ซาลามครับทุกท่าน
ไม่ได้มานาน ขอสมัครสมาชิกใหม่นะครับ ผมลืมรหัสของทั้งที่นี่กับเมลที่ใช้ตอนนั้นด้วย ผมก็คือคนเดียวกับ TruthSeeker ครับ
แน่นอน คุณ al-azhary และหนังสือที่ท่านอ้างถึงในการตีความหมายกุรอาน รวมถึงหลายคนที่เคยไปเสวนากับพวกเราที่
http://www.free-minds.org/forum/ จะบอกว่าเราแปลกุรอานผิด เพราะท่านตลอดจนหนังสือหรือแหล่างอ้างอิงของท่านตีความหมายกุรอานแบบเชื่อว่ากุรอานอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่เราตีความหมายแบบกุรอานอย่างเดียวพอเพียงครับดังที่ได้เคยเสนออายะห์ที่บอกว่าพอเพียงมาแล้ว
การตีความหมายกุรอานก็เลยไม่ตรงกันเป็นธรรมดา ตอนนี้ผมก็เลยอยากให้มาพิจารณาสิ่งที่ท่านเสนอดูทีละจุดครับ
77.50 "ดังนั้น (คำบอกเล่า/หะดิษ) อันใดเล่าหลังจากอัลกุรอานที่พวกเขาจะศรัทธากัน"
ซึ่งหมายถึงว่า พวกเขาไม่เชื่ออัลกุรอาน แน่นอนว่า ถ้อยคำพูดอื่น ๆ พวกเขาไม่เชื่ออยู่แล้ว]
ถ้อยคำอื่นๆผู้ปฏิเสธเชื่อครับ แต่ไม่เชื่อกุรอาน การตีความหมายนี้เป็นจริงได้อย่างไร
แต่คุณบอกว่ามันไม่จริง เนื่องจากคุณคิดว่าความเข้าใจและความคิดของคุณนั้นถูกต้องกว่า แต่ความเข้าใจของผมนั้นเอามาจากปราชญ์นักอถาธิบายอัลกุรอานที่รอบรู้วิทยาการเกี่ยวกับอัลกุรอาน
และสิ่งที่ผมได้เคยชี้แจงไปนั้นก็มาจากตัฟซีรอัลกุรตุบีย์ ดังนั้นความคิดเห็นของคุณและเข้าใจของคุณที่ตอบกับผมว่า "ผมเห็นว่าไม่จริงครับ" นั้น ถือว่าไร้น้ำหนักอย่างสิ้นเชิง นั่นก็เพราะว่าคุณไม่เข้าใจถ้อยคำของอัลกุรอานครับ และอายะฮ์อัลกุรอานที่คุณเข้าใจว่าต้องการคำถามนั้น ถือว่าผิดนะครับ
คุณกล่าวว่ "ดังนั้น มันเกี่ยวข้องแน่นอนว่าคำถามในเชิงตักเตือนนี้นี้กำลังถามใคร (นั่นคือผู้อ่าน สำหรับผม) และกล่าวถึงใีครในสรรพนามบุรุสที่สาม และให้บทเรียนแ่ก่เราผู้อ่านอย่างชัดเจนว่า ถ้าคุณเป็นผู้ศรัทธา คุณก็ไม่ควรเชื่อหะดิษอื่นนอกจากกุรอาน แบบพวกผู้ปฏิเสธเขาครับ เพราะคุณต้องการจะสักการะพระเจ้า ไม่ใช่คนอื่น ด้งนั้นคุณต้องมั่นใจว่าแต่ละคำสั่งมาจากพระเจ้าจริงหรือไม่ ซึ่งการรักษากุรอานของพระเจ้าจนถึงทุกวันนี้เป็นสัญญาณที่ชัดแจ้งอย่างหนึ่ง หะดิษอื่นนอกจากกุรอานไม่ได้ถูกรักษาอย่างเทียบเท่ากุรอานเลยแม้แต่น้อย"
คำถามนี้อัลกุรอานไม่ใช่ต้องการจะถามผู้อ่าน แต่พระองค์ต้องการบอกเล่าและตอบไปในตัวแล้วว่า พวกปฏิเสธจะไม่เชื่อสิ่งใดทั้งสิ้น หลังจากอัลกุรอาน ซึ่งหมายความว่า
แน่นอนเราตีความหมายไม่เหมือนท่าน เพราะเราเชื่อว่ากุรอานพอเพียงแล้วดังอายะห์ที่เคยเสนอไปแล้ว แต่ท่านและนักปราชญ์ของท่านเชื่อว่ากุรอานอย่างเดียวไม่พอเพียง ก็ต้องตีความหมายไม่ตรงกันเป็นธรรมดา
แม้อัลกุรอานที่สัจจริงพวกเขาไม่เชื่อ เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ต้องไปพูดกับพวกเขาแล้ว เพราะขนาดของจริงที่สุดพวกเขายังไม่เชื่อกันเลย
และอีกอย่างหนึ่ง หากคุณเข้าใจว่า เรื่องอื่น ๆ จากอัลกุรอานที่พวกปฏิเสธเชื่อนั้น คือสิ่งที่ไม่ใช่ไร้สาระทั้งหมด ถือว่าคุณเข้าใจผิดแล้วครับ เพราะว่าพวกปฏิเสธนั้นเขาเชื่อในเรื่องที่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน ซึ่งคุณคงไม่ปฏิเสธแน่นอน ดังนั้นเรื่องราวที่ขัดกับอัลกุรอาน ถือว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ ฉะนั้นสิ่งที่สอดคล้องกับอัลกุรอานย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ไร้สาระอย่างแน่นอน แต่น้ำหนักอาจจะนำมาอยู่ก่อนหรืออยู่หลังลดหลั่นกันไป
39:23. อัลลอฮฺได้ทรงประทานคำกล่าวที่ดียิ่งลงมาเป็นคัมภีร์คล้องจองกันกล่าวซ้ำกัน ผิวหนังของบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าของพวกเขาจะลุกชันขึ้น แล้วผิวหนังของพวกเขาและหัวใจของพวกเขาจะสงบลงเพื่อรำลึกถึงอัลลอฮฺ นั่นคือการชี้นำทางของอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงชี้นำทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงให้เขาหลงทาง ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้ชี้นำทาง
ในเมื่อพระเจ้าได้ยืนยันว่ากุรอานนี้เป็น ฮะดิษ ที่ดีที่สุด และ "ดังนั้น (คำบอกเล่า/หะดิษ) อันใดเล่า
หลังจากอัลกุรอานที่พวกเขาจะศรัทธากัน" ตลอดจนพระเจ้าได้รักษาคัมภีร์นี้อย่างดียิ่งกว่าทุก ฮะัดิษ(เรื่องเล่า) อื่นนอกจากกุรอานนี้
อีกทั้งการที่พระเจ้าได้เตือนว่า
6:112 และในทำนองนั้นแหละเราได้ให้มีศัตรูขึ้นแก่นะบีทุกคน คือ บรรดาชัยฏอนมนุษย์ และญินโดยที่บางส่วนของพวกเขาจะกระซิบกระซาบแก่อีกบางส่วน ซึ่งคำพูดที่ตกแต่งเป็นการหลอกลวง และหากว่าพระเจ้าของเจ้าทรงประสงค์ แล้วพวกเขาก็มิกระทำมันขึ้นได เจ้าจงปล่อยพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาอุปโลกน์ขึ้นเถิด
ยิ่งแสดงว่าเราต้องยิ่งไม่ควรไปอ้างใช้ศรัทธาใน ฮะดิษ อื่นหลังจากกุรอานนี้
เราก็เลยตีความหมาย เข้าใจว่าการอ้างศรัทธาใน ฮะดิษ อื่น หลังจากกุรอานนี้ (ว่าเชื่อเพราะต้องการสักการะพระเจ้า) นั้นเป้นเรื่องไร้สาระครับ
ศันติจงมีแด่ท่าน