ตะเซาวุฟ ? ซูฟีย์ ตะเซาวุฟนั้นเป็นขั้นระดับที่สูงส่ง ตะเซาวุฟ คือการปรับปรุง แก้ไขจิตใจโดยอาศัยจริยธรรมที่มีมาตามบทบัญญัติทั้งภายนอกและภายใน ตะเซาวุฟนั้นดำเนินไปตามครรลองครองธรรมแห่งอัลกุรอ่านและอัลฮาดิษ โดยปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งอัลลอฮฺและปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของท่านศาสดามูฮำมัดในด้านจริยธรรม สภาวการณ์ บริโภคของฮาล้าล (สิ่งที่อนุญาต) มีความบริสุทธิ์ใจในทุกๆการงาน ตอบรับคำสั่งใช้แห่งอัลลอฮฺทุกประการโดยไม่ละเลยในเรื่องที่วาญิบ (สิ่งจำเป็นต้องปฏิบัติ) ไม่เข้าใกล้ข้อห้ามต่างๆ ประพฤติตนด้วยลักษณะที่น่าสรรเสริญ และละทิ้งพฤติกรรมที่น่าตำหนิ
ตะเซาวุฟเป็นวิชาที่ว่าด้วยการฝึกจิตใจให้พ้นจากขอตำหนิต่างๆ เป็นแนวทางที่ดำรงอยู่ได้ด้วยกับความรู้และนำความรู้นั้นไปปฏิบัติด้วย ขั้นสูงสุดของตะเซาวุฟก็คือการรู้เตาฮีด (รู้การเป็นเอกะของอัลลอฮฺ) และการนำเอาสิ่งที่วาญิบ (สิ่งจำเป็น) มาปฏิบัติก่อนสิ่งที่เป็นสุนัต (สิ่งที่ส่งเสริมให้ปฏิบัติ) หลังจากนั้นก็ประพฤติตนให้อยู่ในกรอบแห่งความดีงามต่างๆ ใช้ชีวิตอย่างสมถะ และสวมอาภรณ์แห่งจริยธรรมที่ดีงาม แน่นอนอัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า
﴿تَتَجَافَى جُنُوبُهُمْ عَنِ الْمَضَاجِعِ يَدْعُونَ رَبَّهُمْ خَوْفًا وَطَمَعًا
وَمِمَّا رَزَقْنَاهُمْ يُنفِقُونَ * فَلا تَعْلَمُ نَفْسٌ مَّا أُخْفِيَ لَهُم مِّن قُرَّةِ
أَعْيُنٍ جَزَاء بِمَا كَانُوا يَعْمَلُونَ ﴾
ความว่า: สีข้างของพวกเขาเคลื่อนห่างจากที่นอน พลางวิงวอนต่อพระเจ้าของพวกเขาด้วยความกลัวและความหวัง และพวกเขาได้อุปโภคบริโภคสิ่งที่เราได้ให้เป็นเครื่องยังชีพแก่พวกเขา, ดังนั้นจึงไม่มีชีวิตใดรู้สิ่งที่ถูกซ้อนไว้สำหรับพวกเขา ให้เ(ป็นที่รื่นรมย์)แก่สายตา เพื่อเป็นการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติไว้
(อัสสาญาดะฮฺ : 17)
﴿وَأَمَّا مَنْ خَافَ مَقَامَ رَبِّهِ وَنَهَى النَّفْسَ عَنِ الْهَوَى *
فَإِنَّ الْجَنَّةَ هِيَ الْمَأْوَى﴾
ความว่า: และส่วนผู้ที่หวาดหวั่นต่อการยืนเบื้องพระพักตร์ของผู้อภิบาลของเขา และได้หักห้ามจิตใจจากอารมณ์ ดังนั้นสวนสวรรค์ก็คือที่พำนักของเขา (อันนาซิอาต : 40-41)
ท่านศาสดาได้กล่าวไว้ว่า
(( أحب العباد إلى الله الأتقياء الأخفياء، الذين إذا غابوا لم يفتقدوا،
وإذا شهدوا لم يُعرفوا، أولئك هم أئمة الهدى ومصابيح العلم))
رواه أبو نعيم
ความว่า: บ่าวผู้เป็นที่รักยิ่ง ณ อัลลอฮฺคือปวงบ่าวผู้ที่มีความยำเกรงยิ่งอีกทั้งเกร่งกลัวต่อพระองค์ยิ่ง เมื่อพวกเขาหายหน้าไป ก็จะไม่ถูกตามหา เมื่อพวกเขาเผยตัว ก็จะไม่ถูกรู้จัก พวกเขาเหล่านี้คือผู้นำแห่งหนทางอันเที่ยงตรง คือตะเกียงแห่งความรู้
ท่านอิหม่าม อัชชะอฺรอนีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัล-อันวาร อัล-กุดซียะห์ ถึงวิชาตะเซาวุฟที่แท้จริงนั้นคือ การปฏิบัติตนด้วยกับความรู้ไปพร้อมๆกับบทบัญญัติอิสลามบนแนวทางที่มีความบริสุทธิ์ใจและมีสัจจธรรม หากว่าท่านได้กลับไปยังบุคคลรุ้นแรกๆที่วางพื้นฐานตะเซาวุฟอิสลาม ท่านก็จะพบว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นนักวิชาการ เป็นผู้ปฏิบัติอยู่ในคุณงามความดี เป็นผู้ที่เรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺ และมุ้งไปสู่พระองค์ด้วยกับพระมหาคัมภีร์อัลกรุอ่านและอัลฮาดิษ เพราะเหตุนี้ รัศมีของพวกเขาจึงเจิดจรัส ร่องรอยรัศมีของพวกเขายังคงอยู่เรื่อยมา แน่นอนตะเซาวุฟก็คือ การศึกษาวิชาการอันประเสริฐซึ่งเป็นฟัรดูอีน (จำเป็น) ต่อมุสลิมทั้งชายและหญิง แล้วนำเอาไปปฏิบัติด้วยกับความรู้ที่ศึกษามา เพื่อแสวงหาสัจธรรมและความบริสุทธิ์ใจ ดังกล่าวนั้นก็ด้วยการขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ ระงับความชั่วต่างๆด้วยกับการซิเกร (ระลึกถึงอัลลอฮฺ) ทางกาย วาจา ใจ หมั่นทำอิบาดะห์อยู่เป็นเนืองนิตย์ เพื่อให้วิญญาณมีความสะอาดบริสุทธิ์ มีจิตใจที่สูงส่ง และเพื่อเป็นการรักษาหัวใจให้พ้นจากโรคภัยต่างๆ แน่นอนจะเป็นตะเซาวุฟไม่ได้ หากไร้ซึ่งความรู้ หรือมีความรู้แต่ไม่ได้นำเอาความรู้นั้นไปใช้ประโยชน์หรือนำไปปฏิบัติ ส่วนผู้ที่อ้างว่าตะเซาวุฟคือสิ่งอื่นจากนี้นั้น สิ่งนั้นมิใช่ตะเซาวุฟ หากเป็นการยัดเยียดเพื่อเป็นการสร้างความเสื่อมเสีย หรือเป็นพฤติกรรมของกลุ่มชนที่โง่เขล่า
และเพื่อเป็นการอธิบายให้เข้าใจในความหมายของตะเซาวุฟและแก่นแท้ของวิชานี้ สมควรที่จะต้องกล่าวอ้างถึงคำพูดของนักวิชาการ และผู้ที่มีความซอและห์บางท่าน เพื่อให้เกิดความกระจ่างแจ้งในตะเซาวุฟ
1.
ท่านอิหม่ามอะห์มัด อิบนุ ฮัมบัล ผู้เป็นผู้นำสายอะห์ลิสสุนนะห์ได้กล่าวกับลูกของท่านนามว่าอับดุลลอฮฺว่า ?โอ้ลูกของข้าเอ๋ย! จำเป็นแก่เจ้าที่จะต้องไปนั่งร่วมกับกลุ่มชนเหล่านี้ เพราะแท้จริงพวกเขาจะเพิ่มพูนความรู้ ความเกรงกลัว ความยำเกรง ความสมถะ และสุดยอดแห่งความตั้งใจอันแน่วแน่ ให้แก่ตัวเจ้า? โดยที่ท่านอีหม่ามยังได้กล่าวต่อไปอีกถึงเรื่องซูฟีย์ว่า ?ฉันไม่รู้ทราบว่ามีกลุ่มใดๆที่จะประเสริฐยิ่งกว่ากลุ่มพวกเขา (กลุ่มซูฟีย์)? (อ้างอิง: หนังสือ ตันวีร อัล-กุโลบ หน้าที่ 405, หนังสือ ฆอซาอฺ อัล-อัลบาบ ลิชัรฮี่ มันซูมะห์ อัล-อาดาบ ของท่านซาฟารีนีย์)
2.
ท่านอิหม่ามอัล-ฆอซาลี ผู้เป็นหลักฐานแห่งอัล-อิสลาม ท่านได้กล่าวว่า ?แน่นอน ฉันรู้โดยมั่นใจเลยว่า ซูฟีย์คือบรรดาผู้เดินทางไปในหนทางแห่งอัลลอฮฺโดยเฉพาะ การเดินทางของพวกเขานั้นเป็นการทางที่ดีที่สุด เส้นทางของพวกเขาคือเส้นทางที่ถูกต้องที่สุด จริยธรรมของพวกเขาคือจริยธรรมที่สูงส่งที่สุด (อ้างอิง: หนังสือ อัล-มุนกิซ มิน อัฎฎอล้าล หน้าที่ 49)
3.
ท่านอัล-อิซ อิบนุ อับดุสสลาม ผู้เป็นสุลต่านของมวลนักวิชาการ ท่านได้กล่าวไว้ว่า ?กลุ่มซูฟีย์นั้น นั่งอยู่บนหลักเกณฑ์ของบทบัญญัติอิสลามโดยที่ไม่ได้ทำลายเรื่องของภพนี้และภพหน้า และกลุ่มอื่นที่มิใช้ซูฟีย์นั้น นั่งอยู่บนเส้นของบทบัญญัติอิสลาม? (อ้างอิง: นูร อัตตะกีก หน้าที่ 96 ของท่านเชค ฮามิด ซอคร์)
4.
ท่านอิหม่ามมาลิกได้กล่าวไว้ว่า ?บุคคลใดที่มีฟิกฮฺ (กฎหมายอิสลาม) แต่ไม่มีตะเซาวุฟ แน่แท้เขาคือผู้บิดพริ้ว บุคคลใดที่ไม่มีฟิกฮฺ แน่แท้เขาคือผู้ไม่มีศาสนา และบุคคลใดที่รวมสองสิ่งเข้าด้วยกัน แน่แท้เขาได้ทำให้บรรลุผล? (อ้างอิง: ฮาชียะห์ อัล-อัลลามะห์ อาลี อัล-อะดะวีย์ อะลา ชัรฮฺ อัล-อิหม่ามริสกอนีย์ อะลา มัตนี่ อัล-อัซบะห์ ฟี อัลฟิกฮฺ อัลมาลีกี , ชัรฮฺ อัยนฺ อัล-อิลมฺ วาซีนุ้ลฮิลมี ของท่านอีหม่าม มะลา อาลี กอรีย์)
5.
ท่านอิหม่ามชาฟีอีได้กล่าวว่า ?สามสิ่งจากดุนยา (ภพนี้) ของพวกท่าน มันได้ทำให้ฉันรัก (ซึ่งสามสิ่งนั้นก็คือ) ความไร้ซึ่งการเสแสร้ง การสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อมนุษย์ด้วยความอ่อนโยน การปฏิบัติตามแนวทางของนักตะเซาวุฟ? (อ้างอิง: กาชฟุ้ลคอฟาอฺ วามะซีลุ้ลอัลบาส อัมมาซตาฮาร่อ มินัลอะฮาดิษ อะลา อัลสินะติ้ลอินซาน ของท่านอิหม่ามอัล-อาจลูนีย์)
6.
ท่านอิหม่ามนาวาวี ผู้เป็นเชคแห่งสำนักคิดชาฟีอียะห์ ผู้ซึ่งถูกได้รับความไว้วางใจจากการลงมติของประชาชติอิสลาม ท่านได้กล่าวว่า ?รากฐานของแนวทางตะเซาวุฟมีอยู่ 5 ประการ คือ 1) การยำเกรงต่ออัลลอฮฺทั้งที่ลับและที่แจ้ง 2) การปฏิบัติตามแนวทางของท่านศาสดามูฮำมัดทั้งในด้านคำพูดและการกระทำ 3) การแสดงออกอย่างเปิดเผยต่อผู้คน(ด้วยความบริสุทธิ์ใจ) ทั้งต่อหน้าและลับหลัง 4) ความพึงพอใจต่อสิ่งที่อัลลอฮฺทรงกำหนดไม่ว่าจะน้อยหรือมาก 5)การกลับสู่อัลลอฮฺไม่ว่าจะอยู่สภาพที่สุขสบายหรือทุกข์ตรม? (อ้างอิง: มะกอซิด อัล-อิหม่ามอันนาวาวีย์ วัตเตาฮีด วันอิบาดาต วาอุซู้ลตะเซาวุฟ หน้าที่20)
7.
ท่านอิหม่ามฟัครุดดีน อัล-รอซีย์ ปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านการอรรถาธิบายพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน ท่านได้กล่าวไว้ในบทที่ 8 ของหนังสือ อะฮฺวาลุ้ซซูฟีย์ (สถานะของซูฟีย์) ว่า ?จงรู้ไว้เถิด! มากมายจากกลุ่มต่างๆของประชาชาติละที่จะกล่าวถึงซูฟีย์ และดังกล่าวนั้นก็คือความผิดพลาด เพราะผลสรุปของคำพูดของซูฟีย์ก็คือ หนทางไปยังการรู้จักอัลลอฮฺนั้นก็คือ การทำให้บริสุทธิ์ และการขจัดจากความสัมพันธ์ต่างๆทางด้านร่างกาย และนี่แหละคือหนทางที่ดีที่สุด? และท่านอิหม่ามยังได้กล่าวเสริมอีกว่า ?และนักตะเซาวุฟก็คือกลุ่มที่วุ่นอยู่ในเรื่องของความคิด และการทำจิตใจให้ปราศจากการมีความสัมพันธ์กับร่างกาย และพวกเขาก็ยังพยายามที่จะมิให้จิตและใจนั้นบกพร่อง ด้วยการระลึกถึงอัลลอฮฺในทุกสภาพการงานของพวกเขา พวกเขาคือแม่พิมพ์ทางด้านมารยาทที่สมบูรณ์ที่มีต่ออัลลอฮฺ พวกเขาคือกลุ่มชนที่ดีกว่ามนุษย์ชาติทั้งหมด? (อ้างอิง: หนังสือ เอี๊ยะติกอด้าต ฟิรอกุ้ลมุสลิมีน วัลมุชริกีน)
8.
ท่านอิหม่ามอะห์มัด อิบนุ ตัยมียะห์ ได้กล่าวถึงการยึดถือของซูฟีย์ตามอัลกุรอ่านและฮาดิษว่า ?ดังนั้นส่วนผู้ที่มีความเที่ยงธรรมจากบรรดาผู้เดินทางไปสู่อัลลอฮฺ (กลุ่มซูฟีย์) ที่เหมือนกับบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิของชาวสาลัฟ เฉกเช่น ท่านอัลฟาดีล อิบนุ อิยาฎ ท่านอิบรอฮีม อิบนุ อัดฮัม ท่านสุไลมาน อัดดารอนีย์ ท่านมะรูฟ อัลกัรคีย์ ท่านอัล-สารีย์ อัล-สากอตีย์ ท่านอัล-ญุนีด อิบนุ มูฮำมัด และท่านอื่นๆอีกจากคนอยู่ก่อน และเฉกเช่น เชค อับดุลกอเดร อัลญัยลานีย์ ท่านเชค ฮัมมาด ท่านเชค อุบัย อัลบายาน และท่านอื่นๆอีกจากคนยุคหลัง แน่นอน(บรรดาผู้นำทางด้านซูฟีย์)พวกเขาจะไม่ยอมให้ผู้ที่เดินทางในหนทางนี้ออกจากคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามตามบทบัญญัติ มาดแม้นว่าผู้ที่เดินทางในหนทางนี้จะบินในอากาศหรือเดินบนน้ำก็ตาม แต่ทว่าผู้ที่เดินทางในหนทางนี้จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งใช้และยับยั้งจากข้อห้ามต่างๆจนกระทั่งตาย นี่แหละคือสัจธรรมพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน อัลฮาดิษและการลงมติของสาลัฟได้ชี้นำ...? (อ้างอิง: มัจมัวะ ฟะตาวา ของท่านอิหม่ามอะห์มัด อิบนุ ตัยมียะห์ เล่มที่10)
9.
ท่านอิบนิคอลดูลได้กล่าวไว้ในหนังสือ อิลมุตตะเซาวุฟ ว่า ?วิชาตะเซาวุฟนี้ คือหนึ่งจากบรรดาวิชาตามบทบัญญัติอิสลามที่เกิดขึ้นในศาสนา และที่มาของวิชานี้ก็คือ แนวทางของกลุ่มเหล่านี้ที่คงมีอยู่ ณ ปะชาชาติรุ่นก่อนๆ บรรดาผู้อวุโสจากซอฮาบะห์และตาบีอีน และบุคคลรุ่นหลังๆ ซึ่งแนวทางนี้เป็นแนวทางแห่งความมีสัจธรรม เป็นแนวทางที่ได้รับทางนำ และที่มาของแนวทางนี้ก็คือ การพากเพียรในการปฏิบัติศาสนกิจ การยับยั้งความชั่วร้ายโดยมุ่งสู่อัลลอฮฺ การผินหลังให้กับความฟุ้งเฟ้อและการตบแต่งดุนยา ความมีสมถะในสิ่งที่กลุ่มชนมอบให้จากความเอร็ดอร่อย ทรัพย์สินเงินทองและเกียรติยศ การแยกตัวออกจากผู้คนเพื่อทำศาสนกิจ สิ่งต่างๆดังกล่าวนี้คือเรื่องปรกติของซอฮาบะห์และชาวซาลัฟ ดังนั้นเมื่อการผิดหลังให้กับดุนยาได้แพร่กระจายออกไปในสมัยที่ 2 และหลังจากนั้น ปีกของมนุษย์ได้แพร่ไปทั่วโลก ผู้ที่หันเข้าสู่แนวทางในการทำอิบาดะห์ (ศาสนกิจ) ก็ได้ให้คำจำกัดความด้วยนามว่า ?ซูฟีย์?
10.
ท่านอิหม่ามอัสสายูตีย์ได้กล่าวว่า ?ตะเซาวุฟในตัวของมันแล้วก็คือ วิชาอันประเสริฐ และจุดกำเนิดวิชานี้ก็มาจากการปฏิบัติตามแนวทางของท่านศาสดามูฮำมัด ละทิ้งอุตริกรรม และฉันก็รู้ด้วยว่า มีมากมายจากสิ่งที่แทรกซึมเข้ามาในวิชานี้จากกลุ่มที่มีความคล้ายคลึงกับชาวตะเซาวุฟ โดยที่พวกเขาก็ไม่ใช่ชาวตะเซาวุฟ แล้วพวกเขาก็นำเอาสิ่งที่ไม่ใช่ตะเซาวุฟแทรกซึมเข้ามาในตะเซาวุฟ แล้วสิ่งดังกล่าวนั้นก็นำไปสู่การคาดคะแนของผู้คนต่อตะเซาวุฟอย่างผิดๆ (โดยเหม่ารวมว่าตะเซาวุฟและกลุ่มซูฟีย์เป็นกลุ่มที่ออกนอกลู่นอกทาง)
11.
ท่านอบูฮาซัน อัชชาซูลีย์ ได้กล่าวว่า ?เมื่อการวิจัยของท่านมันค้านกับอัลกุรอ่านและฮาดิษ ดังนั้นท่านจงยึดเอาอัลกุรอ่านและฮาดิษ และยังละทิ้งการวิจัยดังกล่าวเสีย จงกล่าวกับตัวท่านเองว่า แท้จริงอัลลอฮฺได้ประกันความปลอดภัยให้กับฉันไว้ในอัลกุรอ่านและอัลฮาดิษ และอัลลอฮฺจะไม่ทรงประกันความปลอดภัยในด้านการวิจัย การอิลฮาม(การดลใจ) การรู้สึกไปเอง เว้นแต่หลังจากตรวจสอบสิ่งเหล่านั้นด้วยกับอัลกุรอ่าน และอัลฮาดิษ ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องตรวจสอบด้วยการรับฟังจากคำพูดของคนส่วนมากที่มีอุดมคติว่า ความเที่ยงตรงที่อยู่เหนือบทบัญญัติอันสะอาดบริสุทธิ์ก็คือ สิ่งที่ประเสริฐและดีกว่าการอมัต(สิ่งที่เหนือธรรมชาติมนุษย์) ใดๆ
12.
ท่านเชค มุฮยิดดีน อิบนุ อาราบีย์ ได้กล่าวไว้ว่า ?ผู้ที่ที่ไม่ปฏิบัติตามท่านศาสดามูฮำมัด (ศ็อลฯ) จะไม่หวังที่จะไปถึงอัลลอฮฺ
13.
ท่านอิบนุอาตออิ้ลลาฮฺ อัลอัสกันดารียะห์ ได้กล่าวว่า ?ผู้ใดที่เคร่งคัดกับตัวเองต่อการมีมารยาทตามแนวทางของท่านนบี อัลลอฮฺจะทรงทำให้หัวใจของเขามีรัศมีด้วยกับรัศมีแห่งการรู้จักอัลลอฮฺ และไม่มีมากอม (ระดับขั้นหนึ่งของซูฟีย์) ใดๆที่จะประเสริฐไปกว่ามากอมของผู้ปฏิบัติตามท่านศาสดามูฮำมัดในด้านของคำสั่งใช้ การกระทำ และจรรยามารยาทของท่านศาสดา
14.
ท่านเชคอบุลกอเซ็ม อัลกุชัยรีย์ ได้กล่าวว่า ?บรรดาผู้อาวุโสของแนวทางทั้งหมดนั้นได้แนะนำว่า ไม่ว่าคนใดในกลุ่มพวกเขาจะไม่ออกมติใดๆในแนวทางนั้นๆ นอกจากจะต้องมีความรู้อย่างลึกซึงในวิชาการต่างๆทางบทบัติญัติอิสลาม
นี่คือส่วนหนึ่งจากคำพูดของนักวิชาการและผู้นำซูฟีย์ ซึ่งในแต่ละคำพูดนั้นจะดให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติตามคำสอนแห่งอัลลอฮฺกุรอ่านและอัลฮาดิษ โดยเป็นการปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด ห่างไกลจากสิ่งที่คัดต่อคำสั่งใช้ที่มีมาในทั้งสอง ทุกๆคำพูดได้เรียกร้องไปสู่จริยธรรมอันทรงเกียรติ ไปสู่ความกลัวเกรงอัลลอฮฺ (ตะอาลา) ไปสู่ความยำเกรง ความเมตตาปราณี และแสวงหาความพึงพอพระหทัยจากพระองค์ สรุปก็คือคำพูดของบรรดานักซูฟีย์ได้เรียกร้องไปสู่ความดีทั้งหมด ห้ามปรามความชั่วทั้งมวล และในจุดนี้ยังได้อธิบายให้กับเราอย่างชัดเจดถึงแก่นแท้ของตะเซาวุฟว่า มันคือวิชาหนึ่งที่มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงแก้ไขตัวมุสลิมให้เป็นคนดี เข้าถึงยังการทำให้อัลลอฮฺพึงพอพระหทัย เคร่งคัดต่อบทบัญญัติ และทิ้งสิ่งที่ขัดต่อบทบัญญัติทั้งปวง นี่แหละคือเป้าหมายในการสร้างมนุษย์บนพื้นพิภพแห่งนี้
และนี่ก็เป็นคำชี้แจงและอธิบายให้กับบุคคลที่ต้องการยอมรับต่อแก่นแท้ของตะเซาวุฟ สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่อัลลอฮฺและศาสนทูตแห่งพระองค์พึงพอพระหทัยใช่หรือไม่ครับ นี่แหละคือตะเซาวุฟ และผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางของตะเซาวุฟก็คือกลุ่มซูฟีย์ และสิ่งที่มันขัดกับสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เราสามารถกล่าวได้เลยว่า สิ่งนั้นไม่ใช่ตะเซาวุฟ ไม่ใช่ซูฟีย์ หากเป็นความคิดที่เลยเถิดโดยออกจากบทบัญญัติอิสลาม.
โดย..อิบนุ อาลี
http://www.ridwanclub.com