ผู้เขียน หัวข้อ: อีกสำนวนของหนังสือ "ปัญหามุวาฟิกและมัสบูก"  (อ่าน 2124 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด

คำนำของผู้แปล



       ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ พระผู้ทรงเมตตายิ่ง พระผู้ทรงกรุณายิ่ง

       มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์แด่อัลลอฮ์แต่เพียงหนึ่งเดียว พระผู้ทรงทำให้บ่าวของพระองค์ผู้นี้ได้รู้จักการเรียนรู้และมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ของพระองค์ ซึ่งขอพระองค์ทรงทำให้พวกเราคงอยู่ในสภาพเช่นนี้และให้ดีขึ้นไปอีกตลอดไป และขอความเมตตาและความศานติแห่งอัลลอฮฺ ได้โปรดหลั่งรินเหนือนายแห่งเรา, มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม และพระวงศ์วานแห่งท่าน ตลอดจนบรรดาเศาะหาบะฮ์ รวมถึงผู้เจริญรอยตามพวกท่านในทุกยุคทุกสมัยไปจนตราบถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ

         อนึ่ง ลำดับต่อมานั้น หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "مسأله موافق دان مسبوق" (อ่านว่า "มัสอะละฮ์ มุวาฟิก ดัน มัสบูก" หรือ "Masalah Muafiq dan Masbuuq") แปลว่า "ปัญหาของมุวาฟิกและมัสบูก", ต้นฉบับของหนังสือเล่มนี้นั้นจะเป็นภาษามลายู ซึ่งเขียนและเรียบเรียงโดย Tuan Guru Hasan bin Ahmad ชาวกลันตัน ประเทศมาเลเซีย และเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เกือบทั้งหมด ก็จะว่ากันในประเด็นตามชื่อของหนังสือเล่มนี้ นั่นก็คือ เรื่องมุวาฟิกและมัสบู้ก

         หนังสือเล่มนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้ว ซึ่งมีด้วยกัน ๒ สำนวนการแปล นั่นก็คือ ของคุณแอนตี้บิดอะฮ์ และของผมนี้ ฉะนั้น ท่านผู้อ่านสามารถเทียบสำนวนจากทั้งสองสำนวนการแปลข้างต้น และจากต้นฉบับภาษามลายูได้ด้วยตนเอง (หากมี) ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการศึกษาของตัวท่านผู้อ่านเอง หวังว่าท่านคงจะไม่พลาดโอกาสนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์



          ด้วยทางนำและสันติ
          อัลฟฏอนีย์ (ผู้แปล)
          ๕ มกราคม ๒๐๑๑
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 06, 2011, 05:25 PM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
แปลจากหน้า ๑ - ๒ (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๕)


คำนำของผู้เขียน



ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ พระผู้ทรงเมตตายิ่ง พระผู้ทรงกรุณายิ่ง

           มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์แห่งอัลลอฮฺ ขอความเมตตาและศานติ (โปรดแผ่คลุม) เหนือนายแห่งเรา มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ และเหนือปวงพระวงศ์วานและพระสหายแห่งท่านทั้งมวล

           อนึ่ง ประการต่อมา

           เมื่อเล็งถึงปัญหา “มุวาฟิก” และ “มักบู้ก” แล้ว ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดที่บรรดามะมูมและอุมมะฮ์อิสลามโดยรวมจะต้องทราบ เพราะปัญหานั้นจะมีส่วนเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับอิบาดะฮ์เศาะลาต (ละหมาด) ซึ่งการเศาะลาตของมะมูมคนหนึ่งย่อมมิอาจสมบูรณ์และใช้ได้ ตราบใดที่พวกเขายังคงไม่ทราบถึงปัญหานี้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเกิดการแหกกฎเกณฑ์ ทางฟิกฮฺในปัญหามุวาฟิกและมัสบู้กขึ้น

           แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมอิสลามโดยทั่วไปในยุคนี้ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดความยากลำบากในการทำความเข้าใจต่อปัญหามุวาฟิกและมัสบู้กอย่างถูกต้องตามกฎเกณฑ์ทางฟิกฮฺ

           ความยากลำบากที่พวกเขาประสบอยู่นั้นอาจมีสาเหตุจากหลายปัจจัย ส่วนหนึ่งก็คือ เหตุเพราะหนังสือ หรือตำรับตำราที่ทำการอธิบายถึงปัญหามุวาฟิกและมัสบู้กด้วยวิธีการและภาษาที่ง่ายดายนั้นมีอยู่น้อยมาก หรืออาจเป็นไปได้เช่นกัน เพราะอุมมะฮ์อิสลามในปัจจุบันมักจะหมกมุ่นอยู่กับการหาค่าเลี้ยงชีพ (นัฟเกาะฮ์) จนกระทั่งไม่มีเวลาว่างพอสำหรับอ่านและศึกษาตำรับตำราทางกฎหมายอิสลามที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้
จะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม ที่ขัดขวางอุมมะฮ์อิสลามจากการทำความเข้าใจถึงปัญหามุวาฟิกและมัสบู้กนั้น พวกเขาก็ไม่อาจที่จะเพิกเฉยต่อสภาพดังกล่าวนั้นได้ตลอดไป ทว่ากลับเป็นความรับผิดชอบที่บังคับเป็นรายบุคคล (ฟัรฺฎุอัยน์)  เหนือพวกเขาที่จะต้องทำความเข้าใจถึงกฎเกณฑ์เหล่านี้ให้ถูกต้อง

           ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้า ที่เต็มไปด้วยความบกพร่องและกำลังที่อ่อนแอนั้น  จึงพยายามเรียบเรียงจุลสาร (ริสาละฮ์) เล่มเล็กนี้ขึ้นสำหรับการตีพิมพ์ครั้งที่สอง  โดยให้ชื่อว่า "ปัญหามุวาฟิกและมัสบู้ก"

           ข้าพเจ้าคาดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อบรรดาปราชญ์และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ในอันที่จะให้ข้อท้วงติงเมื่อพบความบกพร่องและไม่สมบูรณ์ที่ปรากฏอยู่ในจุลสารเล่มเล็กนี้ และข้าพระองค์วอนขอต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตอาลา เพื่อหวังให้ทรงประทานความจำเริญบนความพยายามเล็กๆ นี้ด้วยเทอญ


           อัลฟะกีรฺ อิลัลลอฮฺ (ผู้ปรารถนายังอัลลอฮฺ)
           ต่วนกูรูหะสัน บิน อะห์มัด
           หมู่บ้าน ตียุง ดาลัม
           ในเมืองโกตาบะฮารู รัฐกลันตัน
           (ประเทศมาเลเซีย)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 24, 2011, 11:43 AM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
แปลจากหน้า ๓ - ๔ (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๕)

สถานภาพของการเศาะลาตในอิสลาม

         ถือเป็นเรื่องปกติไปแล้วในสังคมอิสลาม ว่าการเศาะลาตนั้นเป็นเสาหลักแห่งศาสนาและเป็นเส้นขีดแบ่งระหว่าง (ความเป็น) อิสลามและไม่ใช่อิสลาม จนกระทั่งในอาฅิเราะฮ์นั้น การงานแรกของมนุษย์ที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตอาลา จะสอบสวนก็คือ “เศาะลาต” นั่นเอง ดั่งที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัสลัม กล่าวว่า:
 
أَوَّلُ مَا يُحَاسَبُ بِهِ الْعَبْدُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ الصَّلاَةُ . فَإِنْ صَلُحَتْ ، صَلُحَ سَائِرُ عَمَلِهِ . وَإِنْ فَسَدَتْ ، فَسَدَ سَائِرُ عَمَلِهِ

         ความว่า: "สิ่งแรกที่บ่าวผู้หนึ่งจะถูกสวนสอบในวันกิยามะฮ์ก็คือการเศาะลาต ซึ่งหากว่าการเศาะลาตนั้นดี การงานทั้งหมดก็ย่อมดีตาม และหากว่าการเศาะลาตนั้นเสียหาย (ใช้ไม่ได้) การงานทั้งหมดก็ย่อมเสียหายตามด้วย"


         คำกล่าวของท่าน ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัสลัม อีกว่า


مَنْ حَافَظَ عَلَيْهَا كَانَتْ لَهُ نُورًا وَبُرْهَانًا وَنَجَاةً مِنَ النَّارِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ . وَمَنْ لَمْ يُحَافِظْ عَلَيْهَا لَمْ يَكُنْ لَهُ نُورٌ وَلَا بُرْهَانٌ وَلَا نَجَاةٌ وَكَانَ يَوْمَ الْقِيَامَةِ مَعَ قَارُونَ وَفِرْعَوْنَ وَهَامَانَ وَأُبَيِّ بْنِ خَلَفٍ رَوَاهُ أَحْمَدُ بْنُ حَنْبَلٍ بِإِسْنَادٍ جَيِّدٍ ، وَالطَّبَرَانِيُّ فِي الْكَبِيرِ وَالأَوْسَطِ

         ความว่า "... ผู้ใดที่รักษามัน (เศาะลาต) มันก็จะเป็นรัศมีและหลักฐานแก่เขา และจะทำให้เขาห่างไกลจากไฟนรกในวันกิยามะฮ์ และผู้ใดที่ไม่รักษามัน มันก็จะไม่เป็นรัศมีและหลักฐานแก่เขา และจะทำให้เขาต้องอยู่ร่วมกับเจ้ากอรูน ฟิรเอาน์ ฮามาน และอุบัยฺย์ บิน เฅาะลัฟในวันกิยามะฮ์" (รายงานโดยอิมามอะห์มัด บิน หันบัล ด้วยสายรายงานที่ดี (จัยยิด) และท่านอัฏฏ็อบรอนีย์ในหนังสือ อัลคะบีร วะ อัลเอาสัฏ)


         ในคำกล่าวของท่าน ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัสลัม อีกว่า:

 
بَيْنَ الرَّجُلِ وَبَيْنَ الْكُفْرِ تَرْكَ الصَّلاَةِ  رواه الامام أحمد والطبراني )


          ความว่า: "(เส้นแบ่ง) ระหว่างคนผู้หนึ่ง (ที่เป็นมุสลิม) กับคาฟิร (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) นั้นก็คือการทิ้งเศาะลาต" (รายงานโดยอิมามอะห์มัดและอิมามมุสลิม)

          จากคำชี้แจงของหะดีษข้างต้น หน้าที่การเศาะลาตจึงถือเป็นความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงและสำคัญยิ่งของมุสลิมทุกคนที่ต้องพึงมีต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตอาลา ซึ่งโชคของเขาในอาฅิเราะฮ์จะกำไร (หรือ) ขาดทุนนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเศาะลาตของเขาว่าจะสมบูรณ์ถึงเพียงใด เพราะอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตอาลา ทรงทำให้การเศาะลาตนั้นเป็นหนทางในการพิชิตชัยชนะและความสำเร็จในดุนยาและอาฅิเราะฮ์ ซึ่งการปฏิบัติเศาะลาตอย่างสมบูรณ์นั้นก็จะทำให้หัวใจเกิดรัศมี เป็นการขัดเกลาจิตใจ เป็นการสอนมารยาทแห่งความเป็นบ่าว และเป็นการปลูกฝั่งความยิ่งใหญ่แห่งอัลลอฮฺลงในหัวใจ

            ฉะนั้น ทั้งมุสลิม (ชาย) และมุสลิมะฮ์ (หญิง) ทุกคนนั้นก็จะต้องปฏิบัติการเศาะลาตของแต่ละคนอย่างถูกต้องและสอดคล้องอย่างที่ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัสลัม ได้แสดงเอาไว้ ซึ่งพวกเขาจะต้องเข้าใจถึงองค์ประกอบ (رُكُن) และเงื่อนไข (شَرط) แห่งการใช้ได้ (صَحّ) และโมฆะ (بطل) ของการเศาะลาต และจะต้องทราบถึงบรรดากฎระเบียบและมารยาทของการเศาะลาตในเรื่องมัสบูกและมุวาฟิกของการเศาะลาตเมื่อเขาเป็นมะมูม (ผู้ตาม) และเขาก็จะต้องทราบถึงเงื่อนไขต่างๆ ของการเป็นอิมาม (ผู้นำละหมาด) เมื่อเขาประสงค์จะเป็นอิมามในการเศาะลาต-จมาอะฮ์ (ละหมาดร่วมกัน) และเศาะลาตจุมุอะฮ์ (ละหมาดวันศุกร์)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 24, 2011, 12:02 PM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
แปลจากหน้า ๕ - ๖ (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๕)

ข้อชี้ขาดและโทษทัณฑ์ของผู้ที่ละทิ้งเศาะลาต

          เมื่อพิจารณาถึงสถานภาพของการเศาะลาตแล้ว มันช่างยิ่งใหญ่และเป็นถึงรากเหง้าของศาสนา ดังนั้นบางส่วนของเศาะหาบะฮ์ของท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลฯ ปราชญ์ยุคตาบิอีน รวมถึงปราชญ์ในยุคต่อมาต่างก็มีความเห็นว่า ชาวมุสลิมที่ละทิ้งเศาะลาตโดยเจตนานั้น ข้อขี้ขาดของเขาก็คือ “กาฟิร” (วัลอิยาฑุบิลลาฮฺ) ซึ่งเศาะหาบะฮ์ที่มีทัศนะดังกล่าวก็เช่น ท่านอุมัร บิน อัลค็อฏฏ๊อบ ท่านอับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด ท่านอับดุลลอฮฺ บิน อับบาส ท่านมุอาฑ บิน จบัล ท่านจาบิร บิน อับดุลลอฮฺ และท่านอบูดัรดาอ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม

          แต่นักปราชญ์ท่านอื่นๆ อีกมีทัศนะว่า บุคคลที่ละทิ้งเศาะลาตโดยตั้งใจนั้น ตราบใดที่ยังไม่ได้ปฏิเสธถึงสถานะบังคับของมัน ดังนั้น ข้อชี้ขาดของบุคคลผู้นี้ก็คือ “ฟาสิก” แต่เขาจะต้องถูกจำคุกจนกว่าเขาจะ (สำนึกผิดและหันมา) ปฏิบัติเศาะลาตเสีย ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เขากลายเป็นแบบอย่างที่เสื่อมเสียแก่บุคคลอื่น
 
          บรรดาอิมามมัฑฮับมีทัศนะว่า จะต้องฆ่าบุคคลที่ละทิ้งเศาะลาตโดยเจตนาเสีย ดั่งที่ได้ถูกระบุไว้โดยอัชชัยฅ์มุหัมมัด อะห์มัด ในหนังสือของท่านที่ชื่อ “مفتاح الخطابة والوعظ”
  
          บรรดาอิมามมัฑฮับกล่าวว่า จะต้องฆ่าบุคคลที่ละทิ้งเศาะลาต (โดยเจตนา) เพราะการปฏิเสธของเขานั้น อาทิเช่น ท่านอะห์มัด ท่านอิสหาก และท่านอิบนุ มุบาร็อค  

          ในขณะเดียวกันที่กล่าวว่า จะต้องฆ่าเพื่อดำเนินการตามกฎหมายอาญา (หั้ด) นั้น อาทิเช่น มัฑฮับมาลิคีย์, อัชชาฟิอีย์ และอบูหะนีะฟะฮ์ โปรดกลับไปดูหนังสือ บิดายะฮ์ อัลมุจตะฮิด (بداية المجتهد ونهاية المقتصد) โดยท่านอิบนุ รุชด์  

          เช่นนี้แหละ คือคำชี้ขาดทางกฎหมายอิสลามเหนือบุคคลที่ยอมรับการถูกคุ้มครองอยู่ภายใต้ร่มเงาแห่งอิสลาม แต่พวกเขากลับมดเท็จเพราะไม่ยอมปฏิบัติองค์ประกอบหนึ่งใดที่สำคัญยิ่งนั้น  สำหรับพวกเราแล้ว ในฐานะบุคคลหนึ่งที่เข้าใจกฎหมายของอัลลอฮฺนั้น จะไม่รู้สึกตกใจและแปลกใจเมื่อได้ยินคำชี้ขาดที่มีต่อบุคคลที่ละทิ้งนั้นเป็นคาฟิร หรือฟาสิก โดยเพิ่มความชัดเจนไปอีก เมื่อเรามาพิจารณาต่อคำกล่าวของท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลฯ ที่ว่า:


(( عُرَى الإِسْلاَمِ وَقَوَاعِدُ الدِّينِ ثَلاَثَةٌ عَلَيْهِنَّ أُسِّسَ الإِسْلاَمُ ، مَنْ تَرَكَ مِنْهُنَّ وَاحِدَةً ، فَهُوَ بِهَا كَافِرٌ حَلاَلُ الدَّمِ : شَهَادَةُ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ ، وَإِقَامُ الصَّلاَةِ الْمَكْتُوبَةِ ، وَصَوْمُ رَمَضَانَ . )) ( رواه أبو يعلى ، رقم 2349 )

          ความว่า: "พันธะแห่งอิสลามและรากฐานต่างๆ แห่งศาสนานั้นมีสามประการ ซึ่งบนสิ่งนี้เองอิสลามจึงเชิดชูอยู่ ซึ่งบุคคลใดที่ละทิ้งสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากมัน ดังนั้น เขาก็จะเป็นคาฟิร และเลือดของเขาก็จะเป็นที่อนุมัติ (คืออนุญาตให้ฆ่าได้-ผู้แปล) นั่นก็คือ การปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดเว้นแต่อัลลอฮฺ, เศาะลาตภาคบังคับ และถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน" (รายงานโดยท่านอบูยะอ์ลา, หะดีษหมายเลข ๒๓๔๙)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 28, 2011, 02:48 PM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ KHAD

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 180
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
ทิ้งละหมาดที่ว่าต้องฆ่าเนียะ คือทิ้งไปนานทิ้งไปเลยใช่มั้ย หรือทิ้งประปราย ละหมาดบ้างไม่บ้าง
ข้าวคั่ว

 

GoogleTagged