โลกนี้เป็นคุกของมุอ.มินมีรายงานจากท่านอบีฮุรอยเราะฮ. ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า ท่านร่อซูลุลลอฮ. ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะวัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า
โลกดุนยานี้เป็นคุกของผู้ศรัทธา (มุอ.มิน) และเป็นสวรรค์ของผู้ปฏิเสธศรัทธา (กาฟิร.)
(บันทึก โดย อิมามมุสลิม)
คำอธิบาย เมื่อเราพิจารณาฮะดีสนี้ เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่า ดุนยาคืออะไร? และสวรรค์คืออะไร? อัลลอฮ. ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสเกี่ยวกับสวรรค์และนรกไว้มากมายในอัลกุร.อานหลายร้อยอายะฮ. และเช่นเดียวกัน ในฮะดีสของท่านร่อซูลลอฮ. ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้แจ้งให้เราทราบว่าดุนยาคืออะไร? กล่าวคือ ดุนยา คือโลกที่เราอาศัยอยู่นี้นั้น เป็นสถานที่พำนักชั่วคราวแต่สำหรับสวรรค์หรืออาคิเราะฮ.นั้น เป็นสถานที่ที่ถาวรที่บรรดาผู้ศรัทธาจะไปอาศัยอยู่อย่างนิรันดร
โลกดุนยานี้เป็นสถานที่ทดสอบ เพื่อให้เรารู้ว่าเป็นผู้ศรัทธาจริงหรือไม่ เป็นผู้ศรัทธาหรือผู้ปฏิเสธ เป็นผู้ที่ดำรงไว้ในหนทางของอัลลอฮ. หรือตกเป็นเหยื่อของชัยฏอน เป็นผู้ที่กระทำเพื่ออัลลอฮ.ด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือเพื่อผลประโยชน์อันเล็กน้อยของโลกดุนยานี้ ซึ่งแท้จริงแล้วผลประโยชน์ต่าง ๆ ในดุนยานี้ไม่ว่าจะใหญ่หลวงเพียงใดนั้น ก็ยังนับว่าเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น เพราะดุนยานี้เป็นสถานที่พักชั่วคราว ท่านจะมีสุขภาพดีขนาดไหนท่านจะรวยเพียงใด สิ่งเหล่านี้สักวันหนึ่งจะต้องสูญสลายหมดสิ้นไป คนที่เคยมีสุขภาพดีก็ต้องเจ็บป่วย คนที่เคยแข็งแรงก็ต้องอ่อนแอ คนที่มีลูกหลานมากมายก็อาจเป็นไปได้ว่าลูกหลานทุกคนนั้นไม่ได้อยู่ในหนทางของอัลลอฮ.
โลกดุนยานี้เป็นสุสานที่อำนวยความสุขมากมายตามแต่มนุษย์จะรักจะชอบ บางคนชอบทรัพย์สมบัติ บางคนชอบอำนาจ บางคนชอบหลงไหลอยู่กับความสุขสำราญจากสิ่งอำนวยความสะดวกอันมากมายนี้ ทั้ง ๆ ที่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ถาวร แต่อัลลอฮ.ก็ประทานดุนยาให้แก่มนุษยชาติทั้งมวล ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ศรัทธาหรือผู้ปฏิเสธศรัทธาก็ตาม
สำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธาเขาจะถือว่าสิ่งอำนวยความสุขในดุนยานี้เป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาของเขา เขาต้องการเพียงให้ได้มันมาเท่านั้น เพราะเขามองเพียงแต่โลกนี้ เขาไม่ได้มองโลกอาคิเราะฮ. เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสำราญ จะกินอะไร จะหาความสำราญที่ไหน สิ่งเหล่านี้นับเป็นความปรารถนาอันสูงสุดสำหรับเขา เมื่อเขาได้ทรัพย์สมบัติ เมื่อเขาได้อำนาจ เขาจะไม่มองคนอื่น ๆ นอกจากตัวเขาเองเท่านั้น
แต่สำหรับมุอ.มินนั้นถือได้ว่าสิ่งอำนวยความสุขนั้น จะต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง (ฮะล้าล) ได้มาในทางที่ฮะล้าล และจะต้องใช้ไปในทางที่ถูกต้องด้วย เพราะเขาเข้าใจว่าสิ่งอำนวยความสุขนั้น ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใด แต่แล้วสักวันหนึ่งมันจะต้องหมดไป และเมื่อเขาเข้าใจดีว่าโลกนี้เป็นโลกแห่งการทดสอบทดลองเท่านั้น เขาจึงไม่มีความโลภในดุนยาและไม่มองว่าดุนยานี้เป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาของเขา เพราะเขาตระหนักดีว่าสิ่งอำนวยความสุขเหล่านี้สักวันหนึ่งต้องสลายไป แต่สิ่งที่คงถาวรนั้นอยู่ในโลกอาคิเราะฮ.ตลอดไป
เมื่อผู้ศรัทธามองเห็นได้อย่างนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะรวยหรือจน จะมีสุขภาพดีหรือไม่ดี จะมีอำนาจหรือไม่มีอำนาจ จะได้รับสิ่งที่เขาปรารถนาหรือได้รับสิ่งที่เขาไม่พึงปรารถนาก็ตาม เขาจะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ขออย่างเดียว ขอให้ได้เป็นผู้เคารพภักดีต่ออัลลอฮ. ตะอาลา องค์เดียว ขอให้ได้เป็นผู้มอบหมายต่ออัลลอฮ.ในทุก ๆ สภาพ ขออย่าให้เป็นผู้ที่ลืมตัว ลืมหน้าที่ในฐานะที่เป็นผู้ศรัทธาในโลกนี้ ก็เป็นการพอเพียงแล้ว
ท่านร่อซูลุลลอฮ. ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นผู้ที่อัลลอฮ.ทรงรักยิ่ง แต่ชีวิตของท่านนั้น หากว่าเราเทียบการใช้ชีวิตของเรากับท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมแล้ว อาจจะเทียบได้ว่าชีวิตของท่านร่อซูล อาจจะด้อยกว่าชีวิตคนทั่ว ๆ ไป เพราะท่านใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก เช่น อาหารการกินของท่านเป็นไปอย่างง่าย ๆ บางครั้งเดือนหนึ่งไม่ได้ติดเตาไฟเลย เพียงเอาขนมปังแห้ง ๆ จิ้มกับน้ำมันซัยตูนรับประทานเท่านั้น แต่เรื่องนี้ก็มิได้ทำให้ท่านไม่สบายใจไม่ ตรงกันข้ามท่านกลับมีความอบอุ่นใจ
ภายหลังจากท่านร่อซูลลุลลอฮ. ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สิ้นชีวิต (วะฟาต) แล้ว ท่านอบูบักรและท่านอุมัร. ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา ก็ใช้ชีวิตเช่นเดียวกับท่านร่อซูล ครั้งหนึ่งมีคนบอกกับท่านอุมัร.ว่า ความจริง ท่านน่าจะดูแลตัวเองบ้างในเรื่องการกินการดื่ม (หมายถึงให้รับประทานอาหารดี ๆ บ้าง ) หรือนอนในสถานที่ที่เหมาะสมบ้าง (หมายถึงให้ที่นอนมีความอ่อนนุ่ม) เพราะขณะนี้อาณาจักรมุสลิมมีอำนาจ มีรายได้มหาศาล เมื่อท่านอุมัร.ได้ยินเช่นนั้นท่านร้องไห้และกล่าวว่า
ฉันต้องการดำเนินรอยตามผู้เป็นสหายของฉัน คือท่านร่อซูลุลลอฮ.และท่านอบูบักร.และฉันไม่ต้องการทำลายสิ่งที่อัลลอฮ.ทรงตระเตรียมให้แก่ฉันในโลกอาคิเราะฮ." เพราะอัลลอฮ.ตรัสกับบรรดาพวกกุฟฟ๊าร.ว่า พวกเจ้าทำลายสิ่งที่ดี ๆ ในโลกดุนยา (หมายถึงพวกกาฟิร..จะนึกถึงว่าในโลกดุนยานี้เป็นโลกแห่งความสำราญเท่านั้น โดยไม่นึกถึงโลกอาคิเราะฮ.) เมื่อเวลาพวกกุฟฟ๊าร.นี้กลับไปในโลกอาคิเราะฮ. อัลลอฮ.จะตรัสกับพวกกุฟฟ๊าร.ว่า พวกเจ้าทำลายสิ่งที่จะเป็นการดีแก่พวกเจ้าในโลกอาคิเราะฮ. เพราะพวกเจ้าไม่ได้นึกถึงการตอบแทนในโลกอาคิเราะฮ.เลย มีแต่นึกถึงโลกดุนยาอย่างเดียว ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยมิใช่เพื่ออัลลอฮ. แต่เพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่น เพราะเหตุนี้อัลลอฮ.จะทรงประทานอะไรแก่เขาไม่ได้อีกแล้ว
ฮะดีสนี้ท่านร่อซูลุลลอฮ. ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนให้เรารู้ถึงฐานะของมุสลิมในดุนยานี้ว่าเป็นอย่างไร และให้เราทราบว่า ดุนยานี้เป็นอะไรสำหรับมุสลิม ท่านร่อซูลุลลอฮ. ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า โลกดุนยาคือคุกหรือเรือนจำ คือเป็นสถานที่ที่มีขอบเขต มีบริเวณ ซึ่งผู้ที่อยู่ในสถานที่นี้จะไม่มีอิสระ แต่จะมีเขตหวงห้ามและคุกนั้นเป็นสถานที่ที่จะต้องมีระเบียบ และจะต้องรักษาคำสั่ง ผู้ที่อยู่ในคุกถ้าฝ่าฝืนคำสั่งหรือระเบียบแล้ว จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก เวลาจะไปที่ไหนต้องขออนุญาต เมื่อท่านร่อซูลบอกว่า ดุนยานี้เป็นคุกสำหรับผู้ศรัทธา เป็นการเปรียบเทียบ หมายความว่า ผู้ศรัทธาต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด เมื่อสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ต้องห้าม เขาจะฝ่าฝืนไม่ได้ หมายถึง มุอ.มินจะทำอะไรนอกขอบเขตไม่ได้ เช่นเดียวกับที่อยู่ในคุกจะละเมิดขอบเขตไม่ได้ มุอ.มินนั้นไม่ว่าเขาจะมีฐานะอย่างไร เขาจะต้องเคารพขอบเขตของศาสนา จะคบค้าสมาคม ต้องเลือกว่าจะคบกับใครและจะต้องมีขอบเขตอีกด้วย สิ่งใดที่ละเมิดบัญญัติศาสนาเขาจะกระทำไม่ได้ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลาน ฯลฯ เขาต้องรักษาขอบเขตศาสนา ไม่ว่าในด้านการค้าขาย การคบค้าสมาคม หรือในด้านหนึ่งด้านใดที่มนุษย์จะต้องพบในโลกนี้ เพราะการรักษาขอบเขตของศาสนานั่นเองที่ทำให้โลกดุนยาเป็นที่ที่มีขอบเขตเช่นเดียวกับคุก
ถ้าเราจะเทียบคนที่เป็นมุอ.มินกับนักโทษที่อยู่ในคุกนั้น จะเห็นว่าความรู้สึกไม่เหมือนกัน ความรู้สึกของคนที่อยู่ในคุกนั้นเป็นการทรมานจิตใจ นึกถึงแต่ว่าเมื่อไรจะได้ออกไปเสียที และบางคนถึงกับฆ่าตัวตายเพื่อหนีสภาพทรมานนั้น แต่สำหรับผู้ศรัทธาทั้ง ๆ ที่ ดุนยานี้มีสภาพเสมือนคุกสำหรับเขา แต่เมื่อเขายิ่งรักษาขอบเขตศาสนา เขากลับยิ่งมีความรู้สึกอบอุ่นใจและไม่นึกคิดที่จะหนีจากโลกดุนยานี้ เขาเพียงแต่กล่าวว่า
หากพระองค์อัลลอฮ. ทรงรู้ว่าการที่ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ในดุนยานี้เป็นการดีแก่ข้าพระองค์ และศาสนาของข้าพระองค์แล้ว ก็ขอให้ข้าพระองค์มีอายุยืน และหากว่าพระองค์ทรงรู้ว่าการมีชีวิตของข้าพระองค์ในโลกนี้จะเป็นผลร้ายแก่ศาสนาของข้าพระองค์แล้ว ก็ขอให้พระองค์ทรงเรียกข้าพระองค์กลับไปเร็ว ๆ ด้วยเถิด (หมายถึงให้ความตายนั้นเป็นการยุติชีวิตนั่นเอง)
ซึ่งความรู้สึกนี้ย่อมแตกต่างกับนักโทษที่อยู่ในคุก ซึ่งหากพวกเขามีหนทางหรือโอกาสที่จะหลบหนีได้เขาก็จะรีบทำทันที แต่สำหรับมุอ.มินนั้นไม่คิดที่จะหนีหรือเบื่อหน่ายต่อโลกดุนยานี้ หากเขารู้ว่าตราบใดที่เขารักษาขอบเขตของศาสนา เขาจะมีความอบอุ่นใจ มีความมั่นใจในการตอบแทนจากอัลลอฮ.. ซึ่งการรักษาขอบเขตของศาสนานั้นหาใช่เป็นการสร้างความคับแค้น ขมขื่นใจ หรือสร้างความเบื่อหน่ายให้แก่ผู้ศรัทธาก็หาไม่
เพราะเหตุนี้ ท่านร่อซูลุลลอฮ.กล่าวว่า ดุนยานี้เป็นคุกสำหรับมุอ.มิน นั้นจึงหมายถึงการที่มุอ.มินไม่ละเมิดขอบเขตบัญญัติศาสนา เปรียบเสมือนกันกับการที่ต้องอยู่ในที่ที่มีขอบเขตจำกัด แต่ความรู้สึกนั้นไม่เหมือนกับนักโทษที่ถูกจำกัดขอบเขตอยู่ในคุก เพราะความปราถนาอันสูงสุดของมุอมินนั้นจะไม่ใช่อยู่ที่ดุนยานี้และจะยังไม่ยุตินอกจากจะได้อยู่ในสวรรค์ เพราะเหตุนี้เมื่อมุอ.มินอยู่ในโลกดุนยา เขาจะปฏิบัติรักษาขอบเขตของอัลลอฮ. เขาจะรู้สึกมีความอุ่นใจ ไม่มีความรู้สึกเบื่อหน่าย
สำหรับผู้ที่เป็นกาฟิร.นั้น เขาไม่มองโลกอาคิเราะฮ. เขาทำอะไรไปโดยไม่ได้นึกถึงว่ากระทำไปเพื่ออัลลอฮ. เขาจะทำเพื่อชื่อเสียงบ้างเพื่อตำแหน่งบ้าง เพื่อให้ความต้องการของเขาบรรลุความสำเร็จ เขาจะหาความสำราญ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นทางที่ถูกหรือผิด เขาจะมีฐานะร่ำรวย แต่เขาก็ไม่อิ่มไม่พอ หมายถึงสิ่งที่อัลลอฮ.ทรงประทานมาให้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่มนุษย์นั้น พวกกาฟิร.เขาจะมองว่าสิ่งเหล่านี้ มีมาเพื่อสนองความต้องการในการหาความสำราญของเขาเท่านั้น โดยไม่คำนึงว่าสิ่งนั้นถูกหรือผิด เวลาตื่นนอนไม่ได้คิดสิ่งอื่นนอกจากว่าจะกินอะไร เมื่ออิ่มแล้วไม่ได้คิดสิ่งใดนอกจากว่า จะไปหาควาสำราญได้ที่ไหน จะเห็นได้ว่าความเป็นอยู่ในโลกดุนยาของพวกกาฟิร.นี้มีแต่ความสุขสำราญ สะดวกสบาย ทำให้พวกเขาไม่คิดถึงสิ่งใดนอกจากสิ่งที่เขาจะได้ในดุนยานี้ ไม่เคยนึกถึงโลกอาคิเราะฮ. เนื่องจากพวกเขาไม่มีอีมานต่อโลกอาคิเราะฮ.
ด้วยเหตุนี้อัลลอฮ. ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จึงตรัสเกี่ยวกับพวกผู้ปฏิเสธศรัทธาว่า
และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้น พวกเขาจะหาควาสุขสำราญ และเมื่อพวกเขากิน เขาจะกินเหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน แท้จริงนรกนั้นเป็นที่พักพิงสำหรับพวกเขา
(มุฮัมมัด 47:12)
และท่านร่อซูลุลลอฮ. ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยังได้กล่าวในฮะดีสศ่อฮี้ฮ.ว่า
มุอ.มินนั้น เวลากินเขามีกระเพาะอาหารเพียงกระเพาะเดียว แต่สำหรับกาฟิร.นั้น มีกระเพาะอาหารถึง 7 กระเพาะ
แสดงว่ากาฟิร.นั้นไม่ได้คิดอะไรนอกจากการกินเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากมุอ.มิน เพราะมุอ.มินนั้น รสชาติของอาหารไม่ได้มีความสำคัญสำหรับเขา และเวลากินอาหารเขาก็สำนึกในความกรุณาของอัลลอฮ.