ดังนั้น การกำเนิดมนุษย์หรือสรรพสิ่งทั้งหลายขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก็เพราะขึ้นอยู่บนการการสรรสร้างของอัลเลาะฮ์ในทุกวินาทีนั่นเอง ฉะนั้นผู้ใดที่เพ่งมองพินิจพิจารณาถึงการมีผู้ให้บังเกิดสรรพสิ่งทั้งหลาย และทำการใคร่ครวญอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เขาก็จะมองสรรพสิ่งทั้งหลายโดยกลับไปยังผู้สร้าง และจะมีความรู้สึกว่าสรรพสิ่งทั้งหลายนี้มันเป็นเพียงสิ่งที่ฉายให้เห็นผู้ที่สร้างมันที่มีหนึ่งเดียวนั่นเอง ซึ่งดังกล่าวนี้ก็คือความหมายของ วะห์ดะตุลวุยูด ( وَحْدَةُ الْوُجُوْدِ ) ตามแนวทางของนักปราชญ์ซูฟีที่มาจากอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ แต่พวกเขาจะไม่นิยมเรียกว่าวะห์ดะตุลวุยูด ( وَحْدَةُ الْوُجُوْدِ ) แต่จะเรียกว่าวะห์ดะตุชชุฮูด ( وَحْدَةُ الشُّهُوْدِ ) "เอกภาพแห่งการเห็นประจักษ์ด้วยตาใจ" เพื่อไม่ต้องการให้เกิดความคลุมเครือระหว่างวะห์ดะตุลวุญูดตามความหมายของพวกปรัชญากับวะห์ดะตุลวุญูดตามความหมายของนักปราชญ์ซูฟีย์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ และเพื่อมิให้ผู้มุ่งร้ายต่อแนวทางของซูฟีอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ทำการกล่าวหาอย่างฉาบฉวย
มองด้วยตาคือการมองเห็นแบบรูปธรรม ส่วนการมองด้วยตาใจคือการมองเห็นแบบนามธรรม ซึ่งแม้จะหลับตาก็ยังเห็นได้ ดังนั้นเมื่อเรามองสรรพสิ่งทั้งหลายในสากลโลก เราจะตาใจเราจะมองเห็นว่าอัลเลาะฮ์ทรง
เอกภาพในการมีคุณลักษณะฮ์ที่ยิ่งใหญ่ ตาใจเราจะมองเห็นว่าอัลเลาะฮ์ทรง
เอกภาพในการมีคุณลักษณะเกรียงไกร ตาใจเราจะมองเห็นว่าอัลเลาะฮ์ทรง
เอกภาพในการมีคุณลักษณะแห่งการสรรสร้าง ตาใจเราจะมองเห็นว่าอัลเลาะฮ์ทรง
เอกภาพในการมีคุณลักษณะแห่งการเนรมิตรที่วิจิตรงดงาม ตาใจเราจะมองเห็นว่าอัลเลาะฮ์ทรง
เอกภาพในการมีคุณลักษณะผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพ ตาใจเราจะมองเห็นว่าอัลเลาะฮ์ทรง
เอกภาพในการมีคุณลักษณะแห่งความเมตตาปราณี ตาใจเราจะมอบเห็นว่าพระองค์ทรงมี
เอกภาพในการมีคุณลักษณะแห่งการมีชีวิตอย่างแท้จริงไม่สูญสิ้นสลาย และตาใจของเราก็จะเห็นว่าพระองค์เท่านั้นที่ทรงทำให้ตายและทรงทำให้มีชีวิต
และผมก็เชื่อว่านี้ก็คือความหมาย วะห์ดะตุลวุยูด ( وَحْدَةُ الْوُجُوْدِ ) ที่มีความหมายเดียวกับวะห์ดะตุชชุฮูด ( وَحْدَةُ الشُّهُوْدِ ) "เอกภาพแห่งการเห็นประจักษ์ด้วยตาใจ"