เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

การถกเสวนาครั้งใหญ่ระหว่างอุลามาอ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์กับวะฮาบีย์

<< < (7/13) > >>

al-azhary:
ท่านอัลกะบีบีย์ กล่าวว่า "แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้กล่าวไว้ว่า "บุคคลใดที่เป็นผู้นำละหมาดผู้คนทั้งหลาย  ดังนั้น  เขาก็จงผ่อนเบา(คืออย่าละหมาดให้นานเกินไป)"

ท่านอัซซํยยิดอะหฺมัดกล่าวว่า "นี้เป็นการวาง(อ้าง)หลักฐานผิดกับสถานที่ของมัน  เพราะได้มีรายงานว่า  ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ทำการละหมาดมัฆริบ ด้วยการอ่านซูเราะฮ์ อัลอะร๊อฟ  ซึ่งมี 206 อายะฮ์  และบรรดาหะดิษต่าง ๆ นั้น  ก็ไม่ได้ค้านกันเอง  ดังนั้น  การผ่อนเบา  จึงเป็นสิ่งย่อมมีความแตกต่างกัน  ตามความแตกต่างของสถานะภาพของบรรดาผู้ละหมาดและผู้เป็นมะมูม  และให้กับทุกสภาพการณ์นั้น  ย่อมมีจุดยืน(ที่เหมาะสม)

ท่านนบี(ซ.ล.)  ได้เข้ามาทำการละหมาด  โดยท่านต้องการละหมาดให้นาน  แล้วท่านก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง  ดังนั้น  ท่านจะทำละหมาดให้สั้น  เพื่อไม่ให้มารดาของเด็กต้องกังวล  และบรรดามิตรสหายของเราทั้งหมด  ย่อมเป็นผู้ที่มุ่งหน้าขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์  โดยที่พวกเขาไม่มีภาระกิจอันใด  นอกจากการอุทิศตนเพื่อทำอิบาดะฮ์  เพราะฉะนั้น เราจึงทำการละหมาดร่วมกับพวกเขาโดยใช้เวลานาน  โดยที่พวกเขาไม่พอกับเรา นอกจากการปฏิบัติสิ่งดังกล่าว  และพวกเขาก็ไม่มีความลำบากในสิ่งดังกล่าวเลย เนื่องจากการละหมาดเป็นการพักผ่อนสำหรับผู้ศรัทธาทุก ๆ คน  ซึ่งเสมือนกับที่ผู้เป็นนายแห่งและผู้นำแห่งบรรดาศรัทธาชน  ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า "โอ้  บิล้าล  ท่านจงให้เราพักผ่อนด้วยการละหมาดเถิด"  อัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) ทรงตรัสว่า "และแท้จริงการละหมาด ย่อมเป็นความลำบาก  นอกจากผู้ที่มีสมาธินอบน้อมเท่านั้น" (บะกอเราะฮ์ 45)

ดังนั้น การละหมาดจึงไม่มีความลำบากแก่พวกเขา  โดยที่ไม่ใช่หมายความว่า  การละหมาดเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเขา  แต่พวกเขาถือว่ามันไม่ใช่ภาระอันหนักอึ้ง  และพวกเขาก็ไม่ได้มีเห็นอันใดกับการละหมาด นอกจาก เป็นการพักผ่อนอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา  เนื่องจากมันเป็นการเข้าเฝ้าระหว่างบ่าวกับผู้อภิบาลของเขา  และแท้จริง  ได้มีรายงานเกี่ยวกับคุณลักษณะของมุนาฟิกว่า  "เขาจะไม่ทำการละหมาด นอกจากผินหลังให้(เกียจคร้าน)และทำละหมาดเหมือนไก่จิก"

al-azhary:
จากนั้น ท่านอับกะบีบีย์ กล่าวว่า "ได้เกิดจากพวกท่าน  โดยการล่าช้าการทำละหมาดมัฆริบจนใกล้ถึงเวลาอีชาอฺ  ซึ่งนี้คือบิดอะฮ์  และการละหมาดสองร่อกะอัตก่อนละหมาดมัฆริบและทำละหมาดให้นานนั้น  ขัดแย้งกับซุนนะฮ์"

ท่านอัซซัยยิดอะหฺมัด  กล่าวว่า "การล่าช้าละหมาดมัฆริบนั้น   เราเองถือว่าหะรอมกับการละหมาดขณะที่ดวงอาทิตย์ตก  และเราได้ทำละหมาดโดยใช้เวลานาน  เพราะปฏิบัติตามซุนนะฮ์   เนื่องจากท่านนบี(ซ.ล.) ได้อ่านซูเราะฮ์ อัฏฏูร  ในละหมาดมัฆริบ  และเคยอ่านซูเราะฮ์ที่ยาว ๆ มากมาย  ดังเช่นเป็นที่ทราบกันในเรื่องของมัน   และย่อมไม่เป็นบาปแก่เรา  หาก(การละหมาดมัฆริบเสร็จ)โดยเข้าเวลาอีชาอฺแล้วก็ตาม  เพราะพวกเราอยู่ในการภักดี  

ส่วนสองร่อกะอัตนั้น  เป็นสุนัต  ที่ผู้คนทั้งหลายหลีกห่างจากมัน  โดยที่ใน(สองร่อกะอัตที่เป็นสุนัต)นี้  ได้รวมไว้ซึ่งซุนนะฮ์ทั้งสาม  คือ จากการกระทำ , คำพูด , และให้การยอมรับของท่านนบี(ซ.ล.)  ดังนั้น เราจึงเห็นว่ามันเป็นสุนัตจากบรรดาสุนัตต่าง ๆ  และเราจะไม่ละทิ้งนั้น  เพียงเพราะผู้คนไม่ได้กระทำมัน  และเราขอกล่าวว่า  ละหมาดสองร่อกะอัตนั้น  ไม่ใช่เป็นวายิบ ที่ไม่อนุญาตให้ละเลยกับมัน  ยิ่งกว่านั้น  ทั้งสองร่อกะอัตกลับเป็นซุนนะฮ์  ดังนั้น  การตำหนิ  ย่อมมุ่งไปยัง  ผู้ที่ทำการตำหนิเรื่องการเป็นสุนัต  ไม่ใช่ตำหนิผู้ที่กระทำมัน  เพราะฉะนั้น  ท่านจงรู้กับสิ่งที่ท่านได้พูดด้วย  ดังนั้น  ท่านอับกะบีบีย์ก็นิ่งเงียบ

al-azhary:
ช่วงต่อไป  จะเป็นการเสวนาตอน  พฤติกรรมของวะฮาบีย์ที่ชอบจัดผิดและสืบเสาะ แสวงหา  ความผิดพลาดของคนอื่น  แล้วนำมากล่าวหาเหมารวม  ซึ่งท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดรีส  ได้ทำการตอบได้อย่างน่าฟังเลยทีเดียว  โปรดติดต่อในโอกาสต่อไปครับ  อินชาอัลเลาะฮ์

คนอยากรู้:
ท่านจงรู้กับสิ่งที่ท่านได้พูดด้วย ดังนั้น ท่านอับกะบีบีย์ก็นิ่งเงียบ
น้องอัล-อัชฮารีย์ครับ บังชอบอ่านกระทู้นี้มากครับ .

.อีกอย่างสิ่งที่ ท่านอัซซัยยิดอะหฺมัด พูดกับท่านอับกะบีบีย์ ประโยคข้างบนช่วงหลังนั้น..มันได้ความหมายและกินใจ วะฮาบีย์บางคนในเมืองไทยมากครับ....ที่มีความคิดและคำพูดคล้ายๆกับท่านอับบีบีย์ครับ..

al-azhary:
กระทู้นี้   ผมห่างเหินไปนาน  ก็จะหาช่วงเวลา ๆ ดีแปลนำเสนอต่อไปครับ  อินชาอัลเลาะฮ์

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version