salam
เสริมค่ะ
จากอัลกุรอาน ฉบับท่านจุฬาต่วน
ได้ถูกอัลเลาะห์กำหนดไว้เป็นฟัรดูเหนือพวกเจ้าแล้ว เมื่อเหตุแห่งความตายมาสู่คนใดในหมู่พวกเจ้าที่เจ็บหนักขนาดถึงตายว่า หากผู้นั้นได้ทิ้งสมบัติไว้ ก็ให้ทำพินัยกรรมยกสมบัติเป็นของบิดามารดา และวงศ์ญาติใกล้ชิดโดยความเป็นธรรม เป็นต้นว่า มิให้ทำพินัยกรรมเกินกว่าหนึ่งในสามของสมบัติทั้งหมด และอย่าให้บิดามารดาหรือญาติใกล้ชิดที่มั่งมีได้มากกว่าที่ยากจน บัญญัติที่กล่าวข้างต้นนี้ ได้ถูกยกเลิกโดยอัล-กุรอานและอัล-หะดีธแล้ว และตกเป็นซุนนะห์โดยบรรยายว่า ผู้เจ็บป่วยจวนจะตายก็ดี ผู้มิได้เจ็บป่วยอยู่ก็ดี มีซุนนะห์ให้ถือเอาทรัพย์เพียงหนึ่งในสามจาก กองมรดกไปทำพินัยกรรมได้ดังนี้ คือ
(๑) หากผู้รับพินัยกรรมเป็นสาธารณะก็ดี เป็นบุคคลอื่นที่ไม่มีสิทธิ์ในกองมรดกก็ดี พินัยกรรมนั้นย่อมสำเร็จลงได้โดยไม่มีเงื่อนไข เว้นไว้แต่ถ้าทรัพย์ที่ทำพินัยกรรมนั้นเกินกว่าหนึ่งในสาม ส่วนที่เกินนั้นจะตกเป็นทรัพย์ในพินัยกรรมได้ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากผู้มีสิทธิในกองมรดกเสียก่อน ตามเงื่อนไขว่า
ก.ถ้าผู้มีสิทธิในกองมรดกให้ความยินยอมกันทั้งหมด ส่วนที่เกินกว่าหนึ่งในสามจะตกเป็นทรัพย์ในพินัยกรรมได้หมด
ข.ถ้าผู้มีสิทธิในกองมรดกให้ความยินยอมแต่บางส่วน ส่วนที่เกินกว่าหนึ่งในสามจะตกเป็นทรัพย์ในพินัยกรรมได้เฉพาะส่วนของผู้ที่ยินยอมเท่านั้น แต่ส่วนของผู้ไม่ยินยอมให้ยกคืนเป็นทรัพย์ในกองมรดก
(๒) ถ้าผู้รับพินัยกรรมเป็นทายาทที่มีสิทธิในกองมรดกแล้ว จะต้องได้รับความยินยอมจากทายาทผู้มีสิทธิในกองมรดกแต่อยู่นอกพินัยกรรมตามเงื่อนไขดังในข้อ ก. และ ข. เสียก่อน พินัยกรรมนั้นจึงจะสำเร็จผล
เนื้อความซึ่งบ่งไว้นี้แหละเป็นที่เที่ยงแท้อยู่เหนือพวกที่ยำเกรงอัลเลาะห์ด้วยการปฏิบัติตามที่ทรงใช้และทรงห้าม
(อัลบะกอเราะห์ ๑๘๐)