ประท้วงยิวที่ มอ.หาดใหญ่ 








ชมรมมุสลิมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หาดใหญ่ได้จัดประท้วง ออกแถลงการณ์โดยกลุ่มนักศึกษามุสลิมโดยมีการไฮด์ปาร์กประณามอิสราเอล และเรียกร้องให้มีการช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ โดยจัดขึ้นที่ตึกกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หาดใหญ่ ในวันศุกร์ที่ 9 มกราคม 2552 ตั้งแต่หลังมัฆริบไปจนเกือบเที่ยงคืน
ผู้เข้าร่วมประท้วงยังได้จัดเสวนาในหัวข้อ "ปาเลสไตน์ รอยแผลแห่งสันติภาพ" โดย อ. อนัส แสงอารีย์, อ. อับดุลมะญีด อุปมา , อ. ศราวุธ ศรีวรรณยศ และ ดำเนินการเสวนาโดย อ.โชคชัย วงษ์ตานี
บรรยากาศในงานนั้นเริ่มด้วยการผลัดเปลี่ยนกันกล่าวประณามอิสราเอลจากนักศึกษาในม.อ.หาดใหญ่ มีการแสดงนิทรรศการที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว ปาเลสไตน์ ส่วนเนื้อหาของการเสวนานั้น ได้ให้ความกระจ่างต่อปัญหาปาเลสไตน์ ว่าเป็นปัญหาที่ซับซ้อนด้วยมิติต่าง ๆ ทั้งในทางศาสนา เผ่าพันธุ์ และแตกต่างจากปัญหาการต่อสู้ของมุสลิมในที่อื่น ๆ ทำให้ปัญหานี้โยงใยไปสู่ปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย
ผู้ร่วมเสวนากล่าวถึงปาเลสไตน์ว่า เป็นปัญหาที่ยาวนาน เป็นกระบวนการหนึ่งที่วางแผนมาจากขบวนยิวไซออนิสต์สากล ที่สมคบคิดกับมหาอำนาจทั้งอังกฤษและอเมริกา และเผยให้เห็นถึงแผนการร้ายของยิว เป็นกลุ่มชนที่อยู่เบื้องหลังการวางแผนร้ายต่อปาเลสไตน์
อ. อนัส แสงอารี ย้ำความจริงที่ว่า แผ่นดินปาเลสไตน์แตกต่างกับแผ่นดินอื่น ๆ มันมีความพิเศษ เพราะเป็นแผ่นดินที่เป็นส่วนสำคัญของการอิสรอมิอฺรอจญฺ
เป็นแผ่นดินที่ได้รับการยืนยันว่า ได้รับบารอกัต(พรอันประเสริฐ) เป็นดินแดนของศาสนทูตทั้งหลาย
ในการเสวนามีการวิจารณ์การอ้างสิทธิครอบครองของยิวไซออนนิสต์ที่มีต่อ ปาเลสไตน์ว่า เป็นตรรกะที่ยอมรับไม่ได้ อ.อับดุลมะญีด ยืนยันว่า การอ้างสิทธิทางเผ่าพันธุ์ก็ไม่เป็นความจริง ชาวปาเลสไตน์ก็สามารถอ้างการเป็นเผ่าคานาอันของตนที่เก่าแก่กว่าชาวยิวซะอีก การอ้างเรื่องศาสนายิ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง เพราะเป็นเมืองสำคัญของสามศาสนาที่มีความสำคัญในการอิบาดะฮฺร่วมกัน อ.ศราวธ ชี้ให้เห็นว่าตลอดการปกครองของมุสลิมเป็นเวลามากกว่าพันปี ไม่ได้เอาเยรูซาเล็มมาเป็นเมืองหลวง เพราะต้องการให้เป็นเมืองแห่งการสานเสวนาระหว่างสามศาสนา เพราะฉะนั้นการใช้ตรรกะ
ทั้งเชื้อชาติและศาสนาของยิวจึงเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม อ.ศราวุธ ยังได้ตำหนิพวกสื่อที่อ้างความชอบธรรมของยิวต่อการครอบครองปาเลสไตน์ว่า ยิวสามารถพัฒนาทะเลทรายมาเป็นเมืองที่เจริญได้
เป็นการอ้างตรรกะที่ยอมรับไม่ได้เลย
ที่เสวนามองเห็นความขัดแย้งระหว่างยิวไซออนิสต์และหะมาสว่า เป็นการขัดแย้งที่ยากจะหาที่ยุติ อ. อับดุลมะญีด ได้ให้เหตุผลว่า
เพราะเป็นการขัดแย้งระหว่างสองทฤษฎี ทฤษฎีของไซออนิสต์มองปาเลสไตน์เป็นแผ่นดินแห่งพันธสัญญา ขณะที่ หะมาส มองปาเลสไตน์ว่าเป็นดินแดนที่จะเป็นรวมของเหล่าผู้พิทักษ์สัจธรรมที่ถูก สัญญาไว้ ที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องสัจธรรม โดยเฉพาะในช่วงใกล้วันสิ้นโลกพวกเขาจะมารวมกันในดินแดนแห่งนี้ และทั้งสองฝ่ายต่างกำลังพิสูจน์ทฤษฎีของตนเอง การเผชิญหน้าระหว่างหะมาสกับยิวไซออนิสต์เป็นสิ่งที่ยากจะเลี่ยง เพียงแต่สิ่งที่ไซออนิสต์กระทำนั้นคือการเล่นงานจุดอ่อนของหะมาส คือการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เด็ก ๆ ผู้หญิง นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้
ผู้เข้าร่วมเสวนาได้ตั้งคำถามว่า เราจะทำอะไรที่ได้มากกว่าการดุอาอ์(ขอพร) อ. อับดุลมะญีดได้ให้คำแนะนำไว้ในตอนจบการเสวนาว่า หน้าที่สำคัญอันดับแรกก็คือการผนึกหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องใน ปาเลสไตน์ โดยการติดตามข่าวของพวกเขาตลอดไป ให้ยิ่งกว่าแฟน ๆ เสื้อเหลืองเสื้อแดง เพราะอัลกุดส์เป็นประเด็นปัญหาอันดับหนึ่งของมุสลิม ส่วนหน้าที่อื่น ๆ ก็ให้ทำตามคำแนะนำของอุละมาอ์ ดังเช่น
การกูนูตนาซิละฮฺ การบอยคอตสินค้าผู้สนับสนุนอิสราเอล และที่สำคัญให้บอยคอตความคิดแบบยิวไซออนิสต์ที่อยู่ในตัวของเราด้วย "ยิวนั้นมีหลักการศาสนาคล้ายคลึงกับมุสลิมมากที่สุดเมื่อเทียบกับศาสนาอื่น ๆ ในโลก พวกเขามีเรื่องคิตาน ไม่กินหมู ไม่มีรูปปั้น แต่พวกเขากลายเป็นศัตรูที่รุนแรงที่สุดของมุสลิม ดังที่อิบลิสมีความศรัทธาต่ออัลลอฮฺเหมือนอาดัม แต่อิบลิสก็มีกลายเป็นศัตรูที่รุนแรงที่สุด เพราะสิ่งที่อยู่ในใจของอิบลิส คือความอิจฉาและความยะโสโอหัง คิดว่าตนเหนือกว่าผู้อื่น" ในที่เสวนายังได้กล่าวยืนยันหลักการร่วมที่ เชค ดร. ยูซุฟ อัล-เกาะเราะฎอวีย์ ประกาศว่า
ภาระหน้าที่ได้ถูกกำหนดแก่มุสลิมทุกคนตั้งแต่มอร็อคโคจนถึงอินโดนิเซียที่จะ ต้องช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมในฉนวนกาซ่า เพื่อปกป้องแผ่นดินอิสลามจากการรุกรานของศัตรู "การสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าเป็นหน้าที่ทางศาสนาที่วางบนปัจเจกชน มุสลิมทุก ๆ คน ตามระดับความสามารถของเขา ไม่มีใครได้รับการยกเว้นจากภาระหน้าที่นี้"
-----------------------------------------------------------
http://www.ymat.org/local/index.php?option=com_content&task=view&id=98&Itemid=1