เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

แบ่งปัน

(1/5) > >>

قطوف من أزاهير النور:
Tweet
อัสลามมุอะลัยกุม

บิสมิ้ลลาฮิรรอฮฺมานนิรร่อฮีม



วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ  มนุย์ใช้เวลาไปกับการกิน นอน  ทำงาน หาเงิน  หรือการละเล่นต่าง ๆ  แม้จะแบ่งเวลามาทำอิบาดะฮฺบ้าง แต่บางครั้งจิตใจเราไม่ค่อยว่างพอจะใคร่ครวญโลก หรือชีวิตมากนัก ทั้งที่ท่านนบี (ซล.) ใช้เวลาในการใคร่ครวญชีวิตบ่อย ๆ ไม่ว่าจะในเรื่องความผิดพลั้งของตัวเอง  หรือการตระหนักในความเมตตาของอัลลอฮฺ (ซบ.)

"ชีวิตของผู้ศรัทธาจึงมิใช่อื่นใด แต่เป็นชีวิตที่สำนึกในบุญคุณของอัลลอฮฺ เป็นชีวิตที่แสดงถึงการขอบคุณต่อพระองค์อย่างท่วมท้น ดังปรากฏในตัวของท่านเราะซูลที่สะท้อนชีวิตที่ขอบคุณด้วยการยอมจำนนต่ออัลลอฮฺอย่างสิ้นเชิง มีรายงานว่าในยามค่ำคืนท่านเราะซูลได้ลุกขึ้นชำระล้างร่างกายและละหมาด แล้วท่านก็ร้องไห้จนตักชุ่มไปด้วยน้ำตา แล้วท่านร้องไห้ต่อไปจนพื้นเปียก จนกระทั่งบิลาลได้อะซานสู่การละหมาด 


เมื่อบิลาลเห็นท่านร้องไห้ ก็ถามว่า ?โอ้ เราะซูลของอัลลอฮฺ ท่านร้องไห้ ทั้งๆที่อัลลอฮฺได้ให้อภัยกับท่านแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความผิดที่มาก่อนหรือที่มาภายหลัง(หมายถึงความผิดทั้งหมด)?


ท่านเราะซูลกล่าวว่า ?จะไม่ให้ฉันเป็นบ่าวที่ขอบคุณดอกหรือ??.?(อ้างจากอัซ ซิลซิละฮฺ อัศ เศาะฮีฮะฮฺ 1/106 )"

ดูบทความ จะไม่ให้ฉันเป็นบ่าวที่ขอบคุณดอกหรือ ? โดยมัยมูน



ยิ่งไปกว่านั้น ในกุรอ่านก็เน้นหลายครั้ง ในการให้เราทบทวน ใคร่ครวญ ถึงสิ่งโลกใบนี้

إِنَّ فِي ذَلِكَ لَآيَاتٍ لِّقَوْمٍ يَتَفَكَّرُونَ

"แท้จริงในสิ่งดังกล่าวนั้น เป็นบรรดาสัญลักษณ์แก่กลุ่มชนที่ทำการใคร่ครวญ"  อัรเราะอ์ 3



إِنَّ فِي ذَلِكَ لآيَةً لِّقَوْمٍ يَتَفَكَّرُونَ

"แท้จริงในสิ่งดังกล่าวนั้น ทำเป็นสัญลักษณ์หนึ่งแก่กลุ่มชนที่ทำการใคร่ครวญ" อันนะหฺลิ 11

إِنَّ فِي ذَلِكَ لَآيَاتٍ لِّقَوْمٍ يَتَفَكَّرُونَ

"แท้จริงในสิ่งดังกล่าวนั้น เป็นบรรดาสัญลักษณ์แก่กลุ่มชนที่ทำการใคร่ครวญ" อัซซุมัร 42

إِنَّ فِي ذَلِكَ لَآيَاتٍ لِّقَوْمٍ يَتَفَكَّرُونَ

"แท้จริงในสิ่งดังกล่าวนั้น เป็นบรรดาสัญลักษณ์แก่กลุ่มชนที่ทำการใคร่ครวญ" อัลญะษียะฮ์ 13

وَتِلْكَ الْأَمْثَالُ نَضْرِبُهَا لِلنَّاسِ لَعَلَّهُمْ يَتَفَكَّرُونَ

"แท้จริงเราได้ยกบรรดาอุทาหรณ์ต่าง ๆ สำหรับมวลมนุษย์ เพื่อพวกเขาจะได้ทำการใคร่ครวญ" อัลหัชร์ 21

قُلِ انظُرُواْ مَاذَا فِي السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ

"เจ้าจงกล่าวเถิด  พวกท่านจงพิจารณา สิ่งที่อยู่ในบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดิน" ยูนุส 101

ดู ถาม-ตอบ เรื่องฮะดีษเกี่ยวกับการใคร่ครวญ โดย al-azhary



ยิ่งกว่านั้นข้อเสียที่สำคัญคือบางครั้ง หากเราไม่เคยพิจารณาชีวิต 
ความลึกซึ้งในศรัทธา หรือ อีหม่าน จะเจือจางลงได้ง่าย ๆ

"อัลอีหม่าน" ตามหลักวิชาการ หมายถึง "การศรัทธาเชื่อสิ่งที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัล ได้นำมาจากเรื่องของศาสนาที่รู้กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และสิ่งที่เหมือนกับมันจากบรรดาหลักฐานต่าง ๆ ที่มั่นใจแน่นอน" ดู เพิ่มจากหนังสือ หาชียะฮ์ อัชชัรกอวีย์  หน้า 136  ตีพิมพ์ มุสต่อฟาหะละบีย์  ของท่านชัยคุลอิสลาม อับดุลเลาะฮ์ บิน ฮิญาซีย์ อัชชัรกอวีย์

ดู ถาม-ตอบปัญหาเรื่องความหมายของคำว่าอีหม่าน ? โดย al-azhary



เพราะฉะนั้นกระทู้นี้ จะคัดเลือกบทความต่าง ๆ มาจากหลายสถานที่ หลายบุคคล
ที่เกี่ยวกับการใคร่ครวญในเรื่องของชีวิตตนเอง  สังคม เศรษฐศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์
เพื่อหวังให้สมองและหัวใจของเรา ๆ หยุดลงใคร่ครวญความตระกานตาของสิ่งถูกสร้างรอบข้างบ้าง

อินชาอัลลอฮฺ


قطوف من أزاهير النور:


คือการยืนยัน



?แม่ฮะ - พระเจ้าอยู่ที่ไหน?
เสียงเต็มใสเอ่ยถามตามวัยว่า
?ทั้งที่ไม่เคยเห็นสักครั้งครา
ใยรู้ว่าพระเจ้ามีจึงกราบกราน?
?ทรงอยู่บนบัลลังก์แห่งชั้นฟ้า?
แม่ตอบช้าแต่ชัด-จัดยิ้มหวาน
?เรารู้ว่าทรงมีด้วยสัญญาณ
ซึ่งพบพานในทุกสิ่งรอบตัวเรา

อยู่ในรากชอนลึกของพฤกษา
อยู่ในฟ้าผืนใหญ่ซึ่งไร้เสา
อยู่ในการสรรสร้างของร่างเรา
อยู่ในเงาน้ำใสซึ่งไหลริน
อยู่ในการยืนหยัดของสัตว์ป่า
อยู่ในความแข็งกล้าของผาหิน
อยู่ในธาตุอัดแน่นใต้แผ่นดิน
อยู่ในกลิ่นหอมหวนของมวลไม้
อยู่ในแดดแผดกล้าของอาทิตย์
อยู่ในความมิดก่อนจันทร์ฉาย
อยู่ในแสงแพรวพราวของดาวราย
อยู่ในความหลากหลายของสายใย

สรรพสิ่งทั้งมวลล้วนบอกกล่าว
ถึงเรื่องราวการสร้างอันยิ่งใหญ่
จงมองด้วยดวงตาของดวงใจ
คำตอบจึงซึ้งไปถึงวิญญาณ
มนุษย์หรือจะสร้างซึ่งสักหนึ่งเสี้ยว
แม้บทเดียวจากคัมภีร์ที่เจ้าอ่าน
ยังไม่มีชีวิตใดแต่งได้ปาน
เหล่านี้คือสัญญาณการยืนยัน?


ที่มา : taleebah

قطوف من أزاهير النور:

เชื้อร้ายของพันธมิตร 






ไม่รู้เคยได้ยินมาจากไหน กับคำว่า
 
 
ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร
 
....
 
แต่มันขึ้นกับสถานการณ์ ว่าขณะนั้น อยากเป้นพันธมิตรกับฝ่ายไหน
 
 
....
 
 
สมมุตว่ามี 3 ฝ่าย
 
สู้รบกัน
 
 
จะมีสองฝ่ายที่กลายเป้นพันธมิตกันทันที ถ้าพวกเขาเกิด เข้าข้างกันไม่ว่าจะด้วยเหตผลอะไรก็ตาม
 
สิ่งนึง ที่เป้นเหตผลให้เกิดพันธมิตร ในสงครามสามฝ่ายก็คือ "แนวคิด"
 
...
 
 
การสู้รบสามฝ่ายจะดำเนินไปเรื่อยๆ และจะกลายเป้นสงครามสองฝ้าย เมื่อมีสองในสามเกิดมีแนวคิดตรงกัน หรือเกิดการเข้าข้างกัน
 
สองฝ่ายนั้น จะยิ่งมั่นใจ ใน "แนวคิด" ที่พวกเขายึดถืออยู่ ว่าน่นคือสิ่งที่ถูกต้อง
 
 
จากเดิม ที่เคยต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง แต่เมื่อมีคนเห้นด้วย ก้อาจพัมนาไปเป็นการ สู้เพื่อปกป้องอุดมการณ์ และจะมีกำลังใจต่อสู้มากขึ้น เพราะมีความมั่นใจว่า สิ่งที่ตนเชื่ออยู่นั้น "ถูกต้อง" และชอบธรรม
ช่วยให้พวกเขารู้สึกดีในการต่อสู้ ว่าพวกเขาคือ ฝ่ายพระเอก ที่ต้องสู้กับผู้ร้าย
 
 
...
 
 
สงครามสามฝ่าย จากเดิม ที่ไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ใครเป้นพระเอก ใครเป็นผู้ร้าย
 
ก้อาจกลายเป้น สงครามของความดีความชั่วได้เลย ถ้าเกิดพันธมิตรขึ้น
 
 
 
แต่ ในความเป้นจริง
 
 
"จริงหรือ" ที่พวกมากแปลว่าถูกต้อง 
 
จริงหรือ ที่สองในสามของสงครามสามฝ่ายคือแนวคิดที่ถูกต้อง และหนึ่งฝ่ายที่แปลกแยก "คือผิด"
 
.........
 
 
ถ้าเราพิจารณาตัวตนของเราเอง ให้ลึกลงไป ถึงการตัดสินถูกผิด
 
เราจะพบว่า บ่อยครั้ง เราเผลอตัดสินมันจาก จำนวนหรือลักษณะการเข้าข้าง
 
เราอาจจะเคยทำอะไรบางอย่างซึ่งก็ไม่มั่นใจว่ามันถูกหรือผิด
แต่พอมีใครสักคน เข้ามายืนข้างเรา และบอกว่าเขาเห้นด้วยกับเรา เราก้จะเกิดความัม่นใจต ที่จะทำสิ่งนั้นต่อไป และเกิดกำแพงที่หนายิ่งขึ้นที่จะยอมเปลี่ยนแนวคิด
 
 
ถ้าพอดีว่า สิ่งที่เราทำนั้น เป้นสิ่งที่ถูกต้องตั้งแต่แรก แม้เราไม่มั่นใจนัก ก็เป็นเรือ่งดี ที่เราจะมั่นใจว่า เรามาถูกทางจากการเข้าข้างของพันธมิตร
 
แต่ถ้ามันไม่ใช่
ถ้าสิ่งที่เราไม่มั่นใจว่าถูกหรือผิดนั้น คือผิด แต่เพราะมีการเข้าข้างจากพันธมิตร เสริมให้เราเกิดความมั่นใจว่า "มันถูก"
เราก้จะกลายเป้นคนที่มุ่งมั่นทำสิ่งผิด โดยศรัทธาว่ามันคือสิ่งถูก
 
 
....
 
 
ระบบ ลูกขุน ก้ดีอยู่ ในกรณีที่ต้องใช้ แต่ใครล่ะ ในชีวิตประจำวันของเรา ที่จะเป้นผุ้คัดเลือกว่าใครมีคุณสมบัติจะเป้น คณะลูกขุน.....
 
 
 
ในหลายๆกรณี ซึ่งเราอาจต้องเป้นผุ้พิพากษาของตัวเราเอง เพื่อจะพิจาณาว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกหรือผิด
เราอาจจะอาศัยหลายๆอย่างประกอบการตัดสินใจพิพากษาตัวเอง
 
และส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมด
 
ก้มักจะพิพากษา เข้าข้างตัวเองเสมอ...
 
และตัวร้ายในกระบวนการนี้ก็คือ บรรดาพันธมิตรและคณะลูกขุน ที่เราเลือกให้มาโหวตสนับสนุนแนวคิดของเรา ให้มันเป้นอย่างที่ใจเราต้องการ
 
 
ฝ่ายค้านหลายคน ที่ต่อต้านเรา เรามักจะไม่ฟัง
 
แต่
"พันธมิตรแค่คนเดียวที่เข้าข้างเรา" เรากลับฟัง
 
....
 
 
 
ในหลายๆครั้งที่เราต้องพิจารณาตัวเอง เราจะต้องนึกถึงลักษณะจำพวกนี้ของจิตใจเราเองให้มากๆ ว่ามันพร้อมจะเข้าข้างตัวเองอยู่เสมอ
 
 
 
 
น้ำคำของพันธมิตร อาจต้องหารด้วยสิบ
ในคณะที่คำต่อว่าของศัตรู เราอาจต้องคูณด้วยยี่สิบ
 
 
อะไรผิดอะไรถูก หรือไม่ผิดไม่ถูกนั้น ถ้ามองด้วยสายตาที่เป้นกลาง มันไม่ได้ตัดสินยากอะไรมากมายอยู่แล้วตั้งแต่แรก
แต่เราเอง ที่มักจะตั้งป้อม ว่ามันคือสงคราม ที่จะต้องชี้ผิดชี้ถูกให้ได้ และผลมันก้มักจะเป้นว่าเรามักพิพากาให้ตัวเองเป้นพระเอกอยู่บ่อ ยๆ
 
 
 
คงมีไม่กี่คน ที่สัตย์ซื่อ ถึงขนาดกล้าพิพากษาตัวเองว่าเป้นผู้ร้าย และยอมรับผิด คนอย่างนี้หายาก 
 
 
เราจึงยังคงต้องหารพันธมิตด้วยสิบ
และคูณศัตรูด้วยยี่สิบ ต่อไป
 
 
..เพื่อตัวของเราเอง ที่จะรู้จริงๆว่าเราควรเข้าคุก หรือควรได้รับการปลดปล่อย
 
 
ว่าตัวเราเอง ที่ควรให้เขาจัดการเสียโดยดีในฐานะมารสังคม
หรือควรยืนหยัดสู้ต่อไปเพื่อความถูกต้อง
 
 
.....
 
 
 
 
 
และถ้ามองว่ามันคือสงครามฝ่ายจิตวิญญาณ
 
 
การยอมให้พระเอกฆ่า "ตัวกูของกู" ในเราด้วยการยอมรับในความเป้นผุ้ร้ายของเรา 
มันก้คือการพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเราให้สูงขึ้นโดยตรงนั่นล่ะ
 
 
 
ขอเจริญในธรรมครับ 




 
ที่มา : เดียวดาย9อักษร 
(อันนี้ข้อคิดดี ๆ จากเพื่อนชาวคริสต์)
 









قطوف من أزاهير النور:


 ;D ไว้มาต่อ 
ใครว่าง ๆ มาแจมด้วยเน้อ

บุคคลธรรมดา:
อิงชาอัลลอฮฺ จะรีบไปหา มาแจม ค่ะ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version