และอีกอย่างหนึ่ง.....ที่ผมจะบอกกับพี่น้องวาฮาบียะ(ท่านมุฮำมัด บินอับดุลวะฮาบ)ทุกคนว่า.........ในเมื่อพวกท่านเน้นหนักในซุนนะ(หลักชารีอัต)ของท่านนบีและคำกล่าวที่ท่านรับรอง.........บรรดาผู้รู้ที่ประเสริฐสุดนั้น มีเพียง3ช่วงของศตวรรษ ..ซึ่งรวมทั้งอีม่ามจากมัสหับทั้ง4.....คือ.ฮานะฟี มาลีกี ชาฟีอี ฮัมบาลี......จากคำพูดอุลามะส่วนมากที่ได้ชี้แจงและกล่าวอธิบายขยายความในเรื่องของบุคคลดังกล่าว..
ซึ่งไม่มีชื่อ ท่านอิบนุตัยมียะ ท่านมุฮำมัด บินอับดุลวะฮาบ หรือคนอื่นๆหลังจากนั้น..
แต่การที่พี่น้องวาฮาบียะ(แนวทางของ ท่านมุฮำมัด บินอับดุลวะฮาบ) กล่าวว่า เขานั้นไม่ได้เจริญรอยตาม ท่านมุฮำมัด อิบนุอับดุลวะฮาบ ดูจะเป็นคำอ้างที่...ฟังไม่ขึ้น.....
และการที่วะฮาบียะบางกลุ่ม กล่าวว่า เขานั้น ตามในความรู้ของท่านอิบนุตัยมียะซึ่งเป็นศิษย์คนหนึ่ง..ของท่านอีม่ามฮัมบาลี(รฮ) ที่มีมัสหับเดียวกัน
คำพูดอย่างนี้ ของพี่น้องวาฮาบียะบางกลุ่มที่อ้างว่า..ตนนั้นสังกัดมีมัสหับเดียวกับ อีม่ามฮัมบาลี(รฮ)เช่นกัน ...............นี้คือ..การกล่าวอ้างที่มดเท็จ......เพราะจากหลายๆอย่าง ไม่ว่า หลักอะกีดะแบบอย่างท่านอิบนุตัยมียะนั้นไม่เหมือนกับอะกีดะของท่านอีม่ามฮัมบาลี วิชาการด้านฟิกฮ์ก็ไม่เหมือนกับเจ้าของทัศนะ วิชาตะเซาวุฟก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิง..
แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ ความไม่เหมือนนั้น มันเป็นตัวฟ้องตัวของเขาเองว่า...นั้นมันเป็นการกล่าวอ้างของวาฮาบียะที่ไม่มีจุดยืนของตนเอง
และบรรดาลูกศิษย์ท่านอื่นๆก็กล่าววิจารณ์อะกีดะของอิบนุตัยมียะอย่างมากมาย...กลับไม่ยอมรับในบางสิ่งที่ท่านอิบนุมัยยะ กล่าวอ้าง....
..และถ้าเราสังเกตุบางอย่าง...ของคำสอนของ ท่านมุฮำมัดฯ ด้วยแล้วยิ่งออกนอกลู่นอกทางมากกว่าท่านอิบนุตัยมียะมากมาย..เรามาดูหลักฐานทางประวัติศาสตร์กันครับ..
เรื่องของมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบได้เริ่มขึ้นในตะวันออกกลางในปี ฮ.ศ.1143 และได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในปี ฮ.ศ.1150 ที่เมืองอันนัจดฺ ซึ่งเขาได้เสียชีวิตในปี ฮ.ศ.1206 เขาได้เริ่มเผยแพร่ด้วยกับการเรียกร้องที่มีการผสมผสานความคิดต่าง ๆ ของเขา โดยอ้างว่า ความคิดเหล่านี้มาจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านและซุนนะฮฺนบี เขาได้ยึดเอาอุตริกรรมบางส่วนมาจากท่านตากียุดดีน อะฮฺหมัด อิบนุ ตัยมียะฮฺ แล้วได้นำมาฟื้นฟูใหม่อีกครั้ง
ส่วนหนึ่งจากอุตริกรรมที่ท่านอิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบที่เอามาจากอิบนุตัยมียะฮฺ คือ
1. การห้ามตะวัสสูลต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด
2. การห้ามเดินทางเพื่อไปเยี่ยมสุสานท่านศาสดามูฮัมหมัดและคนอื่น ๆ จากบรรดาศาสนทูตและบรรดาคนซอและฮฺอื่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อไปขอพร ณ ที่นั้น เพื่อหวังการตอบรับการขอพรจากอัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ)
3. ยัดเยียดการเป็นกาเฟรให้แก่บุคคลที่เรียกผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วยคำต่อไปนี้ :- يارَسُولَ اللهِ โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ , يَامُحَمَّدُ โอ้ท่านมูฮัมหมัด , يَاعَلِيَّ โอ้ท่านอาลี ,หรือกล่าวว่า يَاعبد القادِرِ โอ้ท่านอับดุลกอเดร จงช่วยฉันด้วย หรือเช่นถ้อยคำกล่าวเหล่านี้ นอกเสียจากจะต้องกล่าวกับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
4. ยกเลิกการหย่าแบบมะฟุลบิฮ ที่มีมาพร้อมกับการผิดสาบาน เช่น สาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺในเรื่องที่เสนอว่าจะจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ
5. มีความเชื่อว่าอัลลอฮฺมีรูปร่างและมีทิศ
และเขาก็ได้อุตริเรื่องต่าง ๆ ด้วยกับตัวของเขาเอง ซึ่งสิ่งที่เขาได้อุตริขึ้นมาเช่นต่อไปนี้
1. การห้ามกล่าวซอลาวาตต่อท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ทัดจากอาซาน
2. ลูกศิษย์ของเขาได้ห้ามการจัดงานฉลองวันประสูติท่านศาสดา โดยคัดแย้งกับคำสอนของท่านอิบนุตัยมียะฮฺซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกเขาท่านมูฟตีย์อัชชาฟีอียะฮฺ (ผู้ชี้ขาดในเรื่องของศาสนาสำนักชาฟีอี) ในนครมักกะฮฺได้ตำหนิมูฮัมหมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ
ท่านมูฮัมหมัด อิบนุ วะฮฺฮาบได้อ้างว่า สำนักความคิดที่อุตริหลักการเตาฮีด (วิชาการว่าด้วยการมีพระเจ้าองค์เดียว) เป็นหนึ่งจากการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ แท้จริงมนุษย์อยู่ในการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺมาตั้งแต่ 600 ปีมาแล้ว
ดังนั้นเขาจึงต้องการปรับปรุงศาสนาอิสลามให้กับมนุษย์เหล่านั้น โดยที่เขา (อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ) ได้ตีความโองการแห่งอัลลอฮฺที่ถูกประทานลงมาในกลุ่มผู้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺว่าเป็นกลุ่มนักวิชาการเตาฮีด
- และเขายังได้กล่าวอีกว่า ผู้ที่ขอความช่วยเหลือจากท่านศาสดามูฮัมหมัดหรือคนอื่น ๆ จากบรรดาศาสนทูตของอัลลอฮฺ เอาลียะอฺ และบรรดาผู้ซอและหฺ หรือผู้ที่เรียกหรือขอชาฟาอะฮฺต่อท่านศาสดามูฮัมหมัดหรือบุคคลเหล่านี้ เขาเป็นเปรียบเสมือนบรรดาผู้ตั้งภาคี
ท่านเชคอะฮฺหมัด ฯกล่าวถึงรายงานบทหนึ่งจาก ท่านบุคอรีย์ได้กล่าวว่า ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร (รอฎิฯ) ได้รายงานจากท่านนบี (ศ็อลฯ) ในลักษณะของพวกคอวารีญ (الخوارج) ว่า ?แท้จริงพวกเขาจะพูดถึงโองการต่าง ๆ ที่ประทานลงมาในกลุ่มกาเฟร แล้วได้ตีความโองการใส่ร้ายผู้ศรัทธา? และได้มีบางรายงานจากท่านอิบนุอุมัรอีกว่า ท่านศาสดามูฮัมหมัดได้กล่าวว่า ?สิ่งที่น่ากลัวยิ่งที่ฉันกลัวแทนประชาชาติของฉันคือ ชายผู้หนึ่งที่เขาได้ตีความอัลกุรอ่านซึ่งเขาจะวางอัลกุรอ่านในตำแหน่งที่ไม่ใช่ที่ของมัน? แน่นอนหลักฐานนี้และหลักฐานก่อนหน้านี้ ได้ยืนยันถึงกลุ่มนี้..