بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم
اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ) กล่าวว่า การละหมาดสุนัตมีอยู่สองประเภทคือ
1. ละหมาดที่สุนัตให้ทำเป็นญะมาอะฮ์
2. ละหมาดที่ไม่สุนัตให้ทำเป็นญะมาอะฮ์
ดังนั้น ละหมาดประเภทที่ไม่สุนัตทำเป็นญะมาอะฮ์ อนุญาติให้กระทำเป็นญะมาอะฮ์ได้แต่หากกระทำคนเดียวย่อมดีกว่า เช่น ละหมาดตะฮัจญุดซึ่งท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยกระทำเป็นญะมาอะฮ์ในมัสยิดและไม่เคยเริ่มกระทำละหมาดตะฮัจญุดเป็นญะมาอะฮ์เลย
ท่านอิมาม อัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์ กล่าวเรื่องละหมาดประเภทที่ไม่สุนัติทำเป็นญะมาอะฮ์ไว้ในหนังสือ มุฆนีย์ อัลมั๊วะตาจญ์ ความว่า
لَوْ قَالَ : يُسَنُّ فُراَدَى كاَنِ أَحْسَنَ ، فَإِنَّ السُّنَّةَ أَلَّا يَكُوْنَ فَىْ جَمَاعَةٍ وَإِنْ جَازَ بِالجَمَاعَةِ بِلاَ كَرَاهَةٍ ( لِإِقْتَدَاءِ ابْنِ عَبَّاسٍ بِالنَّبِىِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِىْ بَيْتِ خَالَتِهِ مَيْمُوْنَةَ فِى التَّهَجُّدِ ) مُتَّفَقٌ عَلَيْهِ
"หากบุคคลหนึ่งกล่าวว่า สุนัตให้กระทำแบบคนเดียว ย่อมดีกว่า เพราะแท้จริงซุนนะฮ์นั้นจะไม่ทำเป็นญะมาอะฮ์ และหากแม้นว่าอนุญาติให้กระทำเป็นญะมาอะฮ์โดยไม่มักโระฮ์ก็ตาม เพราะ "ท่านอิบนุอับบาสได้ละหมาดตะฮัจญุดตามท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในบ้านน้าสาวของท่านคือท่านนางมัยมูนะฮ์" รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม หนังสือมุฆนีย์ อัลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 1 หน้า 413
ท่านอิมาม ชัมชุดดีน อัรรอมลีย์ กล่าวว่า
أَى لَا تُسَنُّ فِيْهِ الْجَمَاعَةُ وَلَوْ صَلَّى جَمَاعَةً لَمْ يُكْرَهْ
" หมายความว่า ไม่สุนัตให้ละหมาดญะมาอะฮ์ในละหมาดสุนัตประเภทที่ไม่ทำเป็นญะมาอะฮ์ และหากแม้นว่าจะอนุญาตให้เขาทำละหมาดแบบญะมาอะฮ์โดยไม่มักโระฮ์ก็ตาม" หนังสือนิฮายะตุลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 107
ท่านนูรุดดีน อะลี บิน อะลี อัชชุบรอมุลิซีย์ ได้กล่าวอธิบายคำกล่าวของท่านอัรรอมลีย์ความว่า
قَوْلُهُ وَلَوْ صَلَّى جَمَاعَةً لَمْ يُكْرَهُ أَى وَيُثَابُ عَلَى ذَلِكَ
"(คำ กล่าวของท่านอัรรอมลีที่ว่า หากแม้นว่าจะอนุญาตให้เขากระทำแบบญะมาอะฮ์โดยไม่มักโระฮ์ก็ตาม) หมายถึง จะได้รับผลบุญบนการกระทำสิ่งดังกล่าว" หนังสือนิฮายะตุลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 107
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวว่า
بَلْ هُوَ مَسْنُوْنٌ فِيْهِمَا وَالجَائِزُ بِلَا كَرَاهَةٍ هُوَ وُقُوْعُ الْجَمَاعَةِ فِيْهِ
" แต่ทว่า ละหมาดประเภทที่ไม่ทำเป็นญะมาอะฮ์นั้น สุนัต(คือกระทำแล้วได้ผลบุญ)ให้กระทำได้ทั้งแบบญะมาอะฮ์และแบบคนเดียว และเป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำได้โดยไม่มักโระฮ คือการละหมาดแบบญะมาอะฮ์ในละหมาด(สุนัต)ประเภทที่ไม่ทำแบบญะมาอะฮ์" หนังสือ ตั๊วะฟะตุลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 220
ท่านอัชชัรวานีย์ ได้อธิบายคำกล่าวของท่าน อิบนุ หะญัร ความว่า
قَوْلُهُ هُوَ مَسْنُوْنٌ فِيْهِمَا إلخ أَى يُثَابُ عَلَى ذَلِكَ مُطْلَقاً لَكِنِ الأَوْلَى تَرْكُ الجَمَاعَةِ
"(คำ กล่าวของท่านอิบนุหะญัรที่ว่า ละหมาดประเภทที่ไม่ทำเป็นญะมาอะฮ์นั้น สุนัตให้กระทำได้ทั้งแบบญะมาอะฮ์และแบบคนเดียว) หมายถึง จะได้รับผลบุญบนการกระทำสิ่งดังกล่าวโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ แต่ทว่าที่ดียิ่งนั้นสมควรไม่ทำเป็นญะมาอะฮ์" หนังสือ ตั๊วะฟะตุลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 220
ดังนั้น การละหมาดตัสบีห์ทำละหมาดคนเดียวดีกว่า แต่หากทำละหมาดแบบญะมาอะฮ์ก็อนุญาตกระทำได้และได้รับผลบุญ แต่ทว่าที่บางพื้นที่ทำละหมาดตัสบีห์เป็นญะมาอะฮ์นั้น ก็เพื่อกระตุ้นให้มะมูมทั้งหลายร่วมกันกระทำพร้อมกัน เพราะหากให้กลับไปทำกันเอง บางคนอาจจะไม่ทำก็เป็นได้ครับ
وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ