เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
การถกเสวนาครั้งใหญ่ระหว่างอุลามาอ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์กับวะฮาบีย์
al-azhary:
ท่านอัลกะบีบีย์ กล่าวว่า "แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้กล่าวไว้ว่า "บุคคลใดที่เป็นผู้นำละหมาดผู้คนทั้งหลาย ดังนั้น เขาก็จงผ่อนเบา(คืออย่าละหมาดให้นานเกินไป)"
ท่านอัซซํยยิดอะหฺมัดกล่าวว่า "นี้เป็นการวาง(อ้าง)หลักฐานผิดกับสถานที่ของมัน เพราะได้มีรายงานว่า ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ทำการละหมาดมัฆริบ ด้วยการอ่านซูเราะฮ์ อัลอะร๊อฟ ซึ่งมี 206 อายะฮ์ และบรรดาหะดิษต่าง ๆ นั้น ก็ไม่ได้ค้านกันเอง ดังนั้น การผ่อนเบา จึงเป็นสิ่งย่อมมีความแตกต่างกัน ตามความแตกต่างของสถานะภาพของบรรดาผู้ละหมาดและผู้เป็นมะมูม และให้กับทุกสภาพการณ์นั้น ย่อมมีจุดยืน(ที่เหมาะสม)
ท่านนบี(ซ.ล.) ได้เข้ามาทำการละหมาด โดยท่านต้องการละหมาดให้นาน แล้วท่านก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง ดังนั้น ท่านจะทำละหมาดให้สั้น เพื่อไม่ให้มารดาของเด็กต้องกังวล และบรรดามิตรสหายของเราทั้งหมด ย่อมเป็นผู้ที่มุ่งหน้าขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์ โดยที่พวกเขาไม่มีภาระกิจอันใด นอกจากการอุทิศตนเพื่อทำอิบาดะฮ์ เพราะฉะนั้น เราจึงทำการละหมาดร่วมกับพวกเขาโดยใช้เวลานาน โดยที่พวกเขาไม่พอกับเรา นอกจากการปฏิบัติสิ่งดังกล่าว และพวกเขาก็ไม่มีความลำบากในสิ่งดังกล่าวเลย เนื่องจากการละหมาดเป็นการพักผ่อนสำหรับผู้ศรัทธาทุก ๆ คน ซึ่งเสมือนกับที่ผู้เป็นนายแห่งและผู้นำแห่งบรรดาศรัทธาชน ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า "โอ้ บิล้าล ท่านจงให้เราพักผ่อนด้วยการละหมาดเถิด" อัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) ทรงตรัสว่า "และแท้จริงการละหมาด ย่อมเป็นความลำบาก นอกจากผู้ที่มีสมาธินอบน้อมเท่านั้น" (บะกอเราะฮ์ 45)
ดังนั้น การละหมาดจึงไม่มีความลำบากแก่พวกเขา โดยที่ไม่ใช่หมายความว่า การละหมาดเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเขา แต่พวกเขาถือว่ามันไม่ใช่ภาระอันหนักอึ้ง และพวกเขาก็ไม่ได้มีเห็นอันใดกับการละหมาด นอกจาก เป็นการพักผ่อนอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา เนื่องจากมันเป็นการเข้าเฝ้าระหว่างบ่าวกับผู้อภิบาลของเขา และแท้จริง ได้มีรายงานเกี่ยวกับคุณลักษณะของมุนาฟิกว่า "เขาจะไม่ทำการละหมาด นอกจากผินหลังให้(เกียจคร้าน)และทำละหมาดเหมือนไก่จิก"
al-azhary:
จากนั้น ท่านอับกะบีบีย์ กล่าวว่า "ได้เกิดจากพวกท่าน โดยการล่าช้าการทำละหมาดมัฆริบจนใกล้ถึงเวลาอีชาอฺ ซึ่งนี้คือบิดอะฮ์ และการละหมาดสองร่อกะอัตก่อนละหมาดมัฆริบและทำละหมาดให้นานนั้น ขัดแย้งกับซุนนะฮ์"
ท่านอัซซัยยิดอะหฺมัด กล่าวว่า "การล่าช้าละหมาดมัฆริบนั้น เราเองถือว่าหะรอมกับการละหมาดขณะที่ดวงอาทิตย์ตก และเราได้ทำละหมาดโดยใช้เวลานาน เพราะปฏิบัติตามซุนนะฮ์ เนื่องจากท่านนบี(ซ.ล.) ได้อ่านซูเราะฮ์ อัฏฏูร ในละหมาดมัฆริบ และเคยอ่านซูเราะฮ์ที่ยาว ๆ มากมาย ดังเช่นเป็นที่ทราบกันในเรื่องของมัน และย่อมไม่เป็นบาปแก่เรา หาก(การละหมาดมัฆริบเสร็จ)โดยเข้าเวลาอีชาอฺแล้วก็ตาม เพราะพวกเราอยู่ในการภักดี
ส่วนสองร่อกะอัตนั้น เป็นสุนัต ที่ผู้คนทั้งหลายหลีกห่างจากมัน โดยที่ใน(สองร่อกะอัตที่เป็นสุนัต)นี้ ได้รวมไว้ซึ่งซุนนะฮ์ทั้งสาม คือ จากการกระทำ , คำพูด , และให้การยอมรับของท่านนบี(ซ.ล.) ดังนั้น เราจึงเห็นว่ามันเป็นสุนัตจากบรรดาสุนัตต่าง ๆ และเราจะไม่ละทิ้งนั้น เพียงเพราะผู้คนไม่ได้กระทำมัน และเราขอกล่าวว่า ละหมาดสองร่อกะอัตนั้น ไม่ใช่เป็นวายิบ ที่ไม่อนุญาตให้ละเลยกับมัน ยิ่งกว่านั้น ทั้งสองร่อกะอัตกลับเป็นซุนนะฮ์ ดังนั้น การตำหนิ ย่อมมุ่งไปยัง ผู้ที่ทำการตำหนิเรื่องการเป็นสุนัต ไม่ใช่ตำหนิผู้ที่กระทำมัน เพราะฉะนั้น ท่านจงรู้กับสิ่งที่ท่านได้พูดด้วย ดังนั้น ท่านอับกะบีบีย์ก็นิ่งเงียบ
al-azhary:
ช่วงต่อไป จะเป็นการเสวนาตอน พฤติกรรมของวะฮาบีย์ที่ชอบจัดผิดและสืบเสาะ แสวงหา ความผิดพลาดของคนอื่น แล้วนำมากล่าวหาเหมารวม ซึ่งท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดรีส ได้ทำการตอบได้อย่างน่าฟังเลยทีเดียว โปรดติดต่อในโอกาสต่อไปครับ อินชาอัลเลาะฮ์
คนอยากรู้:
ท่านจงรู้กับสิ่งที่ท่านได้พูดด้วย ดังนั้น ท่านอับกะบีบีย์ก็นิ่งเงียบ
น้องอัล-อัชฮารีย์ครับ บังชอบอ่านกระทู้นี้มากครับ .
.อีกอย่างสิ่งที่ ท่านอัซซัยยิดอะหฺมัด พูดกับท่านอับกะบีบีย์ ประโยคข้างบนช่วงหลังนั้น..มันได้ความหมายและกินใจ วะฮาบีย์บางคนในเมืองไทยมากครับ....ที่มีความคิดและคำพูดคล้ายๆกับท่านอับบีบีย์ครับ..
al-azhary:
กระทู้นี้ ผมห่างเหินไปนาน ก็จะหาช่วงเวลา ๆ ดีแปลนำเสนอต่อไปครับ อินชาอัลเลาะฮ์
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version