بسم الله الرحمن الرحيم الحمد لله والصلاة والسلام على رسول الله وعلى آله وصحبه ومن اتبع هداه
หนังสือ مناظرة بين الزمزمي والألباني "การเสวนาระหว่างอัซซัมซะมีย์และอัลบานีย์" ตีพิมพ์ที่ ดารุลอิมามอันนะวาวีย์ ฮ.ศ. 1414 - ฮ.ศ. 1993 ซึ่งเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเสวนาเรื่อง "ซีฟาต" ระหว่างชัยค์อัลบานีย์(ร่อฮิมะฮุลเลาะฮ์) กับ ท่านชัยค์อัซซัยยิดมุฮัมมัด อัซซัมซะมีย์ อัลหะซะนีย์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ตะอาลา) ซึ่งท่านเป็นอุลามาอ์อัล-อัซฮัรและเป็นอุลามาอ์มัฆริบ(โมร๊อกโค)
ท่านชัยค์ อัซซัยยิด อัซซัมซะมีย์ กล่าวว่า
بسم الله الرحمن الرحيم الحمد لله والصلاة والسلام على رسول الله وعلى آله وصحبه ومن اتبع هداه
อัลบานีย์ ได้ร้องขอให้ฉันมีการพบปะระหว่างเราเพื่อทำการทบทวนเกี่ยวกับประเด็นปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่อง "บรรดาตัวบทที่เกี่ยวกับซิฟาตของอัลเลาะฮ์" ฉันจึงทำการตอบรับตามคำขอร้องของเขา (1) การเสวนาทบทวนแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันนั้นมีหลายประเด็นด้วยกัน
ประเด็นที่หนึ่ง
อัลบานีย์ ถามว่า "ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทำการอธิบายบรรดาความหมายต่าง ๆ ของตัวบทที่เกี่ยวกับบรรดาซีฟาตของอัลเลาะฮ์หรือไม่?"
ฉัน (ท่านชัยค์ อัซซัยยิด อัซซัมซะมีย์)ตอบว่า "ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ได้ทำการอธิบายความหมายต่าง ๆ ของตัวบทที่เกี่ยวกับบรรดาซีฟาตของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา เนื่องจากมีความเพียงพอแล้ว ด้วยการอธิบายของอัลกุรอาน เพราะการอธิบายที่มีความจำเป็นเกี่ยวกับบรรดาอายะฮ์ซีฟาตของอัลเลาะฮ์นี้ ได้มีอธิบายไว้ในอัลกุรอานเรียบร้อยแล้ว คือคำตรัสของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ความว่า
ليس كمثله شئ
"ไม่มีสิ่งมาคล้ายเหมือนกับพระองค์"
พระองค์ตรัสเช่นกันว่า
ولم يكن له كفؤا أحد
"ไม่มีผู้ใดมาเทียบเทียม(เหมือน)กับพระองค์ได้"
ดังนั้น อัลบานีย์ จึงกล่าวว่า "คำพูดเช่นนี้ หมายถึง ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บกปิดอำพรางบรรดาความหมายของอายะฮ์ซีฟาตน่ะซิ"
ฉันกล่าวตอบว่า "ท่านอย่าใช้คำว่า "อำพราง" ซิ เพราะการอำพรางวิชาความรู้นั้น เป็นสิ่งที่ได้รับการตำหนิตามหลักของศาสนา เนื่องจาก การอำพรางตามความหมายของศาสนา คือ ความตระหนี่ในวิชาความรู้ที่มีความจำเป็นต้องทราบ แต่บรรดาอายะอ์ซีฟาตนั้น บรรดาผู้คนทั้งหลายไม่มีความต้องการที่จะทราบการอธิบายความหมายที่นอกเหนือจากความหมายที่อัลกุรอานได้อธิบายไว้ เพราะเหตุที่ว่า สติปัญญาของพวกเขาไม่สามารถเข้าใจและหยั่งถึงได้ และจะเกิดความสับสน(ฟิตนะฮ์)ให้กับพวกเขา เหมือนกับที่ท่านอิมามอะลี (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุวะกัรร่อมัลลอฮุวัจญฺฮะฮ์) กล่าวว่า
حدثوا الناس بما يفهمون ، أتريدون أن يكذب الله ورسوله ؟
"พวกท่านจงพูดกับบรรดามนุษย์ ด้วยกับสิ่งที่พวกเขาเข้าใจ หรือว่าพวกท่านต้องการให้มีการกล่าวโกหกต่ออัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์กระนั้นหรือ?" รายงานโดย อัลบุคอรีย์ ดู หนังสือฟัตหุลบารีย์ เล่ม 1 หน้า 225
ด้วยเหตุนี้ เราจึงกล่าวว่า "ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ได้อธิบายความหมายต่าง ๆ ของตัวบทที่เกี่ยวกับบรรดาซีฟาตของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา และไม่ได้กล่าวว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ปิดบังอำพรางบรรดาความหมายต่าง ๆ ของมัน เนื่องจากบรรดาผู้คนไม่ต้องการไปยังการอธิบายถึงบรรดาความหมายเหล่านั้น
และไม่สงสัยเลยว่า ยังมีประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ได้ทำการอธิบายแจกแจงไว้ อันเนื่องจากเหตุผลเดียวกันที่ฉันได้กล่าวไปแล้ว เช่นประเด็นปัญหาเรื่องของ "อัลกุรอาน" ที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางที่ทราบกันดี (หมายถึงประเด็นที่ว่า อัลกุรอานเป็นมัคโลคหรือไม่? ซึ่งท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ได้อธิบายไว้ เนื่องจากในยุคสมัยนั้น ไม่มีความต้องการไปยังการอธิบาย ทั้งที่ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องของอะกีดะฮ์ที่มีความสำคัญ) ดู หนังสือ หน้า 11 - 13
-----------------------
(1) ในวันอาทิตย์ที่ 10 เดือนร่อมะฏอน ฮ.ศ. 1396