ตำรา ปกป้องท่าน อะบีฮุร็อยเราะฮฺ

[Muftee]

Tweet

عذرا....أبا هريرة

للشيخ ايهاب بن فتحي عاشور


ตำราเล่มนี้เป็นตำราที่ท่าน เชค อีฮาบ บิน ฟัตฮีย์ อาชูร  ได้ประพันธ์ขึ้นเพื่อชี้แจงและตอบโต้ข้อสงสัย
แก่บรรดาผู้ที่กล่าวหาต่อท่านอะบู ฮุร็อยเราะฮฺ ทั้งในด้านอัคลาคของท่านและในด้านการรายงานหะดิษของท่าน
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ทำการตำหนิและตั้งข้อสงสัยในตัวของท่านอะบู ฮุร็อยเราะฮฺ จะมาจากกลุ่มชีอะฮฺและนักบูรพาคดี
และตำราเล่มนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องท่านอะบู ฮุร็อยเราะฮฺจากข้อสงสัยของพวกเค้าเหล่านั้น.....


ตำราเล่มนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตำราเช่นกันที่หาซื้อค่อนข้างยาก  แต่ในงานมะร็อดที่อียิปต์ปีนี้มีแน่นอนครับ
ลองไปหาซื้อที่ร้าน มักตะบะฮฺ อัร-ริดวาน  ในห้องโถงใหญ่หมายเลข 4  (อยู่ตรงข้างกับห้องโถงใหญ่หมายเลข 6 ) 
ครับ......ราคาประมาณ 12 ปอด์นอียิปต์ครับ....

[al-azhary]

 salam

ดีมากครับ ซื้อหนังสือมาให้เยอะ ๆ น่ะ บังจะได้ยืมอ่าน 

[กูปีเยาะฮฺสะอื้น]

น่าอิจฉาเน๊อะ

[Muftee]

salam

ดีมากครับ ซื้อหนังสือมาให้เยอะ ๆ น่ะ บังจะได้ยืมอ่าน 

งานนี้ไม่มีการให้ยืมอ่านครับ.....นอกจากเช่าเท่านั้น  คิดวันละ 10 ปอด์น ครับ....
ส่งคืนช้า  ปรับ เท่าราคาหนังสือต่อการล่าช้า 1 วันครับ....

[Al Fatoni]

ที่หอสมุด John F. Kenedy มอ.ปัตตานี มีหนังสือของอัตติญานีย์ ที่กล่าวหาท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ อยู่เล่มหนึ่ง พี่น้องชาว มอ.ปัต และท่านอื่นที่ไปค้นคว้าหาหนังสือที่ตึกเก่าหอเอฟ แผนกอิสลามศึกษา ใกล้ห้องละหมาดนั้น ระวังให้ดีนะครับ เพราะหนังสือชีอะฮ์ค่อนข้างเยอะพอสมควร ซึ่งบางเล่มดูไม่ออกเลยว่าเป็นหนังสือของชีอะฮ์ เพราะแนวการเขียน มักจะอ้างหะดีษบุคอรีย์และมุสลิม รวมทั้งตำราที่ดังๆ ของฝ่ายสุนนีย์ เพื่อสนับสนุนแนวคิดของชีอะฮ์ อันตรายมากครับ หนังสือที่ว่า มีทั้งที่เป็นภาษาไทย มลายู (ทั้งมาเลเซียและอินโดนีเซีย) ส่วนภาษาอาหรับและอังกฤษนั้น ไม่แน่ใจ ขอไปดูให้แน่ใจอีกที - วัสสลาม

[al-firdaus~*]

salam

ขอนำเสนอเกร็ดประวัติเล็กน้อยของท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ (ร.ด.)นะคะ  (รอการแปลตำราปกป้องท่านค่ะ)

การจดจำหะดิษของอบูฮุรอยเราะฮฺ (ร.ด.)

อบูฮุรอยเราะฮฺ (ร.ด.) นับเป็นเศาะฮาบะฮฺที่มีชื่อเสียงอีกท่านหนึ่ง  ไม่มีบุคคลใดที่ได้รายงานหะดิษไว้อย่างมากมายดังที่เขาได้รายงานไว้  เขาเข้ารับอิสลามใน ฮ.ศ.7 ในขณะที่ท่านรอซูล (ซ.ล.) เสียชีวิตใน ฮ.ศ.11  เขาได้อยู่กับท่านรอซูล (ซ.ล.) เพียงสี่ปีเท่านั้น  จึงทำให้คนทั้งหลายรู้สึกพิศวงต่อการที่เขาสามารถจำหะดิษไว้อย่างมากมายเช่นนี้  ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เขาได้อธิบายด้วยตัวเขาเอง โดยเล่าว่าผู้คนสงสัยว่า ทำไมฉันจึงจำหะดิษได้มากมายนัก  ความจริงก็คือว่า  พี่น้องชาวมุฮาญิรีนของฉันทำการค้าขาย และพี่น้องชาวอันศอรฺของฉันก็ทำไร่  ในขณะที่ฉันอยู่กับท่านรอซูล (ซ.ล.) ตลอดเวลา  ฉันเป็นคนที่อยู่กับพวกศุฟฟะฮฺที่ยากจน ฉันไม่เคยเป็นห่วงในเรื่องการหาเลี้ยงชีพเลย  ฉันพึงพอใจกับอาหารเล็กๆ น้อยๆ ที่ท่านรอซูล (ซ.ล.)ได้ให้กับฉัน  ฉันจะอยู่กับท่านในขณะที่ไม่มีใครอยู่กับท่าน และจดจำในสิ่งที่คนอื่นจำไม่ได้  ครั้งหนึ่ง ฉันได้ปรารภกับท่านถึงเรื่องความจำที่ไม่ค่อยดีสำหรับฉัน  ท่านบอกว่า กางผ้าห่มของเจ้าออกมา  ฉันก็ทำเช่นนั้น ท่านได้ทำสัญญาณบางอย่างบนผ้าผืนนั้นด้วยกับสองมือของท่านเอง และกล่าวว่า เอา จงเอาผ้าคลุมนี้พันรอบหน้าอก ฉันจึงได้เอามาพันรอบหน้าอกของฉัน นับตั้งแต่นั้นมาฉันไม่เคยลืมทุกๆ สิ่งที่ฉันอยากจะจำมันเลย

ข้อพึงสังวร ชาวศุฟฟะฮฺส่วนใหญที่เป็นผู้ที่คอยอาหารอยู่กับที่พักที่ท่านรอซูล (ซ.ล.)แบ่งสัดส่วนไว้ พวกเขาไม่มีรายได้ประจำจากแหล่งใดๆ พวกเขาเป็นแขกของท่านรอซูล (ซ.ล.) ท่านได้ยกของเศาะดะเกาะฮฺให้และเจือจานของกำนัลที่ท่านไดรับมาให้กับพวกเขา อบู ฮุรอยเราะฮฺ  (ร.ด.) เป็นคนหนึ่งในกลุ่ม ในบางครั้งเขาอยู่โดยไม่ได้รับประทานอาหารเป็นเวลาหลายๆ วัน และบางครั้งก็ดูเหมือนคนเสียสติ  เนื่องจากความหิวอย่างหนัก (จะนำเสนอเป็นลำดับต่อไปค่ะ) ด้วยความยากลำบากดังกล่าว  แต่เขาก็ยังหมกมุ่นอยู่กับการจำคำพูดของท่านรอซูล (ซ.ล.) อยู่ตลอดเวลานี่เอง ที่ทำให้เขาสามารถรายงานหะดิษได้เป็นจำนวนมาก อิบนุเญาซี ได้เขียนไว้ในหนังสือของท่านว่ามีจำนวนถึง 5,374 หะดิษ

ครั้งหนึ่งเขาได้รายงานหะดิษดังต่อไปนี้ไว้ว่า  บุคคลคนหนึ่งที่ไปละหมาดญะนาซะฮฺแล้ว  กลับทันทีจะได้รับผลบุญหนึ่งกีรอฎ และเขาจะได้รับสองกีรอฎ ถ้าหากเขายังคงอยู่ร่วมในพิธีฝังจนกระทั่งเสร็จ  โดยที่หนึ่งกีรอฎมีน้ำหนักมากกว่าภูเขาอุหุดเสียอีก อิบนุอุมัร (ร.ด.) ได้ทราบเรื่องนี้ จึงสงสัยในความจริงแท้ของหะดิษ  โดยทักท้วงว่า คิดเสียก่อนที่ท่านจะพูด โอ้ อบู ฮุรอยเราะฮฺ  อบู ฮุรอยเราะฮฺรู้สึกโกรธ เมื่อได้ยินคำท้วงติงเช่นนี้ เขาจึงพาอิบนุ อุมัร (ร.ด.) ไปพบกับอาอิชะฮฺ (ร.ฮ.) ทันที และกล่าวกับเธอว่า โอ้ อุมมุ้ลมุมินีน  ฉันขอร้องให้ท่านพูด ด้วยการสาบานต่ออัลลอฮฺว่า  ท่านเคยได้ยินท่านรอซูล (ซ.ล.) พูดถึงเรื่องหะดิษที่บอกถึงการตอบแทน รางวัลเป็นกีรอฎนี้ใช่ไหม  เธอกล่าวว่า ใช่ ฉันเคยได้ยินหะดิษนี้เหมือนกัน

อบู ฮุรอยเราะฮฺ (ร.ด.)จึงได้กล่าวกับอิบนุ อุมัรว่า ในขณะที่ท่านรอซูล (ซ.ล.) ยังมีชีวิตอยู่นั้น  ฉันไม่มีสวนที่จะดูแล ไม่มีสินค้าที่จะขายในตลาด ฉันอยู่กับท่านรอซูลเป็นประจำ งานของฉันเพียงประการเดียวคือ  การท่องจำสิ่งต่างๆ ที่ท่านพูด และบริโภคสิ่งที่ท่านให้เป็นประจำเท่านั้น   อิบนุ อุมัร (ร.ด.) กล่าวว่า ไม่ต้องสงสัยเลย ท่านเป็นคนที่คอยเฝ้าดูแลท่านรอซูลอย่างใกล้ชิดที่สุด จึงเป็นผู้รู้หะดิษของท่านรอซูลมากที่สุดในหมู่พวกเรา  ด้วยกับผลงานทั้งหมดเหล่านี้  อบู ฮุรอยเราะฮฺ (ร.ด.) ยังกล่าวอีกว่า  ฉันกล่าวอิสติฟารฺวันละ 12,000 ครั้ง  เขามีเชือกอยู่เส้นหนึ่งผูกเป็นปมไว้ถึง 1,000 ปม  จะยังไม่นอนจนกว่าจะกล่าวสุบหานัลลอฮฺให้ครบจำนวน 






อ้างอิง...หนังสือคุณค่าอะม้าล

[al-firdaus~*]

salam

สภาพที่แร้นแค้นของอบูฮุรอยเราะฮฺ (ร.ด.)

ครั้งหนึ่งหลังจากอบูฮุรอยเราะฮฺ (ร.ด.) ได้เช็ดจมูกด้วยผ้าลินินอย่างดี  ได้รำพึงในใจกับตัวเองว่า จงดูอบูฮุรอยเราะฮฺซิ เดี๋ยวนี้เขากำลังทำความสะอาดจมูกของเขา ด้วยผ้าลินินอย่างดี ฉันยังจำได้เมื่อคราวที่เขา เคยนอนสลบอยู่ระหว่างมิมบัรกับบ้านของท่านรอซูล (ซ.ล.) ผู้คนเข้าใจว่าเขาป่วย เป็นโรควิกลจริต จึงเอาเท้าเหยียบนวดบนต้นคอของเขา แต่ไม่มีวิธีการรักษาใดๆ ที่ให้เขาหายได้ เพราะเขาชักกระตุกด้วยความหิว

ฉันในที่นี้ หมายถึง อบูฮุรอยเราะห์ (ร.ด.) กล่าวว่า ฉันอยากจะให้พวกท่านได้เห็นบางคนในหมู่ของพวกเราที่มีชีวิตอยู่โดยการหิวอาหาร เป็นเวลาสองสามวันติดต่อกัน หิวเสียกระทั่งไม่สามารถยืนทรงตัวอยู่ได้ ต้องนอนคว่ำหน้าลงและกดท้องกับพื้น หรือไม่ก็เอา ก้อนหินสักก้อนหนึ่งผูกเข้ากับหน้าท้อง

ข้อพึงสังวร อบูฮุรอยเราะฮฺ (ร.ด.) ต้องทนหิวอยู่เช่นนั้นเป็นเวลาหลายๆวัน เขาหิวเสียจนกระทั่งล้มลงสิ้นสติไป ผู้คนคิดไปว่าเป็นอาการของโรควิกลจริต ดูเหมือนว่าในสมัยนั้นเขารักษาคนเป็นโรควิกลจริต ด้วยการเอาฝ่าเท้าเหยียบนวดต้นคอของผู้ป่วย

ในช่วงต้นๆ ของอิสลาม อบูฮุรอยเราะห์ (ร.ด.) เป็นบุคคลหนึ่งในหมู่ผู้คนที่ต้องทนทรมานอยู่กับความขัดสนและความยากจนอย่างมาก ถึงอย่างไรเขาก็ยังได้มีโอกาสเห็นตนเองที่มีสภาพที่ดีขึ้น  ภายหลังจากการพิชิตของฝ่ายมุสลิมแล้ว  เขาเป็นบุคคลที่มีคุณธรรม และรักในการละหมาดสุนัตเป็นประจำ เขามีกระเป๋าติดตัวอยู่ใบหนึ่งซึ่งมีเมล็ดอินทผลัมบรรจุอยู่  เขาใช้เมล็ดนี้นับเวลาทำซิกิรฺ  เมื่อนับจนหมดกระเป๋าแล้ว คนใช้ของเขาจะนำเมล็ดอินทผลัมมาเติมใหม่จนเต็มอีก 

เป็นธรรมดาที่บ้านของเขาจะมีคนง่วนอยู่กับการละหมาด โดยมีการผลัดเปลี่ยนกันทำอิบาดะฮฺในระหว่างภรรยาของเขา คนใช้ และตัวของเขาเอง โดยแบ่งกลางคืนออกเป็นสามส่วน



มีอ้างอิงเป็นภาษาอาหรับค่ะ.แต่เราไม่มีแป้นอาหรับ(ถึงมีก็ไม่สามารถ)
ท้วงติงได้ค่ะ....หากผิดพลาด

[GeT]

ตามรายงานอบูฮุร็อยเราะฮฺบอกว่าท่านได้ร่วมละหมาดที่มะดีนะฮฺก่อนที่ท่านจะเดินทางไปบัยอะฮฺอิสลามกับนบีที่ค็อยบัร

[ฮัยฟาอ์]

ตามรายงานอบูฮุร็อยเราะฮฺบอกว่าท่านได้ร่วมละหมาดที่มะดีนะฮฺก่อนที่ท่านจะเดินทางไปบัยอะฮฺอิสลามกับนบีที่ค็อยบัร

 อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม