บองหลาบ้านเรา
บองหลาหรือจงอาง เป็นงูที่ดุร้ายและมีพิษร้ายแรง
เป็นงูที่มีลำตัวยาวที่สุดในโลก...ฝรั่งเรียกว่า King cobra
เขาว่าเจ้าบองหลานั้นจะรักและหวงไข่มาก
มีสุภาษิตไทยมากมายเกี่ยวกับงูๆ...เช่น ตีงูอย่าตีให้หลังหัก
แต่ให้ตีให้ตายไปเลย...เดี๋ยวงูจะกลับมาแก้แค้น ซึ่งความเชื่อนี้
ในทางวิชาการบอกว่าเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะว่าธรรมชาติของสัตว์
มันจะหนีเราหากว่าหนีได้หรือไม่จนมุม ดังนั้น เวลาเข้าป่า
เราจึงต้องมีไม้เอาไว้เคาะหรือตีต้นไม้ใบหญ้าให้สัตว์ป่ามันรู้
ว่าเรากำลังจะเข้าไปเยี่ยมเยียนที่บ้านมันนะ...มันจะได้เปิดทางสะดวกให้กับเรา
คือมันจะได้ไม่อยู่กวนใจเรา...ซึ่งปกติแล้วงูมันจะกัดเราก็ต่อเมื่อ
มันหมดทางหนีแล้ว มันจึงต้องสู้หรืออาจจะเป็นเพราะเรา
เข้าไปใกล้ของรักของหวงของมัน(จะด้วยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม)
มันจึงต้องป้องกันตัวหรือไล่เราให้ไปไกลๆ
ถ้าเรารั้นจะสู้ ก็ต้องไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเพลี่ยงพล้ำเข้าอย่างแน่ๆ...
ทางที่ดี วิ่งหนีดีกว่าค่ะ...เพราะว่าที่เราเข้าไปมันไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของเราเลย...
ปล่อยให้เขาอยู่กันตามประสาพ่อแม่ลูก เอ๊ย พ่อแม่ไข่อะไรแบบนี้น่าจะดีกว่า....เหอๆ
และยังมีคำกล่าวอีกว่า...ใครขโมยไข่งูจงอางล่ะก็...มันจะตามไปทวงถึงบ้าน...
อันนี้มีเหตุผลทางวิชาการว่่า...ตัวผู้(พ่อของไข่หรือพ่อบองหลา)
จะสามารถตามกลิ่นของไข่ได้ เพราะว่าจะได้กลิ่นที่ติดอยู่ที่ไข่
ซึ่งเป็นกลิ่นของตัวเมีย(แม่ของไข่)
ซึ่งไข่งูจะมีกลิ่นของงูตัวเมียติดอยู่ พ่อบองหลาเลยตามกลิ่นไปได้...
ทางที่ดีอย่าไปขโมยดีกว่าค่ะ...ขอกันดีๆ บองหลาอาจจะยื่นไข่ให้ก็ได้นะคะ...เหอๆ
(อันนี้ความเห็นของข้าน้อยเอง...)...จริงๆคงไม่ง่ายนัก แค่ไปเยี่ยมเยียนที่รัง
ยังไม่ทันได้ทำอะไร ไข่ก็ยังไม่ได้เห็น ยังโดนมามิใช่น้อย...
ด้อนจริงๆค่ะ...แม่มันก็ด้อน ลูกมันก็ด้อน...ด้อนกันทั้งครอบครัว...
เคยไปเที่ยวเล่นกับน้องชาย ตอนนั้นอยู่ป.3เห็นจะได้ ส่วนน้องชายนั้น
ยังอยู่อนุบาล(สาว่า) เราแอบหยอบพ่อไปเที่ยวนอกท่อง(ทุ่งนา)กัน...
แม้จะไกลแต่ใจไม่หว่ัน...เราปั่นรถถีบไปกันซ้องคน...
น้องชายปั่นข้าน้อยซ้อนท้าย(จริงๆ เพราะว่าข้าน้อยปั่นไม่เก่งเท่าน้องชาย)
เป็นพี่ที่ได้เรื่องเอามากๆ...คราวนี้เข้าเรื่องเลยดีกว่า...
เราก็ต้องจอดรถถีบของเราเอาไว้ที่ถนนใหญ่แล้วที่เหลือเราก็ต้องเดินไป
แบบว่านอกท่องเป็นเหมือนโลกกว้างทางการศึกษา ไม่มีกรอบห้อมล้อม
อย่างในห้องเรียน วิ่งเล่นได้สนุก มีต้นไม้ให้ปีน ไม่มีพ่อไม่มีแม่
ไม่มีคุณครูคอยดุ เราก็เลยหนุกหนาน ปีนไปบนต้นอะไรไม่รู้ค่ะ
รู้แต่ว่ามันอยู่ในเกาะ(เนิน)ที่แบบว่่า ไม่ค่อยใครจะเข้าไปเยือนนัก
เขาว่ากันว่า มีพ่อเฒ่่าอาศัยอยู่...เรานั้นไม่รู้ว่าพ่อเฒ่าคืออะไร
เลยอยากไปดูพ่อเฒ่ากัน...ไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรนอกจากต้นไม้ใหญ่มากกกกกก
กับป่ารกๆ แต่พอฝ่าป่านั้นเข้าไปได้ โอ้โห...ข้างในเตียนโล่งมากค่ะ
น่าเล่นขายของสุดๆ ตอนนั้นคิดกับน้องชายว่า วันหลังจะชวนเพื่อนๆมาเล่น
ขายของกันที่นี่เสียเลย...เพราะว่ามันโล่งเตียนสบายน่าอยู่จริงๆค่ะ...
กิ่งก้านของต้นไม้ก็น่านั่งน่านอนสุดๆ...แบบว่ามันต้นใหญ่ได้ใจดีค่ะ...
มีเปลแบบธรรมชาติซึ่งเป็นรากไม้ที่ห้อยลงมาท่อนใหญ่ นั่งไกวได้ด้วยค่ะ...
ลมงี้พัดเย็นสบาย...แบบว่่าสุขใจอย่างแรง...สองพี่น้องเลยร้องเพลงกัน
สักพักสาว่าได้ยินเสียงไอ้ไหรโฉ้ร้องฟ่อๆ เหมือนหูจะเพี้ยน
ร้องเพลงต่อ หาสนไม่...ในบัดดล น้องชายตาดีกว่าพี่(เพราะว่าอ่อนกว่า)
เห็นต้นหญ้าคารอบนอกของเกาะกลางนอกท่อง(ทุ่งนา)นั้นพับยวบๆลงมา
ก็สะกิดข้าน้อยที่ยังนั่งไกวเปลสบายใจอยู่...ข้าน้อยนั้่นรำคาญสุดๆ
แต่น้องบ่าวของเราบอกว่าต้องไปแล้วพี่ นี่ไม่ใช่ที่เราแล้ว...เจ้าที่มาโน่นแล้วพี่...
ขาสั่นเลยทีนี้ เห็นเงาพ่อเฒ่ามาแต่ไกล(รู้ทันทีว่าพ่อเฒ่าที่เขาว่าเป็นไผ)
ไม่เห็นตัวค่ะ รู้แค่ว่า มันต้องใหญ่มากๆ ถึงกับทำให้กอหญ้าที่สูงถึงคอของเด็กป.3
พับเป็นทางลงมาได้ คือเป็นคลื่นเวลาที่มันขยับเลยค่ะ...
ตอนนั้นไม่คิดอะไรมาก รู้ว่าเสียงขู่ฟ่อๆเมื่อกี้นี้
ไม่ใช่ของเจ้าตัวที่อยู่วงนอกที่เราเห็น(บนต้นไม้จะเห็นได้ไกลค่ะ)
ว่ากำลังเคลื่อนมายังเกาะที่เรานั่งบนต้นไม้แต่อย่างใด
แต่มันต้องมีอีกตัวที่อยู่วงในด้วยนี่สิ...แต่ว่าหาตัวไม่เจอและก็ไม่อยากหาแล้ว...
รีบลงและวิ่งหนีเลยค่ะ...มันวิ่งไล่ล่าเราสองคนพี่น้อง...
นึกขึ้นได้ว่าหากวิ่งหนีงูให้ถอดเสื้อผ้าแล้วโยนให้มัน งูมันจะไม่ตามเราแล้ว
แต่ตอนนั้นทำไม่ได้ค่ะ...แล้วเขาบอกว่าอย่าวิ่งตรงๆให้วิ่งแซกไปแซกมา
ก็ไม่ได้ใช้ทฤษฎีนั้นด้วยค่ะ...แบบว่าคันนามีอยู่นิดเดียว ขืนวิ่งซอกแซก
มีหวังตกคันนาหงายหลังกันพอดี...เลยตะโกนบอกน้องว่า
เราต้องแยกกันคนละทาง แล้วไปเจอกันที่ถนนใหญ่(ที่รถถีบจอดอยู่)
อย่างน้อยๆการแยกกันมันทำให้งูต้องเลือกตามหรือไล่ล่าใครสักคน...
ซึ่งต้องมีคนนึงที่โชคดี กลับบ้านไปบอกพ่อได้...ตอนนั้นวิ่งไปไม่มองหลังเลยค่ะ
กลัวสุดชีวิตคิดถึงน้องด้วยว่าจะรอดหรือเปล่า เพราะตัวเองยังรอดอยู่...
ที่สำคัญไม่กล้าหันหลังไปมองด้วยค่ะ...
วิ่งมาราธอนกลับมาถึงรถถีบ แล้วก็เห็นน้องชายนั่งหอบๆอยู่ตรงนั้นด้วย
ดีใจสุดจะบรรยาย บองหลาทำอะไรเราซ้องงงงคนไม่ได้...
เราวิ่งเก่งสุดๆ...หรือว่าบองหลามันขี้เกียจตามก็ไม่รู้ค่ะ...
รู้แค่ว่ารอดมาได้ ก็เลยปั่นจักรยานกลับบ้าน หน้าที่น้องชายหล่าว
เพราะพี่มันยังขาสั่นอยู่เลยค่ะ...แบบว่าวิ่งอ้อมโลกไปไกลมากค่ะ
กว่าจะถึงถนนใหญ่...ด้วยเพราะลืมมองหนทาง ขอให้ได้วิ่งไปข้างหน้า
ส่วนจะถูกทางหรือไม่ตอนนั้นไม่รู้เลยค่ะ...กลับบ้านซ่ะค่ำเลยค่ะ...
ไม่อยากบอกว่า พ่อบองหลาที่รออยู่ที่บ้านน่ากลัวกว่าที่วิ่งหนีมาทั้งวันเสียอีกค่ะ...
เหอๆๆ โดนไปมิใช่น้อย...
หน้าตาของไข่ที่บองหลาหวงนักหวงหนาค่ะ
ก่อนการวางไข่ งูจงอางตัวเมียจะใช้ลำตัวกวาดเศษใบไม้ร่วง ๆ มากองสุมกัน
เพื่อทำเป็นรังสำหรับวางไข่ให้เป็นหลุมลึกเท่ากับขดหาง
โดยใช้ใบไม้แห้งรองพื้น และหลังจากวางไข่เสร็จเรียบร้อย
แล้วก็จะใช้เศษใบไม้คลุมไข่อีกชั้นหนึ่ง
เพื่อเป็นการป้องกันไข่จากศัตรูอื่นเช่นมนุษย์
และจะคอยเฝ้าหวงและดูแลไข่โดยการนอนขดทับ
บนรังเฝ้าไข่ของมันตลอดเวลาโดยไม่ยอมออกไปหาอาหาร
ซึ่งผิดกับงูชนิดอื่น ๆ ที่ส่วนมากมักจะทิ้งไข่ไว้ภายในรัง
ให้ฟักออกมาเป็นตัวเองโดยไม่เหลียวแลคอยดูแลและปกป้อง
งูจงอางตัวผู้ในฤดูผสมพันธุ์ จะเป็นยามเฝ้ารังและอยู่ใกล้ ๆ บริเวณรัง
ในขณะที่งูจงอางตัวเมียจะอยู่แต่ภายในรัง
ซึ่งในฤดูกาลผสมพันธุ์และวางไข่จะเป็นช่วงที่งูจงอางดุมากเป็นพิเศษ
จะคอยไล่ผู้ที่เดินทางผ่านรังของมัน
ส่วนงูจงอางตัวเมียจะอยู่กับไข่ภายในรัง ไม่กวดไล่
เมื่องูจงอางตัวเมียฟักไข่ จะคอยเฝ้าดูแลและรักษาไข่ที่ซ่อนอยู่ในรัง
เพื่อให้ปลอดภัยจากศัตรูทุกชนิด เมื่อลูกงูฟักเป็นตัวอ่อน
หรืองูที่ยังไม่โตเต็มวัย พังพอนเป็นศัตรูตัวฉกาจ และมีชะมด
อีเห็นและเหยี่ยวรุ้งคอยไล่ล่า
นอกจากนี้ยังมีเห็บเกาะกัดดูดเลือดลูกงูจงอางอีกด้วย
ลูกงูจงอางแรกฟักออกจากไข่ จะมีขนาดของลำตัวยาวประมาณ 50 เซนติเมตร
โตเท่ากับนิ้วมือ โดยทั่วไปหากไม่เคยรู้จักหรือพบเห็นลูกงูจงอางมาก่อน
จะเข้าใจว่าเป็นงูเขียวดอกหมากหรืองูก้านมะพร้าว
เนื่องจากมองดูคล้ายคลึงกัน
แต่จะมีลักษณะสำคัญที่แตกต่างคือ มีความดุร้ายตั้งแต่ยังเล็ก
เมื่อพบเห็นสิ่งใดผิดแปลก จะแผ่แม่เบี้ยอยู่ตลอดเวลา
เตรียมพร้อมการจู่โจมทันที
ที่มา: std.kku.ac.th/4831800295/ Behavior/Behavior2.htm
ปล.ปัจจุบันงูจงอางหรืองูบองหลาหาดูได้ยากมากค่ะ...
หากถามว่ามีอะไรอยู่ในกอไผ่หรือ อะไรเอ่ยอยู่ในกอไผ่
ข้าน้อยคงตอบได้สองอย่าง..."หน่อไม้กับบองหลาค่ะ"...เหอๆ
พี่น้องชาวใต้หลายท่าน...คงเคยได้ฟังนิทานเรื่อง
"ตุ๊ดตู่ตายต่างแลน"กันมาบ้างใช่ม้ัยคะ...

น่ันแหล่ะค่ะ...เป็นเรื่องราวบ้านๆของชาวใต้
ที่คนเฒ่าคนแก่นำเอาวิถีชีวิตของสัตว์สามชนิด
คือ ตุ๊ดตู่ แลน และบองหลามาเล่าพร้อมสอดแทรกคติให้กับเราได้ดีอีกเรื่องหนึ่ง...
วัสลามุอะลัยกุมค่ะ