เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
การถกเสวนาครั้งใหญ่ระหว่างอุลามาอ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์กับวะฮาบีย์
al-azhary:
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า " โอ้ อะหฺมัด ท่านไม่รู้ถึงการแบ่งแยกระหว่างสองศาสนา"
ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ คือสิ่งที่มาแบ่งแยกระหว่างสองศาสนา โอ้องค์ผู้มหาบริสุทธิ์! เยี่ยงข้าพเจ้านี้หรือ ที่ถูกถามกับคำพูดเช่นนี้ ? , ความจริงท่านคงถูกคาดการณ์ว่าอยู่บนความปลอดภัย อันเนื่องจากท่านเคยอาศัยอยู่ในทะเลทราย โดยที่หะดิษอันมีเกียรติ ได้กล่าวว่า "ผู้ใดที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย จริงแล้วเขาย่อมหยาบกระด้าง" ได้มีบรรดาชาวชนบทผู้มีอุปนิสัยหยาบกระด้าง ได้พูดกับ ผู้เป็นนายแห่งมักโลค ร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ด้วยสิ่งที่ทำปณิธานของท่านขุ่นหมอง กระนั้น ท่านก็ยังอดทน และท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ก็คือ แบบฉบับสำหรับเรา
al-azhary:
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า "ท่านกำลังยึดถือลัทธิของ อิบนุ อะร่อบีย์ โดยที่เขาได้กล่าวยอมรับเรื่อง ความหนึ่งเดียวในภาวะการมี และถือว่าการกระทำของอิบลิสนั้นมีความถูกต้อง ในขณะที่มันได้ละทิ้งการสูยูดต่ออาดัม และแท้จริง ปวงปราชญ์ยุคก่อนได้ถามกันในกรณีดังกล่าว ซึ่งปวงปราชญ์ของอิสลามในยุคสมัยของเขาและผู้อื่น ตอบว่า เขานั้นเป็นกาเฟรและผู้ที่ยึดถือแนวทางของเขา ย่อมเป็นกาเฟร"
ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " ท่านอิบนุ อะร่อบีย์นี้ เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. ที่ 638 โดยที่ระหว่างยุคสมัยของเรากับยุคสมัยของเขานั้น ห่างกันเกินกว่า 600 ปี ดังนั้น ท่านเคยได้ยินถ้อยคำกล่าวนี้จากเขาหรือไม่? หรือว่าคำกล่าวนี้ เป็นคำพูดของท่านเอง จนกระทั่ง ทำให้ท่านได้ละเมิดต่อสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติห้ามแก่ท่าน จากการกล่าวหามุสลิมคนหนึ่งว่าเป็นกาเฟร และเราเชื่ออย่างมั่นใจถึงความเป็นมุสลิมของเขา ดังนั้น เราจะไม่ถ่ายทอดอันใดจากเขา นอกจากเหมือนกับที่เขาได้กล่าวไว้"
al-azhary:
ผมจะนำเสนอเท่าที่มีเวลาว่างนะครับ อินชาอัลเลาะฮ์ และสิ่งที่ผมได้นำเสนอการเสวนากันระหว่าง นักปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์มัซฮับชาฟิอีย์ กับ ผู้รู้แนวคิดวะฮาบีย์ ผมขอรับผิดชอบในการคัดค้านและชี้แจง หากมีผู้ไม่เห็นด้วยเข้ามาสนทนาเกี่ยวกับรายละเอียด อินชาอัลเลาะฮ์
al-azhary:
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า "การยึดมั่นนี้ ได้ถูกกล่าวไว้อย่างชัดเจนในตำราต่าง ๆ ของเขา"
ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " อะไรหรือ? ที่ทำให้ท่านทราบว่า ท่านอิบนุ อะร่อบีย์ คือผู้กล่าวเช่นนั้น โดยที่ความครางแครงยังคงอยู่ คือเขาได้ถูกกุให้ร้ายจากศัตรูบางคนของเขา ดังนั้น ท่านจงทำการตัดสินว่าคำพูดเช่นนี้ว่า เป็นกุฟุรได้ หากว่าการตีความของท่านได้พบทางตันแล้ว และท่านอย่าตัดสินต่อท่านอิบนุ อะร่อบีย์ ว่าเขาเป็นกาเฟร อันเนื่องจากว่า ไม่มีหนทางใดตามหลักของศาสนาที่ถูกต้องเลย ที่จะมาอนุญาตแก่ท่านอย่างมั่นใจว่าเขานั้นเป็นกาเฟร
และหากท่านได้ทราบถึงข้อเท็จจริงแล้ว ท่านก็จะไม่เข้ามาข้องเกี่ยวกับสิ่งที่สติปัญญาของท่านได้มีความคับแคบเลย และท่านเองก็ไม่ใช่นักปราชญ์ของกลุ่มชนเหล่านี้(คือถึงนักปราชญ์ซูฟีย์) และนักปราชญ์ทุกสาขาแขนงนั้น จะถูกยอมรับในวิทยาการ(เฉพาะ)สำหรับพวกเขา ดังนั้น ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างที่เหมาะสมประเด็นหนึ่ง คือ มีชายคนหนึ่งได้เข้าไปในตลาด เขาย่อมรู้ถึงบรรดาคลังสินค้า สินค้าต่าง ๆ รู้ถึงราคาของมัน และสิ่งทั่ว ๆ ไป จากบรรดาผลไม้ เครื่องหอมต่าง ๆ และอื่น ๆ และมีชายคนอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยเข้าไปในตลาดดังกล่าวเลย
ดังนั้น พวกเขาจึงทำการรวมตัวชุมนุมกัน ครั้นชายผู้เคยเข้าไปในตลาดได้ทำการบอกเล่าสิ่งที่เขาได้เห็นในนั้น และได้ทำการพรรณนาสิ่งที่เขาได้เห็น แต่ชายผู้ไม่เคยเข้าไปในตลาดนั้น ได้ทำการคัดค้านในสิ่งที่ชายผู้เคยเข้าไปในตลาดได้เห็นมันด้วยตา ดังนั้น เยี่ยงนี้ เป็นพฤติกรรมของผู้มีสติปัญญากระนั้นหรือ? ยิ่งกว่านั้น บรรดาผู้มีภูมิปัญญา จะต้องตัดสินเขาว่า มีความเขลาเบาปัญญา เนื่องจากได้ทำการคัดค้านกับสิ่งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้ปรากฏแก่เขา
และเยี่ยงนี้นั้น นักกวีได้กล่าวบทกลอนไว้ว่า
"เมื่อท่านทราบข้อเท็จจริงอย่างไร้ประสบการณ์
จากนั้น ท่านได้เห็นมันอย่างประจักษ์ชัด ก็จงอย่าคัดค้าน
และเมื่อท่านไม่เคยเห็นจันทร์เสี้ยว ดังนั้น จงยอมรับ
ให้กับผู้คนที่เคยเห็นมันด้วยตา"
al-azhary:
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า" ท่าน โอ้ อะหฺมัด พวกเขาได้ทำการจูบสองมือของท่านและสองเท้าของท่าน บรรดาสานุศิษย์ได้นอบน้อมแก่ท่าน อย่างไม่มีผู้ใดเหมาะสมจะได้รับนอกจากอัลเลาะฮ์ ตะอาลา และนี้ย่อมเป็นตัวชิริกและเป็นการนอบน้อมแบบอิบาดะฮ์ โดยที่อิบาดะฮ์นั้น ไม่บังควรแก่มักโลค"
ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " หากท่านยึดมั่นด้วยหลักศาสนาแห่งนบีมุฮัมมัด ดังนั้น ท่านโปรดรับฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าจะกล่าวแก่ท่าน คือ ได้มีหะดิษซอฮิหฺ รายงานว่า ทูตของอับดุลก๊อยซฺนั้น ขณะที่พวกเขาได้ถูกส่งเป็นทูตมายังท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมวะอาลิฮี พวกเขาได้ทำการจูบสองมือและสองเท้าของท่านนบี และนักปราชญ์หะดิษบางส่วนได้ทำการรวบรวมหะดิษส่วนหนึ่ง เกี่ยวกับการอนุญาตจูบสองมือและสองเท้า และพวกเขาได้นำเสนอบรรดาหะดิษมาอย่างมากมาย ที่ตัดสินว่า อนุญาตให้จูบสองมือของอะฮ์ลิลบัยต์และผู้อื่นจากพวกเขาจากบรรดาปวงปราชญ์ ส่วนคำกล่าวของท่านที่ว่า อันนี้ ย่อมเป็นอิบาดะฮ์นั้น ซึ่งหากท่านเข้าใจความหมายของอิบาดะฮ์จริงแล้ว ท่านจะไม่กล่าวเยี่ยงนี้ เพราะการเป็นอิบาดะฮ์นั้น ย่อมอยู่ในหนทางหนึ่ง และการให้เกียรติและมีจรรยามารยาทนั้น ก็ย่อมอยู่ในหนทางอีกแบบหนึ่ง ดังนั้น การให้เกียรติแก่บรรดานักปราชญ์นั้น เป็นสิ่งที่วายิบ เพราะอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงตรัสว่า "อัลเลาะฮ์จะทรงยกบรรดาผู้มีศรัทธาจากพวกท่านและบรรดาผู้มีความรู้กับหลายฐานันดร" (อัลมุญาดะละฮ์ 11)
ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้วจนะ ไว้ว่า "ย่อมไม่ใช่มาจากพวกเขา สำหรับผู้ที่ไม่รู้สิทธิของผู้ทรงความรู้แห่งเรา"
และบรรดาสิทธิของผู้ทรงความรู้นั้น คือการมีจรรยามารยาทต่อเขา ด้วยการจูบมือทั้งสองและทราบถึงความประเสริฐของเขา และผู้ใดที่ให้เกียรติต่อผู้รู้ แน่นอน เขาย่อมให้เกียรติต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา และร่อซูลของพระองค์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เนื่องจากเขาเป็นผู้แบกรับหลักการของศาสนาที่มีเกียรติ
ดังนั้น การให้เกียรติตามความเป็นจริงนั้น อันเนื่องมาจากว่า เขาเป็นผู้มีความรู้ที่แบกรับหลักการของศาสนา(หมายถึงความรู้ ที่มีความยำเกรงและมีคุณธรรมที่ผู้รู้ดังกล่าวได้แบกรับสืบทอดเอาไว้) และแท้จริง ได้มีหะดิษยืนยันไว้ว่า "บรรดานักปราชญ์นั้น คือทายาทของบรรดานบี"(รายงานโดย อิมามอัลบุคอรีย์) ดังนั้น เมื่อพวกเขาเป็นทายาทของบรรดานบี แน่แท้ว่า .... โปรดติดตามในโอกาสหน้าต่อไป อินชาอัลเลาะฮ์
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version