ผู้เขียน หัวข้อ: การถกเสวนาครั้งใหญ่ระหว่างอุลามาอ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์กับวะฮาบีย์  (อ่าน 18314 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

السلام عليكم ورحمة الله وربكاته وطيباته

พอดีว่าง ๆ เดินไปร้านหนังสือ  ผมเห็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่งที่น่าสนใจ  ซึ่งหนังสือเล่มเล็กดังกล่าว  มีชื่อว่า  المناظرة الكبرى  "การถกเสวนาครั้งใหญ่" ระหว่าง ท่าน อิมาม อัซซัยยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กับบรรดาอุลามาอ์แนวทางคิดวะฮาบีย์ ของเมืองเยเมน

ท่าน อิมาม อัซซัยยิด อะหฺมัด บิน อิดริส นั้น  เป็นนักปราชญ์ท่านหนึ่งของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลยะมาอะฮ์  ซึ่งมีเชื้อสายของท่าน อิมาม อัลหุซัยน์(ร.ฏ.)  จากการสืบเซื้อสายทางท่าน อิมามญะฟัร อัศศอดิก (ร.ฏ.)  

หนังสือดังกล่าว  ได้ตีพิมพ์ ที่ มักตะฮ์ อุมมฺ อัลกุรอ  ซึ่งตั้งอยู่หน้า มหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร อันทรงเกียรติ  

อินชาอัลเลาะฮ์  ในยามว่างเว้นจากภาระกิจเรื่องกาเรียนการสอน  ผมจะเข้ามานำเสนอบทการถกเสวนาในตอน ๆ ไปเรื่อย ๆ จนจบเล่มครับ  

والسلام

al-azhary
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เริ่มการเสวนา

เมื่อถึงเวลานัดหมาย  ผู้ว่าการจังหวัดซาบัยยา แห่งเยเมน   ได้อันเชิญแขกพิเศษกลุ่มหนึ่งอย่างยากลำบาก  ในการเข้าร่วมรับฟังการเสวนา   แลพวกเขาก็ตอบรับคำเชื้อเชิญ และนั่งล้อมรอบ  นักวิชาการฟิกห์(แนวคิดวะฮาบีย์)  นามว่า  นาซิร อัลกะบีบีย์  และนักวิชาการฟิกห์(แนวคิดวะฮาบีย์)อีกท่านหนึ่ง  นามว่า  อับดุลเลาะฮ์ บิน ซุรูร  

ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงนั้น  ปรากฏว่า  ท่านซัยยิด  อะหฺมัด  บิน อิดริส (ร.ฏ.) ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้  โดยที่มีบรรดาอุลามาอ์เมืองติฮามะฮ์และบรรดาสานุศิษย์ของท่านทั้งหมดนั้น  ขณะที่พวกเขามาถึง  ก็เบียดเสียดกันนั่งห้อมล้อมทุก ๆ ด้านของเก้าอี้ท่านอัซซัยยิด  

ท่าน นาซิร อัลกะบีบีย์  นั่งอยู่ด้านหน้าเก้าอี้ที่ท่านอัซซยิดพำนักอยู่  พร้อมกับเริ่มกล่าวสุนทรพจน์ตามหลักการของพวกเขา   เขากล่าวว่า "แท้จริง ผู้คนทั้งหลายอยู่ในสภาพของญะฮีลียะฮ์  กราบไว้เจว็ด  ทำการอนุมัติสิ่งที่ต้องห้าม  ดังนั้น  การเรียกร้องดะวะฮ์ของท่าน มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ได้ปลดเปลื้องให้บริสุทธิ์"

ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " คำพูดที่ถูกต้องนั้น  คือ  อัลเลาะฮ์ทรงแต่งตั้งศาสนทูตของพระองค์  คือ มุฮัมมัด บุตร อับดุลเลาะฮ์  (อะลัยฮิสซ่อลาตุวัสสลาม) เพื่อให้เขากอบกู้มนุษย์ทั้งหลาย ให้พ้นจากความโง่เขลา  ทำการแบกรับภาระกิจแห่งการเป็นศาสนทูตและวางบทบัญญัติต่าง ๆ ของอิสลาม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า  "ท่านมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ คือ  ผู้ฟื้นฟูอิสลาม"

ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า "เราไม่ปฏิเสธความดีงามของเขา  และเขาเองก็มีเป้าหมายที่ดีในสิ่งที่กระทำขึ้น  โดยได้ทำลายบรรดาบิดอะฮ์และสิ่งที่อุตริกรรม  แต่การแอบอ้างดังกล่าวคลุกเคล้าไปด้วยความเลยเถิดและทำการตัดสินกาเฟรกับบุคคลที่ไม่ได้มีความเชื่อว่าการให้คุณประโยชน์และให้โทษนั้นเป็นผู้อื่นจากอัลเลาะฮ์ (ชี้ถึงว่า วะฮาบีย์จะกล่าวกาเฟรกับทุก ๆ คนที่ขัดแย้งกับพวกเขาในแง่ของความเห็น)  และเขาได้อนุญาตเลือดเนื้อและทรัพย์สินของพวกเขา  โดยไร้หลักฐาน"  
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า "เขาไม่กระทำการใด นอกจาก เป็นความถูกต้อง"

ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " เขาคือผู้รู้คนหนึ่ง จากบรรดาผู้รู้ทั้งหลาย   การปกป้องจากความผิดนั้น  ย่อมถูกยกออกไป  นอกเสียจากบรรดานบีเท่านั้น  เขาย่อมมีทั้งผิดและถูก  ดังนั้น หากเขาถูก  ก็ย่อมได้รับสองการตอบแทน  และหากเขาผิด  ย่อมได้รับหนึ่งการตอบแทน  และเขาจะถูกอภัยให้จากความผิดพลาด  เพราะดังกล่าว  คือ  สิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติใช้แก่เขา  ตามระดับความรู้ที่เขามี  โดยที่พวกท่านนั้น  อันเนื่องจากความไม่รู้นั่นแหละ  จึงทำให้ห่างไกลจากการยึดหลักฐานและทราบถึงหลักการของเขา


โปรดติดตามตอนต่อไป...อินชาอัลเลาะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า  "แท้จริง ชิริกใหญ่  ได้ครอบคลุมทั่วประเทศต่าง ๆ ทั้งหมดแล้ว  และผู้คนทั้งหมดได้ตกศาสนาออกจากอิสลามทั้งตะวันตกและออก  รวมทั้งเมืองเยเมนและชาม(ซีเรีย , จอแดน , ปาเลสไตน์ , อิรัก)  ดังนั้น  หากแม้นว่าไม่มีท่านชัยค์ มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ทำการฟื้นฟูอิสลามแล้วไซร้  บรรดามนุษย์ทั้งหลายย่อมอยู่ในความมืดมนแห่งกุฟุร"

ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า "เราขอความคุ้มครอบต่ออัลเลาะฮ์ด้วยเถิด   นี้ไม่ใช่แนวทางของท่านชัยค์มุฮัมมัด   จริงแล้วท่านยังเป็นเพียงบุรุษที่ยังไร้ความอาวุโส  อีกทั้งยังไม่ทราบข้อเท็จจริง  และข้าพเจ้าทราบดีว่า  ในนครมักกะฮ์นั้น  มีท่านมัสอูด บุตร อับดุลอะซีซ (คือมีบางท่านจากราชวงศ์ที่ปกครองอาณาจักรซาอุดี้อาราเบีย) และบรรดาผู้รู้ของท่านที่เป็นลูกหลานของชัยค์มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ(เป็นที่ทราบดีว่า  มีการตกลงร่วมมือระหว่างราชวงศ์ซะอูดและวงศ์วานชัยค์อิบนุอับดุลวะฮาบ) คือ  ท่านอับดุลเลาะฮ์ บุตร มุฮัมมัด  และท่านหุซัยน์และสุไลมานผู้เป็นน้องของเขานั้น  ต่างก็เป็นผู้มีความรู้  พวกเขาทราบดีถึงหลักฐานและยึดหลักการอย่างเคร่งครัดในขณะที่มีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจน  โดยหลักยึดมั่นของพวกเขาเหล่านั้น  ไม่เหมือนกับสิ่งที่ท่านดำเนินอยู่   พวกเขาย่อมไม่เกี่ยวข้องจากสิ่งที่ท่านได้อ้างพาดพิงไปยังพวกเขา ,  ความจริง  ท่านได้ถือกำเนิดในประเทศที่มีแต่คนเอาวามทั่วไป  และท่านก็ไม่รู้จักผู้ที่สามารถชี้นำท่านสู่ความถูกต้องได้  แต่ทว่า  ท่านเพียงจดจำบางสิ่งบางอย่างและยังมีประการต่าง ๆ อีกมากมายที่ท่านขาดหายไป  ดังนั้น  การตัดสินฮุกุ่มต่อประเทศอิสลามเหล่านั้นทั้งหมด ว่า  กระทำชิริกใหญ่และความลุ่มหลงโดยแผ่คลุมทั่วไปนั้น  บรรดาหลักฐานต่าง ๆ ที่มีความเด็ดขาดได้ปฏิเสธมัน   เนื่องจาก  ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  "ประชาชาติของท่านนั้น  ครึ่งหนึ่งของชาวสวรรค์"   ดังนี้ย่อมเท่าเทียมกับประชาชาติศตวรรษต่าง ๆ ตั้งแต่จากสมัยท่านนบีอาดัม ซ่อละวาตุลเลาะฮ์ฮิอะลัยฮ์  จนถึงยุคการแต่งตั้งท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  มาเป็นระยะพัน ๆ ปี  โดยพวกเขาเหล่านั้น  เพิ่มทวีคูณมากมาย  ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ได้นอกจากผู้อภิบาลแห่งสากลโลก   และพร้อมกันนี้  พวกเขาก็คือครึ่งหนึ่งจากชาวสวรรค์  เพราะฉะนั้น  ท่านจงชั่งคำพูดของท่าน  ด้วยมาตราฐานของหลักศาสนา  แล้วท่านจะรู้ถึงความผิดพลาดออกจากความถูกต้อง
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า " โอ้  อะหฺมัด  ท่านไม่รู้ถึงการแบ่งแยกระหว่างสองศาสนา"

ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์  คือสิ่งที่มาแบ่งแยกระหว่างสองศาสนา   โอ้องค์ผู้มหาบริสุทธิ์! เยี่ยงข้าพเจ้านี้หรือ  ที่ถูกถามกับคำพูดเช่นนี้ ? ,  ความจริงท่านคงถูกคาดการณ์ว่าอยู่บนความปลอดภัย  อันเนื่องจากท่านเคยอาศัยอยู่ในทะเลทราย  โดยที่หะดิษอันมีเกียรติ  ได้กล่าวว่า "ผู้ใดที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย  จริงแล้วเขาย่อมหยาบกระด้าง"   ได้มีบรรดาชาวชนบทผู้มีอุปนิสัยหยาบกระด้าง  ได้พูดกับ  ผู้เป็นนายแห่งมักโลค ร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ด้วยสิ่งที่ทำปณิธานของท่านขุ่นหมอง  กระนั้น  ท่านก็ยังอดทน  และท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ก็คือ  แบบฉบับสำหรับเรา
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า "ท่านกำลังยึดถือลัทธิของ อิบนุ อะร่อบีย์  โดยที่เขาได้กล่าวยอมรับเรื่อง  ความหนึ่งเดียวในภาวะการมี  และถือว่าการกระทำของอิบลิสนั้นมีความถูกต้อง  ในขณะที่มันได้ละทิ้งการสูยูดต่ออาดัม  และแท้จริง  ปวงปราชญ์ยุคก่อนได้ถามกันในกรณีดังกล่าว  ซึ่งปวงปราชญ์ของอิสลามในยุคสมัยของเขาและผู้อื่น  ตอบว่า  เขานั้นเป็นกาเฟรและผู้ที่ยึดถือแนวทางของเขา  ย่อมเป็นกาเฟร"

ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " ท่านอิบนุ อะร่อบีย์นี้  เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. ที่ 638  โดยที่ระหว่างยุคสมัยของเรากับยุคสมัยของเขานั้น  ห่างกันเกินกว่า 600 ปี  ดังนั้น  ท่านเคยได้ยินถ้อยคำกล่าวนี้จากเขาหรือไม่? หรือว่าคำกล่าวนี้ เป็นคำพูดของท่านเอง  จนกระทั่ง  ทำให้ท่านได้ละเมิดต่อสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติห้ามแก่ท่าน  จากการกล่าวหามุสลิมคนหนึ่งว่าเป็นกาเฟร  และเราเชื่ออย่างมั่นใจถึงความเป็นมุสลิมของเขา  ดังนั้น  เราจะไม่ถ่ายทอดอันใดจากเขา  นอกจากเหมือนกับที่เขาได้กล่าวไว้"
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ผมจะนำเสนอเท่าที่มีเวลาว่างนะครับ อินชาอัลเลาะฮ์  และสิ่งที่ผมได้นำเสนอการเสวนากันระหว่าง นักปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์มัซฮับชาฟิอีย์  กับ ผู้รู้แนวคิดวะฮาบีย์  ผมขอรับผิดชอบในการคัดค้านและชี้แจง หากมีผู้ไม่เห็นด้วยเข้ามาสนทนาเกี่ยวกับรายละเอียด  อินชาอัลเลาะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า "การยึดมั่นนี้  ได้ถูกกล่าวไว้อย่างชัดเจนในตำราต่าง ๆ ของเขา"

ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " อะไรหรือ? ที่ทำให้ท่านทราบว่า  ท่านอิบนุ อะร่อบีย์  คือผู้กล่าวเช่นนั้น  โดยที่ความครางแครงยังคงอยู่  คือเขาได้ถูกกุให้ร้ายจากศัตรูบางคนของเขา  ดังนั้น  ท่านจงทำการตัดสินว่าคำพูดเช่นนี้ว่า  เป็นกุฟุรได้  หากว่าการตีความของท่านได้พบทางตันแล้ว  และท่านอย่าตัดสินต่อท่านอิบนุ อะร่อบีย์  ว่าเขาเป็นกาเฟร  อันเนื่องจากว่า  ไม่มีหนทางใดตามหลักของศาสนาที่ถูกต้องเลย  ที่จะมาอนุญาตแก่ท่านอย่างมั่นใจว่าเขานั้นเป็นกาเฟร  

และหากท่านได้ทราบถึงข้อเท็จจริงแล้ว  ท่านก็จะไม่เข้ามาข้องเกี่ยวกับสิ่งที่สติปัญญาของท่านได้มีความคับแคบเลย  และท่านเองก็ไม่ใช่นักปราชญ์ของกลุ่มชนเหล่านี้(คือถึงนักปราชญ์ซูฟีย์) และนักปราชญ์ทุกสาขาแขนงนั้น  จะถูกยอมรับในวิทยาการ(เฉพาะ)สำหรับพวกเขา  ดังนั้น  ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างที่เหมาะสมประเด็นหนึ่ง  คือ มีชายคนหนึ่งได้เข้าไปในตลาด   เขาย่อมรู้ถึงบรรดาคลังสินค้า  สินค้าต่าง ๆ   รู้ถึงราคาของมัน  และสิ่งทั่ว ๆ ไป จากบรรดาผลไม้  เครื่องหอมต่าง ๆ และอื่น ๆ  และมีชายคนอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยเข้าไปในตลาดดังกล่าวเลย

 ดังนั้น พวกเขาจึงทำการรวมตัวชุมนุมกัน  ครั้นชายผู้เคยเข้าไปในตลาดได้ทำการบอกเล่าสิ่งที่เขาได้เห็นในนั้น  และได้ทำการพรรณนาสิ่งที่เขาได้เห็น  แต่ชายผู้ไม่เคยเข้าไปในตลาดนั้น  ได้ทำการคัดค้านในสิ่งที่ชายผู้เคยเข้าไปในตลาดได้เห็นมันด้วยตา  ดังนั้น  เยี่ยงนี้ เป็นพฤติกรรมของผู้มีสติปัญญากระนั้นหรือ?  ยิ่งกว่านั้น  บรรดาผู้มีภูมิปัญญา  จะต้องตัดสินเขาว่า มีความเขลาเบาปัญญา  เนื่องจากได้ทำการคัดค้านกับสิ่งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้ปรากฏแก่เขา

และเยี่ยงนี้นั้น  นักกวีได้กล่าวบทกลอนไว้ว่า

"เมื่อท่านทราบข้อเท็จจริงอย่างไร้ประสบการณ์
จากนั้น  ท่านได้เห็นมันอย่างประจักษ์ชัด  ก็จงอย่าคัดค้าน
และเมื่อท่านไม่เคยเห็นจันทร์เสี้ยว  ดังนั้น  จงยอมรับ
ให้กับผู้คนที่เคยเห็นมันด้วยตา"
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า" ท่าน โอ้ อะหฺมัด  พวกเขาได้ทำการจูบสองมือของท่านและสองเท้าของท่าน  บรรดาสานุศิษย์ได้นอบน้อมแก่ท่าน  อย่างไม่มีผู้ใดเหมาะสมจะได้รับนอกจากอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  และนี้ย่อมเป็นตัวชิริกและเป็นการนอบน้อมแบบอิบาดะฮ์  โดยที่อิบาดะฮ์นั้น  ไม่บังควรแก่มักโลค"

  ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " หากท่านยึดมั่นด้วยหลักศาสนาแห่งนบีมุฮัมมัด  ดังนั้น  ท่านโปรดรับฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าจะกล่าวแก่ท่าน  คือ  ได้มีหะดิษซอฮิหฺ  รายงานว่า  ทูตของอับดุลก๊อยซฺนั้น  ขณะที่พวกเขาได้ถูกส่งเป็นทูตมายังท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมวะอาลิฮี  พวกเขาได้ทำการจูบสองมือและสองเท้าของท่านนบี  และนักปราชญ์หะดิษบางส่วนได้ทำการรวบรวมหะดิษส่วนหนึ่ง  เกี่ยวกับการอนุญาตจูบสองมือและสองเท้า  และพวกเขาได้นำเสนอบรรดาหะดิษมาอย่างมากมาย  ที่ตัดสินว่า  อนุญาตให้จูบสองมือของอะฮ์ลิลบัยต์และผู้อื่นจากพวกเขาจากบรรดาปวงปราชญ์  ส่วนคำกล่าวของท่านที่ว่า  อันนี้  ย่อมเป็นอิบาดะฮ์นั้น  ซึ่งหากท่านเข้าใจความหมายของอิบาดะฮ์จริงแล้ว  ท่านจะไม่กล่าวเยี่ยงนี้   เพราะการเป็นอิบาดะฮ์นั้น ย่อมอยู่ในหนทางหนึ่ง  และการให้เกียรติและมีจรรยามารยาทนั้น  ก็ย่อมอยู่ในหนทางอีกแบบหนึ่ง  ดังนั้น  การให้เกียรติแก่บรรดานักปราชญ์นั้น  เป็นสิ่งที่วายิบ  เพราะอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  ทรงตรัสว่า "อัลเลาะฮ์จะทรงยกบรรดาผู้มีศรัทธาจากพวกท่านและบรรดาผู้มีความรู้กับหลายฐานันดร" (อัลมุญาดะละฮ์ 11)

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้วจนะ ไว้ว่า "ย่อมไม่ใช่มาจากพวกเขา  สำหรับผู้ที่ไม่รู้สิทธิของผู้ทรงความรู้แห่งเรา"

และบรรดาสิทธิของผู้ทรงความรู้นั้น  คือการมีจรรยามารยาทต่อเขา  ด้วยการจูบมือทั้งสองและทราบถึงความประเสริฐของเขา และผู้ใดที่ให้เกียรติต่อผู้รู้  แน่นอน  เขาย่อมให้เกียรติต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา และร่อซูลของพระองค์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เนื่องจากเขาเป็นผู้แบกรับหลักการของศาสนาที่มีเกียรติ  

ดังนั้น  การให้เกียรติตามความเป็นจริงนั้น  อันเนื่องมาจากว่า เขาเป็นผู้มีความรู้ที่แบกรับหลักการของศาสนา(หมายถึงความรู้  ที่มีความยำเกรงและมีคุณธรรมที่ผู้รู้ดังกล่าวได้แบกรับสืบทอดเอาไว้)   และแท้จริง   ได้มีหะดิษยืนยันไว้ว่า  "บรรดานักปราชญ์นั้น คือทายาทของบรรดานบี"(รายงานโดย อิมามอัลบุคอรีย์)  ดังนั้น  เมื่อพวกเขาเป็นทายาทของบรรดานบี  แน่แท้ว่า
....  โปรดติดตามในโอกาสหน้าต่อไป  อินชาอัลเลาะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า" ท่าน โอ้ อะหฺมัด พวกเขาได้ทำการจูบสองมือของท่านและสองเท้าของท่าน บรรดาสานุศิษย์ได้นอบน้อมแก่ท่าน อย่างไม่มีผู้ใดเหมาะสมจะได้รับนอกจากอัลเลาะฮ์ ตะอาลา และนี้ย่อมเป็นตัวชิริกและเป็นการนอบน้อมแบบอิบาดะฮ์ โดยที่อิบาดะฮ์นั้น ไม่บังควรแก่มักโลค"

ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " หากท่านยึดมั่นด้วยหลักศาสนาแห่งนบีมุฮัมมัด ดังนั้น ท่านโปรดรับฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าจะกล่าวแก่ท่าน คือ ได้มีหะดิษซอฮิหฺ รายงานว่า ทูตของอับดุลก๊อยซฺนั้น ขณะที่พวกเขาได้ถูกส่งเป็นทูตมายังท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมวะอาลิฮี พวกเขาได้ทำการจูบสองมือและสองเท้าของท่านนบี และนักปราชญ์หะดิษบางส่วนได้ทำการรวบรวมหะดิษส่วนหนึ่ง เกี่ยวกับการอนุญาตจูบสองมือและสองเท้า และพวกเขาได้นำเสนอบรรดาหะดิษมาอย่างมากมาย ที่ตัดสินว่า อนุญาตให้จูบสองมือของอะฮ์ลิลบัยต์และบุคคลอื่น ๆ จากบรรดาปวงปราชญ์ ส่วนคำกล่าวของท่านที่ว่า อันนี้ ย่อมเป็นอิบาดะฮ์นั้น ซึ่งหากท่านเข้าใจความหมายของอิบาดะฮ์จริงแล้ว ท่านจะไม่กล่าวเยี่ยงนี้ เพราะการเป็นอิบาดะฮ์นั้น ย่อมอยู่ในหนทางหนึ่ง และการให้เกียรติและมีจรรยามารยาทนั้น ก็ย่อมอยู่ในหนทางอีกแบบหนึ่ง ดังนั้น การให้เกียรติแก่บรรดานักปราชญ์นั้น เป็นสิ่งที่วายิบ เพราะอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงตรัสว่า

 "อัลเลาะฮ์จะทรงยกบรรดาผู้มีศรัทธาจากพวกท่านและบรรดาผู้มีความรู้กับหลายฐานันดร" (อัลมุญาดะละฮ์ 11)

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้วจนะ ไว้ว่า

"ย่อมไม่ใช่มาจากพวกเขา สำหรับผู้ที่ไม่รู้สิทธิของผู้ทรงความรู้แห่งเรา"

และบรรดาสิทธิของผู้ทรงความรู้นั้น คือการมีจรรยามารยาทต่อเขา ด้วยการจูบมือทั้งสองและทราบถึงความประเสริฐของเขา และผู้ใดที่ให้เกียรติต่อผู้รู้ แน่นอน เขาย่อมให้เกียรติต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา และร่อซูลของพระองค์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เนื่องจากเขาเป็นผู้แบกรับหลักการของศาสนาที่มีเกียรติ

ดังนั้น การให้เกียรติตามความเป็นจริงนั้น อันเนื่องมาจากว่า เขาเป็นผู้มีความรู้ที่แบกรับหลักการของศาสนา(หมายถึงความรู้ ที่มีความยำเกรงและมีคุณธรรมที่ผู้รู้ดังกล่าวได้แบกรับสืบทอดเอาไว้) และแท้จริง ได้มีหะดิษยืนยันไว้ว่า

"บรรดานักปราชญ์นั้น คือทายาทของบรรดานบี"(รายงานโดย อิมามอัลบุคอรีย์)

 ดังนั้น เมื่อพวกเขาเป็นทายาทของบรรดานบี แน่แท้ว่า ผู้เป็นทายาทความรู้ย่อมมีสิ่งที่เป็นสิทธิของผู้เป็นเจ้าของมรดกในแง่ของการให้เกียรติ  ซึ่งเฉกเช่นกับผู้เป็นทายาทความรู้มีสิทธิเหมือนกับเจ้าของมรดกในแง่ของการเผยแพร่หลักศาสนา  เพราะมีหะดิษที่ว่า "แท้จริง บรรดามะลาอิเกาะฮ์  จะกางบรรดาปีกของพวกเขา ให้กับผู้แสวงหาความรู้" ดังนั้น  ไม่มีสิ่งใดแล้วที่ทำให้ท่านคิดว่า ผู้อื่นจากนักปราชญ์นั้น  จะมาเทียบเทียมความสูงส่งของพวกเขาได้  และได้มีหะดิษกุดซีย์  ระบุว่า  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้เล่ารายงานจาก อัลเลาะ อัซซะวะญัลล่า ว่า

 "ผู้ใดต้องการให้เกียรติแก่ข้า  ดังนั้น เขาก็จงให้เกียรติแก่บรรดาคนรักของข้า  จึงถูกทูลถามว่า  ผู้ใดคือบรรดาคนรักของพระองค์หรือ?  พระองค์ตรัสว่า "พวกเขาคือบรรดาอุลามาอ์"

ท่านพึงรู้เถิดว่า  บุคคลที่มีเกียรติ มี 3 จำพวก  คือบรรดามะลาอิกะฮ์  บรรดานบี  และบรรดาผู้ปกครอง  โดยที่พวกเขาทั้งหมดนั้น  ทำการให้เกียรติแก่บรรดาอุลามาอ์  ดังนั้น  บรรดามะลาอิกะฮ์ได้ให้เกียรติแก่อาดัม  นบีมูซาได้ให้เกียรติแก่นบีคิฏิร  และรัฐมนตรีของอียิปต์ได้ให้เกียรติแก่นบียูซุฟ  และผู้ใดที่ให้เกียรติต่ออัลเลาะฮ์  เขาย่อมเป็นผู้ศรัทธา  และผู้ใดที่ทำเบาความกับสิ่งดังกล่าว  เขาย่อมออกจากห้วงของอีหม่าน
 
และบรรดาอะมัลนั้น ด้วยการเจตนา  ดังนั้น  ผู้ใดที่มีเจตนาในสิ่งดังกล่าว  ด้วยการให้เกียรติ  เพื่อสนองคำบัญชาใช้ของอัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์  ด้วยการให้เกียรติแก่ท่านนั้น  เขาย่อมได้รับความผาสุกด้วยความดีงาม(สวรรค์) และผู้ใดที่ประสงค์(กระทำดังกล่าว) โดยมีการยึดมั่นที่ไม่ถูกต้องนั้น  เขาย่อมเป็นปฏิปักษ์แก่เรา  อีกทั้งจำเป็นต้องชี้แนะเขาให้ไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง  และเราก็ไม่ให้การยอมรับในความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนั้น  และการยกตนจาการไม่ให้เกียรติสิ่งที่อุลามาอ์มีสิทธิ์ได้รับนั้น  ย่อมเป็นความยะโสโอหัง   แท้จริง  อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า "มันช่างเป็นที่พำนักอันเลวร้ายสำหรับบรรดาผู้ยะโส" อัซซุมัร 72
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่าน อัลกะบีบีย์  กล่าวว่า "สำหรับทัศนะของเรานั้น  คือเฉกเช่นดังกล่าว  ย่อมเป็นชิริก(ตั้งภาคี)"

 ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า "ซุบหานัลลอฮฺ! ข้าพเจ้าได้นำบรรดาหลักฐาน จากอัลกุรอานและซุนนะฮ์ มายืนยันแก่ท่านแล้ว  แต่ท่านก็ยังกล่าวว่า  ดังกล่าวนี้ เป็นชิริก ,  ซึ่งเยี่ยงนี้ย่อมเป็นความลุ่มหลงที่ห่างไกลเหลือเกิน"
 โปรดติดตามโอกาสต่อไป อินชาอัลเลาะฮ์ :arrow:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ดังนั้นท่าน นาซิร อัล-กะบีบีย์  จึงมีอาการโกรธ  และกล่าว่า "แท้จริง ชิริก นั้น อยู่ภายใต้ผู้โพกศีรษะของท่าน"

ท่าน ซัยยิด อะหฺมัด บิน อิดรีส ยิ้มและกล่าวว่า " หากว่ามันเป็นชิริก ตามความเชื่อของท่าน  ดังนั้น ก็ย่อมไม่เป็นโทษแก่เราโดยการที่ท่านได้พาดพิงชิริกแก่เรา  เพราะเรามีหลักยืนอันมั่นคงจากเรื่องของเตาฮีด  โดยที่พวกท่าน - ขออัลเลาะฮ์ทรงประทานความจำเริญแก่พวกท่าน - ได้รู้จัก(เตาฮีด) จากบรรดาตำราต่าง ๆ ที่พวกท่านกล่าวว่ามันเป็กหลักอุซูลและหลักการศาสนา  และพวกท่านก็เข้าใจไปเองว่า แท้จริง กิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์  คือสิ่งที่ตำราฉบับย่อ ๆ เหล่านั้นได้ประมวลไว้หมดแล้ว  นี้ย่อมเป็นความโง่เขลาที่สับซ้อน

เพราะอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  ทรงทำการปกปักษ์รักษาศาสนาและบทบัญญัติของพระองค์โดยส่งศาสนทูตของพระองค์มาประกาศ  และพระองค์ก็ทรงสร้างบรรดาอุลามาอ์ให้แก่ท่านนบี(ซ.ล.) โดยพวกเขาได้ทำการบันทึกหลักการเหล่านั้นไว้ในตำรา  แล้วบทบัญญัติศาสนาแห่งท่านนบีมุฮัมมัด  ได้รับการเอาใจใส่จากบรรดาอุลามาอ์ โดยถูกปกปักษ์รักษาจากการเพิ่มเติมและตัดทอน  ดังนั้น หากพวกท่านได้รับรู้เหมือนสิ่งที่ผู้อื่นจากพวกท่านได้รับรู้ด้วยความรู้อันกว้างขวางแล้ว  แน่นอนว่า บรรดาข้อเท็จจริงก็จะปรากฏแก่พวกท่าน  และพวกท่านก็จะดำเนินอยู่บนหนทางที่ชัดเจนยิ่ง  

แต่ทว่าพวกท่านได้สร้างความคับแคบแก่ตัวของพวกท่านเอง  ดังนั้น แนวทางต่าง ๆ ของพวกท่านก็คับแคบและพวกท่านก็ทำการจำกัดศาสนาอิสลามให้อยู่บนสิ่งที่พวกท่านมั่นใจเท่านั้นแล้วพวกท่านก็อ้างว่า  พวกท่านเป็นผู้ที่รอดพ้นและผู้อื่นได้รับความวิบัติ  นี้  ย่อมเป็นความคับแคบของสติปัญญาและปิดกั้นสิ่งที่กว้างขวาง  และอัลเลาะฮ์เท่านั้น  ที่เป็นผู้ทรงชี้นำเราและพวกท่าน
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
อ้างจาก: "al-azhary"
แต่ทว่าพวกท่านได้สร้างความคับแคบแก่ตัวของพวกท่านเอง  ดังนั้น แนวทางต่าง ๆ ของพวกท่านก็คับแคบและพวกท่านก็ทำการจำกัดศาสนาอิสลามให้อยู่บนสิ่งที่พวกท่านมั่นใจเท่านั้นแล้วพวกท่านก็อ้างว่า  พวกท่านเป็นผู้ที่รอดพ้นและผู้อื่นได้รับความวิบัติ


นั่นคืออุปนิสัยของวะฮาบีย์  ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหนก็ตาม  แนวทางอื่นชิริก  บิดอะฮ์ กาเฟร ตามทัศนะของวะฮาบีย์หมดแหละครับ  สงสัยอิสลามเป็นของวะฮาบีย์ฝ่ายเดียว :shock:

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านนาซิร อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า " โอ้ อะหฺมัด  ท่านทำการตัฟซีรอัลกุรอาน โดยไม่ตามหลักบ่งชี้ของภาษาอาหรับ  โดยที่อัลเลาะฮ์ทรงตรัสไว้ว่า "แท้จริง เราได้ทำให้อัลกุรอาน เป็นภาษาอาหรับ" อัซซุกรุ๊ฟ 3  และการตัฟซีรของท่านนี้ ย่อมเป็นการบิดเบือนคำภีร์ของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา

ท่านซัยยิด อะหฺมัด บิน อิดรีส(ร.ฏ.) กล่าวว่า "ไม่ใช่เป็นเช่นนั้น  กับการที่เราทำการอธิบายอัลกุรอานโดยข้อบ่งชี้แบบความหมายผิวเผิน  และนี้คือบรรดาตัฟซีรของเรา ที่มีต่อบรรดาอายะฮ์ต่าง ๆ นั้น  ย่อมเป็นที่รู้กันดี   เราได้ทำการตีความอธิบายบรรดาตัวบทด้วยความหมายที่ชัดเจนตามหลักภาษาอาหรับ  และเรามีความเห็นว่า  การเอาใจใส่และอธิบายในความหมายที่ชัดเจนนั้น  ย่อมมีความจำเป็น  เนื่องจากไม่เป็นความปรารถนาอันใด  ในการได้รับความหมายที่ล้ำลึกก่อนทำการตัดสินตามความหมายแบบผิวเผิน  ดังนั้น  ผู้ใดแอบอ้างว่าเขาใจความหมายเร้นลับต่าง ๆ ของอัลกุรอานอันทรงเกียรติ  โดยที่เขาไม่ทำการตัดสินด้วยกับการอธิบายแบบผิวเผิน(ทั่วไป)นั้น  แน่นอน เขาก็ย่อมเสมือนกับผู้อ้างว่าได้ไปถึงใจกลางบ้านก่อนที่จะพ้นผ่านประตู

 และเราขอสรรเสริญต่ออัลเลาะฮ์  กับผู้ที่ทำการตัดสินด้วยการตัฟซีรแบบความหมายผิวเผิน   แต่เราก็ไม่ปฏิเสธว่า  แท้จริง  ในเนื้อหาของบรรดาอายะฮ์อัลกุรอานที่มีความหมายแบบผิวเผินนั้น  ย่อมมีข้อบ่งชี้ที่แฝงอยู่  ซึ่งมันจะประจักษ์ชัดแก่บรรดาผู้มีคุณธรรมและปฏิบัติหลักการระหว่างอายะฮ์ที่มีความหมายแบบล้ำลึกกับบรรดาอายะฮ์ที่มีความหมายผิวเผินเหล่านั้น  และการรับรู้สิ่งดังกล่าวได้นั้น  ต้องมีอิหม่านอันบริสุทธิ์และมีมะริฟัตที่สมบูรณ์

 และดังกล่าวนี้  ได้มีหะดิษรายงานว่า" ทุก ๆ อายะฮ์นั้น ย่อมมีความหมายแบบผิวเผินและล้ำลึก  และทุก ๆ หลักการย่อมมีขอบเขต(ในการให้คุณและให้โทษ) และทุก ๆ ขอบเขตนั้น ย่อมรับรู้ได้(คือสามารถรับรู้ถึงจุดมุ่งหมายของมันได้หรือหยุดเพียงแค่ความหมายนั้น ๆ แล้วมอบความรู้ไปสู่อัลเลาะฮ์)  ท่านอบูซัรร์ (ร.ฏ.) กล่าวว่า "บุรุษผู้หนึ่ง  จะไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริง  จนกระทั่ง  เขาได้เข้าใจอัลกุรอานหลายหนทาง(หลายแง่มุม)"   และท่านอะลีย์ อิบนุ อะบีฏอลิบ กล่าวว่า "หากข้าพเจ้าต้องการให้อูฐ 70 ตัว ทำการบรรทุกคำอธิบายซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์  แน่นอน  ข้าพเจ้าก็ทำได้"    

ดังกล่าวนี้  ไม่สามารถเกิดขึ้นได้  ด้วยการแช่แข็งอยู่กับการอธิบายอัลกุรอานแบบผิวเผิน  และในสิ่งที่เราได้กล่าวไป  ก็ไม่ใช่เป็นการเบี่ยงเบนความหมายแบบผิวเผินให้ออกไปจากความหมายแบบผิวเผินที่เป็นอยู่   แต่ความหมายผิวเผินของอายะฮ์นั้น  สามารถเข้าใจจากมันได้  กับสิ่งที่อายะฮ์ได้บ่งชี้ตามหลักภาษาอาหรับ  แต่ ณ ที่นั่น  ก็ยังมีความเข้าใจแบบล้ำลึก  ที่สามารถเข้าใจได้จากบรรดาอายะฮ์ต่าง ๆ สำหรับผู้ที่อัลเลาะฮ์ทรงเปิดหัวใจให้แก่เขาและผู้ใดที่ยำเกรงพระองค์  แน่นอน พระองค์ก็จะทรงสอนให้เขารู้ในสิ่งที่เขาไม่เคยรู้"
โปรดติดตามโอกาสต่อไป  อินชาอัลเลาะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged