ผู้เขียน หัวข้อ: มัวะยีซาตมหาศาสดา (ซ็อลลัลลอฮุอ้าลัยฮิว่าซั้ลลัม)  (อ่าน 18936 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด

بِسْمِ اللهِ الّرحْمنِ الّرحِيْمِ

الحَمْدُلِّلهِ رَبِّ العَالَمِيْنِ  وَالصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلَى مَنْ لاَ نَبِىَّ بَعْدَهُ  سَيِّدِنَا وَرَسُوْلِنَا مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَأَصْحَابِهِ أَجْمَعِيْنَ  وَبَعْدُ

                                             
มัวะยีซาตมหาศาสดา (ซ็อลลัลลอฮุอ้าลัยฮิว่าซั้ลลัม)

(1) มัวะยีซาตการต่อสู้และเรียกขอนไม้

ชายคนหนึ่งชื่อ รุกาน้ะห์ บินอับดุยาซีด เป็นผู้ที่เลื่องลือกันในมักกะห์ว่าเป็นผู้ที่แข็งแรง มีชั้นเชิงการต่อสู้ที่สามารถเอาชนะทุกคนในมักกะห์ได้
วันหนึ่งรุกาน้ะห์ได้พบกับท่านร่อซู้ล(ซ.ล) ที่หุบเขาแห่งหนึ่งในมักกะห์ ท่านร่อซู้ล(ซ.ล) ได้ถามเขาว่า ท่านกลัวอัลลอฮฺ์ไหม? ท่านขานรับการเชื้อเชิญของพระองค์ไหม? รุกาน้ะห์ ตอบว่า หากฉันรู้ว่า ศาสนาที่ท่านนำมาเผยแพร่นั้นเป็นศาสนาที่แท้จริง ฉันก็จะตามท่าน  ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) กล่าวว่า ท่านจะตัดสินใจอย่างไรหากฉันประลองกับท่น แล้วฉันเป็นผู้ชนะ ท่านจะเชื่อไหมว่า สิ่งที่ฉันนำมาเป็นความจริง? รู่กาน้ะห์ ตอบว่า เชื่อ เมื่อทั้งสองได้ประลองกันปรากฏว่า ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ได้รับชัยชนะโดยสามารถคว่ำรู่กาน้ะห์ลงนอนกับพื้นได้ แล้วรู่กาน้ะห์ได้ขอล้างแค้นอีกครั้งหนึ่ง ก็ปรากฏว่า ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) เป็นผู้ชนะอีก
รู่กาน้ะห์ประหลาดใจมาก เพราะไม่มีใครที่สามารถจะเอาชนะเขาได้ เขาได้พูดกับท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ว่า ท่านจะเอาชนะฉันได้หรือในขณะที่ไม่มีใครสู้ฉันได้?
ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) กล่าวว่า มันจะเป็นสิ่งที่ประหลาดใจมากกว่านั้นอีก หากท่านต้องการอยากรู้ โดยท่านต้องกลัวอัลลอฮฺ์และปฏิบัติตามฉัน รู่กาน้ะห์ถามว่า อะไรหรือ? ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) กล่าวว่า ฉันจะเรียกต้นไม้ ต้นที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้านี้มาหาท่าน รู่กาน้ะห์ บอกว่า ลองเรียกมันสิ  ท่านร่อซู้ล(ซ.ล) ได้เรียกต้นไม้ต้นนั้น แล้วต้นไม้นั้นก็เคลื่อนมาหาท่านร่อซู้ล (ซ.ล) แล้วท่านก็ได้ใช้ให้กลับไป มันก็กลับไปอยู่ที่เดิมของมัน รู่กาน้ะห์ รีบไปบอกพรรคพวกของเขาถึงเหตการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วเขาก็กล่าวว่า วัลลอฮิ ไม่เคยเห็นใครแสดงมายากลได้พิศดารกว่ามูฮัมหมัด
ณ บั้นปลายแห่งชีวิตของรู่กาน้ะห์ เขาได้เข้ารับนับถืออิสลาม เขาเสียชีวิตในสมัยการปกครองของท่านมุอาวิยะห์ บิน อบีซุฟยาน

อ้างอิงจาก หนังสือ 30 มัวะยีซาตมหาศาสดาศ็อลฯ (ฉบับภาษาไทย) โดยท่าน อ. อับดุลการีม(อรุณ) วันแอเลาะ

والله سبحانه وتعالى أعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 03, 2009, 07:44 PM โดย Rabit »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
بِسْمِ اللهِ الّرحْمنِ الّرحِيْمِ

الحَمْدُلِّلهِ رَبِّ العَالَمِيْنِ  وَالصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلَى مَنْ لاَ نَبِىَّ بَعْدَهُ  سَيِّدِنَا وَرَسُوْلِنَا مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَأَصْحَابِهِ أَجْمَعِيْنَ وَبَعْدُ


(2) การผ่าเดือน

ปรากฏว่า กุฟฟารมักกะห์โกรธแค้นท่านร่อซู้ล (ซ.ล) และบรรดามุสลิมร่วมอุดมการณ์เป็นอย่างมาก พวกเขากระทำการทารุณกรรมกับทุกคนที่เชื่อฟังมูฮำหมัด อยู่มาวันหนึ่ง พวกเขาได้ขอหลักฐานที่ชัดเจนถึงคำกล่าวอ้างว่าเป็นร่อซู้ล ว่าศาสนาที่นำมาเผยแพร่นั้นคือศาสนาของอัลลอฮ์

อัลลอฮ์ท่านได้มีประสงค์ให้ร่อซู้ล (ซ.ล) ได้แสดงมัวะยีซาต ยืนยันการเป็นร่อซู้ลของท่าน ด้วยการให้แยกเดือนบนท้องฟ้าออกเป็นสองส่วน ซึ่งเป็นภาพที่ปรากฏต่อสายตาของกาเฟรทุก ๆ คน ท่านร่อซู้ล (ซ.ล)ได้พูดกับพวกเขาว่า จงดู จงเป็นพยาน

เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาด แก่ชาวกาเฟรเป็นอย่างมาก พวกเขาพูดกันว่า เราจะต้องรอคอยการกลับมาของกองคาราวานของเรา แล้วเราจะถามพวกเขาว่า เขาได้เห็นเหมือนกับที่พวกเราเห็นหรือไม่? มิฉนั้นนี่มันก็มายากลหลอกลวงเราอีกนั่นแหละ

เมื่อกองคาราวานเดินทางกลับมา พวกเขาได้ถามไถ่กัน ก็ได้รับคำตอบว่า ได้เห็นในตอนที่เดือนแยกออกเป็นสองส่วน

ด้วยหลักฐานที่ชัดเจนอย่างนี้ พวกเขาก็ยังไม่เชื่อท่านร่อซู้ล (ซ.ล) และก็ยังคงกล่าวกันเช่นเดิม ๆ ว่า นี่ก็คือมายากล ที่มูฮำหมัดแสดงอีกนั่นแหละ

เช่นนี้แหละคือกาเฟร พยายามต่อต้านทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะมัวะยีซาตใด ๆ พวกเชาก็ไม่ยอมศรัทธา

อ้างอิงจาก หนังสือ 30 มัวะยีซาตมหาศาสดาศ็อลฯ (ฉบับภาษาไทย) โดยท่าน อ. อับดุลการีม(อรุณ) วันแอเลาะ

والله سبحانه وتعالى أعلم

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 03, 2009, 10:03 PM โดย Rabit »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
 salam

(3) ตออินทผลัม

ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ท่านแสดงสุนทรพจน์ (คุตบะห์) ในวันศุกร์ด้วยการยืนบนตออินทผลัม และเมื่อได้มีผู้นำมิมบัรมาแทน ท่านก็ได้เปลี่ยนจากการแสดงคุตบะห์บนตออินทผลัมมาบนมิมบัร

ในวันศุกร์แรกทีท่านนบีได้ยืนแสดงคุตบะห์บนมิมบัร ทุกคนในมัสยิดของท่านต่างได้ยินเสียงครวญครางของตออินทผลัม เป็นเสียงเหมือนเสียงแม่อูฐร้องเรียกลูกของมันที่พลัดหลง

ท่านนบี (ซ.ล) จึงได้ไปที่ตออินทผลัมนั้น โดยท่านได้เอามือลูบมัน แล้วมันก็หยุดครวญคราง ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ท่านได้พูดขึ้นว่า หากไม่ทำอย่างนี้เขาก็จะไม่หยุดครวญคราง แล้วท่านได้ใช้ให้นำเอาตออินทผลัมนั้น ฝังไว้ใต้มิมบัร ซึ่งบรรดาซอฮาบะห์ก็ได้ช่วยเอามันฝังไว้ ตามคำสั่งของท่านร่อซู้ล (ซ.ล)

มันครวญครางเมื่อท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ไม่ใช้มัน ท่านซัยยิดินาฮะซัน ร่อดิยั้ลลอฮุ์ ฯ กล่าวทุกครั้งที่มีการพูดถึงการโอดครวญของตออินทผลัมว่า “โอ้พี่น้องมุสลิมทั้งหลาย ต้นใม้มันยังครวญครางคะนึงหาท่านร่อซู้ล (ซ.ล) มันอยากพบ อยากเจอท่านร่อซู้ล พวกท่านไม่สมควรกว่ามันหรือที่จะต้องครวญครางและคะนึงหาท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ของพวกท่าน”

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ทุกคนยังได้ยินเสียงก้อนกรวด ก้อนหิน ในมือของท่าน  ตัสเบียะห์ต่อพระเจ้าผู้ทรงเกรียงไกร

อ้างอิงจาก หนังสือ 30 มัวะยีซาตมหาศาสดาศ็อลฯ (ฉบับภาษาไทย) โดยท่าน อ. อับดุลการีม(อรุณ) วันแอเลาะ

والله سبحانه وتعالى أعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 05, 2009, 05:11 AM โดย Rabit »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
salam

(4) อุตัยบะห์และสุนัข

เมื่อกาเฟรมักกะห์ไม่สามารถที่จะสกัดกั้นการเผยแพร่ศาสนาของท่านศาสดา (ซ.ล) พวกเขาได้ขอให้อุตมะห์ และอุตัยบะห์ซึ่งเป็นบุตรของอะบูละฮับ ตอลาก (หย่า) ลูกสาวทั้งสองของท่านศาสดา (ซ.ล) คือ รุก็อยยะห์ และอุมมุกัลโซม ซึ่งทั้งอุตมะห์และอุตัยบะห์ก็พร้อมและเห็นด้วย แล้วทั้งสองก็อย่าลูกสาวทั้งสองของท่านนบี (ซ.ล)

ในวันหนึ่งอุตัยบะห์ (ผู้เป็นเขย) ของท่านนบี ได้ไปหาท่านนบี พลางพูดว่า โอ้มูฮำหมัด ฉันขอแยกทางกับลูกสาวของท่าน ฉันขอตอลากเขา ฉันขอโยนศาสนาของท่านทิ้ง ฉันไม่ขอตามท่าน ท่านไม่ต้องมาทำเป็นผู้หวังดีกับฉันอีกต่อไป

ท่านนบีได้พูดกับเจ้ากาเฟรคนนั้นว่า “ขอให้หมามาขยุ้มมือไอ้กาเฟรสารเลว” ไม่กี่วันต่อมาอุตัยบะห์ได้ออกเดินทางไปทำการค้าที่ซีเรีย ในการเดินทางนั้น เขาได้เห็นสิงโตเดินมุ่งหน้ามายังเขา เขากลัว เขาตะโกนขอความช่วยเหลือ และเขาก็นึกถึงคำสาปของท่านนบี (พ่อตา) เขาได้พูดกับตัวของเขาเองว่า มูฮำหมัดจะฆ่ากูในขณะที่เขาอยู่มักกะห์ กูอยู่ที่ซีเรียอย่างนั้นหรือ?

พรรคพวกของอุตัยบะห์ ต่างมาห้อมล้อมเขา แล้วได้ช่วยขับไล่สิงโตนั้นไป  ในคืนวันหนึ่ง สิงโตนั่น ได้มาขยุ้มขย้ำอุตัยบะห์ ศัตรูของอัลลอฮ์ตัวนี้ในขณะที่เขานอนอยู่กับพวกของเขา

สิงโตมันเดินข้ามคนที่นอนอยู่ คนแล้วคนเล่า ซึ่งทุกคนปลอดภัย มันไม่ได้ทำร้ายหรือร้องคำรามให้ต้องตกใจตื่น แต่พอมันเดินไปยังอุตัยบะห์ มันได้จัดการกับอุตัยบะห์จนไม่เหลือซาก

ใครบอกให้สิงโตรู้ว่า คนนั้นคืออุตัยบะห์ ลูกของอบูละฮับ ทำไมสิงโตจึงรู้ จึงแยกได้ แน่นอนคืออัลลอฮ์ ผู้ที่ไม่มีสิ่งใดอำพรางหรือเคลือบแคลง ไม่ว่าจะอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ หรือบนฟากฟ้าแห่งโน้น พระองค์ทรงสนับสนุน ทรงตอบรับคำขอของท่านร่อซู้ล (ซ.ล)

อ้างอิงจาก หนังสือ 30 มัวะยีซาตมหาศาสดาศ็อลฯ (ฉบับภาษาไทย) โดยท่าน อ. อับดุลการีม(อรุณ) วันแอเลาะ

والله سبحانه وتعالى أعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 05, 2009, 05:17 AM โดย Rabit »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
 salam

(5) ต้นอินทผลัม

ในวันหนึ่ง ท่านญาบิร บิน อับดุลเลาะห์ ได้ไปหาท่านร่อซู้ล (ซ.ล) และได้ปรารภว่า บิดาได้ถึงแก่กรรมโดยมีหนี้ค้างชำระแก่ชาวยิวคนหนึ่ง และได้เล่าต่อไปว่า ได้กำหนดเวลาชำระไว้ตอนที่อินทผลัมสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แต่เนื่องจากผลผลิตในปีนี้น้อย ไม่พอกับการชำระหนี้ และได้เล่าต่อไปว่า ได้เคยขอผ่อนชำระบางส่วนก่อน แต่ส่วนที่ยังค้างอยู่ขอยืดเวลาไปชำระในปีต่อไป แต่ชาวยิวไม่ยอม

ท่านนบีจึงได้เรียกชาวยิวมาพบ และได้ช่วยพูดเพื่อให้ผ่อนปรนการชำระตามที่ญาบิรเสนอ เนื่องจากผลผลิตต่ำในปีนี้

เนื่องจากชาวยิวท่านนั้นมีความเกลียดท่านนบีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงปฏิเสธ โดยการยืนยันให้ชำระหนี้ให้หมดในปีนี้

ท่านนบีจึงได้ไปที่สวนอินทผลัมของญาบิร พลางขอพรจากอัลลอฮ์ (ซ.บ) แล้วใช้ให้ญาบิรเก็บผลอินทผลัมเพื่อรวบรวมใช้หนี้แก่ชาวยิว

เป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความประหลาดใจแก่ญาบิรมาก เนื่องจากจำนวนน้อยมากของอินทผลัมที่ไม่พอใช้หนี้ ไฉนท่านนบี (ซ.ล) จึงใช้ให้รวบรวมเพื่อใช้หนี้  ที่จะต้องใช้อินทผลัมอีกหลายเท่า จึงจะพอกับการชดใช้

แต่ญาบิรก็ได้พูดกับตัวเองว่า ท่านนบีก็รู้ว่าไม่พอที่จะใช้หนี้ แต่ท่านก็ใช้ให้รวบรวม ฉันจึงทำตามคำสั่งของท่าน ทั้ง ๆ ที่รู้  ญาบิรได้รวบรวมผลอินทผลัม แล้วตวงให้ชาวยิว ทั้ง ๆ ที่ไม่เชือว่าจะใช้หนี้ได้พอ

ในขณะที่ญาบิรตวงไปก็มองดูไปด้วย ซึ่งพบว่าจำนวนของอินทผลัมที่มีอยู่ไม่ได้ลดลงเลย จนสามารถใช้หนี้ได้ทั้งหมด ซึ่งก็พบว่า จำนวนของอินทผลัมยังคงมีอยู่จำนวนเท่าเดิม เหมือนก่อนที่จะตวงใช้หนี้  อัลลอฮ์ท่านได้ทรงให้มีบารอกัตในผลอินทผลัมนั้น เพื่อเป็นการให้เกียรติท่านศาสดา (ซ.ล) ในตอนที่บอกกับญาบิรให้เก็บรวบรวมผลอินทผลัม

อ้างอิงจาก หนังสือ 30 มัวะยีซาตมหาศาสดาศ็อลฯ (ฉบับภาษาไทย) โดยท่าน อ. อับดุลการีม(อรุณ) วันแอเลาะ

والله سبحانه وتعالى أعلم
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
 salam

(6) ตาของอาลีย์และก่อตาดะห์       

ในปีที่เจ็ดแห่งฮิจเราะห์ศักราช ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ได้ให้จัดเตรียมทัพเพื่อทำสงครามกับยิว “คอยบัร” ที่ยิ่งแข็งกร้าวต่อบรรดามุสลิม และก่อวินาศกรรมในมดีนะห์ขึ้นบ่อยครั้ง

และในวันหนึ่งกองทัพของมุสลิมก็ได้ห้อมล้อมคอยบัร โดยที่ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันท่านนบีได้กล่าวกับบรรดาซอฮาบะห์ว่า พรุ่งนี้จะได้มอบธง (ผู้บัญชาการกองทัพ) ให้แก่ท่านผู้หนึ่งที่รักอัลลอฮ์และร่อซู้ลอย่างแท้จริง และอัลลอฮ์ ร่อซู้ลก็รักเขา

ในคืนวันนั้นบรรดาซอฮาบะห์ต่างก็หวังกันว่า ตัวเองจะเป็นผู้ที่ได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่นี้ในวันรุ่งขึ้น เมื่อรุ่งสางทุกคนต่างรีบไปพบท่านร่อซู้ล (ซ.ล) เพื่อรอคอย ในทันใดนั้นท่านนบี (ซ.ล) เรียกหาอาลีย์ว่า อาลีย์ บุตร อะบีตอลิบ อยู่ไหน? บรรดาซอฮาบะห์ต่างตอบว่า อาลีย์ป่วย เขาเจ็บตาอย่างรุนแรง แล้วท่านได้ให้ไปตามท่านอาลีย์มา เมื่ออาลีย์ได้มา ท่านนบีได้เอามือลูบหน้าของอาลีย์ อัลลอฮ์ได้ให้ตาของอาลีย์หายโดยฉับพลัน ซึ่งดีกว่าก่อนที่จะเจ็บเสียอีก และมันก็ไม่เจ็บหลังจากนั้นอีกเลยชั่วชีวิต  แล้วท่านนบีก็ได้ยื่นธงประจำกองทัพให้แก่ท่านอาลีย์

ในสงครามอุฮุดนั้น ก่อตาดะห์ บุตร นั้วะมาน เป็นผู้ปกป้องท่านนบี (ซ.ล) ซึ่งเขาถูกธนูของศัตรูที่ใบหน้าของเขา ซึ่งทำให้ตาของเขากระเด็นหลุดออกจากเบ้า เมื่อท่านนบีเห็น จึงได้เก็บดวงตาที่หลุดออกมานั้นกลับคืนไว้ที่เดิม พลางขอพรว่า โอ้อัลลอฮ์ ได้โปรดรักษาก่อตาดะห์เหมือนที่ท่านรักษาใบหน้าของนบีท่าน และได้โปรดทำให้ดวงตาของเขาดีกว่าเดิม ปรากฏว่า ก่อตาดะห์มีชีวิตอยู่หลังจากนั้นด้วยดวงตาที่แหลมคม ไม่ประสบกับความเจ็บปวดใด ๆ อีกเลยตลอดชีวิต

อ้างอิงจาก หนังสือ 30 มัวะยีซาตมหาศาสดาศ็อลฯ (ฉบับภาษาไทย) โดยท่าน อ. อับดุลการีม(อรุณ) วันแอเลาะ

والله سبحانه وتعالى أعلم
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
 salam

(7) ตาน้ำ
เมื่อท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ตั้งใจทำอุมเราะห์ ท่านได้ออกเดินทางจากมดีนะห์พร้อมมุสลิมจำนวนมากมุ่งสู่มักกะห์ เมื่อถึงบ่อน้ำที่มีชื่อว่า “อัลฮุดัยบิยะห์” ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างทาง ท่านได้หยุดตั้งแคมป์พักผ่อน ณ ที่นั่นอยู่หลายวัน

ในวันหนึ่งท่านได้เอาน้ำละหมาดเพื่อละหมาดอัสริ และในขณะที่ท่านกำลังเอาน้ำละหมาดในภาชนะที่มีน้ำอยู่เพียงเล็กน้อยนั้น บรรดาผู้ร่วมเดินทางได้มาหาท่านนบี ซึ่งท่านได้ถามว่า มีอะไรเกิดขึ้นหรอ? พวกเขากล่าวกันว่า พวกเราไม่มีน้ำที่จะเอาน้ำละหมาด หรือดื่มกิน นอกจากน้ำเล็กน้อยที่อยู่ในมือท่าน ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ได้เอามือจุ่มลงไปในในภาชนะ ซึ่งก็มีน้ำไหลพุ่งออกมาระหว่างนิ้วมือของท่าน โดยที่พวกเขาต่างเอาน้ำละหมาดและดื่มกินกันทั่วทุกคน ซึ่งมีจำนวนกว่าหนึ่งพันคน ท่านญาบิรได้กล่าวว่า ฉันอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ซึ่งเชื่อว่าหากพวกเรามีคนถึงแสนคนก็พอใช้ การที่น้ำไหลพุ่งออกมาระหว่างนิ้วมือของท่านนร่อซู้ลนั้นปรากฎขึ้นหลายครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นมัวะยีซาตอย่างหนึ่ง

ในขณะที่นบีมูซา อัลลอฮ์ได้ทรงประทานมัวะยีซาตเกี่ยวกับไม้เท้า โดยให้ตีลงบนหินแล้วน้ำก็พุ่งออกมา ส่วนท่านร่อซู้ล (ซ.ล) มีน้ำไหลออกมาตามซอกนิ้วมือ ออกมาจากเลือดจากเนื้อและจากกระดูก เป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฎ และไม่มีใครบันดาลให้เกิดขึ้นได้ นอกจากอัลลอฮ์ (ซบ) เท่านั้น
ในทำนองเดียวกันเคยมีมัวะยีซาตเกิดขึ้นในเรื่องอาหารเพียงเล็กน้อย แต่พอเพียงสำหรับการบริโภคให้แก่คนจำนวนมาก ๆ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์เกิดขึ้นหลายครั้ง
ท่านอบูอัยยูบได้รายงานว่า ในวันหนึ่งท่านได้ทำอาหารเพื่อเลี้ยงท่านนบี และท่านอบูบักร ซึ่งท่านร่อซู้ล (ซ.ล) สามารถทำให้อาหารเพียงพอกับการเลี้ยงคนได้ถึง 180 คน เป็นประจำที่ท่านไม่เคยรับประทานอาหารเพียงคนเดียว หากแต่จะต้องชวนซอฮาบะห์มาร่วมรับประทานด้วย

อ้างอิงจาก หนังสือ 30 มัวะยีซาตมหาศาสดาศ็อลฯ (ฉบับภาษาไทย) โดยท่าน อ. อับดุลการีม(อรุณ) วันแอเลาะ

والله سبحانه وتعالى أعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 19, 2009, 12:00 AM โดย Rabit »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
 salam

(8) ที่ตายของพวกเขาอยู่ตรงนี้

ไม่ว่าจะเป็นสงครามครั้งใดที่เกิดขึ้น ไม่มีใครที่จะกำหนดที่ตายให้แก่ใครได้ ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธผู้เก่งกล้าขนาดไหนก็ตาม ไม่ว่าจะใช้เทคโนโลยีอะไรก็ไม่สามารถที่จะทำหรือบอกให้รู้ได้ แต่มูฮำหมัด ร่อซูลุ้ลลอฮ์ สามารถกำหนดได้ว่า ศัตรูชื่ออะไรที่จะถูกฆ่าตายในสมรภูมิใด?และตรงไหน?

ในสงครามบัดร ตั้งแต่ก่อนที่สงครามจะเกิดขึ้น ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ได้กำหนดสถานที่ตายและชื่อของศัตรูไว้อย่างชัดเจนว่า ตรงนี้คือที่ตายของคนนั้น ตรงนั้นคือที่ตายของคนโน้น เมื่อการสงครามได้เกิดขึ้น โดยที่มุสลิมเป็นฝ่ายมีชัยในสงคราม และฝ่ายศัตรูจะได้รับความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ในสมรภูมิรบไม่มีทหารฝ่ายศัตรูที่มีชีวิตหลงเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว พวกเขาล้มตายกันอย่างระเนระนาด นักรบอิสลามประจักษ์
ต่อภาพที่ปรากฎนั้นกันทุก ๆ คน ทุกคนเหลือแต่เรือนร่างที่ไร้วิญญาน ตรงจุดที่ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ได้ชี้ไว้ก่อนหน้าที่สงครามจะเกิดขึ้น

จะมีใครหรือที่จะล่วงรู้ และสามารถพร้อมที่จะเสี่ยงกับความผิดพลาดที่ย่อมเกิดขึ้นได้ในเปอร์เซ็นที่สูงอย่างนี้ มูฮำหมัด ผู้ซึ่งอัลลอฮ์ได้ทรงสนับสนุนท่านด้วยมัวะยีซาตเท่านั้น ที่จะหาญท้าทาย

อ้างอิงจาก หนังสือ 30 มัวะยีซาตมหาศาสดาศ็อลฯ (ฉบับภาษาไทย) โดยท่าน อ. อับดุลการีม(อรุณ) วันแอเลาะ

والله سبحانه وتعالى أعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 19, 2009, 02:54 AM โดย Rabit »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
 salam

(9) แพะและนม

ในตอนที่ท่านนบี (ซ.ล) อะบูบักร และผู้นำทางได้เดินทางจากมักกะห์ ฮิจเราะห์สู่มดีนะห์นั้น ได้ผ่านแคมป์อาศัยของหญิงคนหนึ่งนามว่า อาติกะห์ บินติ คอลิด นางเป็นหญิงที่เพรียบพร้อมไปด้วยจรรยาบรรณที่ดีงาม มีความนิ่มนวล เอาใจแขกที่ผ่านไปมา คณะของท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ได้หยุดพักที่แค้มป์ของหญิงคนนี้ในขณะที่มีความหิวกระหาย ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ได้ถามหาซื้ออาหาร นางตอบว่า หากมีฉันจะไม่ปฎิเสธอย่างแน่นอน ในทันใดนั้นท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ได้เห็นแพะตัวหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ หญิงคนนั้น จึงได้ถามหญิงคนนั้นถึงแพะตัวนั้น นางตอบว่า มันเป็นแพะที่ผอม เป็นแพะที่หลงฝูง จึงไม่ได้ไปหากินเหมือนแพะตัวอื่น ๆ แล้วร่อซู้ล (ซ.ล) ได้ถามว่า มันมีนมไหม? นางตอบว่า นมมันไม่มีหรอก ก็อย่างที่ท่านเห็นอยู่นี่เเหละ ไม่มีน้ำนมในเต้าของมันอยู่เลย ว่าแล้วท่านร่อซุ้ล (ซ.ล) ก็ขอรีดนมมัน ซึ่งนางก็ยินดีให้รีดพร้อมกับนึกในใจถึงความประหลาดที่เกิดขึ้นกับชายผู้นี้ ทั้ง ๆที่เห็นว่านมมันไม่มี แต่ก็ขอรีด ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ได้เอามือลูบเต้านมของมันพร้อมกับกล่าวนามของอัลลอฮ์ และขอดุอาอ์ว่า

اللّهُمَّ بَارِكْ لَهَا فِىْ شَأْنِهَا

“ขออัลลอฮ์ได้ให้บารอกัตแก่นางในแพะของนาง”

ในทันใดนั้นในเต้านมของเเพะก็เต็มไปด้วยน้ำนม ท่านร่อซู้ล (ซ.ล) ได้เรียกหาภาชนะลูกโต ๆ มารอง แล้วท่านได้รีดนมจนเต็มภาชนะนั้น ท่านยื่นให้นางดื่มจนอิ่ม ต่อมาก็ได้ยื่นให้คณะที่ร่วมเดินทางดื่มกันจนอิ่มทุกคน โดยท่านได้ดื่มเป็นคนสุดท้ายพร้อมกล่าวว่า

سَاقِى الْقَوْمِ آخِرُهُمْ

“ผู้ที่ให้ดื่มแก่คณะ คือ ผู้ดื่มคนสุดท้าย”

หลังจากนั้นก็ได้เวียนดื่มกันจนหมด แล้วท่านก็ได้รีดอีกครั้งจนเต็มภาชนะแล้วยื่นให้หญิงคนนั้นเก็บไว้ดื่ม แล้วท่านกับคณะก็เดินทางต่อไป แพะผอม ๆ ในเต้านมของมันแห้ง ไม่มีนมอยู่เลย ไม่มีแม้หยดเดียวที่ใคร ๆ ก็รีดไม่ได้ ใครคือผู้ที่ทำให้น้ำนมของมันเต็มเต้า ใครคือผู้ที่ให้ทุกคนได้ดื่มกันจนอิ่ม? แน่นอนมันคือมัวะยีซาตที่อัลลอฮ์ได้ให้เกิดผ่านมือของท่านร่อซู้ล (ซ.ล) เพื่อเป็นหลักฐานแก่ผู้ที่ประจักษ์ เพื่อเพิ่มอีหม่านให้เเข็งแกร่งขึ้น ไม่สามารถที่จะปฎิเสธการเป็นร่อซู้ลของท่านได้

จากนั้นไม่นาน สามีของนางก็กลับมาเมื่อได้เห็นภาชนะบรรจุนมอยู่เต็ม จึงเกิดความแปลกใจ เอ่ยปากถามภรรยาด้วยความสงสัยว่า เธอเอานมนี้มาจากไหน? เราไม่ได้มีแพะนมหรืออูฐนม นางจึงได้เล่าให้สามีฟังถึงเหตการณ์ที่เกิดขึ้นว่า มีชายผู้มีบารอกัตคนหนึ่งได้ผ่านมายังแคมป์ของเรา แล้วเขาได้เอามือลูบเต้านมแพะ แล้วนมก็เกิดขึ้นเต็มเต้านมแพะ สามีของนางได้ขอให้นางบอกลักษณะของชายผู้นั้น ในขณะที่นางกำลังบอก สามีของนางได้พูดขึ้นว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า ชายคนนี้คือชาวกุเรชที่กล่าวขานกันว่า คือผู้ประกาศศาสนาใหม่ หากฉันมาทันเขา ฉันจะไปกับเขาด้วย อย่างไรก็ตาม สะดวกเมื่อไหร่ ฉันจะติดตามไปหาเขา

อาติกะห์ บินติ คอลิด เจ้าของแพะตัวนั้น มีฉายานามว่า “อุมมุมะบัต” ได้กล่าวว่า แพะตัวนั้นมีชีวิตอยู่หลังจากวันนั้นอีกสิบแปดปี ฉันรีดนมมันทั้งเช้าและเย็น ซึ่งเต้านมของมันมีน้ำนมอยู่ตลอด แม้ในปีที่แห้งแล้ง

อ้างอิงจาก หนังสือ 30 มัวะยีซาตมหาศาสดาศ็อลฯ (ฉบับภาษาไทย) โดยท่าน อ. อับดุลการีม(อรุณ) วันแอเลาะ

والله سبحانه وتعالى أعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 24, 2009, 10:38 PM โดย Rabit »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

กระทู้นี้เยี่ยมมาก ๆ ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน ติดหมุดตรึงกระทู้ให้ครับ  loveit:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ กอ-กล้วย

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 353
  • kuru cook
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
 salam

มีให้อ่านต่อมั้ยคะ   รออ่านเพิ่มเติมคะ mycool:



แล้วคำว่า "อุมมุมะบัต" คืออะไร ????

วัสสลาม

ออฟไลน์ reem

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 104
  • ไม่มีโง่ใดที่จะโง่เท่าโง่ที่เคยโง่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ครบสามสิบเมื่อไร ขออนุญาตปรินซ์เป็นเล่มเก็บไว้ให้น้องๆอ่านน่ะค่ะ loveit:

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
salam

แล้วคำว่า "อุมมุมะบัต" คืออะไร ????

วัสสลาม

ฉายานามของท่าน อะตีกะห์ บินติ คอลีด
ส่วนใครทราบที่มาของฉายาช่วยชี้เเนะด้วยค้าบ 
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
salam

มีให้อ่านต่อมั้ยคะ   รออ่านเพิ่มเติมคะ mycool:



อีนชาอัลลอฮ์คร้าบบ จะนำเสนอให้ครบ 30 ม้วะญิซาตเลย 
เเต่ตอนนี่กำลังอยู่ในช่วงของการสอบอยู่ งัยก้อช่วยขอดุอาอ์ให้ประสบผลสำเร็จด้วยน้ะคร้าบ
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
 salam

พจนานุกรม ไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร   
      
ศาสดา    คำแปล  [สาด-สะ-ดา] (สก. ศาสฺตา; มค. สตฺถา) น. ครู, ครูผู้สอน, พระนามพระพุทธเจ้า, ผู้ตั้งศาสนา.


http://guru.sanook.com/search/knowledge_search.php?select=1&q=%C8%D2%CA%B4%D2




كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



 

GoogleTagged