เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

การถกเสวนาครั้งใหญ่ระหว่างอุลามาอ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์กับวะฮาบีย์

<< < (2/13) > >>

al-azhary:
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า " โอ้  อะหฺมัด  ท่านไม่รู้ถึงการแบ่งแยกระหว่างสองศาสนา"

ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์  คือสิ่งที่มาแบ่งแยกระหว่างสองศาสนา   โอ้องค์ผู้มหาบริสุทธิ์! เยี่ยงข้าพเจ้านี้หรือ  ที่ถูกถามกับคำพูดเช่นนี้ ? ,  ความจริงท่านคงถูกคาดการณ์ว่าอยู่บนความปลอดภัย  อันเนื่องจากท่านเคยอาศัยอยู่ในทะเลทราย  โดยที่หะดิษอันมีเกียรติ  ได้กล่าวว่า "ผู้ใดที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย  จริงแล้วเขาย่อมหยาบกระด้าง"   ได้มีบรรดาชาวชนบทผู้มีอุปนิสัยหยาบกระด้าง  ได้พูดกับ  ผู้เป็นนายแห่งมักโลค ร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ด้วยสิ่งที่ทำปณิธานของท่านขุ่นหมอง  กระนั้น  ท่านก็ยังอดทน  และท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ก็คือ  แบบฉบับสำหรับเรา

al-azhary:
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า "ท่านกำลังยึดถือลัทธิของ อิบนุ อะร่อบีย์  โดยที่เขาได้กล่าวยอมรับเรื่อง  ความหนึ่งเดียวในภาวะการมี  และถือว่าการกระทำของอิบลิสนั้นมีความถูกต้อง  ในขณะที่มันได้ละทิ้งการสูยูดต่ออาดัม  และแท้จริง  ปวงปราชญ์ยุคก่อนได้ถามกันในกรณีดังกล่าว  ซึ่งปวงปราชญ์ของอิสลามในยุคสมัยของเขาและผู้อื่น  ตอบว่า  เขานั้นเป็นกาเฟรและผู้ที่ยึดถือแนวทางของเขา  ย่อมเป็นกาเฟร"

ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " ท่านอิบนุ อะร่อบีย์นี้  เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. ที่ 638  โดยที่ระหว่างยุคสมัยของเรากับยุคสมัยของเขานั้น  ห่างกันเกินกว่า 600 ปี  ดังนั้น  ท่านเคยได้ยินถ้อยคำกล่าวนี้จากเขาหรือไม่? หรือว่าคำกล่าวนี้ เป็นคำพูดของท่านเอง  จนกระทั่ง  ทำให้ท่านได้ละเมิดต่อสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติห้ามแก่ท่าน  จากการกล่าวหามุสลิมคนหนึ่งว่าเป็นกาเฟร  และเราเชื่ออย่างมั่นใจถึงความเป็นมุสลิมของเขา  ดังนั้น  เราจะไม่ถ่ายทอดอันใดจากเขา  นอกจากเหมือนกับที่เขาได้กล่าวไว้"

al-azhary:
ผมจะนำเสนอเท่าที่มีเวลาว่างนะครับ อินชาอัลเลาะฮ์  และสิ่งที่ผมได้นำเสนอการเสวนากันระหว่าง นักปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์มัซฮับชาฟิอีย์  กับ ผู้รู้แนวคิดวะฮาบีย์  ผมขอรับผิดชอบในการคัดค้านและชี้แจง หากมีผู้ไม่เห็นด้วยเข้ามาสนทนาเกี่ยวกับรายละเอียด  อินชาอัลเลาะฮ์

al-azhary:
ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า "การยึดมั่นนี้  ได้ถูกกล่าวไว้อย่างชัดเจนในตำราต่าง ๆ ของเขา"

ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " อะไรหรือ? ที่ทำให้ท่านทราบว่า  ท่านอิบนุ อะร่อบีย์  คือผู้กล่าวเช่นนั้น  โดยที่ความครางแครงยังคงอยู่  คือเขาได้ถูกกุให้ร้ายจากศัตรูบางคนของเขา  ดังนั้น  ท่านจงทำการตัดสินว่าคำพูดเช่นนี้ว่า  เป็นกุฟุรได้  หากว่าการตีความของท่านได้พบทางตันแล้ว  และท่านอย่าตัดสินต่อท่านอิบนุ อะร่อบีย์  ว่าเขาเป็นกาเฟร  อันเนื่องจากว่า  ไม่มีหนทางใดตามหลักของศาสนาที่ถูกต้องเลย  ที่จะมาอนุญาตแก่ท่านอย่างมั่นใจว่าเขานั้นเป็นกาเฟร  

และหากท่านได้ทราบถึงข้อเท็จจริงแล้ว  ท่านก็จะไม่เข้ามาข้องเกี่ยวกับสิ่งที่สติปัญญาของท่านได้มีความคับแคบเลย  และท่านเองก็ไม่ใช่นักปราชญ์ของกลุ่มชนเหล่านี้(คือถึงนักปราชญ์ซูฟีย์) และนักปราชญ์ทุกสาขาแขนงนั้น  จะถูกยอมรับในวิทยาการ(เฉพาะ)สำหรับพวกเขา  ดังนั้น  ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างที่เหมาะสมประเด็นหนึ่ง  คือ มีชายคนหนึ่งได้เข้าไปในตลาด   เขาย่อมรู้ถึงบรรดาคลังสินค้า  สินค้าต่าง ๆ   รู้ถึงราคาของมัน  และสิ่งทั่ว ๆ ไป จากบรรดาผลไม้  เครื่องหอมต่าง ๆ และอื่น ๆ  และมีชายคนอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยเข้าไปในตลาดดังกล่าวเลย

 ดังนั้น พวกเขาจึงทำการรวมตัวชุมนุมกัน  ครั้นชายผู้เคยเข้าไปในตลาดได้ทำการบอกเล่าสิ่งที่เขาได้เห็นในนั้น  และได้ทำการพรรณนาสิ่งที่เขาได้เห็น  แต่ชายผู้ไม่เคยเข้าไปในตลาดนั้น  ได้ทำการคัดค้านในสิ่งที่ชายผู้เคยเข้าไปในตลาดได้เห็นมันด้วยตา  ดังนั้น  เยี่ยงนี้ เป็นพฤติกรรมของผู้มีสติปัญญากระนั้นหรือ?  ยิ่งกว่านั้น  บรรดาผู้มีภูมิปัญญา  จะต้องตัดสินเขาว่า มีความเขลาเบาปัญญา  เนื่องจากได้ทำการคัดค้านกับสิ่งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้ปรากฏแก่เขา

และเยี่ยงนี้นั้น  นักกวีได้กล่าวบทกลอนไว้ว่า

"เมื่อท่านทราบข้อเท็จจริงอย่างไร้ประสบการณ์
จากนั้น  ท่านได้เห็นมันอย่างประจักษ์ชัด  ก็จงอย่าคัดค้าน
และเมื่อท่านไม่เคยเห็นจันทร์เสี้ยว  ดังนั้น  จงยอมรับ
ให้กับผู้คนที่เคยเห็นมันด้วยตา"

al-azhary:
 ท่าน อัลกะบีบีย์ กล่าวว่า" ท่าน โอ้ อะหฺมัด  พวกเขาได้ทำการจูบสองมือของท่านและสองเท้าของท่าน  บรรดาสานุศิษย์ได้นอบน้อมแก่ท่าน  อย่างไม่มีผู้ใดเหมาะสมจะได้รับนอกจากอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  และนี้ย่อมเป็นตัวชิริกและเป็นการนอบน้อมแบบอิบาดะฮ์  โดยที่อิบาดะฮ์นั้น  ไม่บังควรแก่มักโลค"

  ท่าน อัซซัยิด อะหฺมัด บิน อิดริส (ร.ฏ.) กล่าวว่า " หากท่านยึดมั่นด้วยหลักศาสนาแห่งนบีมุฮัมมัด  ดังนั้น  ท่านโปรดรับฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าจะกล่าวแก่ท่าน  คือ  ได้มีหะดิษซอฮิหฺ  รายงานว่า  ทูตของอับดุลก๊อยซฺนั้น  ขณะที่พวกเขาได้ถูกส่งเป็นทูตมายังท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมวะอาลิฮี  พวกเขาได้ทำการจูบสองมือและสองเท้าของท่านนบี  และนักปราชญ์หะดิษบางส่วนได้ทำการรวบรวมหะดิษส่วนหนึ่ง  เกี่ยวกับการอนุญาตจูบสองมือและสองเท้า  และพวกเขาได้นำเสนอบรรดาหะดิษมาอย่างมากมาย  ที่ตัดสินว่า  อนุญาตให้จูบสองมือของอะฮ์ลิลบัยต์และผู้อื่นจากพวกเขาจากบรรดาปวงปราชญ์  ส่วนคำกล่าวของท่านที่ว่า  อันนี้  ย่อมเป็นอิบาดะฮ์นั้น  ซึ่งหากท่านเข้าใจความหมายของอิบาดะฮ์จริงแล้ว  ท่านจะไม่กล่าวเยี่ยงนี้   เพราะการเป็นอิบาดะฮ์นั้น ย่อมอยู่ในหนทางหนึ่ง  และการให้เกียรติและมีจรรยามารยาทนั้น  ก็ย่อมอยู่ในหนทางอีกแบบหนึ่ง  ดังนั้น  การให้เกียรติแก่บรรดานักปราชญ์นั้น  เป็นสิ่งที่วายิบ  เพราะอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  ทรงตรัสว่า "อัลเลาะฮ์จะทรงยกบรรดาผู้มีศรัทธาจากพวกท่านและบรรดาผู้มีความรู้กับหลายฐานันดร" (อัลมุญาดะละฮ์ 11)

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้วจนะ ไว้ว่า "ย่อมไม่ใช่มาจากพวกเขา  สำหรับผู้ที่ไม่รู้สิทธิของผู้ทรงความรู้แห่งเรา"

และบรรดาสิทธิของผู้ทรงความรู้นั้น  คือการมีจรรยามารยาทต่อเขา  ด้วยการจูบมือทั้งสองและทราบถึงความประเสริฐของเขา และผู้ใดที่ให้เกียรติต่อผู้รู้  แน่นอน  เขาย่อมให้เกียรติต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา และร่อซูลของพระองค์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เนื่องจากเขาเป็นผู้แบกรับหลักการของศาสนาที่มีเกียรติ  

ดังนั้น  การให้เกียรติตามความเป็นจริงนั้น  อันเนื่องมาจากว่า เขาเป็นผู้มีความรู้ที่แบกรับหลักการของศาสนา(หมายถึงความรู้  ที่มีความยำเกรงและมีคุณธรรมที่ผู้รู้ดังกล่าวได้แบกรับสืบทอดเอาไว้)   และแท้จริง   ได้มีหะดิษยืนยันไว้ว่า  "บรรดานักปราชญ์นั้น คือทายาทของบรรดานบี"(รายงานโดย อิมามอัลบุคอรีย์)  ดังนั้น  เมื่อพวกเขาเป็นทายาทของบรรดานบี  แน่แท้ว่า ....  โปรดติดตามในโอกาสหน้าต่อไป  อินชาอัลเลาะฮ์

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version