ผู้เขียน หัวข้อ: วิจารณ์คำตอบเกี่ยวกับการละหมาดตัสเบียะ  (อ่าน 6984 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
อ้างจาก: "thanit"
จบจริงๆครับ ถ้านี่คือการดะวะหของท่าน ผมอนาถใจจริงๆครับ พูดเองเออเอง
ประเสริฐจริงท่านผู้รู้
..


---จบนะครับถ้าหากว่าวะฮาบีย์ยังไม่เลิกตะอัศสุบในแนวทางของตัวเองจนถึงวันนี้..คุณทานิตย์..

--คุณคงไม่รู้เลยว่า..ผู้รู้วะฮาบีย์นั้น เวลาขึ้นเวทีนั้น..เขากล่าวโจมตีทัศนะของผู้ที่ตักลีดตามอีม่ามทั้ง4จนเละเทะครับ..โดยเฉพาะนักบรรยายที่ชอบหากินกับการเขียนหนังสือนะครับ..ไม่ให้เกียรติแม้กระทั้งท่านอีม่ามชาฟีอีท่านอันนาวะวีย์ฯลฯ..ไม่ว่าใคร..ที่เดินตามทัศนะของนักปราชญ์แล้วคุณจะให้ผมให้เกียรติผู้รู้เหล่านั้นได้อย่างไร
..ผมไม่ชอบนิสัยของวะฮาบีย์บางคนที่ทำตัวเป็นผู้ใช้นิสัยเดียวกับคนมุนาฟีกีนนะครับ..

คุณมุสตะกีมก็คงรู้ดีว่า..ทัศนะวะฮาบีย์ของท่านนั้น
จะไม่รับฮาดิสที่เป็นดออีฟมาใช้..ทั้งๆที่ท่านผู้รู้อย่างท่านอิบนุหะญัร..ท่านอีหม่ามนาวาวีย์(รฮ)ซึ่งเป็นอุลามะที่โลกให้การยอมรับ..มาก่อนหน้านี้..

แล้วตรงไหนละที่ท่านเห็นว่าผมพูดแล้วคุณรับไม่ได้....
ทั้งที่ผมพูดนี้เป็นความจริง100เปอร์เซ้นต์..ไม่มีหมกเม็ดแต่อย่างใด..

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
ดังนั้น..สิ่งใดที่คุณมุสตะกีมข้องใจ ก็สามารถคุยหรือถามกับกระผมได้ครับ

และทางที่ดีเราน่าจะคุยกันเป็นประเด็นๆเลยครับ..

โดยเฉพาะปัญหาคีลาฟเรื่องฮาดิสแต่ละทัศนะของผู้รู้นั้นนะครับ..

จะทำให้การ..สนทนาของเราดูต่อเนื่องครับ..และหากว่าผมไม่อยู่ ทางผมก็จะให้ทางคุณลายเคง..คุณนุรุ้ลอิสลาม...คุณอัลอัชฮารีย์...คุณมุฮำมัดช่วยตอบให้พลางๆก่อนครับ ..
คุณเองนั้น..ก็จะได้รับความรู้จากทัศนะที่ถูกต้องจากเราบ้าง.


อิงชาอัลอฮ์...ผมว่าคุณทั้ง2คงเข้าใจในเจตคติของผมนะครับ

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
พี่น้องครับ..เป็นที่รู้ว่า

ชาววะฮาบียะหรือผู้ที่ตามทัศนะวะฮาบีย์นั้น เขาจะไม่ยอมรับความรู้ของคนที่มีความรู้แล้วไปขัดแย้งกับทัศนะของตน...

เช่น..ที่เราสามารถจะพบได้ว่า..มีผู้เฒ่าท่านหนึ่งที่เป็นชาววะฮาบียะซึ่งมีเวปอัสซุนนะ..นามว่า โตะตูวอ..ฮะซานะ.เท่าที่เคยถกประเด็นกันหลายๆครั้ง .เราสังเกตุพบว่า......สิ่งที่เขานำคำพูดของอุลามะคนหนึ่งคนใดมาอ้างอิงนั้น..เขาเพียงแต่ยกถึงคำพูดที่สอดคล้องกับทัศนะของตน เช่น ..

-ถ้าในเรื่อง บิดอะต่างๆนั้น อ้างถึง ท่านอัลชาฏิบี ..ซึ่งท่านผู้นี้อยู่ในมัสหับชาฟีอี และยอมรับหลักอากีดะแบบอาชาอีเราะ
-ถ้าเรื่อง      เมาลิดอ้าง..เชคบิมบาส..
-ถ้าเรื่องอูซอลลี และเมาลิด อ้างอีหม่ามนาวาวีย์ทำบิดอะว่าทำไม่ได้ แต่โจมตีท่านอีหม่ามนาวาวีย์
-ถ้าเรื่อง      เรื่องกูนุตละหมาดซุบฮิ อ้างท่านอัลบานีย์..
-ถ้าเรื่อง      สั งกัดมัสหับอ้างอัลมะซุมีย์...ซึ่งท่านเองยอมรับเรื่องมัสหับและยอมรับการอ่านกรอ่านที่เหนียตให้กับผู้ตาย
-ถ้าเรื่องอากีดะอ้าง  อิบนุตัยมียะ..ซึ่งท่านเองยอมรับเรื่องมัสหับและยอมรับการอ่านกรอ่านที่เหนียตให้กับผู้ตาย
-ถ้าเรื่องยกมือ ละหมาดหลังฟรัดู5เวลา อ้างท่านอีหม่ามนาวาวีย์ ไม่เห็นด้วย ทั้งที่ท่านเองนั้นตักลีดตามมัสหับชาฟีอี
-ฯลฯ..หลายๆเรื่อง ที่ชายคนนี้ มักจะนำสิ่งที่มันสอดคล้องกับทัศนะของตัวเองมาอ้าง..ทั้งๆที่ผู้ถูกอ้างไม่ได้รับรู้ด้วยเลย

ถ้าพูดถึงบิดอะแล้ว..ท่านผู้นี้กล้าสวนทางกับสิ่งที่ท่านอุมัรพูด.โดยที่เขาจะไม่ยอมรับสิ่งที่ ซอฮาบะอุมัร(รด)พูดและผู้ที่ตามท่านอุมัร(รด)แต่กลับเฉไฉและกล้าเปลี่ยนความหมายเนื่อหาที่ท่านอุมัร(รด)หมายถึง..การรวมละมาดตารอเวียะเป็นญุมอัตที่มี20 รอกาอัต..โดยท่านสั่งใช้ให้ผู้คนในสมัยนั้นกระทำกันและซอฮาบะท่านอื่นก็เห็นด้วยและบฏิบัติต่อๆกันมา...ท่านบอกในการกระทำของท่านต่อท่านกะอับ(รด)ทราบว่า....นี่คือบิดอะที่ดี..แต่วะฮาบียะบางคนบอกว่า..มันแปลเป็นการฟื้นฟูที่ดี...เป็นงั้นไป เพราะอะไรเล่า ถ้าไม่ใช่การไม่ยอมรับในนคำพูดที่มันขัดกับแนวทางของตนเอง ที่ต่อต้านคำว่า บิดอะที่ดีอย่าง
ตาบอด..

...ส่วนใครจะถูกหรือผิดนั้นผมไม่รู้..

แต่ถ้าใช้สติและสมองที่อัลลออ์(ซบ)ให้มาแล้วนั้นผมขอฟันธงว่า ทัศนะของวะฮาบีย์นั้นเข้าใจบิดเบือนแบบจงใจ

ข้อเปรียบเทียบ..

...คำพูดนี้เป็นคำพูดของ..ท่านอุมัร(รด) และบรรดาซอฮาบะที่หลังจากท่านก็ไม่มีใครคัดค้านถึงการกระทำเช่นนี้ หมายถึงการยอมรับในการกระทำของท่าน..แม้ว่าไม่มีแบบอย่างนี้ในสมัยท่านนบีก็ตาม..
ดังนั้นซอฮาบะที่หลังจากท่านเป็นแสนๆคนนั้น ต้องเข้าใจความหมาย..อย่าง
น้อยท่านอบูดาวุด และท่านอื่นที่บันทึกรายงานนั้นย่อมจะเข้าใจมากว่าท่านอื่นๆอย่างแนนอน..

ท่านอิหม่าม.ฮานะฟี(รฮ)และท่านอีหม่ามมาลีกี(รฮ)ก็ไม่ปฏิเสธในเรื่องนี้
ส่วน.ท่านอีหม่ามชาฟีอี.บุคคลหนึ่งที่อยู่ในศตวรรษที่2ที่ท่านนบีกล่าวถึงความประเสริฐ(รฮ)ก็ย่อมเข้าใจการกกระทำของท่านอุมัรเช่นนกัน.
ในฐานนะที่ท่านเป็นนักวิชาการท่านจึงสรุป.ได้ว่า ..บิดอะนั้นต้องมี2อย่างแนนอน..
แม้ว่า ท่านอัล-ชาติบี(รฮ)จะมีความคิดแตกต่างเรื่องบิดอะจากท่านอ.ชาฟีอีก็ตามแต่ท่านคือ .1ในผู้สังกะดมัสหับชาฟีอี(รฮ)
เช่นกัน..แต่ท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธทุกเรื่องเหมือนชาววะฮาบียะปัจจุบัน.ที่มักกล่าวว่า ทุกบิดอะคือการหลงผิด ..(ฮาดิสที่อุลามะนักฮาดิสจัดว่าเป็นแค่ร
ะดับฮะซันเท่านั้น)แต่วะฮาบียะมักพูดมันบ่อย

เมื่อเป็นเช่นนี้..

ความน่าเชื่อถือ..ระหว่างนักวิชาการสมัยหลังๆนั้นหรือจะเทียบความรู้นักวิชาการคนก่อนที่แน่นไปด้วยความรู้ที่ถูกต้องและกลั่นกรองมาอย่างดี..

...บางครั้งการตะอัศสุบของนักวิชาการรุ่นหลังนั้น ทำให้เขาพลาดความรู้ที่บริสุทธิ์นี้ไปอย่างน่าเสียดาย..เพราะเขาไมเปิดใจ..ทีจะรับมันไว้นั้นเอง..
 
ฉนั้น
ถ้าจะเปรียบเทียบถึงระดับความรู้ระหว่าง อุลามะชาอีฟียะกับอุลามะวะฮาบียะแล้วเทียบกันไม่ติดเลย
..
เช่น ท่านผู้รู้อย่างท่านอิบนุหะญัร..ท่านอีหม่ามนาวาวีย์(รฮ)ซึ่งเป็นอุลามะที่นักปราชญ์ทั่วโลกรู้จักผลงานและให้การยอมรับ..มาก่อนหน้านี้...นั้น..ท่านเห็นว่า ฮดีสดออีฟนั้นดีกว่า..สิ่งแวดล้อมต่างในการที่จะนำมันมาตัดสินหรือพิสูจน์ในความถูกต้องและความน่าจะเป็นไปได้ ..

แล้ววะฮาบียะรุ่นหลังๆมีท่านใดบ้างที่เข้าใจฮาดิสได้ดีกว่าบรรดาลูกศิษย์ของท่านอีหม่ามชาฟีอี(รฮ)ข้างบนที่ผมยกมาแล้ว

ท่านอัลบานีย์..หรือว่า เชคบิมบาส..เทียบกันไม่ได้เลยกับ..ท่านอีหม่ามซอซาลี และอีหม่ามนาวาวีย์ฯลฯ

แล้ว..ใครละน่าจะได้รับความไว้วางใจมากกว่า...ระหว่างทัศนะที่มีมาเกือบพันปีกับทัศนะใหม่ที่มีมาแค่200-300ปี.ในยุคหลังๆใกล้กียามะฮ์...
 

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ความตะอัศศุบ  คิดว่าตนเองถูกเสมอ  มันเป็นโรคที่ยากแก่การเยียวยาครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ silahulhaq

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 52
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
คุณ al-azhary

อ้างถึง
ความตะอัศศุบ  คิดว่าตนเองถูกเสมอ  มันเป็นโรคที่ยากแก่การเยียวยาครับ

คุณหมายถึงใครรึครับ  คุณมีลักษณะแบบนั้นด้วยรึป่าวครับ เพราะเท่าที่ผมสังเกตุคุณก็ไม่ได้ยอมรับของคนอื่นที่แตกจากของคุณเช่นเดียวกัน ใช่หรือป่าวครับ  งง งง งง??? ??? ???

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
คุณ al-azhary

อ้างถึง
ความตะอัศศุบ  คิดว่าตนเองถูกเสมอ  มันเป็นโรคที่ยากแก่การเยียวยาครับ

คุณหมายถึงใครรึครับ  คุณมีลักษณะแบบนั้นด้วยรึป่าวครับ เพราะเท่าที่ผมสังเกตุคุณก็ไม่ได้ยอมรับของคนอื่นที่แตกจากของคุณเช่นเดียวกัน ใช่หรือป่าวครับ  งง งง งง??? ??? ???

อย่าเพิ่ง งง ครับ  เรื่องประเด็นข้อปลีกย่อย  เราให้เกียรติทัศนะของปวงปราชญ์  แต่เราไม่เห็นด้วยกับผู้ยึดทัศนะของตนเองแล้วไปโจมตีฝ่ายอื่น  ส่วนประเด็นเรื่องอะกีดะฮ์เกี่ยวกับซีฟัตของอัลเลาะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบีย์นั้น  เราคงจะผ่อนปรนกันไม่ได้นะครับ  ต้องชี้แจงให้ถึงที่สุด  เพื่อให้รู้สึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอะกีดะฮ์ซีฟัตของอัลเลาะฮ์ของกลุ่มวะฮาบีย์ 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ silahulhaq

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 52
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
เรื่องประเด็นข้อปลีกย่อย  เราให้เกียรติทัศนะของปวงปราชญ์  แต่เราไม่เห็นด้วยกับผู้ยึดทัศนะของตนเองแล้วไปโจมตีฝ่ายอื่น  ส่วนประเด็นเรื่องอะกีดะฮ์เกี่ยวกับซีฟัตของอัลเลาะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบีย์นั้น  เราคงจะผ่อนปรนกันไม่ได้นะครับ  ต้องชี้แจงให้ถึงที่สุด  เพื่อให้รู้สึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอะกีดะฮ์ซีฟัตของอัลเลาะฮ์ของกลุ่มวะฮาบีย์ 

อ้างถึง
เราให้เกียรติทัศนะของปวงปราชญ์
แล้วอีกฝ่ายหนึ่งเขาไม่ได้ยึดแนวทางของปวงปราชญ์หรือครับหรือคนที่เขายึดไม่ใช่ปวงปราชญ์จริง หรือว่าปราชญ์คือเฉพาะคนที่คุณยอมรับเท่านั้น

อ้างถึง
เรื่องประเด็นข้อปลีกย่อย  เราให้เกียรติทัศนะของปวงปราชญ์ แต่เราไม่เห็นด้วยกับผู้ยึดทัศนะของตนเองแล้วไปโจมตีฝ่ายอื่น
จริงหรือครับ แต่เห็นหลายกระทู้ก็ประนามเขาเหมือนกันไม่ใหรือครับ

อ้างถึง
ส่วนประเด็นเรื่องอะกีดะฮ์เกี่ยวกับซีฟัตของอัลเลาะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบีย์นั้น  เราคงจะผ่อนปรนกันไม่ได้นะครับ
ความเชื่อของพวกเขาผิดหรือครับ ผิดยังไง ใครเป็นบอกว่าผิดครับ แล้วความเชื่อของคุณถูกหรือครับ ถูกยังไงและใครรับรองครับ 

อืม คุณเป็นมุจตะฮิตหรือครับ หรือ ปราชญ์ที่สามารถตัดสินปัญหาได้ ที่ตัดสินเขาเช่นนั้น และสิ่งที่คุณกล่าวหาเขานั้น คุณเข้าถึงข้อมูลปฐมภูมิ หรือไม่ หรือ คุณเอาข้อมูลระดับทุติยภูมิหรือตะติยะภูมิมาอีกทีนึงครับ

อยากให้ตอบทุกคำถาม เพื่อจะได้ประเมินดูว่าควรเชื่อในสิ่งที่คุณนำเสนอหรือ ขอบคุณครับ


ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

แล้วอีกฝ่ายหนึ่งเขาไม่ได้ยึดแนวทางของปวงปราชญ์หรือครับหรือคนที่เขายึดไม่ใช่ปวงปราชญ์จริง หรือว่าปราชญ์คือเฉพาะคนที่คุณยอมรับเท่านั้น
ทัศนะของนักปราชญ์ที่เขายึด  เราให้เกียรติ  แต่การที่เขาเอาทัศนะของปวงปราชญ์มาโจมตีฝ่ายอื่นทำบิดอะฮ์ ลุ่มหลง  เช่นเรื่องกุนูต  ทัศนะของอิมามชาฟิอีย์และอิมามมาลิก ถือว่าเป็นสุนัต  ส่วนทัศนะของอิมามอบูหะนีฟะฮ์และอิมามอะหฺมัด ถือว่าไม่เป็นสุนัต  ซึ่งทั้งหมดนี้  เราให้เกียรติในทัศนะของพวกเขา  และผู้ใดที่ยึดทัศนะของพวกเขา  ก็ย่อมไม่ใช่ปัญหา  แต่!  พฤติกรรมที่เขาทำอยู่ก็คือ  การเอาทัศนะหรือสิ่งที่ตนเองเห็นว่ามีน้ำหนักในเรื่องกุนูตมาโจมตีกล่าวหาว่าผู้อ่านกุนูตนั้น   เป็นบิดอะฮ์   ไม่ใช่ทำตามซุนนะฮ์ของท่านนบี  เป็นต้น  และพฤติกรรมดังกล่าวนี้ต่างหาก  ที่เราไม่เห็นด้วย

จริงหรือครับ แต่เห็นหลายกระทู้ก็ประนามเขาเหมือนกันไม่ใหรือครับ
ที่ไม่เห็นด้วย  เพราะเขาเอาทัศนะที่ตนเองพอใจ  มาโจมตีทัศนะอื่นต่างหาก  ซึ่งพฤติกรรมอย่างนี้  ไม่ใช่คุณธรรมของสะละฟุศศอลิหฺ  โปรดแยกแยะประเด็นด้วย

ความเชื่อของพวกเขาผิดหรือครับ ผิดยังไง ใครเป็นบอกว่าผิดครับ แล้วความเชื่อของคุณถูกหรือครับ ถูกยังไงและใครรับรองครับ
ความเชื่อของวะฮาบีย์ในเรื่องซีฟัตของอัลเลาะฮ์นั้น  ผิด  ยิ่งกว่านั้น  ยังเป็นบิดอะฮ์  และความเชื่อของเราอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  นักปราชญ์ส่วนมากในทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่อดีตในปัจจุบันให้การรับรองว่ามันเป็นหลักการที่มาจากอัลกุรอาน , ซุนนะฮ์ , และเป็นแนวทางของสะละฟุศศอลิหฺ

อืม คุณเป็นมุจตะฮิตหรือครับ หรือ ปราชญ์ที่สามารถตัดสินปัญหาได้ ที่ตัดสินเขาเช่นนั้น
ระดับความรู้ที่อัลเลาะฮ์ทรงให้กับเรา  ก็คงเท่าที่สามารถปกป้องอะกีดะฮ์บิดอะฮ์ที่กลุ่มวะฮาบีย์เมืองไทยพยายามเผยแพร่ในปัจจุบัน  อินชาอัลเลาะฮ์

และสิ่งที่คุณกล่าวหาเขานั้น คุณเข้าถึงข้อมูลปฐมภูมิ หรือไม่ หรือ คุณเอาข้อมูลระดับทุติยภูมิหรือตะติยะภูมิมาอีกทีนึงครับ
ระดับข้อมูล  ก็คงเฉกเช่นที่วะฮาบีย์เมืองไทยเขาใช้กันนั่นแหละครับ  วะฮาบีย์เมืองไทยใช้ระดับใหน  เราก็ระดับนั้น

อยากให้ตอบทุกคำถาม เพื่อจะได้ประเมินดูว่าควรเชื่อในสิ่งที่คุณนำเสนอหรือ ขอบคุณครับ
เราตอบคำถาม  ไม่ใช่เพื่อให้คุณประเมินครับ  โปรดพิจารณาในสิ่งที่นำเสนอ  อย่าพิจารณาในตัวผู้นำเสนอ  วัสลาม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
เรียน คุณ silahulhaq

คนกลุ่มที่ คุณ Al-azhary ว่านั้นมีอยู่จริงครับ

ผมฟังบรรยาย มาหลายที่

ผู้รู้บางท่าน ใช้ทรรศนะตัวเอง ฟัตวา บางเรื่องที่ไม่เป็นที่ให้อภัยได้

เช่น  สูบบุหรี่ ฮารอม โทษของมันเท่ากับการ "ซินา"

เช่น ใครยกมือขอดุอา แล้วลูบหน้า เป็นบิดอะ และทุกๆ บิดอะ เป็นสิ่งที่เลว ใครทำบิดอะประตูนรกจะเปิดรับเขา

เช่น เรื่องการจัดงานบุญนั้น เป็นบิดอะ เนื่องจากมีการเดินปะปนชายหญิง (ทั้งๆ ที่ ผู้รู้ซาอุอนุโลม แต่เขาฟัตวาเองว่า บิดอะ เฉยๆ ซะงั้น)

เช่น การที่ผู้รู้บางท่านยกฮะดีสดออีฟ และหะสัน  กลับถูกมองและกล่าวหาว่า ไม่ใช่ซุนนะ

เช่น การไม่เข้าเดือน ตามทรรศนะตนเอง บุคคลนั้นไม่ใช่ซุนนะ

เช่น การเห็นว่า การไว้เคราไม่ใช่วายิบ บุคคลนั้น ไม่ใช่มุสลิม

เช่น บุคคลที่พูดจา กวนทีน เขามากๆ จะกลายเป็นสุนัข และเป็นชัยฏอน ในที่สุด

เช่น การชี้หน้าญาติผู้ที่อาวุโสกว่า อย่างชนิดไม่มีความเคารพ

เช่น การกล่าวหา ว่า ท่านอิหม่าม ใน 4 มัซฮับ เรื่องฟิกบางเรื่องผิด และตนเองถูกต้องกว่า

เช่น การไม่เข้าเดือนตามจุฬา เพราะจุฬาไม่น่าเชื่อถือ (ไม่ใช่เพราะจุฬาไม่มีความรู้แต่อย่างได้ และทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง)

......ยกตัวอย่าง อาจารย์บางท่าน พูดออกมาจากปากว่า ไม่มีความรู้ด้านนั้นเลย แต่ไม่ตามจุฬา โดยอ้างว่า จุฬาไม่น่าเชื่อถือ

......ดังนั้นจึง ตามทรรศนะตนเอง ทั้งๆ ที่ตนเองก็บอกอยู่ว่า ไม่มีความรู้  อันนี้ยิงฟังเขาพูดก็ยิงงง

เป็นต้น


ท่านผู้รู้ที่กระทำเช่นนี้ มีอยู่ทุกหนแห่ง บางท่านเรารู้จักกันดีครับ...
มีเยอะเลยแต่ขี้เกียจพิมอะ

วัสลาม นอนดีฟ่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 30, 2006, 06:03 AM โดย Goddut »

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป


 ดังนั้น

ผมถือว่าเป็นการกระทำของบังหะสันที่ชอบวิจารณ์การกระทำของพี่น้องมุสลิมที่ต่างกับทัศนะตนเองนั้น เป็นสื่งไม่ถูกต้อง

ของคนที่มีความรู้ที่มีอคติ ต่อผู้มีทัศนะในมัสหับทั้ง4 โดยเฉพาะ..คนที่มีความตะอัสสุบในทัศนะของตนว่า..

ถุกต้องกว่าทัศนะอื่น

พี่น้องทุกท่านครับ

มีอีกครั้งหนึ่งที่ผมอ่านเจอในเวปมุสลิม(ไม่ขอเอ่ยนาม) เกี่ยวกับ ที่มีคำถามหนึ่งที่มีผู้ถามว่า (ซึ่งผู้ถามไม่ได้เจาะจงว่าใครตอบ)[/color]

คนมุสลิมที่ไม่มีความรู้ต้องมีทัศนะหรือไม่..

ซึ่งบังหะสันเข้ามาตอบพร้อมยกหลักฐาน.

.จากอุลามะในสายของตนเองว่าไม่จำเป็นในเรื่องนี้..พร้อม  ยกกล่าวอ้างอิง..ถึงสิ่งอีหม่ามทั้ง
4 มัสหับได้กล่าวว่า... ไม่อนุญาตให้ตามท่านเหล่านั้น..



พี่น้องครับ

ที่ผมยกมานี้..เพียงจะสื่อว่า..ถึงการตอบปัญหาของบังหะสัน..แบบข้ามาคนเดียวจบ.. นั้นมัน เป็นการไม่

สมควรจะมีสำหรับผู้รู้อย่างนี้....ที่เอาแค่ความรู้จากทัศนะของตัวเองมาตอบเพื่อตัดสินสิ่งที่เป็นคีละฟียะ.ของบรรดาอุลามะที่

เขาพยายาม อิจติญาดในบางปัญหาที่ไม่มีหลักฐานชัดแจ้งจากกีตาบุลลออ์และซุนนะนบี..

ดังนั้น..จะเห็นได้ว่า..เมื่อบังหะสันมีอะกีดะที่ผิดพลาดในความเข้าใจต่อคุณลักษณะของอัลลอฮ์แล้ว อิบาดัตต่างในรูปแบบ

ของชารีอัตก็ย่อมมีผลต่อการกระทำด้วย..

และการที่บังหะสันยกหลักฐานมาอ้างในแนวความเชื่อต่างๆไม่ว่า ด้านอะกีดะ ด้านฟิกฮ์  ด้านอิคลาส นั้นล้วนเอาหลักฐาน

จากผู้รู้ที่อยู่ทัศนะเดียวกับตนทั้งสิ้น..เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็พอจะวิจารณ์บังหะสันได้ว่า


อะกีดะบังหะสันไม่เหมือนกับอะกีดะของชนรุ่นก่อนในอดีต..

การปฏิบัติอ้ามัลอีบาดะในฮุกมชาเราะนั้นก็มาจากทัศนะของที่มีที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

การอิคลาสใจต่ออัลลอฮ์ก็ย่อมที่จะผิดพลาดไปด้วย เพราะวะฮาบีย์นั้นมีการศัรทธาแบบพวกมุตะซีละที่ชอบยึดและมุ่งเน้นด้านชารีอัตของท่านนบีมากกว่าฮะกีกัตของอัลลอฮ์?..

ดังนั้นคำพูดของอุลามะรุ่นก่อนจึงมีความหมายมาจนทุกวันนี้ว่า..

[color=beige]....ผู้ใดที่ไม่มีครูเป็นทางนำ แท้จริง เขานั้นเอาชัยตอนเป็นทางนำ..

.....การงานหรืออีบาดัตต่ออัลลออ์จะเสียหาย  ตราบใดที่ท่านมีอะกีดะที่ผิดพลาดมาแต่ต้นแล้ว..

....เอี๊ยะติกอดนั้นอยู่เหนือการกระทำเสมอ...[/

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
บังคนอยากรู้ครับ  บางครั้งเราต้องค่อย ๆ สอนเขาน่ะครับ  ;D

ออฟไลน์ คนอยากรู้

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 621
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salam
กลับมาวิจารณ์หลักฐานที่บังฮาซันนำมาอ้างอิงต่อกันครับ เรื่องการละหมาดตัสเบียะซึ่งที่แท้จริงบังฮาซันก็ตักลีดตามท่านอุษัยมีนนั้นเอง

หะดิษเกี่ยวกับละหมาดตัสเบียะ เป็นหะดิษเฎาะอีฟ

وأما صلاة التسبيح فالصواب أنها ليست بسنة بل هي بدعة، والحديث الذي ذكرت عنها في سؤالك غير صحيح، قال الإمام أحمد ? رحمه الله -‏#8207; لا تعجبني صلاة التسبيح، قيل لم‏؟‏ قال‏#8207; ليس فيها شيء يصح، ونفض يده كالمنكر، وقال النووي‏#8207; حديثها ضعيف، وفيها تغيير لنظم الصلاة المعروفة، وقال العقيلي‏#8207; ليس فيها حديث يثبت، وقال أبو بكر ابن العربي‏#8207; ليس فيها حديث صحيح ولا حسن،

และสำหรับการละหมาดตัสเบียะนั้น ที่ถูกต้อง มันไม่ใช่สุนนะฮ แต่ทว่า มันเป็นบิดอะฮ และหะดิษที่ท่านได้ระบุในคำถามของท่าน นั้น ไม่เศาะเฮียะ อิหม่ามอะหมัด ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน ได้กล่าวว่า "การละหมาดตัสเบียะ ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าภูมิใจ " มีผู้ถามว่า "ทำไมหรือ? ท่านกล่าวว่า "ในนั้นไม่มีหะดิษเศาะเฮียะเลย และท่านได้สะบัดมือของท่าน เหมือนกับว่า มันเป็นสิ่งต้องห้าม และอิหม่ามนะวาวีย์ กล่าวว่า หะดิษของมัน เฎาะอีฟ และในนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงระเบียบการละหมาดที่เป็นที่รู้กัน และอัลอะกีลีย์กล่าวว่า ในมัน(ละหมาดตัสเบียะ) ไม่มีหะดิษที่มั่นคง และอบูบักร อิบนุอะเราบีย์ กล่าวว่า " ในมัน ไม่มีหะดิษเศาะเฮียะ และไม่มีหะดิษหะซัน
..........
ฟะตะวา อิบนุอุษัยมีน เล่ม 14

บังฮาซันกล่าวว่า      ง และสำหรับการละหมาดตัสเบียะนั้น ที่ถูกต้อง มันไม่ใช่สุนนะฮ แต่ทว่า มันเป็นบิดอะ

ก่อนอื่นผมใครนำหลักฐานเพื่อชี้แจงในสิ่งที่บังฮาซันได้วิจารร์เกี่ยวกับฮาดิสการละหมาดตัสบีห์ที่บังฮาซันได้ตะอัสศสุบในสายรายงานของบังฮซันที่ไมรอบคอบในการนำหลักฐานมาอ้างอิง

จริงๆแล้ว]ฮะดิษที่กล่าวถึงการละหมาดตัสบีห์นั้น  ผู้ที่ได้รายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็คือท่านอิบนุอับบาส , ท่านอัลฟัฏล์ บิน อัลอับบาส , ท่านอับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบ , ท่านอะลี บิน อบีฏอลิบ , ท่านญะฟัร บิน อะบีฏอลิบ , ท่านอัลอับบาส บิน ญะฟัร , ท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ , ชาวอัลอันซอรีย์คนหนึ่ง  ขออัลเลาะฮ์ทรงพึงพอพระทัยต่อพวกเขาด้วยเถิด . และได้รายงานฮะดิษแบบมัรซัล  โดยท่านมุฮัมมัด บิน กะอับอัลกุรซีย์ , อะบูเญาซาอฺ , มุญาฮิด , อิสมาอีล บิน ร่อฟิอฺ , อุรวะฮ์ บิน รุวัยม์  และที่ดีที่สุดจากบรรดาสายรายงานเหล่านี้  คือฮะดิษที่รายงานโดยท่านอิบนุอับบาส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา

และให้กับฮะดิษของท่านอิบนุอับบาสนั้น  มีบรรดาสายรายงานมากมาย  ซึ่งสายรายงานที่ดีที่สุดก็คือ  ฮะดิษที่รายงานโดยท่านอะบูดาวูด (สุนันอะบูดาวูด : 2/40) , ท่านอิบนุมาญะฮ์ (สุนันอิบนุมาญะฮ์ : 1/443) , ท่านอิบนุคุซัยมะฮ์ (ซอฮิห์อิบนุคุซัยมะฮ์ : 2/223) , ท่านอัลฮากิม (อัลมุสตัดร็อก : 1/318) , ท่านอัลบัยฮะกีย์ (อัสสุนันอัลกุบรอ : 3/51) , และผู้อื่นจากพวกเขา  ได้รายงานตัวบทฮะดิษความว่า :

‏حَدَّثَنَا ‏ ‏عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ بِشْرِ بْنِ الْحَكَمِ النَّيْسَابُورِيُّ ‏ ‏حَدَّثَنَا ‏ ‏مُوسَى بْنُ عَبْدِ الْعَزِيزِ ‏ ‏حَدَّثَنَا ‏ ‏الْحَكَمُ بْنُ أَبَانَ ‏ ‏عَنْ ‏ ‏عِكْرِمَةَ ‏ ‏عَنْ ‏ ‏ابْنِ عَبَّاس ٍ‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏قَالَ ‏ ‏لِلْعَبَّاسِ بْنِ عَبْدِ الْمُطَّلِبِ ‏ ‏يَا ‏ ‏عَبَّاسُ ‏ ‏يَا عَمَّاهُ أَلَا أُعْطِيكَ أَلَا أَمْنَحُكَ أَلَا ‏ ‏أَحْبُوكَ ‏ ‏أَلَا أَفْعَلُ بِكَ عَشْرَ خِصَالٍ إِذَا أَنْتَ فَعَلْتَ ذَلِكَ غَفَرَ اللَّهُ لَكَ ذَنْبَكَ أَوَّلَهُ وَآخِرَهُ قَدِيمَهُ وَحَدِيثَهُ خَطَأَهُ وَعَمْدَهُ صَغِيرَهُ وَكَبِيرَهُ سِرَّهُ وَعَلَانِيَتَهُ عَشْرَ خِصَالٍ أَنْ ‏ ‏تُصَلِّيَ أَرْبَعَ رَكَعَاتٍ تَقْرَأُ فِي كُلِّ رَكْعَةٍ ‏ ‏فَاتِحَةَ الْكِتَابِ ‏ ‏وَسُورَةً فَإِذَا فَرَغْتَ مِنْ الْقِرَاءَةِ فِي أَوَّلِ رَكْعَةٍ وَأَنْتَ قَائِمٌ قُلْتَ سُبْحَانَ اللَّهِ وَالْحَمْدُ لِلَّهِ وَلَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَاللَّهُ أَكْبَرُ خَمْسَ عَشْرَةَ مَرَّةً ثُمَّ تَرْكَعُ فَتَقُولُهَا وَأَنْتَ رَاكِعٌ عَشْرًا ثُمَّ تَرْفَعُ رَأْسَكَ مِنْ الرُّكُوعِ فَتَقُولُهَا عَشْرًا ثُمَّ تَهْوِي سَاجِدًا فَتَقُولُهَا وَأَنْتَ سَاجِدٌ عَشْرًا ثُمَّ تَرْفَعُ رَأْسَكَ مِنْ السُّجُودِ فَتَقُولُهَا عَشْرًا ثُمَّ تَسْجُدُ فَتَقُولُهَا عَشْرًا ثُمَّ تَرْفَعُ رَأْسَكَ فَتَقُولُهَا عَشْرًا فَذَلِكَ خَمْسٌ وَسَبْعُونَ فِي كُلِّ رَكْعَةٍ تَفْعَلُ ذَلِكَ فِي أَرْبَعِ رَكَعَاتٍ إِنْ اسْتَطَعْتَ أَنْ تُصَلِّيَهَا فِي كُلِّ يَوْمٍ مَرَّةً فَافْعَلْ فَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَفِي كُلِّ جُمُعَةٍ مَرَّةً فَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَفِي كُلِّ شَهْرٍ مَرَّةً فَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَفِي كُلِّ سَنَةٍ مَرَّةً فَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَفِي عُمُرِكَ مَرَّةً

"ได้เล่าให้เราทราบโดย  อับดุรเราะห์มาน  บิน  บิชร์  บิน  อัลฮะกัม  อันนัยซาบูรีย์  ได้เล่าให้ทราบโดย  มูซา  บิน  อับดุลอะซีซ  ได้เล่าให้ทราบโดย  อัลฮะกัม  บิน  อะบาน  จาก  อิกริมะฮ์  จากท่านอิบนุอับบาส  ว่า  “แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวแก่ท่านอัลอับบาส  บิน  อับดิลมุฏฏอลิบ  ว่า  โอ้  ท่านอับบาส  โอ้  น้าชายของฉัน  จะให้ฉันมอบให้กับท่านหรือไม่?  จะให้ฉันทำให้กับท่านหรือไม่?  กับ 10 ประการ  เมื่อท่านได้กระทำสิ่งดังกล่าว  อัลเลาะฮ์ก็จะอภัยโทษแก่ท่านซึ่ง(1)บาปในช่วงแรกและ(2)ช่วงสุดท้าย  (3)บาปที่ล่วงผ่านมาแล้วและ(4)บาปที่เพิ่งเกิดขึ้น  (5)บาปที่ผิดพลาดและ(6)บาปที่เจตนา  (7)เป็นบาปเล็กและ(8.)บาปใหญ่  (9)เป็นบาปซ่อนเร้นและ(10)บาปที่เปิดเผย  คือให้ท่านทำการละหมาดสี่ร่อกะอัต  ซึ่งในร่อกะอัตแรกให้ท่านอ่านอัลฟาติฮะฮ์และหนึ่งซูเราะฮ์  เมื่อเสร็จจากการอ่านในร่อกะอัตแรกในสภาพที่ท่านยืนอยู่นั้น  ก็ให้ท่านกล่าว  ซุบฮานัลลอฮ์วัลฮัมดุลิลลาฮ์วะลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์วัลลอฮุอักบัร  ให้กล่าวมัน  15  ครั้ง  หลังจากนั้นให้ท่านทำการร่อกั๊วะแล้วทำการกล่าวมัน  10  ครั้ง  หลังจากนั้นเมื่อท่านเงยศีรษะจากร่อกั๊วะ  ก็ให้ท่านกล่าวมัน  10  ครั้ง  หลังจากนั้นเมื่อท่านก้มสุยูด  ก็ให้ท่านกล่าวมัน  10  ครั้ง  หลังจากนั้นเมื่อท่านเงยศีรษะจากสุยูด  ก็ให้ท่านกล่าวมัน  10  ครั้ง  หลังจากนั้นให้ท่านทำการสุยูดแล้วกล่าวมัน  10  ครั้ง  หลังจากนั้นเมื่อท่านเงยศีรษะจากสุยูด  ก็ให้กล่าวมัน  10  ครั้ง  ดังกล่าวก็เป็น  75  ครั้งในทุก ๆ ร่อกะอัต  โดยให้ท่านกระทำสิ่งดังกล่าวใน  4  ร่อกะอัต  ดังนั้นหากท่านมีความสามารถที่จะละหมาดมันทุกวัน  ก็จงกระทำเถิด  และหากท่านไม่สามารถกระทำได้  ก็ให้ท่านกระทำในทุก ๆ วันศุกร์สักหนึ่งครั้ง  และหากท่านไม่สามารถกระทำได้  ก็ให้กระทำทุก ๆ หนึ่งเดือนสักหนึ่งครั้ง  และหากท่านไม่สามารถกระทำได้  ก็ให้กระทำทุก ๆ หนึ่งปีสักหนึ่งครั้ง  และหากท่านไม่มีความสามารถ  ก็ให้กระทำสัก
ครั้งหนึ่งในชีวิตของท่าน”

  บังฮาซันนำหลักฐานของท่านอะหมัดแบบหมกเม็ดด้วยสายงานที่บังฮาซันพอใจแต่ในขณะที่ท่านอะหมัดเองอีกสายรายงานหนึ่งท่านก็ยอมรับในหลักฐานดังกล่าวทำไมบังฮาซันจึงเลือกรายงานในทัศนะที่ตนพอใจโดยละทิ้งสิ่งที่ตนไม่พอใจ ซึ่งมารยาทนี้สลัฟ เขาไม่  กระทำกัน มี และห ลักฐานที่ว่า

   คือ                ท่า นม่ามอะหมัด ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน ได้กล่าวว่า "การละหมาดตัสเบียะ ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าภูมิใจ " มีผู้ถามว่า "ทำไมหรือ? ท่านกล่าวว่า "ในนั้นไม่มีหะดิษเศาะเฮียะเลย และท่านได้สะบัดมือของท่าน เหมือนกับว่า มันเป็นสิ่งต้องห้าม

ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมต่อสายรายงานจากบรรดานักปราชญืฮาดิษเหล่านั้นเราจึงใคร่นำบทวิเคราะจากปรายญ์ผู้ทรงคุณธรรมว่าเขาเหล่านั้นมีความเข้าใจอย่างไรกับสายรายงานที่บังฮาซันฮุกมว่าละหมาดตัสเบียะนั้นเป็นบิดอะตามท่านอิบนุฮุษัยมีน
วิเคราะห์สายรายงานฮะดิษ

1. ท่านอิกริมะฮ์ : เขานั้น  “เชื่อถือได้” และ “เป็นที่รู้จักกันดี”  ซึ่งกลุ่มหนึ่งของปราชญ์ฮะดิษได้นำเขามาเป็นหลักฐานอ้างอิง  ส่วนที่ผู้ที่ทำการวิจารณ์เขานั้นเป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวเท่านั้น

2. ท่านอัลฮะกัม  บิน  อะบาน : เขาเป็นผู้ที่  “เชื่อถือได้”  ตามทัศนะของท่านอิบนุมะอีน , ท่านอิบนุอัลมะดีนีย์ , ท่านอะห์มัด  บิน  ฮัมบัล , อันนะซาอีย์ , ท่านอัลอิจญ์ลีย์ , ท่านอิบนุ  นุมัยร์ , และท่านอิบนุฮิบบานได้กล่าวเขาไว้ในหนังสืออัษษิก็อตของท่าน , และท่านอบูอัซซุรอะฮ์กล่าวว่า  เขานั้นฮะดิษดี , ท่านซุฟยาน  บิน  อุยัยนะฮ์  กล่าวว่า  : ฉันได้ไปที่เมืองอัดน์  ซึ่งฉันไม่เคยพบผู้ใดเลยที่จะเหมือนกับอัลฮะกัม  บิน  อะบาน

ทั้งที่นักปราชญ์ฮะดิษส่วนมากได้มีความเห็นพร้องถึงการให้ความเชื่อถือต่ออัลฮะกัม  บิน  อะบาน  และเขาถูกให้อยู่ในแนวหน้าเหนือชาวอัดน์  ท่านอิบนุลมุบาร็อกได้กล่าวว่า : อัลฮะกัม  บิน  อะบาน , ฮิชาม  บิน  มัศก์ , และอัยยูบ  บิน  สุวัยด์นั้น  ท่านจงอย่าสนใจพวกเขา  และท่านอิบนุคุซัยมะฮ์กล่าวว่า : นักฮะดิษได้ทำการวิจารณ์เกี่ยวการนำฮะดิษของเขามาเป็นหลักฐาน  (ดู  หนังสือ  อัษษะก็อต : 6/175 , หนังสืออัตตะฮ์ซีบ : 2/423 , หนังสือมีซานุลเอี๊ยะติดาล : 1/569)

และยังมีบรรดาสายรายงานที่มาสนับสนุนสายรายงานของมูซา  บิน  อับดุลอะซีซ  ซึ่งสายรายงานที่สำคัญ ๆ มีดังนี้ :

ฮะดิษที่รายงานโดย  มุสลิม  บิน  อิบรอฮีม  จาก  อัลมุสตะมิร  บิน  อัรร็อยยาน  จาก  อะบีอัลเญาซาอฺ  จาก  อับดุลลอฮ์  บิน  อัมร์...ซึ่งเป็นสายรายงานที่ท่านอิมามอะห์มัดประทับใจ  คือไม่น้อยไปจากระดับฮะดิษฮะซัน  ท่านอะบูบักร  อัลค็อลลาล  ได้กล่าวไว้ในหนังสืออัลอิลัล  ว่า  “อะลี  บิน  สะอีด  ได้กล่าวว่า  ฉันได้ถามท่านอะห์มัด  บิน  ฮัมบัล  จากเรื่องละหมาดอัตตัสบีห์  ท่านตอบว่า  “ไม่มีสิ่งใด  ณ  ที่ฉันซอฮิห์เกี่ยวกับมันเลย”  ฉันกล่าวว่า  “มันเป็นฮะดิษของอับดุลลอฮ์  บิน  อัมร์”  ท่านอะห์มัดกล่าวว่า  “ทุกคนที่รายงานฮะดิษของอับดุลลอฮ์  บิน  อัมร์  จาก  อัมร์  บิน  มาลิก  นั้นได้มีคำกล่าววิจารณ์”  ดังนั้นฉันจึงกล่าวว่า “ได้รายงานฮะดิษของอับดุลลอฮ์  บิน  อัมร์  โดยอัลมุสตะมิร  บิน  อัรร็อยยาน  จาก  อะบี  อัลเญาซาอฺ”  ท่านอะห์มัดจึงกล่าวถามว่า  “ผู้ใดที่บอกเล่าให้แก่ท่าน?”  ฉันตอบว่า  “มุสลิม  บิน  อิบรอฮีม”  ท่านอะห์มัดจึงกล่าวว่า  “อัลมุสตะมิรเป็นอาจารย์ที่เชื่อถือได้”  ประหนึ่งว่าท่านอะห์มัดมีความประทับใจกับฮะดิษที่รายงานโดยอัลมุสตะมิร”  (ดู  หนังสืออัจญ์วิบะฮ์  อัลฮาฟิซฺ  อะลัลอะฮาดีษ  อัลมุนตะเกาะดะฮ์  อะลัลมิชกาฮ์ :  3/179)

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม  การไม่รู้ว่าเป็นซอฮาบะฮ์ท่านใดนั้น  ถือว่าไม่มีผลกระทบแต่ประการใด  ด้วยเหตุนี้  ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ  ฮะญัร  ได้กล่าวในหนังสืออัลอะมาลีย์ของท่านว่า  “หากเราได้ดำเนินตามสองสมมุติฐานนี้   สายรายงานของฮะดิษก็ไม่ต่ำจากระดับฮะดิษฮะซัน” 

ดังนั้น  เหล่านี้ก็คือสายรายงานที่มีน้ำหนักและสะอาด เมื่อสายรายงานเหล่านี้ได้นำมาร่วมสนับสนุนซึ่งกันและกัน  ก็จะถูกตัดสินว่าฮะดิษละหมาดตัสบี    ซอเหียะตามนัยยะของหลักพิจารณาอัลฮะดิษ  วัลลอฮุซุบฮานะฮูวะตะอาลาอะลัม

ออฟไลน์ คนอยากรู้

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 621
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
หะดีษเกี่ยวกับการละหมาดตัสบีฮฺนั้น

ยังมีสายรายงานรายงานโดยอบูดาวูด,  อิบนุมาญะฮฺ  ;  อิบนุ  คุซัยมะฮฺในซ่อฮีฮฺของเขา  และอัฏฏอบรอนีย์  และมีการรายงานจากสายรายงานมากมายและกลุ่มหนึ่งจากเหล่าซอฮาบะฮฺ  ดังที่อัลฮาฟิซฺ  อิบนุ  ฮะญัรกล่าวเอาไว้  อาทิเช่น  หะดีษของอิกริมะฮฺ  อิบนุ  อับบ๊าสฺ  ซึ่งท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ได้กล่าวในหะดีษนั้นกับท่านอัลอับบ๊าส  อิบนุ  อับดิลมุฏฎ่อลิบว่า  :  “หากว่าท่านสามารถที่จะละหมาดตัสบีฮฺ  1  ครั้งในทุก ๆ วัน  ท่านก็จงทำเถิด  และถ้าหากท่านไม่สามารถก็ให้ละหมาดในทุกศุกร์  (สัปดาห์)  1  ครั้ง  ถ้าหากท่านไม่ทำก็ให้ละหมาด 1 ครั้งในทุก ๆ ปี  และถ้าหากท่านไม่ทำก็ให้ละหมาด  1  ครั้งในชั่วชีวิตของท่าน” 

บังฮาซันได้วิจารณ์และยกคำพูดของท่าน
อิหม่ามนะวาวีย์ กล่าวว่า หะดิษของมัน เฎาะอีฟ และในนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงระเบียบการละหมาดที่เป็นที่รู้กัน และอัลอะกีลีย์กล่าวว่า ในมัน(ละหมาดตัสเบียะ) ไม่มีหะดิษที่มั่นคง และอบูบักร อิบนุอะเราบีย์ กล่าวว่า " ในมัน ไม่มีหะดิษเศาะเฮียะ และไม่มีหะดิษหะซัน
..........
ฟะตะวา อิบนุอุษัยมีน เล่ม 14

แต่ในขณะเดียวกันหลักฐานจากท่นอีหม่ามนาวาวีย์บางเล่มบังฮาซันกลับแช่แข็งไม่นำมันมา


ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์  (ร.ฮ.)  กล่าวว่า  :  อัตติรมีซีย์กล่าวว่า  :  แท้จริงมีหะดีษมากกว่า  1  บทถูกรายงานจากท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ในเรื่องละหมาดตัสบีฮฺ  และมีจำนวนมากไม่ซ่อฮีฮฺ  ท่านอิบนุ  อัลมุบาร็อกและท่านอื่น ๆ จากนักวิชาการมีความเห็นว่าส่งเสริมให้ละหมาดตัสบีฮฺและพวกเขาได้ระบุถึงความประเสริฐในการละหมาดตัสบีฮฺเอาไว้ 

และจากท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์กล่าวว่า  :  กลุ่มหนึ่งจากบรรดาอิหม่ามของอัศฮาบุชชาฟิอียะฮฺระบุว่าส่งเสริมให้ละหมาดตัสบีฮฺนี้  เช่น  อบูมุฮำหมัด  อัลบัฆวีย์  และอบุลฮะซัน  อัรรูยานีย์  (อัลอัซก๊าร,  อันนะวาวีย์  หน้า  168-169)

ออฟไลน์ al-toorab

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 172
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam

ไม่อาจเปลี่ยนชนใดที่ลุ่มหลง
ต้องรอปลงชีวันแลสังขาร
คนมิอาจเปลี่ยนคนในสันดาน
นอกจากองค์ผู้เมตตาจักชี้นำ

يقول -صلى الله عليه وسلم-: هلك المتنطعون، هلك المتنطعون، هلك المتنطعون

"บรรดาผู้มุตะนัตติอูน(ผู้ที่คิดลึกเกินเลยขอบเขต)ได้มีความวิบัติแล้ว"

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏لَيْسَ الْمُؤْمِنُ ‏ ‏بِالطَّعَّانِ ‏ ‏وَلَا اللَّعَّانِ وَلَا ‏ ‏الْفَاحِشِ ‏ ‏وَلَا الْبَذِيءِ

"ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า  ไม่ใช่เป็นผู้ศรัทธา  ผู้ที่ชอบตำหนิ(ผู้คนทั้งหลาย) ผู้ที่ชอบสาปแช่ง ผู้ที่ด่าทออย่างน่ารังเกียจ  และผู้ที่พูดหยาบคาย" รายงานโดยท่านติรมีซีย์ 1900 ท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า  ฮะดิษฮะซัน

 

GoogleTagged