เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
การถกเสวนาครั้งใหญ่ระหว่างอุลามาอ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์กับวะฮาบีย์
al-azhary:
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า" ท่าน โอ้ อะหฺมัด พวกเขาได้ทำการจูบสองมือของท่านและสองเท้าของท่าน บรรดาสานุศิษย์ได้นอบน้อมแก่ท่าน อย่างไม่มีผู้ใดเหมาะสมจะได้รับนอกจากอัลเลาะฮ์ ตะอาลา และนี้ย่อมเป็นตัวชิริกและเป็นการนอบน้อมแบบอิบาดะฮ์ โดยที่อิบาดะฮ์นั้น ไม่บังควรแก่มักโลค"
ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " หากท่านยึดมั่นด้วยหลักศาสนาแห่งนบีมุฮัมมัด ดังนั้น ท่านโปรดรับฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าจะกล่าวแก่ท่าน คือ ได้มีหะดิษซอฮิหฺ รายงานว่า ทูตของอับดุลก๊อยซฺนั้น ขณะที่พวกเขาได้ถูกส่งเป็นทูตมายังท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมวะอาลิฮี พวกเขาได้ทำการจูบสองมือและสองเท้าของท่านนบี และนักปราชญ์หะดิษบางส่วนได้ทำการรวบรวมหะดิษส่วนหนึ่ง เกี่ยวกับการอนุญาตจูบสองมือและสองเท้า และพวกเขาได้นำเสนอบรรดาหะดิษมาอย่างมากมาย ที่ตัดสินว่า อนุญาตให้จูบสองมือของอะฮ์ลิลบัยต์และบุคคลอื่น ๆ จากบรรดาปวงปราชญ์ ส่วนคำกล่าวของท่านที่ว่า อันนี้ ย่อมเป็นอิบาดะฮ์นั้น ซึ่งหากท่านเข้าใจความหมายของอิบาดะฮ์จริงแล้ว ท่านจะไม่กล่าวเยี่ยงนี้ เพราะการเป็นอิบาดะฮ์นั้น ย่อมอยู่ในหนทางหนึ่ง และการให้เกียรติและมีจรรยามารยาทนั้น ก็ย่อมอยู่ในหนทางอีกแบบหนึ่ง ดังนั้น การให้เกียรติแก่บรรดานักปราชญ์นั้น เป็นสิ่งที่วายิบ เพราะอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงตรัสว่า
"อัลเลาะฮ์จะทรงยกบรรดาผู้มีศรัทธาจากพวกท่านและบรรดาผู้มีความรู้กับหลายฐานันดร" (อัลมุญาดะละฮ์ 11)
ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้วจนะ ไว้ว่า
"ย่อมไม่ใช่มาจากพวกเขา สำหรับผู้ที่ไม่รู้สิทธิของผู้ทรงความรู้แห่งเรา"
และบรรดาสิทธิของผู้ทรงความรู้นั้น คือการมีจรรยามารยาทต่อเขา ด้วยการจูบมือทั้งสองและทราบถึงความประเสริฐของเขา และผู้ใดที่ให้เกียรติต่อผู้รู้ แน่นอน เขาย่อมให้เกียรติต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา และร่อซูลของพระองค์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เนื่องจากเขาเป็นผู้แบกรับหลักการของศาสนาที่มีเกียรติ
ดังนั้น การให้เกียรติตามความเป็นจริงนั้น อันเนื่องมาจากว่า เขาเป็นผู้มีความรู้ที่แบกรับหลักการของศาสนา(หมายถึงความรู้ ที่มีความยำเกรงและมีคุณธรรมที่ผู้รู้ดังกล่าวได้แบกรับสืบทอดเอาไว้) และแท้จริง ได้มีหะดิษยืนยันไว้ว่า
"บรรดานักปราชญ์นั้น คือทายาทของบรรดานบี"(รายงานโดย อิมามอัลบุคอรีย์)
ดังนั้น เมื่อพวกเขาเป็นทายาทของบรรดานบี แน่แท้ว่า ผู้เป็นทายาทความรู้ย่อมมีสิ่งที่เป็นสิทธิของผู้เป็นเจ้าของมรดกในแง่ของการให้เกียรติ ซึ่งเฉกเช่นกับผู้เป็นทายาทความรู้มีสิทธิเหมือนกับเจ้าของมรดกในแง่ของการเผยแพร่หลักศาสนา เพราะมีหะดิษที่ว่า "แท้จริง บรรดามะลาอิเกาะฮ์ จะกางบรรดาปีกของพวกเขา ให้กับผู้แสวงหาความรู้" ดังนั้น ไม่มีสิ่งใดแล้วที่ทำให้ท่านคิดว่า ผู้อื่นจากนักปราชญ์นั้น จะมาเทียบเทียมความสูงส่งของพวกเขาได้ และได้มีหะดิษกุดซีย์ ระบุว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เล่ารายงานจาก อัลเลาะ อัซซะวะญัลล่า ว่า
"ผู้ใดต้องการให้เกียรติแก่ข้า ดังนั้น เขาก็จงให้เกียรติแก่บรรดาคนรักของข้า จึงถูกทูลถามว่า ผู้ใดคือบรรดาคนรักของพระองค์หรือ? พระองค์ตรัสว่า "พวกเขาคือบรรดาอุลามาอ์"
ท่านพึงรู้เถิดว่า บุคคลที่มีเกียรติ มี 3 จำพวก คือบรรดามะลาอิกะฮ์ บรรดานบี และบรรดาผู้ปกครอง โดยที่พวกเขาทั้งหมดนั้น ทำการให้เกียรติแก่บรรดาอุลามาอ์ ดังนั้น บรรดามะลาอิกะฮ์ได้ให้เกียรติแก่อาดัม นบีมูซาได้ให้เกียรติแก่นบีคิฏิร และรัฐมนตรีของอียิปต์ได้ให้เกียรติแก่นบียูซุฟ และผู้ใดที่ให้เกียรติต่ออัลเลาะฮ์ เขาย่อมเป็นผู้ศรัทธา และผู้ใดที่ทำเบาความกับสิ่งดังกล่าว เขาย่อมออกจากห้วงของอีหม่าน
และบรรดาอะมัลนั้น ด้วยการเจตนา ดังนั้น ผู้ใดที่มีเจตนาในสิ่งดังกล่าว ด้วยการให้เกียรติ เพื่อสนองคำบัญชาใช้ของอัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์ ด้วยการให้เกียรติแก่ท่านนั้น เขาย่อมได้รับความผาสุกด้วยความดีงาม(สวรรค์) และผู้ใดที่ประสงค์(กระทำดังกล่าว) โดยมีการยึดมั่นที่ไม่ถูกต้องนั้น เขาย่อมเป็นปฏิปักษ์แก่เรา อีกทั้งจำเป็นต้องชี้แนะเขาให้ไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง และเราก็ไม่ให้การยอมรับในความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนั้น และการยกตนจาการไม่ให้เกียรติสิ่งที่อุลามาอ์มีสิทธิ์ได้รับนั้น ย่อมเป็นความยะโสโอหัง แท้จริง อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า "มันช่างเป็นที่พำนักอันเลวร้ายสำหรับบรรดาผู้ยะโส" อัซซุมัร 72
al-azhary:
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า "สำหรับทัศนะของเรานั้น คือเฉกเช่นดังกล่าว ย่อมเป็นชิริก(ตั้งภาคี)"
ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า "ซุบหานัลลอฮฺ! ข้าพเจ้าได้นำบรรดาหลักฐาน จากอัลกุรอานและซุนนะฮ์ มายืนยันแก่ท่านแล้ว แต่ท่านก็ยังกล่าวว่า ดังกล่าวนี้ เป็นชิริก , ซึ่งเยี่ยงนี้ย่อมเป็นความลุ่มหลงที่ห่างไกลเหลือเกิน" โปรดติดตามโอกาสต่อไป อินชาอัลเลาะฮ์ :arrow:
al-azhary:
ดังนั้นท่าน นาซิร อัล-กะบีบีย์ จึงมีอาการโกรธ และกล่าว่า "แท้จริง ชิริก นั้น อยู่ภายใต้ผู้โพกศีรษะของท่าน"
ท่าน ซัยยิด อะหฺมัด บิน อิดรีส ยิ้มและกล่าวว่า " หากว่ามันเป็นชิริก ตามความเชื่อของท่าน ดังนั้น ก็ย่อมไม่เป็นโทษแก่เราโดยการที่ท่านได้พาดพิงชิริกแก่เรา เพราะเรามีหลักยืนอันมั่นคงจากเรื่องของเตาฮีด โดยที่พวกท่าน - ขออัลเลาะฮ์ทรงประทานความจำเริญแก่พวกท่าน - ได้รู้จัก(เตาฮีด) จากบรรดาตำราต่าง ๆ ที่พวกท่านกล่าวว่ามันเป็กหลักอุซูลและหลักการศาสนา และพวกท่านก็เข้าใจไปเองว่า แท้จริง กิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์ คือสิ่งที่ตำราฉบับย่อ ๆ เหล่านั้นได้ประมวลไว้หมดแล้ว นี้ย่อมเป็นความโง่เขลาที่สับซ้อน
เพราะอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงทำการปกปักษ์รักษาศาสนาและบทบัญญัติของพระองค์โดยส่งศาสนทูตของพระองค์มาประกาศ และพระองค์ก็ทรงสร้างบรรดาอุลามาอ์ให้แก่ท่านนบี(ซ.ล.) โดยพวกเขาได้ทำการบันทึกหลักการเหล่านั้นไว้ในตำรา แล้วบทบัญญัติศาสนาแห่งท่านนบีมุฮัมมัด ได้รับการเอาใจใส่จากบรรดาอุลามาอ์ โดยถูกปกปักษ์รักษาจากการเพิ่มเติมและตัดทอน ดังนั้น หากพวกท่านได้รับรู้เหมือนสิ่งที่ผู้อื่นจากพวกท่านได้รับรู้ด้วยความรู้อันกว้างขวางแล้ว แน่นอนว่า บรรดาข้อเท็จจริงก็จะปรากฏแก่พวกท่าน และพวกท่านก็จะดำเนินอยู่บนหนทางที่ชัดเจนยิ่ง
แต่ทว่าพวกท่านได้สร้างความคับแคบแก่ตัวของพวกท่านเอง ดังนั้น แนวทางต่าง ๆ ของพวกท่านก็คับแคบและพวกท่านก็ทำการจำกัดศาสนาอิสลามให้อยู่บนสิ่งที่พวกท่านมั่นใจเท่านั้นแล้วพวกท่านก็อ้างว่า พวกท่านเป็นผู้ที่รอดพ้นและผู้อื่นได้รับความวิบัติ นี้ ย่อมเป็นความคับแคบของสติปัญญาและปิดกั้นสิ่งที่กว้างขวาง และอัลเลาะฮ์เท่านั้น ที่เป็นผู้ทรงชี้นำเราและพวกท่าน
นูรุ้ลอิสลาม:
--- อ้างจาก: "al-azhary" ---แต่ทว่าพวกท่านได้สร้างความคับแคบแก่ตัวของพวกท่านเอง ดังนั้น แนวทางต่าง ๆ ของพวกท่านก็คับแคบและพวกท่านก็ทำการจำกัดศาสนาอิสลามให้อยู่บนสิ่งที่พวกท่านมั่นใจเท่านั้นแล้วพวกท่านก็อ้างว่า พวกท่านเป็นผู้ที่รอดพ้นและผู้อื่นได้รับความวิบัติ
--- End quote ---
นั่นคืออุปนิสัยของวะฮาบีย์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหนก็ตาม แนวทางอื่นชิริก บิดอะฮ์ กาเฟร ตามทัศนะของวะฮาบีย์หมดแหละครับ สงสัยอิสลามเป็นของวะฮาบีย์ฝ่ายเดียว :shock:
al-azhary:
ท่านนาซิร อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า " โอ้ อะหฺมัด ท่านทำการตัฟซีรอัลกุรอาน โดยไม่ตามหลักบ่งชี้ของภาษาอาหรับ โดยที่อัลเลาะฮ์ทรงตรัสไว้ว่า "แท้จริง เราได้ทำให้อัลกุรอาน เป็นภาษาอาหรับ" อัซซุกรุ๊ฟ 3 และการตัฟซีรของท่านนี้ ย่อมเป็นการบิดเบือนคำภีร์ของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา
ท่านซัยยิด อะหฺมัด บิน อิดรีส(ร.ฏ.) กล่าวว่า "ไม่ใช่เป็นเช่นนั้น กับการที่เราทำการอธิบายอัลกุรอานโดยข้อบ่งชี้แบบความหมายผิวเผิน และนี้คือบรรดาตัฟซีรของเรา ที่มีต่อบรรดาอายะฮ์ต่าง ๆ นั้น ย่อมเป็นที่รู้กันดี เราได้ทำการตีความอธิบายบรรดาตัวบทด้วยความหมายที่ชัดเจนตามหลักภาษาอาหรับ และเรามีความเห็นว่า การเอาใจใส่และอธิบายในความหมายที่ชัดเจนนั้น ย่อมมีความจำเป็น เนื่องจากไม่เป็นความปรารถนาอันใด ในการได้รับความหมายที่ล้ำลึกก่อนทำการตัดสินตามความหมายแบบผิวเผิน ดังนั้น ผู้ใดแอบอ้างว่าเขาใจความหมายเร้นลับต่าง ๆ ของอัลกุรอานอันทรงเกียรติ โดยที่เขาไม่ทำการตัดสินด้วยกับการอธิบายแบบผิวเผิน(ทั่วไป)นั้น แน่นอน เขาก็ย่อมเสมือนกับผู้อ้างว่าได้ไปถึงใจกลางบ้านก่อนที่จะพ้นผ่านประตู
และเราขอสรรเสริญต่ออัลเลาะฮ์ กับผู้ที่ทำการตัดสินด้วยการตัฟซีรแบบความหมายผิวเผิน แต่เราก็ไม่ปฏิเสธว่า แท้จริง ในเนื้อหาของบรรดาอายะฮ์อัลกุรอานที่มีความหมายแบบผิวเผินนั้น ย่อมมีข้อบ่งชี้ที่แฝงอยู่ ซึ่งมันจะประจักษ์ชัดแก่บรรดาผู้มีคุณธรรมและปฏิบัติหลักการระหว่างอายะฮ์ที่มีความหมายแบบล้ำลึกกับบรรดาอายะฮ์ที่มีความหมายผิวเผินเหล่านั้น และการรับรู้สิ่งดังกล่าวได้นั้น ต้องมีอิหม่านอันบริสุทธิ์และมีมะริฟัตที่สมบูรณ์
และดังกล่าวนี้ ได้มีหะดิษรายงานว่า" ทุก ๆ อายะฮ์นั้น ย่อมมีความหมายแบบผิวเผินและล้ำลึก และทุก ๆ หลักการย่อมมีขอบเขต(ในการให้คุณและให้โทษ) และทุก ๆ ขอบเขตนั้น ย่อมรับรู้ได้(คือสามารถรับรู้ถึงจุดมุ่งหมายของมันได้หรือหยุดเพียงแค่ความหมายนั้น ๆ แล้วมอบความรู้ไปสู่อัลเลาะฮ์) ท่านอบูซัรร์ (ร.ฏ.) กล่าวว่า "บุรุษผู้หนึ่ง จะไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริง จนกระทั่ง เขาได้เข้าใจอัลกุรอานหลายหนทาง(หลายแง่มุม)" และท่านอะลีย์ อิบนุ อะบีฏอลิบ กล่าวว่า "หากข้าพเจ้าต้องการให้อูฐ 70 ตัว ทำการบรรทุกคำอธิบายซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ แน่นอน ข้าพเจ้าก็ทำได้"
ดังกล่าวนี้ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ด้วยการแช่แข็งอยู่กับการอธิบายอัลกุรอานแบบผิวเผิน และในสิ่งที่เราได้กล่าวไป ก็ไม่ใช่เป็นการเบี่ยงเบนความหมายแบบผิวเผินให้ออกไปจากความหมายแบบผิวเผินที่เป็นอยู่ แต่ความหมายผิวเผินของอายะฮ์นั้น สามารถเข้าใจจากมันได้ กับสิ่งที่อายะฮ์ได้บ่งชี้ตามหลักภาษาอาหรับ แต่ ณ ที่นั่น ก็ยังมีความเข้าใจแบบล้ำลึก ที่สามารถเข้าใจได้จากบรรดาอายะฮ์ต่าง ๆ สำหรับผู้ที่อัลเลาะฮ์ทรงเปิดหัวใจให้แก่เขาและผู้ใดที่ยำเกรงพระองค์ แน่นอน พระองค์ก็จะทรงสอนให้เขารู้ในสิ่งที่เขาไม่เคยรู้" โปรดติดตามโอกาสต่อไป อินชาอัลเลาะฮ์
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version