ผู้เขียน หัวข้อ: ชีอะฮ์กล่าวให้ร้ายว่าท่านอุมัรเป็นคนขี้เมา(ซุบหานัลลอฮ์!)  (อ่าน 3104 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

ผู้เยี่ยมชม

โดยอาจารย์ฟารีด เฟ็นดี้

ท่านอับดุลลอฮ์ บุตรของ อุมัร บุตรของค๊อตต๊อบ บุตรของนาฟีล อัลอุดวีย์ แม่ของท่านชื่อซัยหนับ บุตรสาวของ มัซอูน บุตรของ ฮะบี๊บ

เกิดในปีที่ 2 หรือ 3 หลังจากที่ท่านนบีได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ประกาศอิสลาม ท่านจึงได้เข้ารับอิสลามพร้อมกับพ่อขณะที่ยังเยาว์วัย (ยังมีการวิจารณ์กันว่า ท่านอับดุลลอฮ์และท่านอุมัร สองพ่อลูกนี้ใครเข้ารับอิสลามก่อนกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันมาก)

ท่านอับดุลลอฮ์มีโอกาสได้เข้าร่วมทำสงครามพร้อมกับท่านรอซูลหลายครั้ง โดยท่านกล่าวว่า ?ฉันเคยขออนุญาตท่านรอซูลเข้าร่วมทำสงครามด้วยขณะฉันมีอายุ 14 ปี แต่ก็ถูกห้าม และได้รับอนุญาให้เข้าร่วมสงคราม คอนดั๊ก เป็นครั้งแรก ขณะที่ฉันอายุได้ 15 ปี"

ท่านอับดุลลอฮ์ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มศอฮาบะห์รุ่นเยาว์ที่ได้รับการขนานนามว่า อุบาดะละห์ ซึ่งเรียงลำดับได้ดังนี้

1 ? อับดุลลอฮ์ บุตรของ อุมัร
2 ? อับดุลลอฮ์ บุตรของ อับบาส
3 ? อับดุลลอฮ์ บุตรของ อัมร์ บุตรของ อาศ
4 ? อับดุลลอฮ์ บุตรของ ซุบัยร์

นอกจากนั้น ท่านอับดุลลอฮ์ บุตรของ อุมัร ยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งในกลุ่มศอฮาบะห์ที่รายงานฮะดีษไว้เป็นจำนวนมากคือ รายงานฮะดีษไว้ทั้งสิ้น 2630 ฮะดีษ ถือเป็นศอฮาบะห์ที่รายงานฮะดีษจำนวนมากเป็นอันดับสองรองจากอบูฮุรอยเราะห์

ท่านอับดุลลอฮ์ เสียชีวิตที่นครมักกะห์ ในปีที่ 73 ฮิจเราะห์ศักราช รวอายุได้ 84 ปี
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
นักศึกษาไคโร

ครั้งหนึ่งผมได้อ่านหนังสือซอเฮี๊ยะห์บุคอรีอยู่บนเตียงแล้วผมก็เพลอหลับไป ในคือนั้นผมฝันเห็นท่าน อิบนุอุมัรกำลังยืนพร้อมกับชายผู้หนึ่งเคียงข้างท่าน(ผมคิดว่าเขาคือท่านนาเฟี๊ยะเพราะท่านนาเฟี๊ยะเป็นผู้รายงานฮาดิษจากท่านอิบนิอุมัร)ภายในบ้านหลังหนึ่ง ผมเองก็อยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย ท่านอิบนุอุมัรโพกสาระบันสีขาว มีเคราดำและมีขาวบ้างเล็กน้อย ผมจึงถามว่า ฮาดิษนี้ซอเฮี๊ยะห์หรือไม่? ท่านอิบนุอุมัรจึงเชิญผมนั่ง แล้วท่านก็ตอบว่า "ฮาซา ฮะดิษุนซอเฮี๊ยะห์"(หะดิษนี้ซอเฮี๊ยะห์) แล้วผมก็ตื่นขึ้นมาตอนประมาณซุบฮ์ ผมก็ไปเหลือบไปดูหนังสืออิหม่ามบุคคอรีย์ ปรากฏว่า ฮาดิษสุดท้ายที่ผมอ่านและแปลดอเบดเอาไว้นั้น "อันอิบนุอุมัร"(รายงานจากท่านอิบนุอุมัร(ร.ฏ.)

อัลฮัมดุลิลลาห์

และอีกคืนหนึ่ง ผมได้ฝันเห็นท่านอุมัร(ร.ฏ.)อยู่บนฝากฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับงดงาม ท่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่คล้ายเก้าอี๊ที่กษัตริย์ใช้ประทับ แล้วท่านก็เรียกให้ผมไปนั่งข้างๆเก้าอี๊ของท่านอุมัร ท่านอุมัรเป็นคนที่ผิวขาวมีรัศมี

อีกครั้งหนึ่งผมฝันเห็นท่านอุมัรกำลังตรวจแถวทหาร ผมได้ยืนดูท่าน จนกระทั้งท่านเดินมาถึงผม แล้วท่านก็ยิ้มให้ด้วยใบหน้าที่มีรัศมี

ที่ผมฝันถึงท่านอิบนุอมัรเพราะผมคิดว่า ซอเฮี๊ยะห์บุคอรีนั้นถูกต้องหลังจากอัลกุรอ่านและด้วยความศิริมงคลของซอเฮี๊ยะห์บุคอรี และคิดว่าที่ผมฝันเห็นท่านอุมัรนั้น เพราะผมได้ศึกษาแนวทางของชีอะฮ์ซึ่งมีการกล่าวไส่ร้ายท่านอุมัรและคอยปกป้องท่าน ผมจะร้องไห้เมื่อได้อ่านประวัติของท่านอุมัรที่ท่านได้เสียสละและประชากรของท่านในสมัยที่ท่านเป็นคอลิฟะฮ์ร่อซูลลิลลาห์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ผู้เยี่ยมชม

Alhamdurillah

Yasagallahukairal

mutawalli

ผมเองก็เคยชื่นชมอุมัรเหมือนกัน

เขาเป็นคนที่ฝรั่งตัดสินว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะบุคคลของโลกอันดับที่ 32 ผมอ่านหนังสือ เอาวะลียาตุ อุมัร แล้วก็ปลื้มอุมัรมาก ๆ

แต่อ่านประวัติศาสตร์เยอะ ๆ เข้าก็ทราบว่า อบูบิดอะห์ บิดาแห่งการอุตริในศาสนาคืออุมัร นี่แหละ

เริ่มตั้งแต่ตะรอวีฮ จนถึงความเพี้ยนอื่น ๆ มากมาย

ขออย่าให้ฝันเห็นอุมัรเลย ไม่อยากเห็น

อยากเห็นท่านนบี อยากเห็นท่านหญิงฟาฏิมะห์ อยากเห็นฮะซัน ฮุเซน ผู้เป็นชาวสวรรค์ (มุตตะฟัก อะลัยฮิ)

อ้อที่ถูกคือ "อัน อิบนิ อุมัร" คุณคงพิมพ์ผิดไป
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
นักศึกษาไคโร

ในอัลกุรอ่านมีคำว่า อามานียุฮุม ซึ่งหมายความว่า"คือความหวังลมๆแล้งๆของเขา"

นักศึกษาไคโร

คำพูดหนึ่งของท่านอลี(อะลัยฮิสลาม)

ขณะที่ท่านอุมัรอิบนิค๊อฏฏอบ(ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุวะอัรฏอฮุ)ได้ปรึกษาท่านอะลีย์(อะลัยฮิสลาม)เกี่ยวกับการทำสงครามที่โรมด้วยตนเอง

ท่านอะลีย์กล่าวว่า "แท้จริงเมื่อท่าน(อุมัร)เดินทางไปพิชิตศรัตรูด้วยตัวท่านเอง ท่านก็จะเผชิญกับพวกเขาด้วยตัวท่านเองแล้วท่านก็อาจจะถูกพิชิต ท่านก็จะไม่ได้เป็นที่พึ่งพาของบรรดามุสลิมีนได้ทั่วสุดบรรดาเมืองของพวกเขา ดังนั้นท่านจงส่งชายทหารผู้ชำนาญการรบไปยังพวกเขา และท่านจงส่งเสริมบรรดาทหารผู้น้อมรับ(คำบัญชา)และผู้กล้าให้อยู่ร่วมกับเขา ดังนั้นถ้าหากอัลเลาะห์ให้ได้รับชัยชนะ นั่นก็คือสิ่งที่ท่านปราถนา และถ้าหากเป็นอื่นไป ท่าน(คืออุมัร)ก็ยังคงเป็นผู้ค้ำจุนมวลมนุษย์และเป็นที่พึ่งของบรรดามุสลิมีน" นะฮ์ญุลบะลาเฆาะห์ หน้า 165

mutawalli

อยากทราบหน่อยครับว่า ตอนที่คุณฝันว่าเห็นอุมัรเสด็จมานั้น คุณได้กลิ่นเหล้าหรือได้กลิ่นไวน์ เพราะท่านชอบดื่มไวน์ตลอดชีวิต แม้กระทั่งเฮือกสุดท้ายของชีวิต ก็ยังขอไวน์มาดื่ม และก็ตายไปกับไวน์ที่ทะลักออกมา เพราะลำไส้ทะลุ

นักศึกษาไคโร

อัลเลาะห์ทรงกล่าวว่า"มูตูบิฆอยซิกุ้ม" พวกเจ้าจงตายด้วยความแค้นของพวกเจ้าเถิด "

สุนัขเห่าเมฆ  มันก็ไม่ทำให้ท่านอุมัรต้องเสียเกียตริหรอกครับ

คุณที่คุณกล่าวหาว่าท่านอุมัรชอบดื่มไวน์นั้นคือผู้ที่ท่านอะลีย์กล่าวว่า  "แท้จริงเมื่อท่าน(อุมัร)เดินทางไปพิชิตศรัตรูด้วยตัวท่านเอง ท่านก็จะเผชิญกับพวกเขาด้วยตัวท่านเองแล้วท่านก็อาจจะถูกพิชิต ท่านก็จะไม่ได้เป็นที่พึ่งพาของบรรดามุสลิมีนได้ทั่วสุดบรรดาเมืองของพวกเขา ดังนั้นท่านจงส่งชายทหารผู้ชำนาญการรบไปยังพวกเขา และท่านจงส่งเสริมบรรดาทหารผู้น้อมรับ(คำบัญชา)และผู้กล้าให้อยู่ร่วมกับเขา ดังนั้นถ้าหากอัลเลาะห์ให้ได้รับชัยชนะ นั่นก็คือสิ่งที่ท่านปราถนา และถ้าหากเป็นอื่นไป ท่าน(คืออุมัร)ก็ยังคงเป็นผู้ค้ำจุนมวลมนุษย์และเป็นที่พึ่งของบรรดามุสลิมีน" นะฮ์ญุลบะลาเฆาะห์ หน้า 165

เชิญกล่าวหาตามหน้าที่คุณต่อไปครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
zamzam

แหมใจเย็น ๆ ไว้คุณไคโร อย่าเพิ่งตบะแตก เดี๋ยวจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมกำลังติดตามอ่านด้วยความสนใจ อย่าเพิ่งชกกัน เดี๋ยวคุยไม่ทันรู้เรื่อง

mutawalli

ผมไม่ได้ยกเมฆมาให้สุนัขที่ไหนเห่าหรอก ผมยืนยันว่าประวัติศาสตร์บันทึกไว้ดังนี้

1. อุมัรชอบเมาเหล้าก่อนอิสลาม
2. อุมัรชอบเมาแม้กระทั่งเป็นมุสลิมแล้ว แม้กระทั่งอายัตอัลกุรอานลงมาตะห์รีมก็ยังไม่หยุด
3. อุมัรเมาแม้กระทั่งเมื่อเป็นคอลีฟะห์แล้ว
4. อุมัรดื่มไวน์ก่อนตาย เพื่อพิสูจน์ว่าลำไส้ทะลักหรือไม่?

mutawalli

อุมัรดื่มเหล้าในเมืองมะดีนะห์แล้วทะเลาะกับเพื่อนร่วมวง แล้วเอากระดูกคางอูฐตีหัวอับดุลเราะห์มาน บินเอาฟิ แล้วก็กล่าวคำโคลงร้องไว้อาลัยผู้ตายในบะดัร เมื่อท่านร่อซูลทราบก็รีบไปออกไปด้วยความโกรธ แล้วตีอุมัร อุมัรจึงกล่าวว่า ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว

ดู
1. อัศศะมัคชะรีย์ ใน รอบีอฺ อัลอับรอร
2. ชิฮาบุดดีน อัลอับชะฮีย์ ใน อัลมุซตัฏร็อฟ เล่ม 2 หน้า 291
3. ตัฟซีรอัฏฏอบะรีย์ เล่ม 2 หน้า 203 ไม่ได้บอกว่าอุมัร แต่บอกว่าชายคนหนึ่ง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน
4. ซุนันอะบูดาวูด เล่ม 2 หน้า 128
5. มุซนัดอะห์มัด เล่ม 1 หน้า 53
6. ซุนัน อันนะซาอีย์ เล่ม 8 หน้า 287
7. ตารีค อัฏฏอบะรีย์ เล่ม 7 หน้า 22
8. ซุนันอัลบัยฮะกีย์ หน้า 8 หน้า 285
9. ตัฟซีร อิบนิกะษีร เล่ม 1 หน้า 255, 500
10. ตัฟซีร อัลกุรตุบีย์ เล่ม 5 หน้า 200
11. อัลญัซซอซ ฟี อะห์กาม อัลกุรอาน เล่ม 2 หน้า 245
12. ตัฟซีร อัลคอศิน เล่ม 1 หน้า 513
13. ตัฟซีร อัรรอศีย์ เล่ม 3 หน้า 458
14. ฟัตฮุลบารีย์ เล่ม 8 หน้า 225

และอีกหลานท่าน

mutawalli

อุมัรกล่าวว่า ในสมัยก่อนอิสลาม ข้าเป็นคนขี้เมา (ซอฮิบ อัลคอมัร) ข้าชอบมันและดื่มมัน

ดู ซีเราะห์ อิบนิ ฮิชาม เล่ม 1 หน้า 368 เป็นต้น
´
อิบนุอุมัร เล่าเรื่องของบิดาตนว่าเคยบอกว่า ข้าชอบดื่มเหล้ามากกว่าใครในสมัยก่อนอิสลาม แท้จริงมันไม่เหมือนการผิดประเวณีหรอก

ดู

1. ซีเราะห์ อุมัร ของอิบนุลเญาศีย์ หน้า 98
2. อัลคุละฟาอ์ อัรรอชิดูน ของ อันนัจญาร หน้า 237

เป็นต้น

mutawalli

อุมัรคิดว่า การดื่มเหล้าไม่ใช่บาปหนัก จึงดื่มมาตลอด เพิ่งจะบอกว่าเลิกก็ตอนที่อัลกุรอานสั่งให้เลิกอย่างเด็ดขาด คือในช่วงฮัจญะตุลวะดาอฺ ก่อนนบีเสียชีวิตเพียงไม่นาน

ถึงกระนั้นเมื่อนบีเสียชีวิตไป อุมัรก็ไม่ได้คิดว่าการดื่มเหล้าเป็นบาปใหญ่ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นบาปใหญ่ เมื่อมีการสนทนากันระหว่างอุมัร อบูบักริ และสหาย เรื่องเหล้าเป็นบาปใหญ่หรือไม่? อุมัรไม่เชื่อ จึงห้คนไปถามอับดุลลอห์ ลูกชายว่าเป็นอย่างไร ลูกชายจึงบอกฮะดีษที่ระบุว่าเป็นบาปใหญ่

ดู

1. มุซดัตร่อก อัลฮากิม เล่ม 4 หน้า 147
2. อัตตัรฆีบ วะ อัตตัรฮีบ เล่ม 3 หน้า 105
3. อัดดุร อัลมันษูร เล่ม 2 หน้า 323

mutawalli

เมื่อถูกห้ามไม่ให้ดื่มเหล้า อุมัรก็หันไปดืมไวน์แบบแรง (อันนะบีซ อัชชะดีด) แทน โดยอ้างว่า ช่วยให้ย่อยอาหาร เขากล่สาวว่า "เราดื่มเครื่องดื่มนี้ เพื่อย่อยเนื้ออูฐในท้องของเรา ผู้ใดที่ไม่แน่ใจในเครื่องดื่มก็จงผสมน้ำ

ดู

1. อัซซุนัน อัลกุบรอ เล่ม 8 หน้า 299
2. กันศุ อัลอุมมล เล่ม 3 หน้า 109

สิบกว่าปีต่อมา เขาก็ยังดื่มไวน์ จนกระทั่งเมื่อถูกแทงจนลำไส้ทะลุ หมอก็ถามว่าอยากจะดื่มอะไร เขาบอกว่า ไวน์

อุมัร เคยชินกับเหล้าจึงไม่เมา เขาลงโทษคนเมา แต่ไม่ลงโทษคนดื่มเหล้า มีชาวอะรอบีย์คนหนึ่งมาดื่มเครื่องดื่มของอุมัรแล้วเมา อุมัรจึงลงโทษเขา แล้วกล่าวว่า โทษเพราะเมา ไม่ใช่เพราะดื่ม

ดู อัลอักดุ อัลฟะรีด เล่ม 3 หน้า 416

mutawalli

เมื่อชาวอาหรับเถียงว่า ข้าดื่มเครื่องดื่มของท่าน อุมัรจึงให้คนเอาเครื่งดื่มนั้นมา แล้วเจื่อด้วยน้ำ แล้วก็ดื่มเอง แล้วกล่าวว่า ผู้ใดที่ไม่แน่ใจ ก็จงเจือจางด้วยน้ำ

ดู อะห์กาม อัลกุรอาน ของ อัลญัซซอซ เล่ม 2 หน้า 565

อุมัร กล่าวว่า "จงเจือด้วยน้ำ หากชัยฏอนของมันเอาชนะพวกท่านได้" และเขาชอบไวน์แบบแรง

ดู มะซานีด อะบี ฮะนีฟะห์ เล่ม 2 หน้า 192

อุมัรกล่าวว่า "หากพวกท่านกลัวความแรงของไวน์ ก็งผสมเจือมันด้วยน้ำ"

ดู ซุนัน อันนะซาอีย์ หน้า 326

อุมัรลงโทษผผู้ชายคนหนึ่งที่ดื่มไวน์จนเมา แล้วเอาเครื่องดื่มของเขามาชิม แล้วกล่าวว่า "โอ อันนี้ทำให้เหล่าบุรุษเมาแน่" (สำนวนแปลผมเอง) แล้วก็ให้เอาน้ำมาเทใส่ แล้วก็ชงให้เพื่อน ๆ ดื่ม

ดู อัลอาษาร ของ กอฎี อะบู ยูซุฟ หน้า 226

จากรายงานเหล่านี้ และอีกมากมาย แสดงว่า

1. อุมัรดื่มไวน์แบบแรง
2. เขาคิดว่า ถ้าไม่เมา ไม่บาป

mutawalli

อุมัรผู้เก่งกาจเรื่องของไวน์ยังสอนให้ชาวซีเรีย ต้มไวน์ให้ระเหยจนเหลือ 1 ใน 3 แล้วใช้เป็นเครื่องดื่มได้ตามปกติ (ฤทธิ์ของแอลกอฮอลในไวน์จะลดลงเมื่อต้ม)

ดู มุวัฏเฏาะ อัลอิมาม มาลิก เล่ม 2 หน้า 180

สำหรับอุมัรแล้ว ไวน์ไม่ใช่นะญิซ

แล้วไหนละกฏที่ว่า อะไรก็ตามที่เมาเมื่อดืมมาก ก็ฮะรอมแม้ดื่มน้อย

หากต้องการอ่านร่ยละเอียดเกี่ยวกับอุมัรดื่มเหล้า โปรดอ่าน 6 เล่ม หน้า 251-261
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
นักศึกษาไคโร

คุณไม่มีวันที่จะเป็นมุอฺมินที่แท้จริงได้หรอก คุณเหมือนกับพวกนะซอรอที่อ้างตัวเองว่ารักนบีมูซา แต่พวกนาซอรอและยิวดีกว่าพวกชีอะฮ์ที่พวกเขาไม่ด่าประนามอัครสาวกนบีของตนเหมือนพวกชีอะฮ์

บิสมิฮีตะอาลา

ความอัคติคือจุดบกพร่องของคุณ และเป็นจุดที่ทำคนอื่นจับผิดและจับโกหกคุณได้ และความโกหกย่อมไม่นำไปซึ่งสัจธรรมอย่างแน่นอน

ความอาฆาตแค้นของคุณที่มีต่อท่านซัยดินาอุมัร อัลฟารูก ร่อฏิยัลเลาะห์ฮุอันฮุวะอัรฏอฮฺ นั้นทำให้คุณ

1. ชอบโกหก
2. ไม่เข้าใจหลักฟิกห์
3. แปลบิดเบือน นำข้อความมาไม่หมด
4. คิดว่าการโกหกคือศาสนาของคุณ
รอสักครู่ เดี๋ยวผมมา จับโกหกคุณ อิงชาอัลเลาะห์

mutawalli

อารมณ์ร้ายเหมือนอาจารย์หมัดเมาเลย นี่ดี ถ้าอยู่ข้าง ๆ คงโดนตีเหมือนอะบูหุร็อยเราะห์ไปแล้ว

แค่เสนอว่าอุมัรขี้เมาแล้วคุณรับไม่ได้ แล้วถ้าผมบอกว่าอุมัรญาฮิลนี่คุณคงยอมฆ่าตัวตายแน่

นักศึกษาไคโร

คุณนี่ อาฆาตเหมือนพวกยิวไม่เปลี่ยนแปลงเลยน่ะ เนี่ย ถ้าผมอยู่ข้างๆคนคงจะโดนด่าประนามจนตะเหลิดแน่ๆเชียว
ถ้าอยู่ข้างๆผมคุณไม่โดนตีเหมือนอบูฮุรอยเราะห์หรอก แต่โดนตีเหมือนกับที่ท่านอุมัรตีลูกชายของท่านคืออุบัยดุลและห์100ทีเสียมากกว่า
การที่คุณกล่าวหาท่านอุมัรญะฮีลนั้น คงเป็นเรื่องเก่าๆที่เขาฟังกันจนเบื่อแล้วมั้ง

นักศึกษาไคโร

---------
อ้างอิงจากคุณ mutawalli

ผมไม่ได้ยกเมฆมาให้สุนัขที่ไหนเห่าหรอก ผมยืนยันว่าประวัติศาสตร์บันทึกไว้ดังนี้

1. อุมัรชอบเมาเหล้าก่อนอิสลาม
2. อุมัรชอบเมาแม้กระทั่งเป็นมุสลิมแล้ว แม้กระทั่งอายัตอัลกุรอานลงมาตะห์รีมก็ยังไม่หยุด
3. อุมัรเมาแม้กระทั่งเมื่อเป็นคอลีฟะห์แล้ว
4. อุมัรดื่มไวน์ก่อนตาย เพื่อพิสูจน์ว่าลำไส้ทะลักหรือไม่?
-----
ผมไม่ทราบว่าคุณเอาประวัติศาสตร์ใหนมายืนยัน (ความโกหกบิดเบือนของคุณ) ความจริง

1. ท่านอุมัรทูตของชาวกุเรชก่อนอิสลาม
2.ท่านอุมัรคือผู้ที่มีความปราถนาอันที่จะให้อัลกุรอ่านประทานลงมาอย่างชัดเจน และอัลเลาะห์ก็ทรงประทานลงมาตามนั้น
3.ชีอะฮ์โกหกว่าท่านอุมัรเมาเมื่อเป็นคอลิฟะฮ์แล้ว ( พึงทราบเถิด ! การสาปแช่งของอัลเลาะห์นั้นประสบแต่บรรดากลุ่มชนผู้โกหกมุสา)
4.ชีอะฮ์บิดเบือนกรณีท่านอุมัรดื่มนะบีซฺ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
นักศึกษาไคโร

อ้างอิงจากคุณ mutawalli

อุมัรดื่มเหล้าในเมืองมะดีนะห์แล้วทะเลาะกับเพื่อนร่วมวง แล้วเอากระดูกคางอูฐตีหัวอับดุลเราะห์มาน บินเอาฟิ แล้วก็กล่าวคำโคลงร้องไว้อาลัยผู้ตายในบะดัร เมื่อท่านร่อซูลทราบก็รีบไปออกไปด้วยความโกรธ แล้วตีอุมัร อุมัรจึงกล่าวว่า ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว

ดู
1. อัศศะมัคชะรีย์ ใน รอบีอฺ อัลอับรอร
2. ชิฮาบุดดีน อัลอับชะฮีย์ ใน อัลมุซตัฏร็อฟ เล่ม 2 หน้า 291
3. ตัฟซีรอัฏฏอบะรีย์ เล่ม 2 หน้า 203 ไม่ได้บอกว่าอุมัร แต่บอกว่าชายคนหนึ่ง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน
4. ซุนันอะบูดาวูด เล่ม 2 หน้า 128
5. มุซนัดอะห์มัด เล่ม 1 หน้า 53
6. ซุนัน อันนะซาอีย์ เล่ม 8 หน้า 287
7. ตารีค อัฏฏอบะรีย์ เล่ม 7 หน้า 22
8. ซุนันอัลบัยฮะกีย์ หน้า 8 หน้า 285
9. ตัฟซีร อิบนิกะษีร เล่ม 1 หน้า 255, 500
10. ตัฟซีร อัลกุรตุบีย์ เล่ม 5 หน้า 200
11. อัลญัซซอซ ฟี อะห์กาม อัลกุรอาน เล่ม 2 หน้า 245
12. ตัฟซีร อัลคอศิน เล่ม 1 หน้า 513
13. ตัฟซีร อัรรอศีย์ เล่ม 3 หน้า 458
14. ฟัตฮุลบารีย์ เล่ม 8 หน้า 225

และอีกหลานท่าน

วิจารณ์

ซุบฮานัลเลาะห์ !
ความโกหกเป็นศาสนาของคุณจริง ๆ ผมไม่รู้ว่าคุณไปอ่านเองแล้วนำมาเสนอ หรือเอาเขาไปเองอุลามะอฺของคุณที่มุสา แล้วคุณเขาถูกหลอก แล้วก็เอามานำเสนอหลอกลวงโกหกคุณอื่นอย่างนี้เรื่อยไป จนกระทั้งความโกหกมันเป็นเลือดเป็นเนื้อของศาสนาของคุณ เมื่อผมไปดูตำราดังกล่าว ก็ไม่ได้บอกอย่างที่คุณโกหกมาแม้แต่น้อย การที่คุณนำเสนอโกหกมานั้น ไม่รู้ว่าด้วยความอัคติหรือว่าคุณโดนหลอกมาหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้

การดื่มเหล้าในนครมะดีนะฮ์นั้นมีจริง แต่ไม่ไช่ท่านอุมัรอย่างที่คุณมุตะวัลลีและชีอะฮ์โกหกมาแม้แต่น้อย เพราะการทะเลาะกันนั้นระหว่างสองเผ่าอังซอร ไม่ได้กล่าวท่านอุมัร และอีกรายงานหนึ่ง กล่าวว่า มีการทะเลาะกันระหว่างกลุ่มหนึ่งมุฮาญิรีนและอังซอรเมื่อเมาแล้ว ก็มีการเองคางกระดูกอูฐตี แค่ไม่ได้บอกถึงท่านอุมัรกับท่านอับดุรเราะห์มานบินเอาฟ์แต่อย่างใด

สมมุติว่าเกิดขึ้นจริงอย่างที่คุณมุตะวัลลีโกหก ก็ไม่ได้เป็นบาปแต่ประการใดเพราะว่าเป็นการดื่มเหล้าก่อนจากที่อัลกุรอ่านจะลงโองการห้าม แต่กระนั้นชีอะฮ์ก็ต้องการที่จะนำเสนอเพื่อที่จะตำหนิท่านอุมัรเท่าที่พวกเขาทำได้

ยิ่งไปกว่านั้น คุณมุตะวัลลี ยังอ้างให้ไปดูบรรดาหนังสืออ้างอิงอีกมากมาย ทั้งๆที่เขาไม่เคยเปิดดูหรือเปล่าก็ไม่รู้ คุณบอกว่าให้ไปดูที่ "3. ตัฟซีรอัฏฏอบะรีย์ เล่ม 2 หน้า 203 ไม่ได้บอกว่าเป็นท่านอุมัร แต่บอกว่า "ชายคนหนึ่ง" คุณมุตะวัลลีกำลังจะมุสาบอกว่า ผู้ชายคนนั้นคือท่านอุมัร แต่ความจริงไม่ไช่เลยแม้แต่น้อย คุณมุตะวัลลีกำลัง ตัสลีส บิดบัง และตบตา ท่านผู้อ่านที่ไม่มีโอกาสอ่าน ตัฟซีรต๊อบรีย์ หรือไม่สามารถอ่านภาษาอรับได้ บอกให้ไปดูตัฟซีร อิบนุกะซีร คอซิน กุรตุบีย์ สุนันอะบูดาวูด มุสนัดท่านอะมัด และสุนัน นะซาอีย์ และอื่นๆ ดูเหมือนว่า เรื่องราวที่เขาโกหกมานั้น อยู่ในตำราต่างๆที่กล่าวมาด้วย ถ้าใครเชื่อก็คงถูกหลอก ถ้าหากว่าเราไปดูจากตำราที่คุณมุตะวัลลีอ้างมาจริง เราก็จะพบดังนี้

รายงานโดยอบีดาวูด จากท่านอุมัรอิบนิคอฏฏอบ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า " ขณะที่โองการห้ามสุราลงมานั้น ท่านอุมัรกล่าวว่า " โอ้พระผู้อภิบาลของข้า โปรดจงชี้แจงให้แจ้งชัดกับเราเกี่ยวกับเรื่องสุรา อย่างชัดเจนด้วยเถิด" ดังนั้น โองการจากซูเราะห์บากอเราะห์ ที่ว่า"พวกเขาได้ถามเจ้าจากเรื่องเหล้าและการพนัน"  จากนั้นท่านอุมัรก็ได้ถูกเรียกเชิญมา  แล้ว(ฟังโองการดังกล่าวที่)ถูกอ่านให้เขาได้ฟัง ดังนั้นท่านอุมัรกล่าวว่า "โอ้พระผู้อภิบาลของข้า โปรดจงชี้แจงให้แจังชัดกับเราเกี่ยวกับเรื่องสุรา อย่างชัดเจนด้วยเถิด" ดังนั้น โองการจากซูเราะห์ อันนิซาอฺ ก็ได้ประทานลงมา คือ "โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกท่านอยู่เข้าใกล้(ทำ)การละหมาดในสภาพที่เมา" จากนั้น ผู้ประกาศของร่อซูลุลเลาะห์ ประกาศว่า เมื่อมีการดำรงทำละหมาด ก็อย่างเข้าใกล้การละหมาดในสภาพที่เมา จากนั้นท่านอุมัรก็ได้ถูกเชิญมาแล้ว(ฟังโองการดังกล่าวที่)ถูกอ่านให้เขาฟัง ดังนั้นท่านอุมัรกล่าวว่า"โอ้พระผู้อภิบาลของข้า โปรดจงชี้แจงให้แจังชัดกับเราเกี่ยวกับเรื่องสุรา อย่างชัดเจนด้วยเถิด" ดังนั้น โองการที่ว่า "ดังนั้นพวกเจ้ายังไม่ยุติอีกหรือ?" ได้ประทานลงมา  ท่านอุมัรกล่าวว่า เรายุติแล้ว เรายุติแล้ว โอ้พระผู้อภิบาล " ดู ตัฟซีร กุรตุบีย์ เล่ม 5 หน้า 204 หรือตัฟซีร อายะฮ์ ที่43 ซูเราะห์อันนิซาอฺ / ดูตัฟซีร อิบนุกะษีร เล่ม1 หน้า500 หรือตัฟซีรอายะฮ์ที่43ซูเราะห์อันนิซาอฺ /ดู สุนันอะบีดาวูด ในกิตาบ อัลอัชริบะฮ์ บทการห้ามสุรา เล่ม3หน้า325 .

รายงานโดยติรมิซีย์ จากท่านอลีบินอบีฏอลิบ ท่านกล่าวว่า "ท่านอับดุรเราะห์มานบินเอาฟ์ได้ทำอาหารเลี้ยงเรา แล้วได้เชิญเรารับประทานและเสริฟเครื่องดื่มสุราแก่เรา ดังนั้นสุราจึงทำให้เรามีอาการเมา และฉันก็ไปละหมาด พวกเขาก็ให้ฉันนำ(เป็นอิหม่ามละหมาด) ฉันก็อ่านว่า "กุลยาอัยยุฮันกาฟิรูน ลาอะบุดุมาตะอฺบุดูน วะนะฮฺนุนะอุบุดุมาตะบุดูน"(หมายความว่า จงกล่าวเถิด โอ้บรรดาผู้ปฏิเสธทั้งหลาย เราไม่กราบไหว้สิ่งที่พวกเจ้ากราบไหว้ และเรากราบไหว้สิ่งที่พวกท่านกราบไหว้ " ท่านอลีกล่าวว่า อัลเลาะห์ก็ทรงประทาน โองการที่ว่า "โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกท่านอยู่เข้าใกล้(ทำ)การละหมาดในสภาพที่เมา" ดูการนำเสนอฮาดิษของท่านในกิตาบ ตัฟซีร เล่ม 5 หน้า 238 ฮาดิษที่3026 ท่านติรมิซีย์กล่าวว่า "ฮาดิษนี้ ฮาดิษ ฮาซัน ซอเฮี๊ยะห์ "

อบูมัยซะเราะห์กล่าวว่า"(อายะฮ์ อินนะมัลคอมรู่วัลมัยซิร...)ถูกประทานลงมาเพราะสาเหตุท่านอุมัร(วอนของจากอัลเลาะห์ให้ประทานความชัดเจนในเรื่องสุราและอัลเลาะห์ก็ทรงรับการวอนขอนั้นด้วยการประทานอัลเลาะห์กุรอ่านอายะฮ์นี้) ดู ตัฟซีรกุรตุบี อายะฮ์ที่43 อันนิซาอฺ เล่ม5หน้า204

ท่านตอบรีย์กล่าวได้ในตัฟซีรของท่านว่า รายงานจากอิบนิฮุมัยดฺ จากญะรีร จากอะฏออฺ จาก อับดุรเราะห์มาน อัสซุละมีย์ เขากล่าวว่า" ท่านอลีได้อยู่ในกลุ่มของซอฮาบะฮ์ของท่านร่อซูลุลเลาะห์( ซ.ล.)ในบ้านของอับดุรเราะห์มานบินเอาฟ์ พวกเขาก็ได้รับประทานอาหาร และท่านอับดุรเราะห์มานบินเอาฟ์ได้นำสุรามาให้ดื่ม พวกเขาก็ได้ดื่มมัน เหตุการณ์ดังกล่าวนั้น  ก่อนจากการห้ามสุรา ดังนั้นเมื่อถึงเวลาละหมาด พวกเขาจึงให้ท่านอลีนำละหมาด และเขาได้อ่าน "กุลยาอัยยุฮันกาฟิรูน............. "โดยไม่เหมาะสม อัลเลาะห์จึงประทานโองการ "โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกท่านอยู่เข้าใกล้(ทำ)การละหมาดในสภาพที่เมา" ดูตัฟซีร อัฏต๊อบรีย์ ตัฟซีรอายะฮ์ที่43 ซูเราะห์ อันนิซาอฺ /ฟัตฮุลบารีย์ กิตาบบุลอัชริบะฮ์เล่ม10หน้า59

ดังนั้น ดังกล่าวจึงชี้ให้เห็นว่า

1.คุณชีอะฮ์ที่ชื่อมุตุวัลลี มุสา

2.โองการต่างๆเกี่ยวกับเรื่องสุรานั้น ถูกประทานลงมาเพราะสาเหตุท่านอุมัรได้วอนขอจากอัลเลาะห์และอัลเลาะห์ทรงประโองการ

3.แม้ท่านอลีจะมีอาการเมาในละหมาด และเราไม่ติหนิท่านแม้น้อย แต่ก็ไม่มีชีอะฮ์หน้าใหนกล้ายกมานำเสนอหรอก แต่ถ้าหากเป็นท่านอุมัรละหมาดเวลาเมาน่ะ สงสัยพวกชีอะฮ์คงประกาศก้องฟ้าเป็นแน่
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
นักศึกษาไคโร

อ้างอิงจากคุณ mutawalli

อุมัรกล่าวว่า ในสมัยก่อนอิสลาม ข้าเป็นคนขี้เมา (ซอฮิบ อัลคอมัร) ข้าชอบมันและดื่มมัน

ดู ซีเราะห์ อิบนิ ฮิชาม เล่ม 1 หน้า 368 เป็นต้น
´
อิบนุอุมัร เล่าเรื่องของบิดาตนว่าเคยบอกว่า ข้าชอบดื่มเหล้ามากกว่าใครในสมัยก่อนอิสลาม แท้จริงมันไม่เหมือนการผิดประเวณีหรอก

ดู

1. ซีเราะห์ อุมัร ของอิบนุลเญาศีย์ หน้า 98
2. อัลคุละฟาอ์ อัรรอชิดูน ของ อันนัจญาร หน้า 237

เป็นต้น

วิจารณ์

ชีอะฮ์ ต้องการตำหนิท่านอุมัรแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ก่อนอิสลามห้าม มันคงไม่มีความหมายหรอก แล้วท่านอลีละหมาดเวลาเมาล่ะ ท่านไม่ยกมาอ้างบ้างหรือ?

และแล้วคุณมะตะวัลลีชีอะฮ์ก็มุสาอีกเหมือนเดิมเพราะว่าการมุสาเป็นศาสนาของเขา คุณมุตะวัลลีกล่าวว่า"อิบนุอุมัร เล่าเรื่องของบิดาตนว่าเคยบอกว่า ข้าชอบดื่มเหล้ามากกว่าใครในสมัยก่อนอิสลาม แท้จริงมันไม่เหมือนการผิดประเวณีหรอก "

แล้วบอกว่าให้ไปดูซีเราะห์(วะมะนากิบ)อุมัร ของอิบนุลเญาซีย์หน้า98 และ อัลคุละฟาอ์ อัรรอชิดูน ของ อันนัจญาร หน้า237 แล้วบอกต่อว่า เป็นต้น เหมือนคุณมุตะวัลลีจะบอกอีกว่า ยังมีเล่มอื่นอีก เพื่อจะหลอกพวกชีอะฮ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ให้เชื่อ เมื่อไปดูตำราดังกล่าว ก็ไม่มีระบุไว้เลยแม้แต่น้อย ความมุสาคงเป็นเลือดเป็นเนื้อของคุณมุตะวัลลีชีอะฮ์แล้วเป็นแน่"

แต่เมื่อเราทำการศึกษาดู เราก็จะพบบางรายงานที่คล้าย ๆ และใกล้เคียงกับสิ่งที่ชีอะฮ์มุสา ก็คือ รายงานจากท่านอับดุลเลาะห์อับนุอุมัร ร่อฏิยัลเลาะห์ฮุอันฮุมา เขาเล่าว่า"เราได้เดินทางพร้อมกับท่านอุมัร จากนั้นท่านอุมัรก็เห็นชายคนหนึ่งซึ่งกำลังรีบเดินทาง ท่านอุมัรกล่าวว่า ชายคนนี้ต้องการเดินทางมาหาเรา ดังนั้น  ชายคนนั้นก็หยุดหมอบอูฐลงและไปปลดเปลื้องกิจของตัวเขาเอง และชายผู้นั้นก็ได้มาหา และท่านอุมัรก็ร้องไห้ ท่านอุมัรกล่าวว่า "ท่านมีเรื่องอะไรหรือ?" ชายผู้นั้นกล่าวว่า โอ้ผู้นำแห่งศรัธทาชน  แท้จริงฉันได้เคยดื่มสุรา ดังนั้น  อบูมูซา(อัลอัชอะรีย์) ได้ทำการโบยฉัน ทำให้ใบหน้าฉันดำ (อับอาย) นำฉันเดินประจานและห้ามผู้คนนั่งร่วมกับฉัน ดังนั้นฉันจึงคิดว่า จะเอาดาบไปฟันเขา หรือ ฉันจะมาหาท่าน  เพื่อท่านจะได้ให้ฉันไปอยู่เมืองที่ฉันไม่รู้จักหรือให้ฉันไปอยู่แผ่นดินชิริก(ไม่ไช่อิสลาม) ท่านอุมัรจึงร้องไห้ และกล่าวว่า "มันไม่เป็นการยินดีกับฉันเลยที่ฉันจะไปอยู่แผ่นดินชีริก และแท้จริงสำหรับฉันแล้วก็เป็นแบบนี้ ๆ และท่านอุมัรกล่าวว่า"ถ้าหากท่านเป็นผู้ที่ดื่มสุรา แท้จริงแล้วผู้คนในสมัยญาฮิลียะฮ์ก็ดื่มสุรากัน"  หลังจากนั้นท่านอุมัร จึงเขียนสารไปยังท่านอบีมูซา ว่า"แท้จริง ชายคนนี้ได้มาหาฉัน และได้กล่าวอย่างนั้น อย่างนี้ ดังนั้นเมื่อสารของฉันได้ไปถึงท่าน ท่านก็จงใช้ผู้คนให้นั่งร่วม(สมาคม)ด้วยกับเขา และถ้าหากเขาเตาบะฮ์ก็จงรับการเป็นพยานของเขาและให้เครื่องสวมใส่แก่เขา และได้เงินแก่เขา200ดิรฮัม "103 ซีเราะห์วะมะนากิบอุมัร

แต่ชีอะฮ์กล่าวโกหกแบบไม่อายว่า"อิบนุอุมัร เล่าเรื่องของบิดาตนว่าเคยบอกว่า ข้าชอบดื่มเหล้ามากกว่าใครในสมัยก่อนอิสลาม แท้จริงมันไม่เหมือนการผิดประเวณีหรอก " ซุบฮานัลเลาะห์ !!

(พึงทราบเถิด ! การสาปแช่งของอัลเลาะห์นั้นประสบแต่บรรดากลุ่มชนผู้โกหกมุสา)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
นักศึกษาไคโร

อ้างอิงจากคุณ mutawalli

อุมัรคิดว่า การดื่มเหล้าไม่ใช่บาปหนัก จึงดื่มมาตลอด เพิ่งจะบอกว่าเลิกก็ตอนที่อัลกุรอานสั่งให้เลิกอย่างเด็ดขาด คือในช่วงฮัจญะตุลวะดาอฺ ก่อนนบีเสียชีวิตเพียงไม่นาน

ถึงกระนั้นเมื่อนบีเสียชีวิตไป อุมัรก็ไม่ได้คิดว่าการดื่มเหล้าเป็นบาปใหญ่ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นบาปใหญ่ เมื่อมีการสนทนากันระหว่างอุมัร อบูบักริ และสหาย เรื่องเหล้าเป็นบาปใหญ่หรือไม่? อุมัรไม่เชื่อ จึงห้คนไปถามอับดุลลอห์ ลูกชายว่าเป็นอย่างไร ลูกชายจึงบอกฮะดีษที่ระบุว่าเป็นบาปใหญ่

ดู

1. มุซดัตร่อก อัลฮากิม เล่ม 4 หน้า 147
2. อัตตัรฆีบ วะ อัตตัรฮีบ เล่ม 3 หน้า 105
3. อัดดุร อัลมันษูร เล่ม 2 หน้า 323

วิจารณ์

มุสา ! เพราะศาสนาของท่านชอบมุสา  ท่านอุมัรไม่คิดอย่างนั้นแม้แต่น้อย เมื่อดูหนังสืออ้างอิงที่คุณนำมาโกหกนั้น ก็เพียงพูดเกี่ยวเรื่องฮุกุ่มการดื่ม เรื่องสาเหตุการประทานโองการเกี่ยวเรื่องสุรา และเตือนให้ระวังเกี่ยวเรื่องสุรา ไม่ได้มีบอกไว้เกี่ยวกับเรื่องท่านอุมัรไม่เชื่อว่าเหล้าเป็นบาปใหญ่แต่อย่างใด  คุณยกเมฆมาแท้จริง นี่คุณทำตัวคุณเองน่ะครับ อย่ามาโทษผม ท่านอุมัรจะไม่เชื่อได้อย่างไรในเมื่อโองการลงมาเพราะสาเหตุท่านอุมัรวอนขออัลเลาะห์ให้ทรงประทานความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องเหล้า

 รายงานโดยอบีดาวูด จากท่านอุมัรอิบนิคอฏฏอบ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า " ขณะที่โองการห้ามสุราลงมานั้น ท่านอุมัรกล่าวว่า " โอ้พระผู้อภิบาลของข้า โปรดจงชี้แจงให้แจังชัดกับเราเกี่ยวกับเรื่องสุรา อย่างชัดเจนด้วยเถิด" ดังนั้น โองการจากซูเราะห์บากอเราะห์ ที่ว่า"พวกเขาได้ถามเจ้าจากเรื่องเหล้าและการพนัน" ท่านอุมัรเล่าว่า จากนั้นท่านอุมัรก็ได้ถูกเชิญมาแล้ว(ฟังโองการดังกล่าวที่)ถูกอ่านให้เขาฟัง ดังนั้นท่านอุมัรกล่าวว่า"โอ้พระผู้อภิบาลของข้า โปรดจงชี้แจงให้แจังชัดกับเราเกี่ยวกับเรื่องสุรา อย่างชัดเจนด้วยเถิด" ดังนั้น โองการจากซูเราะห์ อันนิซาอฺ ก็ได้ประทานลงมา คือ "โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกท่านอยู่เข้าใกล้(ทำ)การละหมาดในสภาพที่เมา" จากนั้น ผู้ประกาศของร่อซูลุลเลาะห์ ประกาศว่า เมื่อมีการดำรงทำละหมาด ก็อย่างเข้าใกล้การละหมาดในสภาพที่เมา จากนั้นท่านอุมัรก็ได้ถูกเชิญมาแล้ว(ฟังโองการดังกล่าวที่)ถูกอ่านให้เขาฟัง ดังนั้นท่านอุมัรกล่าวว่า"โอ้พระผู้อภิบาลของข้า โปรดจงชี้แจงให้แจังชัดกับเราเกี่ยวกับเรื่องสุรา อย่างชัดเจนด้วยเถิด" ดังนั้น โองการที่ว่า "ดังนั้นพวกเจ้ายังไม่ยุติอีกหรือ?" ท่านอุมัรกล่าวว่า เรายุติแล้ว เรายุติแล้ว โอ้พระผู้อภิบาล " ดู ตัฟซีร กุรตุบีย์ เล่ม 5 หน้า 204 หรือตัฟซีร อายะฮ์ ที่43 ซูเราะห์อันนิซาอฺ / ดูตัฟซีร อิบนุกะษีร เล่ม1 หน้า500 หรือตัฟซีรอายะฮ์ที่43ซูเราะห์อันนิซาอฺ /ดู สุนันอะบีดาวูด ในกิตาบ อัลอัชริบะฮ์ บทการห้ามสุรา เล่ม3หน้า325

คุณวะตะวัลลีจอมมุสาครับ การห้ามเหล้าอย่างเด็ดขาดอยู่ในช่วงปีที่ 6 สงครามฮุดัยบียะฮ์ ในคำกล่าวที่มีน้ำหนัก บ้างก็บอกว่าในปีที่ 3  บ้างก็บอกว่าในปีที่ 4  แต่นี่คุณบอกว่าในช่วงฮัจยีวะดาอฺ (ซึ่งเป็นปีฮ.ศ.ที่ 9 - 10) ผมอยากถามคุณหน่อยว่า คุณต้องการอะไร??
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
โปรดติดตามในช่วงต่อไปน่ะครับ  อินชาอัลเลาะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
นักศึกษาไคโร

อ้างอิงจากคุณ mutawalli

เมื่อถูกห้ามไม่ให้ดื่มเหล้า อุมัรก็หันไปดืมไวน์แบบแรง (อันนะบีซ อัชชะดีด) แทน โดยอ้างว่า ช่วยให้ย่อยอาหาร เขากล่สาวว่า "เราดื่มเครื่องดื่มนี้ เพื่อย่อยเนื้ออูฐในท้องของเรา ผู้ใดที่ไม่แน่ใจในเครื่องดื่มก็จงผสมน้ำ

ดู

1. อัซซุนัน อัลกุบรอ เล่ม 8 หน้า 299
2. กันศุ อัลอุมมล เล่ม 3 หน้า 109

สิบกว่าปีต่อมา เขาก็ยังดื่มไวน์ จนกระทั่งเมื่อถูกแทงจนลำไส้ทะลุ หมอก็ถามว่าอยากจะดื่มอะไร เขาบอกว่า ไวน์

อุมัร เคยชินกับเหล้าจึงไม่เมา เขาลงโทษคนเมา แต่ไม่ลงโทษคนดื่มเหล้า มีชาวอะรอบีย์คนหนึ่งมาดื่มเครื่องดื่มของอุมัรแล้วเมา อุมัรจึงลงโทษเขา แล้วกล่าวว่า โทษเพราะเมา ไม่ใช่เพราะดื่ม

ดู อัลอักดุ อัลฟะรีด เล่ม 3 หน้า 416

วิจารณ์

ซุบฮานัลเลาะห์ !!

คุณมุตะวัลลีช่างโกหกบิดเบือนพริ้วจริงๆ มีการเสริมเติมแต่งข้อความตามความอัคติและโกหกแล้วมาบอกว่าไปดูหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ ผมขอยกเหรียญทองโอลิมปิกให้เลยครับ ข้อความที่เท็จจริงมันเป็นอย่างไรหรือครับ?

รายงานจากอุตบะฮ์บินฟัรก๊อดว่า"........จากนั้นท่านอุมัรขอนะบีซฺที่เกือบจะเป็นน้ำส้มแล้ว และเขากล่าวว่า ท่านจงดื่ม(โอ้อุตบะอ์)ดังนั้นฉันจึงหยิบมันมาดื่ม และฉันเกือบจะไม่ได้กลืนมันลงไป ท่านอุมัรจึงฉวยนะบีซฺแล้วก็ดื่มมัน จากนั้นท่านอุมัรกล่าวว่า"จงฟัง โอ้อุตบะฮ์ แท้จริงเรา เราได้เชือดอูฐวันละหลายตัว สำหรับไขมันและส่วนที่ดีที่สุดของมันนั้น สำหรับแขกผู้มาหาเราจากบรรดามุสลิมีนทั่วสาระทิศ และสำหรับคอของมันนั้น สำหรับครอบครัวอุมัรที่รับประทานเนื้อที่เหนียวหยาบและดื่มนะบีซฺที่แรงนี้เป็นส่วนหนึ่งเพื่อย่อยอาหารในท้องของเรา" ซีเราะห์วะมะนากิบอุมัร หน้า113

ดังนั้นคำว่า "ฮาซัลนะบีซัชชะดีด" หมายความว่าแรงแค่หนึ่งส่วน(ไม่ไช่สองหรือสามส่วน) ซึ่งเป็นที่อนุญาติ(ดังที่ผมจะชี้แจงต่อไป) เพราะนะบีซฺที่อุตบะฮ์นำมานั้นเกือบเป็นน้ำส้มแล้ว ก็แสดงว่าความแรงหายไปสองส่วนแล้ว ก็ถือเป็นที่อนุญาติ
และการที่ท่านอุมัรทำอย่างนั้นเพราะท่านเป็นผู้ที่เสียสละ(ตรงนี้ชีอะฮ์ไม่กล้านำมาเสนอเพราะว่าจะทำให้ท่านอุมัรดูดียิ่งขึ้นและก็เป็นความดีงามของท่านด้วย เพราะอาหารดีๆเครื่องดื่มดีๆนั้นท่านจะให้กับแขกผู้มาเยืยนทั้งที่ท่านเป็นผู้นำท่านจะรับประทานอะไรก็ได้

ส่วนในกรณีที่ท่านถูกลอบสังหารแล้วท่านก็สังหารโดยอบูลุลุชาวมาญูซีย์บูชาไฟที่ชีอะฮ์ต่างสรรญเสริญนั้น ชีอะฮ์โกหกว่า"หมอก็ถามว่าอยากจะดื่มอะไร เขาบอกว่า ไวน์ " คุณมุตะวัลลีช่างบิดเบือนถ้อยคำได้สมชื่อจริงๆผมขอยอมรับเลยน่ะครับ ตัวบทจริงๆนั้นมีดังต่อไปนี้ ซาลิมกล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอิบนุอุมัรกล่าวว่า" ท่านอุมัรกล่าวว่า พวกท่านจงส่งฉันไปหาหมอเพื่อดูอาการบาดแผลของฉันนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงนำท่านอุมัรไปหาหมอคนหนึ่ง ดังนั้นหมอคนนั้นก็ให้ท่านอุมัรดื่มนะบีซฺ(โดยที่หมอไม่ได้ถามท่านอุมัรแม้แต่น้อยแต่ชีอะฮ์เสนอแบบบิดเบือนถ้อยคำเพราะความอัคติอาฆาต) ดังนั้นนะบีซฺก็เป็นสีเลือดขณะที่มันออกมาจากรอยถูกแทงใต้สะดือ ดังนั้นฉันจึงเรียกหมอชาวอังซอรมาอีกคนหนึ่ง ซึ่งหมอผู้นั้นจึงได้ท่านอุมัรดื่มนม(โดยที่หมอไม่ได้ถามท่านอุมัรอีกเช่นเดียวกัน) ดังนั้นน้ำนมจึงออกมาจากแผลที่ถูกแทงเป็นสีขาว"ซีเราะห์วะมะนากิบอุมัรหน้า161

ดังนั้น นะบีซฺที่หมอให้ท่านอุมัรดื่มนั้นไม่ไช่เป็นสิ่งมึนเมา ถ้าเป็นสิ่งเมาหมอและท่านอิบนุอุมัรและคนอื่นก็ไม่กล้าที่จะให้ท่านอุมัรดื่ม

และคุณมุตะวัลลีกล่าวแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกว่า"อุมัร เคยชินกับเหล้าจึงไม่เมา เขาลงโทษคนเมา แต่ไม่ลงโทษคนดื่มเหล้า มีชาวอะรอบีย์คนหนึ่งมาดื่มเครื่องดื่มของอุมัรแล้วเมา อุมัรจึงลงโทษเขา แล้วกล่าวว่า โทษเพราะเมา ไม่ใช่เพราะดื่ม " คุณยกแต่ตัวบทมาเพื่อตำหนิท่านอุมัรเท่านั้น แต่ท่านไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรเพราะความอัคติของท่านมาบิดบังความจริง !!

อิบนุฮะญัรได้กล่าวในฟัตตุลบารีย์ว่า "อิหม่ามชาฟิอีย์กล่าวว่า"เราได้รายงานจากท่านอุมัร ฉัน(อิบนุฮะญัร)ขอกล่าวว่า ในสายรายงานนั้น มีผู้รายงานที่มัจญฺฮูล(ไม่เป็นที่รู้จัก)ตามทรรศนะของเขา(อิหม่ามชาฟิอี) ดังนั้นจึงนำมาเป็นหลักฐานไม่ได้ ท่านบัยฮะกีย์กล่าวว่า "ท่านอิหม่ามชาฟิได้กล่าวบ่งชี้ไปยังสายรายงาน สะอี๊ดบินซีละวะฮ์ ว่า เขาได้ดื่ม(เครื่องดื่ม)จากถุงใส่น้ำของอุมัร แล้วเมา อุมัรจึงโบยเขา เขา(สะอี๊ด)กล่าวว่า "แท้จริงฉันได้ดื่มจากถุงน้ำของท่าน" อุมัรกล่าวว่า"ฉันโบยท่านเพราะ(ท่าน)เมา" สะอี๊ดผู้นี้ ท่านบุคอรีย์และคนอื่นๆกล่าวว่า" เขาไม่เป็นที่รู้จัก" ส่วนหนึ่งพวกเขา(นักฮาดิษ)กล่าวว่า เขาคือสะอี๊ดบินซีอัดดาน" นั้นผิดไม่ถูกต้อง. ดู ฟัตฮุลบารีย์ เล่ม10หน้า59 กิตาบ อัลอัชริบะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
นักศึกษาไคโร

อ้างอิงจากคุณ mutawalli

อุมัรผู้เก่งกาจเรื่องของไวน์ยังสอนให้ชาวซีเรีย ต้มไวน์ให้ระเหยจนเหลือ 1 ใน 3 แล้วใช้เป็นเครื่องดื่มได้ตามปกติ (ฤทธิ์ของแอลกอฮอลในไวน์จะลดลงเมื่อต้ม)

ดู มุวัฏเฏาะ อัลอิมาม มาลิก เล่ม 2 หน้า 180

สำหรับอุมัรแล้ว ไวน์ไม่ใช่นะญิซ

แล้วไหนละกฏที่ว่า อะไรก็ตามที่เมาเมื่อดืมมาก ก็ฮะรอมแม้ดื่มน้อย

หากต้องการอ่านร่ยละเอียดเกี่ยวกับอุมัรดื่มเหล้า โปรดอ่าน 6 เล่ม หน้า 251-261

วิจารณ์

โกหกเหมือนเดิม คุณต้องเอาความอาฆาตของยิวที่มีอยู่ในตัวคุณออกไป แล้วคุณจะสนทนากับผมได้อย่างมีกึ๋น เหล้าเป็นนะญิสตามมัซฮับชาฟิอีย์และลัทธิชีอะฮ์อิมามียะฮ์ แต่นะบีซฺไม่เป็นนะยิสเมื่อมันไม่เมาคือเหลือแค่เศษหนึ่งส่วนสาม

เมื่อเราดูในมะวัฏเฏาะ อิหมามมาลิก เรื่อง อัลอัชริบะฮ์ ฮาดิษที่14 เราจะพบว่า ชีอะฮ์บิดพริ้วถ้อยความ

ความจริงท่านอุมัรไม่ได้สอนให้ชาวซีเรียต้มนะบีซฺ เพราะชาวซีเรียต้มเป็นอยู่แล้ว ตอนนั้นที่ซีเรียแห้งแล้งอย่างมาก และท่านอุมัรไปที่ซีเรีย ผู้คนที่นั่นจึงไม่มีอะไรจะดื่มที่หาง่ายไปกว่านะบีซฺ ท่านอุมัรจึงสั่งให้พวกเขาปรุงนะบีซฺจนกระทั้งเหลือความแรงแค่1ใน3ส่วน ซึ่งทำไม่ให้เมา แต่ถ้าเอาสิ่งที่เป็นสุราอยู่แล้วมาทำให้เหลือแค่1ใน3ส่วนนั้นไม่เป็นที่อนุญาต แต่ถ้าเป็นนะบีซฺก็ปรุงให้เหลือแค่1ใน3ส่วน

อิบนุฮะญัรได้ไว้ในฟัตฮุลบารีย์ว่า"ได้มีความเห็นพร้องกับท่านอุมัรตามฮุกุ่มดังกล่าว(คือถ้าเหลือแค่1ใน3ส่วน) คือท่านอบูมูซา อบูดัรดาอฺ รายงานโดยนะซาอีย์ และ(ผู้เห็นพร้องกับท่านอุมัรคือ)ท่านอลี  ท่านอบูอุมามะฮ์ คอลิตบินวะลีดและท่านอื่น รายงานโดย อิบนิอบีชัยบะฮ์และคนอื่นๆ ส่วนหนึ่งจากตาบิอีนคือ อิบนุมุซัยยับ อัลฮะซัน อิกริมะฮ์ และส่วนหนึ่งจากนักวิชาการฟิกห์ คือท่าน อัสเษารีย์ อัลลัยษฺ์ มาลิก และอุลามาอฺส่วนมาก และเงื่อนไขในการดื่มนั้นคือ ต้องไม่เมา ดู นัยลุลเอาฏอร เล่ม8หน้า216

ในหนังสือฟิกห์ชีอะฮ์อิมาม 12 กล่าวยืนยันเองว่า" ข้อที่7 น้ำผลไม้และเครื่องดื่มนั้นไม่ต้องห้าม ถึงหากแม้นว่าได้กลิ่นความเมาจากมัน และมักโระห์กับการปล่อยน้ำผลไม้ครั้นทิ้งไว้และ(มักโระห์)กับการไว้ใจต่อการปรุงมัน โดยมีผู้อนุญาติ(ให้ดื่ม)มันได้ก่อนจากความแรงจะหายไปจาก 1 ใน 3 ส่วนของมัน" ดู อัลมุคตะซอ๊รอันนาฟิอฺ ฟี ฟิกฮิลอิมามียะฮ์ ของอบูลกอซิม นัจญมุดดีน ญะฟัรบินฮาซัน อัลฮิลลีย์ หน้าที่676 ตีพิมพ์ครั้งที่2 เตหะราน ฮ.ศ.1402 (แสดงว่ามีอุลามาอฺชีอะฮ์บางกลุ่มกล่าวว่าเหลือครึ่งก็ดื่มได้ แต่มักโระห์แต่ถ้าหายไป1ใน3ก็ไม่มีการขัดแย้ง)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
mutawalli

ปกป้องพัลวัน ยิ่งกว่าหมัดเมา

นะบีซ แปลเป็นภาษาไทยว่าอะไรครับคุณครูไคโร แปลว่าไวน์หรือตวากหรือกะแช่หรืออะไรดี อยากทราบ?

ชะดีด แปลว่า แรงหรือเปล่า

ไวน์แรง นี่ ไม่ใช่ดีกรีแรงหรอกหรือ

ชะรอบ แปลว่า อะไร เครื่องดื่ม หรือถุงน้ำ? ถ้าเป็นถุงน้ำทำไมอาหรับนั่นถึงเมา

ถ้าเมาเพราะดื่มน้ำ ทำไมต้องตี?

พอเรื่องไม่ถูกใจหน่อยก็บอกว่า เรื่องนี้ไม่เป็นที่รู้จัก

นักศึกษาไคโร

อ้างอิงจาก mutawalli

นะบีซ แปลเป็นภาษาไทยว่าอะไรครับคุณครูไคโร แปลว่าไวน์หรือตวากหรือกะแช่หรืออะไรดี อยากทราบ?

ตอบ

นะบีซ ตามภาษาไช่แปลว่าไวน์ แต่แปลว่าน้ำองุ่น ภาษาอังกฤษไว้น์ ถ้าหากว่าหมักจนมีความเมาเขาเรียกว่าเหล้าองุ่น แต่ตามฮุกุ่มถ้าหากน้ำองุ่น(หรืออินทผาลัม เป็นตัน)มีความแรงถึง 3ส่วนไม่อนุญาติให้ดื่มเพราะเมา แต่ถ้าหากว่าเหลือเพียงแค่1ใน3ก็อนุญาติให้ดื่มได้เพราะว่าไม่เมา เมื่อเราดูในมะวัฏเฏาะ อิหมามมาลิก เรื่อง อัลอัชริบะฮ์ ฮาดิษที่14 เราจะพบว่า ชีอะฮ์บิดพริ้วถ้อยความ

ความจริงท่านอุมัรไม่ได้สอนให้ชาวซีเรียต้มนะบีซฺ เพราะชาวซีเรียต้มเป็นอยู่แล้ว ตอนนั้นที่ซีเรียแห้งแล้งอย่างมาก และท่านอุมัรไปที่ซีเรีย ผู้คนที่นั่นจึงไม่มีอะไรจะดื่มที่หาง่ายไปกว่านะบีซฺ ท่านอุมัรจึงสั่งให้พวกเขาปรุงนะบีซฺจนกระทั้งเหลือความแรงแค่1ใน3ส่วน ซึ่งทำไม่ให้เมา แต่ถ้าเอาสิ่งที่เป็นสุราอยู่แล้วมาทำให้เหลือแค่1ใน3ส่วนนั้นไม่เป็นที่อนุญาต แต่ถ้าเป็นนะบีซฺก็ปรุงให้เหลือแค่1ใน3ส่วน

อิบนุฮะญัรได้ไว้ในฟัตฮุลบารีย์ว่า"ได้มีความเห็นพร้องกับท่านอุมัรตามฮุกุ่มดังกล่าว(คือถ้าเหลือแค่1ใน3ส่วน) คือท่านอบูมูซา อบูดัรดาอฺ รายงานโดยนะซาอีย์ และ(ผู้เห็นพร้องกับท่านอุมัรคือ)ท่านอลี อบูอุมามะฮ์ คอลิตบินวะลีดและท่านอื่น รายงานโดย อิบนิอบีชัยบะฮ์และคนอื่นๆ ส่วนหนึ่งจากตาบิอีนคือ อิบนุมุซัยยับ อัลฮะซัน อิกริมะฮ์ และส่วนหนึ่งจากนักวิชาการฟิกห์ คือท่าน อัสเษารีย์ อัลลัยษฺ์ มาลิก และอุลามาอฺส่วนมาก และเงื่อนไขในการดื่มนั้นคือ ต้องไม่เมา ดู นัยลุลเอาฏอร เล่ม8หน้า216

ในหนังสือฟิกห์ชีอะฮ์อิมามียะฮ์กล่าวว่า" ข้อที่7 น้ำผลไม้และเครื่องดื่มไม่ต้องห้าม ถึงหากแม้นว่าได้กลิ่นความเมาจากมัน และมักโระห์กับการปล่อยน้ำผลไม้ครั้นทิ้งไว้และ(มักโระห์)กับการไว้ใจต่อการปรุงมัน  โดยมีผู้อนุญาติ(ให้ดื่ม)มันได้ก่อนจากความแรงจะหายไป1ใน3ส่วนของมันดู อัลมุคตะซอ๊รอันนาฟิอฺ ฟี ฟิกฮิลอิมามียะฮ์ ของอบูลกอซิม นัจญมุดดีน ญะฟัรบินฮาซัน อัลฮิลลีย์ หน้าที่676 ตีพิมพ์ครั้งที่2 เตหะราน ฮ.ศ.1402 (แสดงว่ามีอุลามาอฺชีอะฮ์บางกลุ่มกล่าวว่าเหลือครึ่งก็ดื่มได้ แต่มักโระห์แต่ถ้าหายไป1ใน3ก็ไม่มีการขัดแย้ง)

อ้างอิงจาก mutawalli

ชะดีด แปลว่า แรงหรือเปล่า ไวน์แรง นี่ ไม่ใช่ดีกรีแรงหรอกหรือ

ตอบ

คำว่าดีกรีไม่เป็นที่รู้ในสมัยก่อน แต่สมัยก่อนเขาคิดว่าเมาหรือไม่เมา เพราะความเมานั้นถือว่านำมาเป็นฮุกุ่มสำหรับสิ่งที่ไม่ไช่เป็นสุรามาแต่เดิม เช่นน้ำองุ่นครั้นที่เอามาทำไวน์

งั้นผมถามคุณหน่อย(กรุณาตอบผมบ้างอย่าได้แต่เลี่ยง)

ในหนังสือฟิกห์ชีอะฮ์อิมามียะฮ์กล่าวว่า" ข้อที่7 น้ำผลไม้และเครื่องดื่มไม่ต้องห้าม ถึงหากแม้นว่าได้กลิ่นความเมาจากมัน และมักโระห์กับการปล่อยน้ำผลไม้ครั้นทิ้งไว้และ(มักโระห์)กับการไว้ใจต่อการปรุงมัน  โดยมีผู้อนุญาติ(ให้ดื่ม)มันได้ก่อนจากความแรงจะหายไป1ใน3ส่วนของมันดู อัลมุคตะซอ๊รอันนาฟิอฺ ฟี ฟิกฮิลอิมามียะฮ์ ของอบูลกอซิม นัจญมุดดีน ญะฟัรบินฮาซัน อัลฮิลลีย์ หน้าที่676 ตีพิมพ์ครั้งที่2 เตหะราน ฮ.ศ.1402 (แสดงว่ามีอุลามาอฺชีอะฮ์บางกลุ่มกล่าวว่าเหลือครึ่งก็ดื่มได้ แต่มักโระห์แต่ถ้าหายไป1ใน3ก็ไม่มีการขัดแย้ง)

คำว่าหายไป1ใน3นั้นคืออะไรหรือ??ความแรงหรือว่าอะไร??(ตอบผมบ้างน่ะ)

อ้างอิงจาก mutawalli

ชะรอบ แปลว่า อะไร เครื่องดื่ม หรือถุงน้ำ? ถ้าเป็นถุงน้ำทำไมอาหรับนั่นถึงเมา ถ้าเมาเพราะดื่มน้ำ ทำไมต้องตี?

ตอบ

คุณถามอย่างนี้แสดงว่าคุณไม่ได้อ่านอย่างเข้าใจเลยน่ะครับ คุยกับคุณไม่เข้าใจถ้อยความเนี่ย มันเหนื่อยครับ ในหนังสือเขาใช้ศัพท์ว่า ซะฏีหะฮ์ แปลว่าถุงน้ำดื่ม ที่เขาใช้ใส่น้ำดื่ม ถ้าหากว่าเขาจะเอาไปใส่อย่างอื่น ก็ได้นี่ครับ ไช่ว่าต้องใส่น้ำดื่มอย่างเดียว และผมก็ชี้แจงให้คุณแล้วเกี่ยวกับกรณีนี้ แต่คุณก็ยังดันมาถามอีก ถามเพื่ออะไรหรือครับ โปรดอ่านซ้ำอีกครั้งน่ะครับ

อิบนุฮะญัรได้กล่าวในฟัตตุลบารีย์ว่า "อิหม่ามชาฟิอีย์กล่าวว่า"เราได้รายงานจากท่านอุมัร ฉัน(อิบนุฮะญัร)ขอกล่าวว่า ในสายรายงานนั้น มีผู้รายงานที่มัจญฺฮูล(ไม่เป็นที่รู้จัก)ตามทรรศนะของเขา(อิหม่ามชาฟิอี) ดังนั้นจึงนำมาเป็นหลักฐานไม่ได้ ท่านบัยฮะกีย์กล่าวว่า "ท่านอิหม่ามชาฟิได้กล่าวบ่งชี้ไปยังสายรายงาน สะอี๊ดบินซีละวะฮ์ ว่า เขาได้ดื่ม(เครื่องดื่ม)จากถุงใส่น้ำของอุมัร แล้วเมา อุมัรจึงโบยเขา เขา(สะอี๊ด)กล่าวว่า "แท้จริงฉันได้ดื่มจากถุงน้ำของท่าน" อุมัรกล่าวว่า"ฉันโบยท่านเพราะ(ท่าน)เมา" สะอี๊ดผู้นี้ ท่านบุคอรีย์และคนอื่นๆกล่าวว่า" เขาไม่เป็นที่รู้จัก" ส่วนหนึ่งพวกเขา(นักฮาดิษ)กล่าวว่า เขาคือสะอี๊ดบินซีอัดดาน" นั้นผิดไม่ถูกต้อง. ดู ฟัตฮุลบารีย์ เล่ม10หน้า59 กิตาบ อัลอัชริบะฮ์

ท่านอิหม่ามบากิรกล่าวว่า"ถ้าหากมนุษย์ทั้งหมดเป็นชีอะฮ์ของฉัน แน่นอนเหลือเกินว่าสามในสี่ของพวกเขานั้นเป็นคนลังเลและหนึ่งในสี่นั้นเป็นคนโฉดเขลา" ริญาลุลกัชชีย์ หน้า79  ท่านบากิรพูดจริง เพราะว่าดูได้จากคุณมุตะวัลลีชีอะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged