salam
ขอนำข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของยาเสพติดมาโพสนะคะ
เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
ยาเสพติด หมายถึง ยา หรือ สารเคมี ที่นำเข้าสู่ร่างกาย โดยวิธี กิน สูบ ฉีด ดม เป็นต้น ด้วยวิธีใดก็ตาม ติดต่อกันในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วก่อให้เกิดพิษเรื้อรัง เกิดความเสื่อมโทรมทางร่างกาย จิตใจ และสังคม
1.ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒
แบ่งยาเสพติดให้โทษออกเป็น ๕ ประเภทดังนี้ คือ
ประเภทที่ ๑ ได้แก่ เฮโรอีน อีทอร์ฟีน อะซีทอร์ฟีน ฯลฯ
(จัดเป็นยาเสพติดให้โทรษชนิดร้ายแรง)
ประเภทที่ ๒ ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน โคเดอีน ไดฟีน๊อคซีเลท เอธิลมอร์ฟีน ฯลฯ
(จัดเป็นยาเสพติดให้โทษทั่วไป)
ประเภทที่ ๓ ได้แก่ ยาแก้ไอ แอแก้ท้องเสีย ที่มีฝิ่น โคเดอีน หรือไดฟีน๊อคซีเลท
เป็นส่วนผสม ฯลฯ (จัดเป็นยาเสพติดให้โทษ ชนิดเป็นตำรับยา ที่มียาเสพติดให้โทษประเภท ๒ ปรุงผสมอยู่ด้วย)
ประเภทที่ ๔ ได้แก่ อะเซติคแอนไฮไดรด์ อะเซติลคลอไรด์
(จัดเป็นสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ หรือประเภท ๒)
ประเภทที่ ๕ ได้แก่ พืชกัญชา พืชกระท่อม เห็ดขี้ควาย
(จัดเป็นยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าข่ายอยู่ในประเภท ๑ ถึงประเภท ๔)
2. ตามวิถีการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง แบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ
ออกฤทธิ์กดประสาท (Depressants) พวกนี้จะออกฤทธิ์กดประสาทสมอง
ศูนย์ควบคุมการหายใจในสมอง และประสาทที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะบางอย่างของร่างกาย ยาพวกนี้ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน และเซโคบาร์บิทาล (Secobarbital) ซึ่งเรียกกันในหมู่ใช้ว่า "ปีศาจแดง" หรือ "เหล้าแห้ง" ไดอะซีแพม ทินเนอร์ กาว ฯลฯ
ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท (Stimulants) จะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทสมองส่วนกลางโดยตรง กระตุ้นการเต้นของหัวใจ และอารมณ์ด้วย เช่น แอมเฟตามีน (Amphetamine) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "ยาม้า" หรือ "ยาขยัน" อีเฟดรีน โคเคน ฯลฯ
ออกฤทธิ์หลอนประสาท (Hallucinogen) จะออกฤทธิ์ต่อประสาทสมอง
ทำให้มีการรับรู้ความรู้สึก (Perception) ผิดไป เกิดอาการประสาทหลอน
หรือแปลสิ่งเร้าผิด (illusion)
ได้แก่ แอลเอสดี (Lysergicacid dietyhlamide) แกสโซลีน (Gasoline)
เปลือกกล้วย ยางมะละกอ และ แฟนไซคลิดีน (Phencylidine)
ดีเอ็มที เห็ดขี้ควาย ฯลฯ
ออกฤทธิ์ผสมผสานกัน คือ ออกฤทธิ์ทั้งกดประสาท กระตุ้นประสาท และหลอนประสาท ได้แก่ กัญชา ใบกระท่อม เมื่อใช้น้อย ๆ จะกระตุ้นประสาท หากใช้มากขึ้นจะกดประสาทและถ้าใช้มากขึ้นอีกก็จะเกิดประสาทหลอนได้
3. องค์กรอนามัยโลก ( WHO) แบ่งยาหรือสารเสพติด ออกเป็น
ประเภทฝิ่น หรือมอร์ฟีน รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน เช่น ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน เพทธีดีน
ประเภทบาร์บิตูเรต รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์ทำนองเดียวกัน เช่น เซโคบาร์บิตาล
อะโมบาร์บิตาล พาราลดีโฮด์ เมโปรมาเมต ไดอะซีแพม คลอดไดอะซีป๊อกไซด์
ประเภทแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ วิสกี้
ประเภทแอมเฟตามีน เช่น แอมเฟตามีน (ยาม้า) เดซ์แอมเฟตามีน
ประเภทโคเคน เช่น โคเคน ใบโคคา
ประเภทกัญชา เช่น ยอดช่อดอกกัญชาตัวเมีย
ประเภทคัด (KHAT) เช่น ใบคัด ใบกระท่อม
ประเภทหลอนประสาท เช่น แอลเอสดี ดีเอ็มที เมสคาลีน เมล็ดมอร์นิ่งโกลลี่ ลำโพง เห็นเมาบางชนิด
ประเภทอื่น ๆ เป็นพวกที่ไม่สามารถจัดเข้าประเภทได้ เช่น ทินเนอร์ เบนซีน
น้ำยาล้างเล็บ ยาแก้ปวด บุหรี่
นอกจากนั้นทางกฎหมาย ยังได้กำหนด "วัตถุออกฤทธิ์"
ซึ่งตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อที่เป็นวัตถุสังเคราะห์
ทั้งนี้ตามที่รัฐมนตรีประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา
ได้แบ่งวัตถุออกฤทธิ์ ออกเป็น ๔ ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ ๑ เช่น อีอีที (DET) แอลเอสดี (LSD) ๓-๔ เมทิลลินไดออกซิเมท
แอมเฟตามีน (๓,๔ - methylenedioxymethamphtamine, MDMA)
ประเภทที่ ๒ เช่น แอมเฟตามีน (Amphetamine) เซโคบาร์บิตาล (Secobarbital)
เลโวเมทแอมเฟมีน (Levomethamphetamine)
ประเภทที่ ๓ เช่น อะโมบาร์บิตาล (Amobarbital) ไซโคลบาร์บิตาล
(Cyclobarbital) คาทิน (Cathine)
ประเภทที่ ๔ เช่น แอมฟรีพราโมน (Amfepramone) บาร์บิตาล (Barbital)
โพโรวาเลโรน (Pyroalerone)
- ฝิ่น (OPIUM)
- มอร์ฟีน (MORPHINE)
- โฮโรอีน (HEROIN)
- โคเคน (COCAINE)
- กัญชา (CANNABIS)
- กระท่อม (KRATOM)
- เห็ดขี้ควาย (PSILOCYBE CUBENSIS MUSHROOM)
- แอมเฟตามีน (AMPHETAMINE)
- อีเฟดรีน (EPHEDINE)
- แอลเอสดี (LSD)
- แอลเอสดี (LSD)
- บาร์บิทูเรต (BARBITIRATE)
- สารระเหย (VOLATILE SOLVENT)
- สุรา
-บุหรี่
อ้างอิงจาก:
http://sansa.psu.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=33&Itemid=60หมายเหตุ:
มียาตัวหนึ่งที่ใช้ในทางการแพทย์เช่นกันค่ะ นั่นก็คือ
"ยาไดอะซีแพม(Diazepam)" หรือที่เรียกกันในกลุ่มวัยรุ่นว่า
"ยาไฟร์ไฟร์"หรือ"ยาเสียสาว"
เป็นยาออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดหนึ่ง อยู่ในกลุ่มเบนโซไดอะซีปีนส์
ออกฤทธิ์ที่สมองหรือประสาทส่วนกลาง ทำให้จิตใจสงบคลายความกังวล
ซึ่งมักใช้กับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ รักษาอาการฟุ้งซ่านจากโรคประสาท
บางครั้งก็ใช้คลายกล้ามเนื้อสำหรับคนที่เป็นลมชัก หรือลมบ้าหมู
เป็นยาเหนี่ยวนำการสลบ(สาวๆท้ังหลายควรระวังในเรื่องนี้ค่ะ เพราะพวกมิจฉาชีพ
มักใช้ยาชนิดนี้ไปในทางที่ผิดๆ)
อีกทั้งยาชนิดนี้เป็นยาที่ใช้กว้างขวางในวงการแพทย์ แต่ก็เป็นยาที่กฎหมายควบคุม
เป็นการเฉพาะ เพราะเข้าข่ายยาเสพติดชนิดหนึ่งหากใช้ในระยะนาน
และแพทย์ก็อาจติดคุกหรือถูกลงโทษทางจริยธรรมได้เพราะยาไดอะซีแพม
(ตามที่เคยอ่านข่าวมาค่ะ)
ซึ่งความจริงยาที่ทางแพทย์ใช้กันก็มีส่วนของสารเสพติด
ดังนั้นเวลาจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วย แพทย์ต้องควบคุมปริมาณและระยะเวลาในการใช้
เพราะยาชนิดนี้หากใช้ในปริมาณน้อย ขนาดต่ำเป็นครั้งคราวเพื่อช่วยตัวเอง
ก็ไม่เป็นอันตรายหรือเป็นสารเสพติดค่ะ...
เพราะอย่างแก๊สโซลีน เปลือกกล้วย ยางมะละกอหรือเห็ดบางชนิด
หรือแม้แต่ยาแก้ไอ ก็มีสารที่ทำให้เกิดอาการปราสาทหลอนได้
หากสูดดมเข้าไปหรือใช้ในปริมาณมากหรือบ่อยครั้ง
เราเองจำเป็นต้องควบคุมปริมาณการใช้ด้วย หรือทำตามที่แพทย์สั่ง...
เพราะมีบางคนเอายาชนิดนี้ไปใช้ในทางที่ผิด ดังที่เป็นข่าวในปัจจุบันน่ะค่ะ...
โดยเฉพาะบรรดาผู้หญิงที่มีแต่ภัยรอบตัวน่ะค่ะ ภัยที่มักคาดไม่ถึง...
ดังนั้น ยาบางชนิดก็ให้ท้ังคุณและโทษเหมือนกันค่ะ...
เข้าไปดูรายละเอียดของยาชนิดนี้ได้ตามลิงก์นี้นะคะ
http://www.fda.moph.go.th/fda-net/html/product/addict/narcotics2/diazepam.html วัสลามุอะลัยกุมวะเราะมะตุลลอวะบารอกาตุ
^____________________________________^