมทั้งลดความเสี่ยงในการที่จะมีปัญหาจากการมีไลเซ็นส์ไม่ครบ (หรือไม่มี)
OpenOffice.org
OpenOffice.org เป็นชุดออฟฟิศโอเพนซอร์สที่มีความสามารถครบถ้วนใกล้เคียงกับไมโครซอฟท์ออฟฟิศ พัฒนาโดdกยโครงการ OpenOffice.org ที่มีสปอนเซอร์ใหญ่คือ Sun Microsystems ซึ่งเอาโปรแกรมของตัวเองคือ StarOffice มาโอเพนซอร์สเมื่อ 13 ตุลาคม 2000 ชุดออฟฟิศ OpenOffice.org ประกอบด้วยโปรแกรมเวิร์ดโปรเซสเซอร์ชื่อ Writer โปรแกรมสเปรดชีตชื่อ Calc โปรแกรมพรีเซนเทชันชื่อ Impress โปรแกรมวาดภาพชื่อ Draw และโปรแกรมเขียนสูตรคณิตศาสตร์ชื่อ Math
1 เฉพาะเวอร์ชัน Professional
โปรแกรม OpenOffice.org สามารถเปิดและบันทึกไฟล์เป็นฟอร์แมตของไมโครซอฟท์ออฟฟิศได้เช่น .doc, .xls และ .ppt ทำให้การเปลี่ยนจากไมโครซอฟท์ออฟฟิศไปใช้ OpenOffice.org ทำได้ไม่ยากเพราะสามารถอ่านไฟล์ออฟฟิศที่มีอยู่เดิม และแลกเปลี่ยนไฟล์กับคนอื่นที่ยังคงใช้ไมโครซอฟท์ออฟฟิศอยู่ได้
คนไทยจะรู้จักโปรแกรมที่พัฒนาจาก OpenOffice.org 1.x อยู่สองตัวคือปลาดาวและออฟฟิศทะเล นั่นคือสมัยที่ OpenOffice.org ใช้งานกับภาษาไทยยังไม่ค่อยดี จริง ๆ แล้ว OpenOffice.org 1.0 ใช้กับภาษาไทยไม่ได้เลย และแม้ OpenOffice.org 1.1 จะใช้กับภาษาไทยได้ แต่ก็มีเรื่องที่ไม่สะดวกหลายอย่าง จึงทำให้จำเป็นต้องมีโครงการปรับปรุงโปรแกรมสองโครงการดังกล่าว
อุปสรรคในการเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org 1.x
คงต้องอธิบายว่าถ้าคุณใช้ระบบปฏิบัติการอื่นเช่นลินุกซ์หรือยูนิกซ์ต่าง ๆ OpenOffice.org ก็เป็นโปรแกรมออฟฟิศระดับมืออาชีพตัวเดียวที่คนใช้กันมากที่สุด แต่สำหรับบนวินโดวส์ คนส่วนใหญ่กำลังใช้ไมโครซอฟท์ออฟฟิศเพราะเป็นทางเลือกเดียวที่มีอยู่ แต่เมื่อเริ่มมีทางเลือกที่ประหยัดและปลอดภัยกว่า ก็เริ่มมีคนเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org กัน ในเมืองไทยก็มีหลายหน่วยงานที่พยายามเปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org 1.x ไม่ว่าจะเป็นปลาดาวหรือออฟฟิศทะเล และส่วนใหญ่ก็จะประสบกับปัญหาคล้าย ๆ กัน คือ
1.
OpenOffice.org 1.x แลกเปลี่ยนไฟล์กับไมโครซอฟท์ออฟฟิศได้ไม่สมบูรณ์ มีข้อจำกัดหลาย ๆ ประการที่ทำให้การแลกเปลี่ยนไฟล์ประสบปัญหา เช่นข้อจำกัดของจำนวนแถวใน Calc ที่น้อยกว่า Excel หรือการไม่รองรับตารางในตารางของ Writer รวมทั้งฟีเจอร์ที่คนชอบใช้ใน PowerPoint เช่น AutoShapes การใช้ OpenOffice.org เปิดหรือบันทึกไฟล์ไมโครซอฟท์ออฟฟิศมักไม่มีปัญหาใหญ่โตเช่นข้อมูลหายไปหรือสเปรดชีตที่คำนวณผิด แต่มักจะมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่น่ารำคาญเช่นการจัดหน้าที่ต่างออกไป ตัดคำคนละแบบจนแถวเดียวในตารางกลายเป็นสองแถว ความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ทำให้เมื่อเปิดไฟล์ไมโครซอฟท์ออฟฟิศก็จะต้องมาจัดหน้าใหม่ และทำให้ไม่มั่นใจว่าไฟล์ไมโครซอฟท์ออฟฟิศที่บันทึกออกมาจะส่งให้คนอื่นได้เห็นเหมือนกับที่เราตั้งใจหรือเปล่า
2.
OpenOffice.org 1.x มีการใช้งานที่คล้ายคลึงแต่ก็ต่างไปจากไมโครซอฟท์ออฟฟิศ OpenOffice.org 1.x ถูกออกแบบมาให้ใกล้เคียงกับไมโครซอฟท์ออฟฟิศ แต่ก็มีความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายอย่างเช่นตำแหน่งเมนูและฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ต่างออกไปอย่างตั้งใจเพื่อให้เป็นระเบียบกว่าเมนู (รก ๆ) ของไมโครซอฟท์ออฟฟิศ รวมทั้งชื่อฟีเจอร์บางอย่างที่ดูจะจงใจตั้งชื่อให้ต่างออกไป ผลก็คือผู้ใช้ที่ชินกับการใช้งานไมโครซอฟท์ออฟฟิศก็จะหาฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เคยใช้ไม่เจอ และก็พาลเลิกใช้ไปในที่สุด
OpenOffice.org 2.0
Writerข่าวใหญ่ทั้งในต่างประเทศและในเมืองไทยในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาคือโครงการ OpenOffice.org เพิ่งออกโปรแกรม OpenOffice.org ตัวใหม่คือ OpenOffice.org 2.0 ทำไมคนถึงให้ความสำคัญกับเวอร์ชันใหม่นี่นัก ลองมาดูความสามารถใหม่ของ OpenOffice.org 2.0 กันดู แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม
OpenDocument
oasisสาเหตุสำคัญที่สุดที่ผมจะแนะนำให้องค์กร โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ หันมาใช้ OpenOffice.org 2.0 คือ OpenDocument โปรแกรม OpenOffice.org 2.0 เปลี่ยนฟอร์แมตไฟล์ทั้งหมดใหม่เป็นฟอร์แมตที่ชื่อว่า Open Document Format ซึ่งเป็นฟอร์แมตไฟล์ XML ที่เป็นมาตรฐานเปิด (Open Standard) ซึ่งกำหนดโดย OASIS ซึ่งเป็นสมาคมกำหนดมาตรฐานที่ประกอบด้วยสปอนเซอร์อย่าง Microsoft, Adobe, IBM, HP, Oracle, Novell, Intel, AMD, Nokia, Boeing, GM, Visa, US DoD ฯลฯ
OpenDocument เป็นฟอร์แมตมาตรฐานเปิดที่ไม่ขึ้นกับบริษัทใด ผู้ที่จะใช้ฟอร์แมตนี้ก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใด ๆ ทำให้ได้รับการรองรับในหลายโปรแกรมเช่น OpenOffice.org 2.0, KOffice, AbiWord รวมทั้ง WordPerfect ในอนาคต OpenDocument เป็นฟอร์แมตหลักของ OpenOffice.org 2.0 หมายความว่าเอกสารที่สร้างด้วย OpenOffice.org 2.0 จะไม่จำกัดอยู่เฉพาะ OpenOffice.org แต่จะเปิดและแก้ไขได้ในโปรแกรมออฟฟิศอื่น ๆ ต่างจากฟอร์แมตปิดของไมโครซอฟท์ออฟฟิศที่เปิดได้ถูกต้องก็เฉพาะโปรแกรมของไมโครซอฟท์
ไฟล์ OpenDocument เป็นไฟล์ XML ซึ่งคนอ่านรู้เรื่อง ต่างจากฟอร์แมตไบนารีของไมโครซอฟท์ออฟฟิศซึ่งไม่เปิดเผยสเปกจึงไม่มีใครรู้ว่าแต่ละส่วนหมายถึงอะไร ทำให้โปรแกรมอื่นไม่สามารถเปิดไฟล์ไมโครซอฟท์ออฟฟิศได้ถูกต้อง หรือแม้แต่ฟอร์แมต XML ใหม่ของไมโครซอฟท์ออฟฟิศก็มีส่วนที่เป็นไบนารีฝังอยู่ที่ไม่เปิดเผยสเปกเหมือนกัน ทำให้ไม่สามารถแปลงหรือจัดการไฟล์ XML ของไมโครซอฟท์ออฟฟิศได้ด้วยเครื่องมือ XML ทั่วไป ฉะนั้นฟอร์แมตของไมโครซอฟท์ออฟฟิศจึงไม่ใช่ฟอร์แมตที่เปิดหรือเป็นมาตรฐาน ถ้าไฟล์ที่สำคัญขององค์กรถูกเก็บด้วยฟอร์แมตแบบนี้ ก็มีความเสี่ยงที่ในอนาคตข้อมูลเหล่านั้นจะสูญเสียไปเพราะไม่มีโปรแกรมที่เปิดไฟล์นั้นได้อย่างถูกต้อง
องค์กรที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนมาใช้ OpenDocument คือองค์กรภาครัฐ ลองนึกภาพว่าคุณดาวน์โหลดฟอร์ม ๆ หนึ่งเป็นสเปรดชีตจากกรมสรรพากร เสร็จแล้วปรากฏว่าถ้าคุณจะเปิดไฟล์นั้น คุณต้องซื้อโปรแกรม ๆ หนึ่งที่ราคา 24,500 บาท หรือไม่ก็ต้องทำผิดกฎหมาย (ลิขสิทธิ์) ถ้าการเปิดไฟล์สาธารณะที่มาจากรัฐบาลทำให้คุณต้องทำผิดกฏหมายมันก็เป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วน ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลอันใดเลยที่เอกสารของรัฐไม่ควรจะใช้ฟอร์แมต OpenDocument ที่เปิดได้ด้วยโปรแกรมมากมายรวมทั้งโปรแกรมที่ดาวน์โหลดได้ฟรี จริง ๆ มันน่าจะผิดรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำไปถ้าไม่ทำอย่างนั้นเพราะเป็นการริดรอนเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลของประชาชน ปัจจุบัน OpenDocument เป็นฟอร์แมต EU แนะนำ และรัฐแมสซาชูเซ็ทก็เพิ่งประกาศว่าจะใช้เป็นมาตรฐาน
ฟีเจอร์ที่เหนือกว่า
PDF Exportเอาล่ะ สมมุติเราตัดเรื่องความเปิดเผย ความปลอดภัยของข้อมูล และเสรีภาพออกไปเพราะบางทีเวลาเราใช้โปรแกรมเราก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เราสนใจว่าโปรแกรมนั้นมันดีมีฟีเจอร์เพียงพอหรือเปล่า
ฟีเจอร์แรกที่เวลาผมโชว์โปรแกรม OpenOffice.org ให้ผู้คน (ที่เคยใช้แต่ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ) แล้วเขามักจะตื่นเต้นก็คือปุ่มนี้ PDF Export กดปุ่มนี้ปุ่มเดียวโดยที่ไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่มเติมคุณก็จะได้ไฟล์ PDF ของเอกสารนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Writer, Calc, Impress หรือ Draw
ฟีเจอร์นี้มีความสำคัญเพราะว่าเวลาเราส่งไฟล์ให้คนอื่นดู โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องแก้ไข เราก็สามารถส่งไปเป็นไฟล์ PDF ซึ่งทุกคนสามารถดูได้ พิมพ์ได้ และเห็นเหมือนกับที่เราเห็น โดยอาศัยโปรแกรม (ฟรี) เพิ่มเติมอีกนิดหน่อยเช่น Adobe Reader ซึ่งทุกคนก็มักจะมีติดเครื่องกันอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องส่งไปเป็นไฟล์ .doc แล้วบังคับให้คนรับต้องหาไมโครซอฟท์ออฟฟิศมาลงถึงจะอ่านได้ถูกต้อง
หรือบางทีเช่นถ้าต้องการส่งอีเมล์ที่มีหน้าตาซับซ้อนหน่อยเช่นมีหัวข้อ ตัวหนา หรือตาราง ผมก็มักจะส่งไปเป็น HTML ซึ่งโปรแกรมทั้งหมดใน OpenOffice.org สามารถบันทึกเป็นไฟล์ HTML ได้ หรือจริง ๆ ก็เพียงแค่ copy ข้อมูลจากเอกสารของ OpenOffice.org แล้ว paste ลงใน editor ของโปรแกรมอีเมลก็เรียบร้อย
สำหรับพรีเซนเทชัน ถ้าคุณอยากส่งไฟล์ให้คนอื่นดูได้โดยไม่จำเป็นที่เขาจะต้องมี PowerPoint หรือยิ่งไปกว่านั้นคือเอาไว้บนเว็บไซต์ให้ทุกคนสามารถดูได้ คุณสามารถ export พรีเซนเทชันไปเป็นไฟล์ Flash ซึ่งก็เช่นเดียวกับ PDF คนส่วนใหญ่ก็มักจะมีโปรแกรมที่ใช้ดูได้กันอยู่แล้ว น่าเสียดายที่ฟีเจอร์ export ไปเป็น Flash ยังมีปัญหากับภาษาไทย ถ้าคุณทำพรีเซนเทชันเป็นภาษาอังกฤษก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าใช้ภาษาไทยคุณคงต้องรออีกสักหน่อย
แลกเปลี่ยนไฟล์กับไมโครซอฟท์ออฟฟิศได้ดีขึ้น
อย่างที่บอกคือ OpenOffice.org 1.x แลกเปลี่ยนไฟล์กับไมโครซอฟท์ออฟฟิศได้ไม่สมบูรณ์เพราะฟีเจอร์บางอย่างที่ขาดไป ใน OpenOffice.org 2.0 สถานการณ์เหล่านี้ก็ดีขึ้น
*
Calcตอนนี้ Calc รองรับได้ 65,536 แถว (จากเดิม 32,768) ได้เท่ากับ Excel รวมทั้งความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเหมือน PivotTable
*
ตารางในตารางซึ่งทำได้ในไมโครซอฟท์เวิร์ดก็ไม่มีปัญหาในการแปลงอีกต่อไป
*
AutoShapes ก็จะสามารถแปลงได้โดยปราศจากปัญหา
*
Impress มี slide transition และ animation effect เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้แปลงพรีเซนเทชันจาก PowerPoint ได้ดีขึ้น
ความสามารถในการแลกเปลี่ยนไฟล์ที่ดีขึ้นอาจจะเป็นสาเหตุที่คุณควรจะหันมามองดู OpenOffice.org 2.0 อีกสักครั้งถ้าคุณเคยมีปัญหากับ OpenOffice.org 1.0 (ออฟฟิศทะเล ปลาดาว) มากก่อน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการแปลงไฟล์จากไมโครซอฟท์ออฟฟิศจะไม่สามารถทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ (ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฟอร์แมตของไมโครซอฟท์ออฟฟิศเป็นฟอร์แมตที่ปิดไม่มีโครรู้สเปก นอกจากจะต้องแกะเอา) แต่ใน OpenOffice.org 2.0 ข้อมูลหรือกราฟฟิกต่าง ๆ ก็จะถูกแปลงมาได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้และไม่น่าสร้างปัญหาอะไร
การใช้งานคล้ายคลึงไมโครซอฟท์ออฟฟิศมากขึ้น
Impressเป็นความตั้งใจของโครงการ OpenOffice.org ที่จะทำให้โปรแกรม OpenOffice.org 2.0 ใกล้เคียงกับไมโครซอฟท์ออฟฟิศมากขึ้น เพื่อลดความยุ่งยากสำหรับคนที่เปลี่ยนมาใช้ OpenOffice.org ยกตัวอย่างเช่นเดิม OpenOffice.org 1.x Writer ไม่มีเมนู Table ถ้าจะสร้างตารางก็ไปที่เมนู Insert -> Table ซึ่งก็เป็นระบบกว่า แต่ผู้ใช้ไมโครซอฟท์ออฟฟิศมาก่อนก็จะหาฟีเจอร์เกี่ยวกับตารางไม่เจอ OpenOffice.org 2.0 ก็เลยมีเมนู Table ขึ้นมาเหมือนกันไมโครซอฟท์ออฟฟิศ หรือแม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการเปลี่ยนมาใช้คำว่า Wizards ในเมนู File ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า AutoPilots แสดงให้เห็นว่า OpenOffice.org ใส่ใจในเรื่องการเปลี่ยนมาจากไมโครซอฟท์ออฟฟิศอย่างจริงจัง
โปรแกรมเก่าที่เปลี่ยนโฉมหน้าไปเลยคือ Impress ซึ่งใช้วิวแบบหลายบานเหมือน PowerPoint ส่วนโปรแกรมใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน OpenOffice.org 2.0 คือ Base พอผมผมโชว์ให้คนดูต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนกับ Access ฉะนั้นผู้ใช้ที่เปลี่ยนจากไมโครซอฟท์ออฟฟิศมาใช้ OpenOffice.org 2.0 น่าจะมีปัญหาในการปรับตัวน้อยลง
OpenOffice.org Base
Baseในสมัยที่พัฒนาออฟฟิศทะเล มีคนถามผมเรื่อย ๆ ว่าออฟฟิศทะเลมีโปรแกรมฐานข้อมูลแบบ Access หรือเปล่า ทุกครั้งผมจะต้องตอบว่าออฟฟิศทะเลติดต่อกับฐานข้อมูลได้ แต่ทำได้ไม่เท่า Access ชุดออฟฟิศ OpenOffice.org 1.x ไม่มีโปรแกรมฐานข้อมูล แต่สามารถติดต่อกับฐานข้อมูลภายนอกได้ ปัญหาของการใช้ฐานข้อมูลใน OpenOffice.org 1.x นอกจากฟีเจอร์ที่น้อยแล้ว ถ้าคุณบันทึกเอกสาร ตัวข้อมูลซึ่งอยู่ในฐานข้อมูลภายนอกก็จะไม่ถูกบันทึกรวมอยู่ด้วย ฉะนั้นคุณจะส่งไฟล์ให้คนอื่นเขาก็จะไม่ได้ข้อมูลตามไป
แต่ OpenOffice.org 2.0 มีโปรแกรมฐานข้อมูลที่คนที่เคยใช้ Access จะต้องชอบ OpenOffice.org Base อำนวยความสะดวกในการจัดการ Table, Query, สร้าง Form และ Report มันมีฐานข้อมูลภายในที่ชื่อว่า HQSLDB ซึ่งสามารถบันทึกไปกับไฟล์ของ Base หรือคุณอาจจะดึงข้อมูลจากไฟล์ dBase, Access, spreadsheet, text หรือ address book ของโปรแกรมต่าง ๆ หรือติดต่อกับฐานข้อมูลมากมายเช่น MySQL และ Oracle ผ่านทาง ODBC และ JDBC
แม้ว่าฟีเจอร์วันนี้จะยังคงน้อยกว่า Access แต่หน้าตาที่คล้ายคลึงและความสามารถในการใช้งานข้อมูลเก่าของ Access หรือติดต่อกับฐานข้อมูลมากมายผ่าน ODBC และ JDBC ก็ทำให้ Base เป็นตัวเลือกทดแทนที่น่าสนใจ
ฟีเจอร์สำหรับองค์กร
Digital SignatureOpenOffice.org 2.0 รองรับลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกับไมโครซอฟท์ออฟฟิศ ซึ่งช่วยในการรับรองความถูกต้องของเอกสารว่าปราศจากการแก้ไขใด ๆ นับแต่ได้ลงลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์เอาไว้
InfoPath ของไมโครซอฟท์ออฟฟิศเป็นเครื่องมือที่ดีในการจัดการ work flow ขององค์กร แต่ InfoPath มีเฉพาะใน Enterprise Edition ซึ่งราคาแพงมาก และทุกคนที่ใช้ฟอร์มไม่ว่าจะเป็นคนสร้างหรือผู้ใช้ก็จะต้องลง Enterprise Edition ฉะนั้นมันจึงเป็น solution ที่ราคาแพงมากถ้าจะนำไปใช้ทั้งองค์กร นอกจากนี้ InfoPath ยังใช้ฟอร์แมตที่ไม่ใช่มาตรฐาน
XFormsOpenOffice.org 2.0 มีความสามารถในการสร้าง XForms ซึ่งเป็นมาตรฐาน XML ของ W3C เป็นฟอร์มที่ฉลาดกว่า HTML Form สมัยก่อน ใน HTML Form เราต้องใช้ JavaScript ในการทำงานต่าง ๆ เช่นตรวจสอบฟีลด์ แต่ XForms ทำสิ่งเหล่านี้ได้ในตัวเองทำให้ง่ายในการสร้างฟอร์มต่าง ๆ
แล้วคุณจะเลือกอะไร
สรุปว่า OpenOffice.org 2.0 มีความสามารถใกล้เคียงกับไมโครซอฟท์ออฟฟิศ สามารถแลกเปลี่ยนไฟล์กับไมโครซอฟท์ออฟฟิศได้อย่างครบถ้วน คราวนี้มาดูกันที่ราคา ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 24,500 บาท OpenOffice.org 2.0 ฟรี อย่างนี้คุณคงจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น คุณสามารถเลือกที่จะลง OpenOffice.org 2.0 ให้ทุก ๆ คนในองค์กร ให้ทุก ๆ เครื่อง โดยเฉพาะเครื่องที่คุณไม่มีไลเซ็นส์ของไมโครซอฟท์ออฟฟิศ อย่างนี้ทุกคนก็สามารถให้ทุกคนมีโปรแกรมออฟฟิศใช้อย่างถูกลิขสิทธิ์ได้ ถ้าคุณเป็นร้านเน็ต คุณก็อาจจะลงให้ลูกค้าทุกเครื่องไปเลย เพราะถ้าไม่ใช้ฟีเจอร์ยาก ๆ OpenOffice.org 2.0 ก็ใช้งานไม่ต่างจากไมโครซอฟท์ออฟฟิศเลย
ปัญหาจะอยู่ตรงที่ว่า ถ้าคุณต้องเปลี่ยนให้องค์กรหันไปใช้ OpenOffice.org 2.0 พนักงานทุกคนจะต้องปรับตัว แม้ว่า OpenOffice.org 2.0 จะคล้ายไมโครซอฟท์ออฟฟิศ แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว รายละเอียดที่แตกต่างกันเล็ก ๆ นี้อาจเป็นอุปสรรคในการใช้งานในช่วงแรก ๆ ซึ่งถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ก็จะประสบความสำเร็จ แต่ถ้าผ่านไปไม่ได้ พนักงานบางคนก็อาจจะแอบเอาไมโครซอฟท์ออฟฟิศเถื่อนมาลงในเครื่องของตัวเองอีก
บริษัทโอเพนซอร์สดิเวลอปเมนต์มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือให้องค์กรและบุคคลทั่วไปหันมาใช้โปรแกรมโอเพนซอร์ส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง OpenOffice.org 2.0 เราจึงมีแนวคิดที่จะจัดทำหนังสือสอนการใช้งาน OpenOffice.org 2.0 ที่สมบูรณ์แบบ และจัดอบรมการใช้งาน OpenOffice.org 2.0 เพื่อช่วยให้คุณและองค์กรของคุณสามารถเริ่มต้นย้ายการทำงานมาบน OpenOffice.org 2.0 ได้ง่ายขึ้น
ข้อมูลจาก
http://www.osdev.co.th/index.php?option=com_content&task=view&id=20&Itemid=33ลองศึกษาดูนะครับ