ผู้เขียน หัวข้อ: "โศกนาฏกรรมครั้งแรกแห่งมนุษยชาติ"  (อ่าน 2291 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Napat

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 201
  • "อย่าสิ้นหวังในความเมตตาของพระองค์"
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด

قال الله تعالى: {وَاتْلُ عَلَيْهِمْ نَبَأَ ابْنَيْ آدَمَ بِالْحَقِّ إِذْ قَرَّبَا قُرْبَاناً فَتُقُبِّلَ مِنْ أَحَدِهِمَا وَلَمْ يُتَقَبَّلْ مِنْ الآخَرِ قَالَ لأَقْتُلَنَّكَ قَالَ إِنَّمَا يَتَقَبَّلُ اللَّهُ مِنْ الْمُتَّقِينَ. لَئِنْ بَسَطتَ إِلَيَّ يَدَكَ لِتَقْتُلَنِي مَا أَنَا بِبَاسِطٍ يَدِي إِلَيْكَ لأَقْتُلَكَ إِنِّي

أَخَافُ اللَّهَ رَبَّ الْعَالَمِينَ. إِنِّي أُرِيدُ أَنْ تَبُوءَ بِإِثْمِي وَإِثْمِكَ فَتَكُونَ مِنْ أَصْحَابِ النَّارِ وَذَلِكَ جَزَاءُ الظَّالِمِينَ. فَطَوَّعَتْ لَهُ نَفْسُهُ قَتْلَ أَخِيهِ فَقَتَلَهُ فَأَصْبَحَ مِنْ الْخَاسِرِينَ. فَبَعَثَ اللَّهُ غُرَاباً يَبْحَثُ فِي الأَرْضِ لِيُرِيَهُ كَيْفَ

يُوَارِي سَوْأَةَ أَخِيهِ قَالَ يَا وَيْلَتَا أَعَجَزْتُ أَنْ أَكُونَ مِثْلَ هَذَا الْغُرَابِ فَأُوَارِيَ سَوْأَةَ أَخِي فَأَصْبَحَ مِنْ النَّادِمِينَ


ความว่า: “  และเจ้า (มูฮัมมัด) จงแถลงให้พวกเขา (วงศ์วานอิสรออีล) รู้ถึงข่าวคราวของบุตรชายสองคนของอาดัมโดยสัจจริง ขณะที่ทั้งสองได้กระทำการพลีซึ่งสิ่งพลีอยู่นั้น แล้วสิ่งพลีก็ถูกรับจากหนึ่งในสองคน และมิได้ถูกรับจากอีกคนหนึ่ง เขา (กอบีล) จึงกล่าวขึ้นว่า แน่นอนข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ ฮาบีลกล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงรับจากบรรดาผู้ยำเกรงเท่านั้น , หากท่านยื่นมือของท่านมายังฉัน เพื่อจะฆ่าฉัน แน่นอนฉันก็จะไม่ยื่นมือของฉันไปยังท่าน เพื่อฆ่าท่าน แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮฺผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งโลกทั้งมวล , แท้จริงฉันต้องการที่จะให้ท่านนำบาป (ที่ฆ่า) ฉัน และบาปของท่านเองกลับไป (ยังอัลลอฮฺในวันปรโลก เพื่อรับการลงโทษจากพระองค์) แล้วนั้นแหละคือ การตอบแทนแก่บรรดาผู้อธรรม , แล้วจิตใจของเขา (กอบีล) ก็คล้อยตามเขาในการที่จะฆ่าน้องชายของเขา แล้วกอบีลก็ได้จัดการฆ่าน้องชายของเขา ดังนั้นเขาจึงได้กลายเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ขาดทุน”  (อัลมาอิดะฮฺ : 27-30)



เรื่องราวของฮาบีล และ กอบีล

 หลังจากที่ท่านอาดัมและพระนางฮาวาอฺลงมายังพื้นพิภพ ทั้งสองได้ร่วมหลับนอน จนมีลูกคู่แรก ชื่อว่ากอบีลและคู่แฝดของเขาชื่ออิกลีมา หลังจากนั้นอีกสองปี พระนางฮาวาอฺก็ได้ให้กำเนิดลูกคู่ที่สอง ชื่อว่าฮาบีลและคู่แฝดของเขาชื่อลบูดา เมื่อพวกเขาย่างเข้าวัยฉกรรจ์ พวกเขารู้ว่าอัลลอฮฺทรงใช้ให้ กอบีลแต่งงานกับลบูดาซึ่ง

เป็นคู่แฝดของฮาบีล และให้ฮาบีลแต่งงานกับอิกลีมาซึ่งเป็นคู่แฝดของกอบีล ปรากฏว่าอิกลีมาเป็นคนที่สวยที่สุดในขณะนั้น กอบีลจึงต้องการที่จะแต่งงานกับอิกลีมา ดังนั้นท่านอาดัมก็ได้กล่าวกับกอบีลว่า นางไม่เป็นที่อนุญาตแก่เจ้า กอบีลได้ปฏิเสธคำตักเตือนของบิดา แล้วท่านอาดัมก็ได้กล่าวขึ้นว่า ท่านทั้งสองจงทำการพลีทาน ดังนั้นพลีทานของใครถูกรับ เขาจะได้สิทธิ์ในตัวอิกลีมา

 ปรากฏว่ากอบีลเป็นเจ้าของไร่นา เขาได้นำเอาผลผลิตจากการเกษตรที่แย่ที่สุดของเขากองหนึ่งมาเป็นพลีทาน ส่วนฮาบีลเป็นเจ้าของปศุสัตว์ เขาได้นำเอาแกะอ้วนตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นแกะที่ดีที่สุดในบรรดาสัตว์เลี้ยงของเขามาเป็นพลีทาน แล้วทั้งสองก็ได้นำเอาพลีทานของเขาไปวางไว้บนภูเขา แล้วไฟที่มาจากฟากฟ้าก็ได้ลงมากินแกะ โดยไม่ได้กินพลีทานของกอบีล หลังจากที่ทั้งสองได้ลงมาจากภูเขา ทั้งสองได้ถกเถียงกัน กอบีลคิดในใจว่า เขาจะต้องฆ่าฮาบีลให้ได้


وَاتْلُ عَلَيْهِمْ نَبَأَ ابْنَى آدَمَ بِالْحَقِّ إِذْ قَرَّبَا قُرْبَانًا فَتُقُبِّلَ مِنْ أَحَدِهِمَا وَلَمْ يُتَقَبَّلْ مِنَ الآخَرِ قَالَ لأَقْتُلَنَّكَ قَالَ إِنَّمَا يَتَقَبَّلُ اللهُ مِنَ الْمُتَّقِيْنَ

ความว่า: “   และเจ้า (มูฮัมมัด) จงแถลงให้พวกเขา (วงศ์วานอิสรออีล) รู้ถึงข่าวคราวของบุตรชายสองคนของอาดัมโดยสัจจริง ขณะที่ทั้งสองได้กระทำการพลีซึ่งสิ่งพลีอยู่นั้น แล้วสิ่งพลีก็ถูกรับจากหนึ่งในสองคน และมิได้ถูกรับจากอีกคนหนึ่ง เขา (กอบีล) จึงกล่าวขึ้นว่า แน่นอนข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ ฮาบีลกล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงรับจากบรรดาผู้ยำเกรงเท่านั้น , หากท่านยื่นมือของท่านมายังฉัน เพื่อจะฆ่าฉัน แน่นอนฉันก็จะไม่ยื่นมือของฉันไปยังท่าน เพื่อฆ่าท่าน แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮฺผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งโลกทั้งมวล , แท้จริงฉันต้องการที่จะให้ท่านนำบาป (ที่ฆ่า) ฉัน และบาปของท่านเองกลับไป (ยังอัลลอฮฺในวันปรโลก เพื่อรับการลงโทษจากพระองค์) แล้วนั้นแหละคือ การตอบแทนแก่บรรดาผู้อธรรม , แล้วจิตใจของเขา (กอบีล) ก็คล้อยตามเขาในการที่จะฆ่าน้องชายของเขา แล้วกอบีลก็ได้จัดการฆ่าน้องชายของเขา ดังนั้นเขาจึงได้กลายเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ขาดทุน”(อัลมาอิดะฮฺ : 27-30)

 
นักวิชาการมีความเห็นที่แตกต่างถึงวิธีการฆ่าของกอบีล บางท่านกล่าวว่า อิบลีสได้จำแลงร่างมาหากอบีล แล้วนำเอานกมาหนึ่งตัว วางไว้บนแทนหิน แล้วทุบด้วยก้อนหิน กอบีลก็ได้มุ้งหน้ามายังน้องชายของเขาในขณะที่นอนหลับ เขาได้ยกก้อนหินแล้วทุบไปที่หัวของฮาบีลจนตาย เมื่อกอบีลได้สังหารฮาบีลเรียบร้อยแล้ว กอบีลไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับศพของฮาบีลดี อัลลอฮฺจึงได้ส่งอีกามาสองตัว โดยที่หนึ่งจากสองตัวนั้นได้ฆ่าอีกตัวหนึ่ง จากนั้นมันก็ได้ขุดดิน แล้วฝังซากของอีกตัวหนึ่ง


เพื่อให้กอบีลรู้ถึงวิธีการปฏิบัติต่อศพของน้องชายของเขา จากนั้นกอบีลก็ได้ขุดหลุมฝังฮาบีลเช่นเดียวกับอีกา  อัลลอฮฺมิทรงต้องการฆ่ากอบีลเพื่อทำการแก้แค้นให้กับฮาบีล แต่ต้องการให้เขามีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานกับบาปที่เขาได้ก่อขึ้น กอบีลมีความลำบากในการทำไร่นา เพราะไร่นาไม่ได้ให้พืชผลอะไรกับเขาเลย กอบีลอยู่อย่างหลบหนีผู้คนและพเนจรไปเรื่อยตลอดระยะเวลาที่เหลืออยู่ของเขาเลือดของฮาบีลเป็นเลือดแรกของมนุษย์ที่ถูกหลั่งบนพื้นดิน ท่านศาสดาได้กล่าวไว้ว่า “ชีวิตหนึ่งจะไม่ถูกฆ่าโดยอธรรม เว้นเสียแต่ลูกของอาดัมคนแรก (กอบีล)


จะต้องรับผิดชอบจากเลือดของชีวิตนั้น เพราะเขาเป็นผู้วางแบบฉบับในการฆ่า” เช่นเดียวกับผู้ที่วางแบบฉบับที่ดีให้คนรุ่นหลังได้ปฏิบัติตาม เขาผู้นั้นก็จะได้รับผลบุญเท่ากันผู้ที่ปฏิบัติตาม และยิ่งมีผู้ปฏิบัติตามมาก เขาก็ยิ่งได้รับผลบุญมากขึ้นเรื่อย ๆ และท่านศาสดามูฮำมัดยังได้กล่าวอีกว่า “แท้จริงอัลลอฮฺทรงยกอุทาหรของลูกท่านอาดัมให้กับพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงยึดเอาจากสิ่งที่ดี ๆ ของพวกเขา และจงละทิ้งสิ่งชั่วร้ายของพวกเขา”

 
ได้ถูกกล่าวว่า ในขณะที่ฮาบีลถูกฆ่า เขามีอายุได้เพียง 20 ปี ส่วนกอบีลมีอายุได้ 22 ปี ท่านสาลีมบุตรท่านอบีลญะอฺดฺได้กล่าวว่า เมื่อกอบีลได้ฆ่าน้องชายของเขา ท่านอาดัมได้อยู่ในความโศกเศร้า และไม่หัวเราะอีกเลยตลอด 100 ปีที่ผ่านมา จนก็ทั่งได้มีผู้หนึ่งมาหาท่านอาดัม แล้วขอพรให้กับท่านอาดัมว่า “ขออัลลอฮฺทรงให้ท่านมีชีวิตที่ยืนยาว และขอพระองค์ทรงให้ท่านมีเสียงหัวเราะ” แล้วเขาก็บอกข่าวดีแก่ท่านอาดัมว่า เขาจะมีลูกชายอีกคนหนึ่ง ท่านอาดัมจึงหัวเราะออก

 
หลังจากนั้นไม่นาน ภรรยาของท่านอาดัมก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายโดยไม่มีฝาแฝด นางจึงได้กล่าวขึ้นว่า “ฉันได้รับลูกคนใหม่แทนฮาบีลที่เสียชีวิตไป” แล้วนางก็ตั้งชื่อลูกว่า เชซ (شيث) ซึ่งมีความหมายว่า “ของขวัญจากอัลลอฮฺ” ในขณะที่คลอดเชซนั้น ท่านอาดัมมีอายุครบ 130 ปีและได้มีรายงานจากท่านซัร ซึ่งเขาได้กล่าวว่า ฉันได้กล่าวว่า โอ้ท่านศาสดามูฮัมมัด! นบีมีกี่ท่าน? ท่านศาสดาตอบว่า  และหนึ่งจากหะดีษมัรฟัวะอฺ ซึ่งรายงานมา


จากท่านอิบนิอับบาสและท่านอบีฮุรอยเราะฮฺว่า แท้จริงในเลาฮิ้ลมะฮฺฟูซได้บันทึกอายุของท่านอาดัมไว้ถึง 1000 ปี ซึ่งอาจจะไม่ขัดกับสิ่งที่อยู่ในคัมภีร์เตารอดที่ว่าท่านอาดัมมีอายุถึง 930 ปี โดยคิดตามสุริยคติ เพราะหากนับตามจันทรคติแล้ว จะเท่ากับ 957 ปี และบวกอีก 43 ปี ในขณะที่อยู่ในสวนสวรรค์ รวมแล้วครบ 1000 ปี ท่านนบีอาดัมเสียชีวิตในวันศุกร์ ส่วนพระนางฮาวาอฺเสียชีวิตทัดจากท่านนบีอาดัมอีกหนึ่งปี ซึ่งเขาทั้งสองมีลูกด้วยกันถึง 41 คนรวมถึงฮาบีลที่เสียชีวิตไปด้วย


ท่านอิบนิอิสหากและคนอื่น ๆ ได้กล่าวว่า อัลลอฮฺทรงส่งมะลาอิกะฮฺมาทำการอาบน้ำศพ และพันกะฝั่นในกับท่านนบีอาดัม โดยใช้ผ้า 3 ผืน และได้ขุดลูกหลุมฝังท่านนบีอาดัม หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้กล่าวกับผู้ที่มาในวันนั้นว่า “นี้คือแบบฉบับของลูกหลานอาดัมในภายภาคหน้า” นักวิชาการบางท่านได้กล่าวว่า หลุมฝังศพของท่านนบีอาดัมอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งบรรดาลูก ๆ หลาน ๆ ของท่านได้เข้ามาเยี่ยมเยียนเขา และทำการระลึกถึงอัลลอฮฺ (ซิกรูลลอฮฺ) ที่หน้าหลุมฝังศพ เหล่าบรรดาลูก ๆ หลาน ๆ ของท่านนบีอาดัมยังคงปฏิบัติตามคำสั่งสอน และใช้บทบัญญัติของท่านนบีอาดัมในช่วงระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่ยาวนานนัก อันเนื่องมาจากชัยฏอนมารร้ายยังคงจดจองพวกเขาอยู่ตลอดเวลา .................



             
// ณ. มุมหนึ่ง ปลายนา หลังคามุงจาก //«اتَّقِ اللَّهَ حَيْثُمَا كُنْتَ، وَأَتْبِعِ السَّيِّئَةَ الْحَسَنَةَ تَمْحُهَا، وَخَالِقِ النَّاسَ بِخُلُقٍ حَسَنٍ»

ความว่า “ท่านจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺไม่ว่าท่านจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม และจงตามหลังความชั่วด้วยการปฏิบัติความดีเพื่อลบล้างมัน(ความชั่ว) และจงคลุกคลีกับผู้คนทั้งหลายด้วยคุณลักษณะนิสัยที่ดีงาม”
บันทึกโดยอัตติรมิซีย์

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: "โศกนาฏกรรมครั้งแรกแห่งมนุษยชาติ"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เม.ย. 17, 2009, 10:01 PM »
0


จากท่านอิบนิอับบาสและท่านอบีฮุรอยเราะฮฺว่า แท้จริงในเลาฮิ้ลมะฮฺฟูซได้บันทึกอายุของท่านอาดัมไว้ถึง 1000 ปี ซึ่งอาจจะไม่ขัดกับสิ่งที่อยู่ในคัมภีร์เตารอดที่ว่าท่านอาดัมมีอายุถึง 930 ปี โดยคิดตามสุริยคติ เพราะหากนับตามจันทรคติแล้ว จะเท่ากับ 957 ปี และบวกอีก 43 ปี ในขณะที่อยู่ในสวนสวรรค์ รวมแล้วครบ 1000 ปี ท่านนบีอาดัมเสียชีวิตในวันศุกร์ ส่วนพระนางฮาวาอฺเสียชีวิตทัดจากท่านนบีอาดัมอีกหนึ่งปี ซึ่งเขาทั้งสองมีลูกด้วยกันถึง 41 คนรวมถึงฮาบีลที่เสียชีวิตไปด้วย


             

และมนุษย์ทุกคน ก็สืบเชื้อสายกันมา  เป็นลูกหลานของนบีอาดัม
ไม่ว่าจะอยู่ในชนรุ่นใด
สตรี ยังคงเป็นสาเหตุหนึ่งแห่งโศกนาฏกรรม...เสมอ


จำไม่ได้ว่า เคยอ่านเรื่องราวของฮาบีล และ กอบีล จากหนังสือเล่มใด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 18, 2009, 10:34 AM โดย zaifuddeen »

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: "โศกนาฏกรรมครั้งแรกแห่งมนุษยชาติ"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เม.ย. 19, 2009, 07:59 PM »
0
 salam

ขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนความดีงามแก่ผู้เสนอครับ 

แม้จะมีการกล่าวว่า  สตรีเป็นส่วนหนึ่งจากโศกนาฏกรรมเสมอ  แต่พวกเธอมีค่าที่โลกดุนยานี้ขาดไม่ได้
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ ฮัยฟาอ์

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 263
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "โศกนาฏกรรมครั้งแรกแห่งมนุษยชาติ"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พ.ค. 05, 2009, 05:51 PM »
0
สองสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ลูกหลานอาดัมนั้น อยู่ในนรกจำนวนมาก สองสิ่งที่ว่า คือ ลิ้น และ สตรี Oops:

ออฟไลน์ chocolatesunday

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 149
  • "ของหวาน" ที่มีเอกลักษณ์ตรง "ความขม" >o<
  • Respect: +26
    • ดูรายละเอียด
Re: "โศกนาฏกรรมครั้งแรกแห่งมนุษยชาติ"
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พ.ค. 05, 2009, 11:23 PM »
0
 salam


            ทุกสิ่งทุกอย่างมักจะมีสองด้านเสมอ      อยู่ที่เราจะเลือกมองและเอาด้านไหนมาใช้

                    ในเมื่ออัลลอฮฺได้ประทานความคิดมาให้แก่มนุษย์   ก้อจงใช้มันไตร่ตรองและเลือกเอาสิ่งดีๆๆมาใช้                  loveit:

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: "โศกนาฏกรรมครั้งแรกแห่งมนุษยชาติ"
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พ.ย. 05, 2013, 12:04 AM »
0
ขอขุดนะคะ...

เพราะโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นได้เป็นอุทาหรณ์ให้แก่เราซึ่งเป็นลูกหลาน
ของนบีอาดัมได้ไตร่ตรอง...

เรื่องนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่า...การเลือกจะทำสิ่งผิดหรือถูกนั้นเป็นอิสระของมนุษย์โดยแท้
การกำหนดความดีความชั่ว และอำนาจสิทธิ์ขาดในการตอบแทนนั้น
เป็นของอัลลอฮฺอันเด็ดขาดและเที่ยงธรรม...

ดังนั้น...ไม่ว่ามนุษย์จะเลือกกระทำสิ่งใดลงไปก็ย่อมต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ต่อการกระทำนั้นด้วยตัวเอง...

ไฟริษยาในอกนั้นร้อนแรง...เผาไหม้ได้ทุกอย่าง
แม้แต่หัวใจของผู้ที่สุมไปด้วยไฟริษยา...
ซ้ำมันยังทำลายซึ่งความดีงามทุกอย่าง...

เหล่าลูกหลานนบีอาดัม อะลัยอิสลามในปัจจุบัน
ก็ยังคงห่ำหั่นกันเพราะแรงไฟริษยา...ที่นำไปสู่การแย่งชิง...
ไม่อาจยอมรับต่อความพ่ายแพ้...ชิงดีชิงเด่นเพื่อไม่ยอมให้มีคู่แข่ง
...ไม่ต่างจากคู่ฮาบีลกับกอบีล...แล้วสุดท้ายก็ตกอยู่ในความทุกข์
ความเสียใจ...เพราะไฟริษยาที่ยากจะดับ...

สิ่งที่จะดับไปริษยาลงได้ก็คือ...หัวใจที่พอใจต่อสิ่งที่ได้รับ
จากอัลลอฮฺ...ยินดีต่อสิ่งที่มีอยู่...พร้อมกับน้อมตามคำสั่งใช้
งดเว้นคำสั่งห้าม...หัวใจที่ยินดีต่อสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานให้มา
ย่อมปราศจากไฟริษยา แล้วความชุ่มฉ่ำก็ย่อมจะปรากฎ
อยู่ในหัวใจนั้น...ไม่ทุกข์ร้อนหรือร้อนรุ่มไปเพราะไฟสุมทรวง
ยามเมื่อมองไปยังสิ่งที่ผู้อื่นได้รับ...



สูเราะฮฺ อัลมาอิดะฮฺ อายะฮฺที่  31 – 32


คำอ่าน
31. ฟะบะอะสัลลอฮุ ฆุรอบัย..ยับหะษุฟิลอัรฺฎิ ลิยุริยะฮู กัยฟะยุวารี เสาอะตะอะคีฮฺ กอละ ยาวัยละตา..อะอะยํซตุ อันอะกูนะ มิษละฮาซัลฆุรอบิ ฟะอุวาริยะ เสาอะตะอะคี ฟะอัศบะหะ มินัน..นาดิมีน
32. มินอัจญลิซาลิกะ กะตับนาอะลาบะนี..อิสรอ...อีละ อัน..นะฮู มัน..เกาะตะละนัฟสัม..บิฆ็อยรินัฟสิน เอาฟะสาดิน..ฟิลอัรฎิ ฟะกะอัน..นะมา เกาะตะลัน..นาสะญะมีอา วะมันอะหฺยาฮา ฟะกะอัน..มาอะหฺยัน..นาสะ ญะมีอา วะละก็อดญา..อัตฮุม รุสุลุนาบิลบัยยินาติ ษุม..มะอิน..นะกะษีร็อม..มินฮุม บะอฺดะซาลิกะฟิลอัรฺฎิ ละมุสริฟูน


คำแปล R1.
31. Then Allah sent a crow who scratched the ground to show him to hide the dead body of his brother. He (the murderer) said: "Woe to me! Am I not even able to be as this crow and to hide the dead body of my brother?" Then he became one of those who regretted.
32. Because of that we ordained for the Children of Israel that if anyone killed a person not in retaliation of murder, or (and) to spread mischief in the land - it would be as if he killed all mankind, and if anyone saved a life, it would be as if he saved the life of all mankind. and indeed, there came to them our Messengers with clear proofs, evidences, and signs, even then after that many of them continued to exceed the limits (e.g. by doing oppression unjustly and exceeding beyond the limits set by Allah by committing the major sins) in the land!.


คำแปล R2.
34. ต่อจากนั้น อัลเลาะฮฺได้ส่งนกกามาตัวหนึ่ง ทำการคุ้ยตะกุยในพื้นดิน เพื่อทำให้เขา(กอบิล)เห็นว่า ทำอย่างไรเขาจึงจะฝังศพน้องชายของเขา เขารำพึงว่า “โอ้ ความพินาศของฉัน ฉันไม่สามารถที่จะเป็นเช่นกาตัวนี้ เพื่อฉันจะได้ฝังศพน้องชายของฉันได้เชียวหรือ?” ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ทุกข์ระทม
35. เนื่องจากเหตุนั้น เราจึงบัญญัติแก่เผ่าพันธุ์ของอิสรออีลว่า “แท้จริง ผู้ใดฆ่าชีวิตหนึ่งโดยมิใช่(ทดแทน)ชีวิตหนึ่ง (ที่ถูกฆ่าเพื่อให้ตายตกไปตามกัน) หรือเป็นผู้บ่อนทำลายในหน้าแผ่นดิน แน่นอนเท่ากับเขาได้ฆ่ามนุษย์ทั้งหมด และผู้ใดไว้ชีวิตแก่เขา(อยู่ต่อไปด้วยการไม่ประทุษร้าย) แน่นอนก็เท่ากับเขาได้ไว้ชีวิตแก่มนุษย์ทั้งหมด(เช่นเดียวกัน) และแท้จริงบรรดาทูตของเราได้นำบรรดา(สัญลักษณ์)ที่ชัดแจ้งมายังพวกเขา แล้วหลังจากนั้นก็มีจำนวนมากจากพวกเขาเป็นผู้ฟุ้งเฟ้อ (ในการทำตัวฝ่าฝืนบทบัญญัติอัลเลาะฮฺ)ในแผ่นดินภายหลังจากนั้นอีก


คำแปล R3.
31. แล้วอัลลอฮฺก็ได้ส่งอีกาตัวหนึ่งมาคุ้ยดินเพื่อจะแสดงให้เขาได้เห็นถึงการฝังศพน้องชายของเขา เมื่อเห็นดังนั้นแล้วเขาก็ร้องออกมาว่า “วิบัติแน่แล้วตัวฉัน ฉันไม่สามารถที่จะทำอย่างเช่นที่อีกาได้ทำเพื่อกลบฝังศพน้องชายของฉันกระนั้นหรือ?” หลังจากนั้นเขาก็ตรอมใจในสิ่งที่เขาได้ทำไป
32. นั่นคือสิ่งที่ทำไมเราถึงได้กำหนดแก่พวกลูกหลานอิสรออีลว่า “ผ๔ใดฆ่าชีวิตใดเว้นเสียแต่ว่าผู้นั้นเป็นฆาตกรหรือเป็นผู้ก่อการเสียหายบนหน้าแผ่นดิน คนผู้นั้นจะถูกถือเหมือนกับเขาได้ฆ่ามนุษยชาติทั้งมวลและผู้ใดที่รักษาชีวิตหนึ่งไว้ เขาก็จะถูกถือว่าเหมือนกับผู้ให้ชีวิตแก่มนุษยชาติทั้งมวล” แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาก็ยังคงละเมิดในแผ่นดิน แม้หลังจากนั้นรอซูลของเราได้มายังพวกเขา คนแล้วคนเล่าพร้อมกับแนวทางอันชัดแจ้งแล้วก็ตาม


คำแปล R4.
31. แล้วอัลลอฮฺก็ได้ส่งกาตัวหนึ่งมาคุ้ยหาในดินเพื่อที่จะให้เขาเห็นว่าเขาจะกลบศพน้องชายของเขาอย่างไรเขากล่าวว่า โอ้ความพินาศของฉัน ฉันไม่สามารถที่จะเป็นเช่นกาตัวนี้แล้วกลบศพน้องชายของฉันเชียวหรือนี่? แล้วเขาก็กลายเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ตรอมใจ
32. เนื่องจากเหตุนั้นแหละ เราจึงได้บัญญัติแก่วงศ์วาน อิสรออีลว่า แท้จริงผู้ใดฆ่าชีวิตหนึ่งโดยมิใช่เป็นการชดเชยอีกชีวิตหนึ่ง หรือมิใช่เนื่องจากการบ่อนทำลายในแผ่นดินแล้วก็ประหนึ่งว่าเขาได้ฆ่ามนุษย์ ทั้งมวล และแท้จริงนั้นบรรดารอซูลของเราได้นำหลักฐานต่าง ๆ อันชัดแจ้งมายังพวกเขาแล้ว แล้วได้มีจำนวนมากมายในหมู่พวกเขาเป็นผู้ฟุ่มเฟือยในแผ่นดิน


คำแปล R5.
๓๔. ดังนั้น อัลเลาะห์ก็ได้ทรงบันดาลให้เกิดมีกาขึ้นมาคุ้ยเขี่ยดินด้วยปากและตีนทั้งสองของมัน แล้วเอาดินนั้นกลบร่างของกาอีกตัวหนึ่งซึ่งตายเพราะถูกกาตัวนั้นจิก เพื่อให้เขา(กอบีล)ได้เห็นว่าเขาจะกลบความอุจาดของน้องชายของเขาได้อย่างไร เขา(กอบีล)กล่าวว่า น่าสลดใจนักที่ฉันนี้ไม่มีความสามารถเหมือนอย่างกาตัวนี้เลย และไม่สามารถจะปกปิดความอุจาดของน้องชายของฉันได้ ฉะนั้นเขากอบีล)จึงกลายเป็นคนหนึ่งจากพวกที่เศร้าสลดใจทั้งหลายในเรื่องที่ต้องแบกร่างอันไร้วิญญาณของฮาบีลอยู่ถึงสี่สิบวัน แล้วเพิ่งจะมาทำการขุดหลุมฝังร่างดังกล่าวต่อภายหลัง
๓๕. เพราะเหตุที่กอบีลฆ่าฮาบีลผู้เป็นน้องชายนี้เองเราจึงได้ตราเป็นกฎข้อบังคับไว้ให้แก่วงศ์ตระกูลของอิสรออีลว่า ถ้าในโอกาสต่อไปผู้ใดได้ฆ่าชีวิตหนึ่งโดยมิใช่เป็นการล้างหนี้ชีวิตกัน ซึ่งชีวิตที่ถูกฆ่านั้นมิได้ฆ่าชีวิตอื่น เช่น กอบีลฆ่าฮาบีล หรือมิใช่ชีวิตของคนกาฟิรศัตรูคู่สงคราม(ฮัรบีย์) หรือมิใช่ชีวิตของผู้ตกจากภาวะความเป็นมุสลิม(มุร-ตัด) ต่างกับการฆ่าเพื่อป้องกันตัวหรือทรัพย์สินหรือครอบครัว อย่างนี้ศาสนาถือว่าไม่จำเป็นจะต้องฆ่าผู้เป็นฆาตกรให้ตายตกไปตามกัน หรือโดยที่ผู้ถูกฆ่ามิได้เป็นผู้ก่อวินาศกรรมขึ้นในพิภพนี้ด้วยเขาเสียศรัทธาบ้าง เป็นผู้ทำการร่วมประเวณีนอกอนุญาต(ซินา)บ้าง เป็นผู้ช่วงชิงทรัพย์สินของคนสัญจรไปมาตามทางบ้าง หรืออะไรอื่นที่ผิดทำนองของศาสนาบ้าง เหล่านี้ก็เท่ากับผู้นั้นได้ฆ่ามวลมนุษย์ทั้งหมดสิ้น กล่าวคือผู้ใดทำลายเกียรติของชีวิตหนึ่งก็เหมือนผู้นั้นทำลายเกียรติของชีวิตทั้งสิ้นในแง่ที่มีความอาจหาญและแง่ทำลายโครงสร้างที่อัลเลาะห์ได้ทรงประกอบขึ้น แต่ถ้าผู้ใดไว้ชีวิตคนนั้น ๆ  ด้วยการหักห้ามใจตนเองหรือคนอื่นที่คิดจะฆ่าก็ดี หรือเข้าไปคุ้มกันคนหนึ่งให้รอดพ้นจากการถูกฆ่าก็ดี เท่ากับผู้นั้นได้ไว้ชีวิตมวลมนุษย์ทั้งหมดสิ้น กล่าวคือผู้ใดไว้ชีวิตหนึ่งก็เหมือนกับผู้นั้นได้ไว้ชีวิตทั้งสิ้นในแง่ที่เขารักษาสิทธิของอัลเลาะห์ และรักษาโครงสร้างที่อัลเลาะห์ได้ทรงประกอบขึ้นอย่างไม่มีผู้ใดสามารถจะประกอบโครงสร้างอย่างนั้นได้ และข้าขอให้สัตย์ปฏิญาณว่า ความเป็นจริงนั้นบรรดาพระศาสนทูตของเราก็ได้มายังพวกในวงศ์ตระกูลอิสรออีลเหล่านั้นพร้อมด้วยอภินิหารย์ต่าง ๆ แล้ว ครั้นต่อมาหลังจากนั้น พวกเหล่านี้ส่วนมากต่างล่วงละเมิดกันในภาคภพนี้ด้วยการปฏิเสธศรัทธาบ้าง ฆ่าฟันสังหารกันบ้าง และอื่น ๆ บ้าง




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 05, 2013, 12:26 AM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged