ยิวนั้นมีความเชื่อว่าพระองค์อัลลอห์ทรงประทับหรือนั่งอยู่บนเก้าอี้บัลลังก์
และในคัมภีร์ سِفْرَ الملوكِ الإصحاحِ ส่วนที่ 20 โองการที่ 19-20 ของพวกยิวได้ระบุว่า
وقالَ فاسمع إذًا كلامَ الربِّ قد رأيت الربَّ جالسًا على كرسيهِ وكلُّ جندِ السماءِ وقوفٌ لديهِ عن يمينِهِ وعن يسارِهِ
โมเสสกล่าวว่า ฉันได้ยินคำพูดของพระผู้อภิบาลอย่างแท้จริง ฉันเห็นพระผู้อภิบาลนั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ และไพร่พลแห่งฟากฟ้าทั้งหมดนั้นยืนอยู่เบื้องหน้าพระองค์ทั้งทางขวาและซ้าย
ในคัมภีร์ سِفرُ مزامير الإصحاحُส่วนที่ 47 โองการที่ 8 ของพวกยิวได้ระบุว่า
اللهُ جلسَ على كرسيِّ قدسِهِ
พระเจ้าทรงนั่งอยู่บัลลังค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
แต่ อะกีดะห์อัลอิสลามจากอะห์ลิสซุนนะห์วัลญะมาอะห์ ไม่ยืนยันว่าอัลลอห์ทรงมีคุณลักษณะการนั่งและสถิตและอะกีดะห์อิสลามจะไม่ เหมือนกับความเชื่อองพวกยิว[
/b
น่าแปลกใจที่อะกีดะยิวคล้ายๆกับอากีดะของวาฮาบีมากนี้คือสาเหตุหนึ่งทีวาฮาบีมักจะดูโดดเด่นในทางฟิกฮ์แบบคละเคล้าที่พยามฉิบฉวยทัศนะที่ตนพอใจมาไว้เชยชมและทับถมแนวทางทัศนะอื่น
ทั้งที่เจ้าของทัศนะที่ตนเองแอบอ้างนั้นอาจไม่เห็นดีเห็นงามด้วยแต่นั้นคือนิสัยของวาฮาบีแต่ในทางกลับกันพวกเขามีปมด้อยในเรื่องอากีดะที่ดันไปเหมือนกับยิวและคริสต์และพวกกอรมียะและพวกมุญญัสสิมะ
ทั้งๆที่อัลเลาะฮ์ทรงตรัสเตือนและกำชีบชี้ทางไว้ในคัมภีร์ของพระองค์แล้วก็ตามเช่นอายะที่ว่า
لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ(ลัยซากามิสลีฮีชัยอุน)
"ไม่มีสิ่งใด มาคล้าย เหมือนกับพระองค์ " อัช-ชูรอ 11จากอายะฮ์นี้ ชี้ให้เห็นว่า อัลเลาะฮ์(ซ.บ) ไม่ทรงคล้าย และเหมือนกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย จากบรรดามัคโลคทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นในแง่ใดแง่หนึ่งก็ตาม ซึ่งในอายะฮ์นี้นั้น ได้ปฏิเสธการเหมือนและการคล้ายคลึงไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นพระองค์จึงไม่ต้องการไปยังสถานอยู่ และทิศ ที่พระองค์จะเอาไปเป็นที่อยู่ในมัน แต่พระองค์นั้น ทรงมีอยู่ เสมือนกับท่าน ซัยยิดินา อลี (ร.ฏ.) กล่าวว่า " อัลเลาะฮ์ทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ และพระองค์ในขณะนี้นั้น ก็ทรงอยู่ตามคุณลักษณะที่พระองค์เคยมีอยู่" รายงานโดย อบู มันซูร อัลบุฆดาดีย์ และในหลักฐานนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันสำหรับอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ว่า พระองค์ทรงแตกต่างกับบรรดามัคโลค ที่ถูกสร้างขึ้มา
และอายะฮ์นี้ ทำให้เราเข้าใจว่า พระองค์ทรงบริสุทธิ์การเหมือนและคล้ายกับบรรดาสิ่งที่ถูกสร้างมาทั้งหมดโดยทุกรูปแบบเลยทีเดียว เนื่องจากพระองค์ใช้คำว่า شيىء (สิ่ง) ที่อยู่ในตำแหน่งของการปฏิเสธด้วย ليس ดังนั้น คำ نكرة คือคำว่า شيىء นั้น อยู่ในประโยคสำนวนการปฏิเสธ ย่อมให้ความหมายที่ "ครอบคลุม" ในทุกสิ่งและทุกรูปแบบ ดังนั้น อัลเลาะฮ์(ซ.บ) ก็ทรงถูกปฏิเสธ การคล้ายคลึงกับบรรดามัคโลคอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการคล้ายคลึง ในเชิงที่เป็นตัวตน วัตถุ มีร่างกาย มีอวัยวะ พระองค์ทรงเป็นโดยไม่มีวิญญาณ ไม่ทรงนิ่ง และเคลื่อนไหว พระองค์ไม่ทรงเหมือนกับบรรดาวัตถุ ที่อยู่ข้างบนและอยู่ข้างล่าง พระองค์จะไม่ถูกจำกัดสถานที่ ไม่ทรงมีระยะทาง ใกล้และไกล ดังนั้น พระองค์จึงไม่มีคุณลักษณะเหล่านี้ แต่พระองค์ทรงมี ทรงเป็น ทรงพูด ทรงเห็น ทรงได้ยิน ทรงดำรงด้วยพระองค์เอง ทรงมีความสามารถ ทรงรอบรู้ และมีคุณลักษณะอื่นอีกมากมายที่ไม่มีผู้รู้ได้นอกจากอัลเลาะฮ์ และพระองค์ก็ทรงมีคุณลักษณะอื่นๆ ที่ไม่มีผู้ใดรู้จุดมุ่งหมายของมันได้ นอกจากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) องค์เดียวกันเท่านั้น
และอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงตรัสว่า
وللهِ الْمَثَلُ الأَعْلَى(ว่าลิ้ลลาฮิลมาซาลุ้ลอาลัยุ)
" และสำหรับอัลเลาะฮ์ ย่อมมีคุณลักษณะอันสูงส่งที่สุด " (อันนะหฺลิ 60)
คือ อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงมีคุณลักษณะที่ไม่เหมือนกับสิ่งอื่นๆ จากพระองค์ และพระองค์ทรงไม่มีคุณลักษณะ เหมือนกับบรรดาคุณลักษะของมัคโลค เช่น มีการเปลี่ยนแปลง วิวัฒนาการ การมีสถานที่อยู่ หรืออาศัยอยู่บนบันลังก์ ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่
แต่วาฮาบีก็ยังยืนยันว่าอัลลอฮ์นั้นั่งสถิตยฺบนบรรลังค์ แต่สถิตย์หรือนั่งหรือประทับอย่างไรไม่เป็นที่รู้และยังอ้างอีกว่าหาก ใครถามเรื่องนี้จะเป็นบิดอะตกนรก
ทั้งๆที่วาฮานั้นชอบพูดให้ผู้อื่นสับสนเสมอและคิดในสิ่งที่ตนเองพูดเช่นวาฮาบีกล่าวว่า
มีคนๆหนึ่งรูปร่างคล้ายกับควาย แต่ปฏเสธว่าเป็นควายอย่างไรนั้นไม่ใครรู้ได้นี่คือการหลีกเลียงคำพูดที่ขาดการรับผิดชอบชองวาฮาบีในเรื่องอากีดะที่พวกเขามีปมด้อยและไม่สามารถจะโต้กลับแนวทางมัสหับทั้งสี่ได้เพราะมัสหับทั้งสี่นั้นล้วนอากีดะเดียวกัน
แม้ว่าในเรื่องฟิกฮ์จะแตกต่างกันบ้างในการปฎิบัติซึ่งเป็นธรรมดาเพราะการอิตญิฮาด ย่อมแตกต่างกันและปัจจัยหรือแวดล้อมแต่ละช่วงนั้นย่อมมีผล
ดังนั้นด้วยเหตุความแตกต่างด้านฟิกฮ์ของแต่ละทัศนะนี้แหละ วาฮาบีซึ่งไม่มีทัศนะเป็นของตนเองพวกเขาจึงเลือกใช้ทศนะที่ตนพอใจโดยไม่แยแสต่อเจ้าของทัศนะ มิหนำซ้ำเจ้าของทัศนะบางท่านยังโดนวาฮาบีฮุกมเลยว่า
เขาเหล่านั้นตามไม่ได้เพราะไม้ได้เป็นผู้มะซุมแต่เมือวาฮาบีจนท่าก็มักจะแอบอ้างเอาทัศนะที่ตนเคยฮุกมเคยตำหนินั้นแหละมาใช้โดยลืมคำพูดที่เคยกล่าวหาพวกเขาว่าอีม่าม
ทั้ง4นั้นก็เป็นแค่คนธรรมดาจะไปตามเขาทำไม แต่เวลาอุลามะซาอุฯฟัตวาแล้ววาฮาบียะทั้งหลายกลับยอมรับมันโดนซีโรราบและ
เราจะพบว่าอากีดะวาฮาบีไม่เหมือนกับ ชนในยุคสลัฟอัซซอและเพราะพวกเขาไปเข้าใจว่าอัลลอฮ์ทรงประทับบนบรรลังค์และมีตัวตนมีทิศทางมีการเคลื่อนไหวไปมาได้ฯลฯ
สงสัยเหลือเกินว่าเมื่ออากีดะวาฮาบีเสียหายขนาดนี้แล้วการปฎิบัติตามหลักศาสนบัญญัติของวาอาบีอัลลออ์จะคิดอย่างไรก็ในเมื่ออากีดะวาฮาบีผิดพลาดตั้งแต่ก้าวแรกซะแล้ว
วัลอิ้ยาซุลบิ้ลลา มินซาลิค