เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

ดุอาครายเครียด ได้ผลนะจะบอกให้

<< < (3/3)

กูปีเยาะฮฺสะอื้น:
ญะซากั้ลลอฮุค็อยรอน

คนรู้น้อย:
ขุด คุ้ยขึ้นมาหน่อย อิอิ ดุอาอ์ดีๆแบบนี้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ดี ^^

เด็กท่าเรือ:

--- อ้างจาก: คนรู้น้อย ที่ ก.ย. 07, 2011, 06:45 PM ---ขุด คุ้ยขึ้นมาหน่อย อิอิ ดุอาอ์ดีๆแบบนี้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ดี ^^

--- End quote ---
ญะซากั้ลลอฮุค็อยรอน

nada-yoru:
ญะซากัลลอฮุคอยรอน สำหรับดุอาฮฺดีๆที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ

มนุษย์เรา หากอยู่บนดุนยา ก็คงหนีไม่พ้นสภาวะเครียด
และเมื่อหนีไม่ได้ เราก็ต้องหาวิธีกลายความเครียด...

เมื่อวานได้คุยกับพ่อว่า ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน
ก็หนีความวุ่นวายไม่ได้เลย จะหาที่สงบๆก็แทบจะหาไม่ได้แล้ว
คนที่พยายามทำตัวดีก็กลายเป็นคนเชย...
เหล้าและการเต้นระบำกลายเป็นสิ่งที่น่าชื่นตาชื่นใจ
แก่ผู้คนในยุคนี้ไปแล้วโดยละม่อม...

ในงานเลี้ยงบริษัทที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้นั้น...แน่นอนว่าต้องมีสุรา
มีของมึนเมาและมีการเต้นปลุกเร้าอย่างแน่นอน...
มีน้อยคนนักที่จะไม่ดื่ม และไม่ลุกขึ้นไปเต้นโชว์อวดลีลาท่าทาง...

ข้าน้อยคนหนึ่งที่พยายามบอกกับตัวเองว่า เรามานั่งอยู่ในงานนี้
เพื่อกิจใด...หากเจ้านายไม่จัดปาร์ตีมาให้ทุกคนสนุกกัน
ข้าน้อยคงไม่มานั่ง และหากว่าเจ้านายยังไม่นั่งหัวโด่อยู่ในงาน
ข้าน้อยก็คงเดินออกไปจากงานเลี้ยงเพื่อกลับไปพักผ่อน...
แต่เราทำไม่ได้ จึงอยู่จนงานเลี้ยงเลิกรา...แม้จะแอบฟุบหลับไปบ้างก็ตาม
แต่ก็นั่งหัวโด่ มองคนเมาและคนเต้นรำตรงมุมของเรา...
คิดว่าเรามาทำงาน...งานของเราก็คือ การมานั่งร่วมงานปาร์ตีฉลอง
ให้กับความยิ่งใหญ่ของบริษัท...
และงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา...เราก็ออกไปแสดงความยินดีกับนาย
และขอบคุณสำหรับงานเลี้ยง...

เจ้านายท่่านก็เข้ามากอด เข้ามาขอบคุณที่อยู่ด้วยกันจนงานเลิก
เนื่องจากท่านรู้ดีว่าข้าน้อยไม่กินไม่ดื่มไม่เต้น
แต่ยอมนัั่งเป็นเพื่อนท่านจนงานเลี้ยงเลิกได้
พร้อมกับถามว่าเซ็งมั้ย...
เลยบอกไปตามตรงว่า ไม่ถึงกับเซ็งเพราะเข้าใจมากกว่า...

เนื่องจากพนักงานหลายคนได้ทิ้งท่าน
ไปพักผ่อนกันเกือบหมดแล้ว เหลือแค่คนเก่าๆไม่กี่คนเท่านั้น
ที่อยู่จนงานเลี้ยงเลิก...

บางครั้ง...กับบางสถานการณ์ เราก็เลี่ยงหรือหนีไม่ได้...
ก็ต้องอยู่ และบอกกับตัวเองว่า เราจะอยู่อย่างไร...
และอยู่เพื่อสิ่งใด...

ขากลับบนรถก็ย่อมมีการโยกย้ายส่ายสะโพก
วาดลวดลายลีลาท่าเต้นกันอย่างสนุกสนาน...
หลายครั้งเกิดคำถามว่า...

...ทำไมเราไม่ลุกไปเต้นกับเขาบ้าง...เพราะมีแต่คนพยายามยุให้ลุกไปเต้น
ไปสนุกสนานกับชาวบ้านตลอด...

แต่...

มีสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลย...อัลลอฮฺห้าม...
และเมื่อเราทำ อัลลอฮฺย่อมเห็น...

จึงทำให้รู้ว่า...การเกรงใจมนุษย์นั้นเทียบไม่ได้เลยกับการ
เกรงใจอัลลอฮฺ...

เมื่อความยำเกรงอัลลอฮฺเข้าสู่หัวใจ ความละอายจะเกิด...
เราจะไม่กล้าหรืออาจหาญที่จะทำในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงห้ามได้

แน่นอนว่าหลายๆคนบอกว่าเรานั้นขี้อาย ไม่กล้าลุกออกมาเต้น
มีคนสบประมาท...มีคนท้าทาย...
แต่ก็เท่านั้นค่ะ...ให้เขาท้าทายไป...ข้าน้อยได้แต่ยิ้มๆ
และนั่งนิ่งๆต่อไป...

บอกแค่ว่า...เรานั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไร
ไม่มีอำนาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย...
แต่เรามีทางเลือก...เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้...
แม้เราจะเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่เราก็สามารถเปลี่ยนตัวเองได้...

จากทีี่เคยเครียดๆกับการใช้ชีวิตในสังคมแบบนี้
จนอยากจะหนีไปให้พ้น...

เลยไปปรึกษาพ่อ ถามว่าควรจะทำอย่างไรดี
เพื่อที่จะไปให้พ้นจากสภาพเช่นนี้ได้...

พ่อบอกว่า...ถ้าจะหนีความเสื่อมของสังคมนั้นคงหนีไม่พ้นแล้ว
เพราะทุกๆที่ มันเป็นเหมือนกันหมดแล้ว...แม้แต่สังคมชนบท
ก็ยังมี...แล้วเราจะหนีไปไหนได้...
นอกเสียจากว่าเราจะยืนหยัดอยู่อย่างไรเท่านั้นเอง

พ่อเลยบอกให้ดู"ดอกบัว"
พ่อบอกว่า..."ดอกบัว"นั้น ต่อให้มันจะเกิดมาจากตม
เกิดมาจากน้ำเน่าเสียแค่ไหนหรืออยู่ในน้ำเน่าเสียก็ตาม
แต่มันก็สามารถฝ่าโคลนตม ฝ่าน้ำเน่าเหม็น
ขึ้นมาเบ่งบานเหนือน้ำเน่าเหม็นเหล่านั้นได้
โดยที่กลีบดอกของมันยังคงสะอาดบริสุทธิ์
ไม่มีคราบโคลนหรือคราบน้ำเน่าติดอยู่ที่กลีบของมันเลย...
มันพยายามโผล่ขึ้นมาจากตมผ่านน้ำเน่าเหม็น เพื่อมารับแสงของดวงอาทิตย์
ได้อย่างสวยงาม...

คนที่ทำตัวได้เช่นดั่งดอกบัวนั่นแหล่ะ...คือคนที่สุดยอดแล้ว...

เพราะดอกบัวมันไม่ยอมเปื้อนโคลนตม ไม่ยอมเปื้อนน้ำเน่า
ในขณะที่ตัวของมันอยู่ท่ามกลางโคลนตมและน้ำเน่าเหม็นแท้ๆ...

พ่อจึงบอกว่า...สังคมจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ปัญหาที่จะต้องมานั่งคร่ำเครียด
หากว่าเราตั้งมั่นที่จะเป็นคนดี ตั้งมั่นที่จะทำความดี
และเชื่อมั่นในความดีแล้ว...ก็เดินหน้าทำแบบนั้นต่อไป

ต้องกล้าพอที่จะทำความดี และให้ละอายที่จะทำความชั่ว...

เพราะท้ายที่สุด ผู้ที่ตัดสินเรานั้นไม่ใช่มนุษย์
แต่เป็นผู้สร้างเรามา...อัลลอฮฺคือผู้ตัดสินเรา...
และพระองค์เห็นเราทุกซอกทุกมุม...
ไม่มีอะไรทีี่จะปกปิดพระองค์ได้ สำหรับพระองค์แล้ว
ทุกอย่างนั้นเปิดเผย...ใครไม่รู้ใครไม่เห็น
แต่อัลลอฮฺเห็น...ใครไม่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็น
ไม่เป็นไร อัลลอฮฺเข้าใจ...อย่าเครียดอย่าท้อ
อย่าหมดหวังกับการเดินอยู่บนหนทางของอัลลอฮฺ...
เพราะปลายทางของมันย่อมมีสิ่งที่ดีๆรออยู่...
แค่วันนี้เรายังมองไม่เห็นปลายทางที่ว่าเท่านั้นเอง...
แต่อัลลอฮฺเห็น...และจะทรงตอบแทนเราตามที่เราได้
พากเพียรเอาไว้...

เราจึงมีหน้าที่ก้าวเดินต่อไปบนหนทางของพระองค์
อย่างมั่นคงให้ได้...โดยไม่ต้องหวาดหวั่นกับสิ่งใด
ในเมื่อเราเลือกแล้วที่จะเดินบนทางนี้...
ก็ต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้...

สิ่งใดที่ไม่ดีที่เข้ามาหาเรา เราก็พยายามเอาสิ่งดีๆมาล้าง
แล้วมันจะค่อยๆสะอาดไปเอง...หากเราหมั่นเพียรพยายามล้างมันอยู่เรื่อยๆ

อย่าให้สิ่งไม่ดีที่พบเจอมาเกาะกินใจเราจนยากจะล้างออก...

วันและคืนที่โหดร้าย ไม่ใช่สิ่งใดเลย
นอกจากจะเป็นครูสอนให้เราได้เข้มแข็ง
และหลอมหัวใจเราให้กล้าแกร่ง...

ดังนั้น...ทุกสิ่งทุกอย่างที่อัลลอฮฺกำหนดมาให้ประสบกับเรา
หาใช่อื่นใดเลย นอกจากจะเป็นความเมตตา
และเป็นบทพิสูจน์ตัวเรา...พิสูจน์หัวใจเรา...
พิสูจน์ศรัทธาของเรา...


ปล.แวะมาแชร์ประสบการณ์...หวังว่าจะมีประโยชน์บ้าง
ไม่มากก็น้อย...

หากผิดพลาดอย่างไร แนะนำตักเตือนกันด้วยนะคะ

วัสลามค่ะ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version