เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

การถกเสวนาครั้งใหญ่ระหว่างอุลามาอ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์กับวะฮาบีย์

<< < (4/13) > >>

คนอยากรู้:
:lol: เจ๋งเลยครับน้อง..

เอ.. ถ้าทัศนะใหม่รู้จักเปิดตาเปิดใจ สักนิดว่า ความจริงสิ่งเดิมๆที่ยึกดถือมานั้นมันก็ดีอยู่แล้ว..
แต่ทำไม มาเลือกแนวทางใหม่..ที่ไม่มีอุลามะคนใดให้การยอมรับ  ฮ้อ.ดูสิท่าน ขนาดระดับอุลามะที่ว่าแน่ในแนวทางวะฮาบีย์นั้นยังเสียท่านล้มลุกคลุกคลานไม่เป็นท่าเลย  นี้เฉพาะหลักอะกีดะ เท่านั้น ยังพลาดตั้งแต่ยกแรกเลย  
ยกที่เหลือ ฟันธงได้เลยว่า....คงต้องกลับไปเขียนหนังสือเรื่องบิดอะอีกตามกระปิ.
..ลาเฮาลา..วาละกุตะอิ้นลา... น่าสงสารคนแก่บางคนในเวปอัสซุนนะจริ้งๆ ช่วงบั้นปลายชีวิตคงจะอดลิ้มรสชาติ.ตายอย่างไรจึงจะมีความสุข..

ผมไม่ได้หมายถึงบังหะสันนะครับ.555.

mart0007:
แน่ใจนะว่าที่แปลมาเป็นการสนทนา???

คำพูดทั้ง 2 ท่านต่างกันฟ้ากับเหวเลย

al-azhary:
ก่อนอื่น  ผมต้องชี้แจงคุณ mart0007 ก่อนว่า  ผมได้นำเสนอการแปลมานั้น  เริ่มจากการสนทนาเลย โดยไม่ได้กล่าวถึงบทนำและความเป็นมาของการสนทนา  ซึ่งผมเองคิดว่า  น่าจะนำเสนอเนื้อหาเลย  เพื่อจะได้เข้าเรื่อง  และเมื่อแปลหมดเล่มแล้ว  ผมก็จะทำการขัดเกลาอักษรไหม่ และแปลบทนำถึงความเป็นมาในการสนทนาทั้งหมด  และก็ทำการเรียบเรียงโดยลงนำเสนอหน้าเวปหลัก  

การสนทนานี้  ได้บันทึกมาตั้ง 100 ปีแล้ว  ซึ่งในขณะนั้น  เยเมนตอนใต้  อุลามาอ์วะฮาบีย์ได้มีอิทธิพลและอำนาจปกครองอยู่แถบฮิญาซฺ  นอกจากมักกะฮ์และมะดีนะฮ์แล้ว  วะฮาบีย์จะมีอำนาจปกครอบถึงเยเมนด้วย

เดิมทีท่าน อิมาม อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดรีส (ร.ฏ.) อาศัยอยู่ที่นครมักกะฮ์  ซึ่งท่านเป็นอุลามาอ์ผู้ทรงความรู้และมีลูกศิษย์มากมาย  พร้อมกันนั้นวะฮาบีย์ต่างสอดแนมจับผิดและกล่าวหาหลักการของ ท่านอัซซัยิด อะหฺมัด และหลักปฏิบัติของบรรดาสานุศิษย์ของท่านโดยอธรรม  

หลังจากนั้น  ท่านซัยยิด อะหฺมัด  ได้เดินทางไปยังเยเมนตอนใต้  เพื่อพำนกอาศัยอยู่ที่นั่น  เจ้าเมือง ซอบัยยา  จึงให้การต้อนรับ  อันเนื่องจากท่านเป็นอุลามาอ์สำคัญท่านหนึ่งที่ระบือนาม  แล้วเจ้าเมืองก็ทำการต้อนรับ  โดยเชิญบรรดาอุลามาอ์ทั้งหลายทั้งวะฮาบีย์และไม่ใช่วะฮาบีย์มาร่วมให้การต้อนรับ  

อุลามาอ์วะฮาบีย์ในสมัยนั้น  จึงต้องการสอบถามหลักการของท่านซัยยิดอะหฺมัดและพฤติกรรมของสานุศิษย์ของท่านที่อุลามาอ์วะฮาบีย์ "ได้ยินและสืบทราบมาจากคำพูดของคนเอาวามทั่วไป"  แล้วอุลามาอ์ของวะฮาบีย์  ก็จะเป็นฝ่ายสอบถามและกล่าวหาสิ่งที่พวกเขาได้ยินมา  

ดังนั้น  การสนทนาจึงอยู่ในรูปแบบที่ว่า  อุลามาอ์วะฮาบีย์จะเป็นผู้สอบถามและท่านซัยยิดอะหฺมัด จะเป็นผู้ชี้แจงข้อกล่าวหา  เพราะฉะนั้น  รูปแบบการสนทนาจึงอยู่ในรูปเช่นนี้  หวังว่าคุณ mart0007 คงเข้าใจ

และการนำเสนอตอนใดก็ตามที่ผมได้แปลไป  แล้วมีหลักการที่ท่านใดท่านหนึ่งที่เป็นวะฮาบีย์ไม่เห็นด้วย หรือต้องการจะโต้แย้ง  ผมก็บอกไปแล้วข้างต้นว่า   ผมจะรับผิดชอบในการร่วมเสวนาในเชิงวิชาการ  

ดังนั้น  หากคุณ mart0007 ไม่เห็นด้วยกับหลักตรงใหน  โปรดนำเสนอวิจารณ์ได้เลย  แล้วผมจะร่วมเสวนาด้วย  อินชาอัลเลาะฮ์

mart0007:
จากที่คุณ al-azhary อ้างมาทั้งหมดนั้น ก็สรุปได้ว่าที่เป็นการถามตอบธรรมดา
ไม่ใช่การสนทนาของทั้ง 2 ฝ่าย

ความหมายมันต่างกัน สื่อออกมาจะทำให้คนเข้าใจผิดได้ แนะนำว่าควรเลือกคำให้ถูกต้องจะดีกว่าครับ

ส่วนเรื่องหลักการของวะฮาบีย์ เป็นอย่างไร หรือที่คุณ แปลมามันผิดตรงใหน อันนี้ผมไม่ทราบครับ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะทราบได้อย่างไรด้วย เนื่องจากไม่เห็นมีใครสอนว่าอัลลอฮฺ(ซ.บ.) อยู่บนฟ้าตามหลักความเชื่อของ วะฮาบีย์ ที่คุณชอบอ้างถึงเลย จึงทำให้ไม่รู้ว่าจะต้องไปสอบถามเรื่อง วะฮาบีย์ จากใครจึงจะได้รับคำตอบที่ถูกต้องครับ

al-azhary:
คุณ mart0007 อย่าเพิ่งสรุปซิครับ เพราะผมได้นำเสนอได้แค่ครึ่งเล่มเองนะครับ  และการสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้น  มีทั้งบรรดาอุลามาอ์ทางฝ่ายของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ , บรรดาสานุศิษย์  กับบรรดาอุลามาอ์ฝ่ายวะฮาบีย์และบรรดาสานุศิษย์ห้อมล้อม  โดยมีเจ้าเมืองทำการนั่งฟังอยู่ด้วย  ดังนั้น มันจึงไม่ใช่ธรรมดาครับ  อุลามาอ์วะฮาบีย์หาเรื่องถามฝ่ายอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ ก็เลยต้องตอบตามรูปแบบนั้น

หากผมแปลผิดจากความเข้าและหลักการเดิมของต้นฉบับ  ก็โปรดไปซื้อหนังสือดังกล่าวแล้วมาตรวจทานได้เลยครับ  ผมพร้อมที่จะรับคำแนะนำและติติงเสมอ  ซึ่งคุณจะมาติติงในที่นี้เลยก็ได้ ผมไม่ลบเด็ดขาด  

และคำที่ผมนำใช้สื่อในการตั้งหัวข้อนั้น ไม่ใด้ผิดตรงใหนนี่ครับ  เพราะหนังสือต้นฉบับเดิมได้ระบุไว้อย่างนั้นจริง ๆ แล้วคุณจะให้ผมตั้งหัวข้อแบบใหนอีกล่ะครับ  หัวเรื่องของหนังสือตามภาษาอาหรับมีชื่อดังนี้

المناظرة الكبرى بين عين أعيان الأمة الهاديين إلى سبيل النجاة القطب النفيس الإمام السيد أحمد بن إدريس (رضى الله عنه) وفقهاء الوهابية

แล้วผมสื่อผิดกับสิ่งที่หนังสือได้ระบุไว้กระนั้นหรือครับ? และหลักการวะฮาบีย์นั้น  ผมไม่ทราบว่าคุณกับผมนั้น ใครจะรู้หลักการของวะฮาบีย์ได้มากกว่ากัน (อันนี้วัลลอฮุอะลัม) เพราะคุณอาจจะศึกษาตำราวะฮาบีย์มากกว่าผมก็ได้ และบางทีผมอาจจะศึกษาตำราวะฮาบีย์โดยตรงมากกว่าคุณก็ได้   หากเราจะรู้ถึงหลักการของวะฮาบีย์โดยเราไปถามวะฮาบีย์เอง  ก็อาจจะได้หลักการที่ปกบิดซ่อนเร้นในบางอย่างก็ได้  แต่ที่แน่นอนที่สุดคือเราศึกษาจากตำราของวะฮาบีย์เอง  ซึ่งเป็นสิ่งที่แน่นอนครับ

แต่คุณเชื่อว่า อัลเลาะฮ์ไม่ได้อยู่บนฟ้านั้น  ผมยินดีด้วยครับ เพราะเรามีแนวทางตรงกัน  แต่หากคุณบอกว่าวะฮาบีย์ไม่ได้สอนว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้าล่ะก็ คุณมุสา  ไม่เข้าใจ  และทำการศึกษาน้อยต่อแนวทางของวะฮาบีย์แล้วละครับ วัลลอฮุอะลัม

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version