ผู้เขียน หัวข้อ: นบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ศาสนทูตแห่งความเมตตา  (อ่าน 8492 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

بَسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيْمِ

นบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ศาสนทูตผู้มีความเมตตา

เอกบุรุษผู้เป็นหัวหน้าแห่งสากลโลก  คือท่านนบีมุฮัมมัด  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ศาสนทูตที่ถูกส่งมาสู่มวลมนุษยชาติทั้งหลาย  ตลอดจนบรรดาวัตถุต่างก็ได้รับความปลอดภัยด้วยเหตุการส่งท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้นประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้นจะรอดพ้นปลอดภัยจากสิ่งที่เคยบังเกิดขึ้นกับประชาชาติยุคก่อน  ซึ่งบ้างก็ถูกสาปให้เป็นลิงเฉกเช่นพวกยิว  หรือถูกธรณีสูบ  ตลอดจนบรรดาก้อนหินก็ปลอดภัยจากการทำให้เป็นหินร้อนเพื่อลงโทษชาวนรก  ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ถูกส่งมายังมนุษย์และญินนั้นเพื่อวางบทบัญญัติแก่พวกเขาให้พ้นจากความลุ่มหลง  ถูกส่งไปมายังวัตถุและสรรพสิ่งทั้งหลาย  พื้นดินถูกทำให้สะอาดและเป็นสถานที่ใช้ทำการสุยูดได้  ก็เพื่อเป็นเกียรติและสร้างความปีติยินดีแก่พวกมันทั้งหลาย  ดังกล่าวนั้นอัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงประกาศฐานันดรของท่านนบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ไว้ความว่า

وَمَا أَرْسَلْنَاكَ إِلاَّ رَحْمَةً لِلْعَالَمِيْنَ

"และเราไม่ได้ส่งเจ้ามานอกจากเป็นความเมตตาแก่สากลโลกทั้งหลาย" อัลอัมบิยาอฺ 107 

ดังนั้นอัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ส่งท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็เพื่อเป็นความเมตตาแก่สากลโลก เมตตาต่อมนุษยชาติ  ไม่ว่าจะเป็น ชาย , หญิง , และเด็ก , เมตตาต่อสาราสัตว์ทั้งหลาย  เมตตาต่อผู้ศรัทธา   เมตตาพวกมุนาฟิกีน  ให้ความปลอดภัยแก่พวกเขา  ไม่ประกาศรบและจับมาเป็นเฉลยเพราะคำนึงถึงการรับอิสลามของพวกเขาแม้จะเพียงภายนอกก็ตาม  อีกทั้งยังเมตตาต่อพวกกุฟฟารโดยไม่ถูกทำลายถอนรากถอนโคนเฉกเช่นประชาชาติก่อนหน้านั้นที่ทำการปฏิเสธศาสนทูตของพวกเขา  แต่สำหรับกุฟฟารในประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมแล้วนั้น  อัลเลาะฮ์ทรงประวิงเวลาการลงโทษต่อพวกเขาเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั่นเอง

ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า “ได้ถูกกล่าวแก่ท่านศาสนทูตมุฮัมมัด ว่า โอ้ ศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ท่านจงขอดุอาอ์ ให้ความวิบัติประสบแก่พวกตั้งภาคีเถิด ท่านกล่าวว่า ฉันมิได้ถูกส่งมาเพื่อสาปแช่ง แต่ทว่าฉันถูกส่งมาเพื่อความเมตตา” รายงานโดยมุสลิม (4704)

ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุได้กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวในขณะกล่าวสุนทรพจน์ว่า "แท้จริงฉันคือความเมตตาที่เป็นสิ่งกำนัล(แด่พวกท่านที่รักทั้งหลาย)" สุนันดาริมีย์ 1/21

ดังนั้นท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงเป็นผู้มีความเมตตา  เอ็นดู  และรักห่วงต่อบรรดาผู้ศรัทธาและสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหมด  ดังที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสยืนยันความว่า

لَقَدْ جَاءكُمْ رَسُولٌ مِّنْ أَنفُسِكُمْ عَزِيزٌ عَلَيْهِ مَا عَنِتُّمْ حَرِيصٌ عَلَيْكُم بِالْمُؤْمِنِينَ رَؤُوفٌ رَّحِيمٌ

"ขอยืนยันว่าแท้จริง! ได้มีศาสนทูตหนึ่งจากเผ่าพันธ์ของพวกเจ้า(ประกาศสัจธรรม)สู่พวกเจ้า  เขามีความกังวัล(เป็นห่วง)ในสิ่งที่พวกเขาทุกข์ร้อน  เขามีความหวังดีต่อพวกเจ้า  อีกทั้งเป็นผู้เมตตาและปราณี  แก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งมวล" อัตเตาบะฮ์ 128 

จนกระทั่งปราชญ์บางส่วนได้กล่าวว่า ส่วนหนึ่งจากความประเสริฐของท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  คืออัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงมอบ 2 พระนามอันวิจิตของพระองค์ให้แก่ท่าน  นั่นก็คือ "ร่ออูฟ" ผู้เมตตายิ่ง  และ "ร่อฮีม" ผู้ปราณียิ่ง

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เป็นศาสนทูตที่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว  แต่หัวใจของท่านมีความรักเมตตาเอ็นต่อเด็ก ๆ ทั้งหลาย  ท่านบุคอรีและมุสลิมได้รายงานจากท่านอะนัส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ว่า  ท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "ฉันเข้าไป(เป็นอิมาม)นำละหมาด  โดยต้องการทำละหมาดให้นาน  ดังนั้นฉันได้ยินเสียงเด็กร้อง  ฉันจึงรีบละหมาดเพราะเห็นใจถึงความรู้สึกของมารดาที่มีต่อเด็ก" รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม  จากหนังสือมุฮัมมัด อัลอันซานุลกามิล หน้า 116 ของท่านอิมามอัซซัยิด มุฮัมมัด อะละวีย์ อัลหะซะนีย์

ท่านหญิงอาอิชะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอัน  ได้กล่าวว่า "มีชาวชนบทได้มาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ท่านได้กล่าวว่า  พวกท่านเคย(หอม)จูบลูก ๆ กันบ้างหรือเปล่า?  (พวกเขาตอบว่า) พวกเราไม่เคย(หอม)จูบพวกเขาเลย  ดังนั้นท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงกล่าวว่า  ฉันไม่มีความสามารถทำให้ความเมตตาอยู่ในหัวใจของท่านหวนกลับมาได้อีกหลังจากที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงถอดความเมตตาออกจากหัวใจท่านแล้ว"  รายงานโดยบุคอรี (5539)

ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ได้กล่าวว่า  "ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ทำการ(หอม)จูบ อัลหะซัน บุตร อะลี (ผู้เป็นหลานรักของท่าน)  ซึ่ง ณ ที่ท่านนั้นมี อัลอักเราะอฺ บุตร หาบิส อัลตะมีมีย์ นั่งอยู่  แล้วกล่าวว่า  ฉันมีบุตรถึง 10 คน  ซึ่งฉันไม่เคย(หอม)จูบคนใดจากพวกเขาเลย  ดังนั้นท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงมองมายังเขา  จากนั้นก็กล่าวว่า  ผู้ใดที่ไม่มีความเมตตา  เขาก็จะไม่ได้รับความเมตตา" รายงานโดยบุคอรี (5538)

ท่านอุซามะฮ์ บิน ซัยด์  ได้กล่าวว่า  "(ท่านหญิงซัยนับ)บุตรีของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ส่งสารมายังท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ฉัน , สะอัด , และอุบัย  ก็อยู่พร้อมกับท่าน (ในสารของบุตรีท่านนบีมีใจความว่า) "บุตรของฉันกำลังใกล้เสียชีวิต"  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงไปหานาง  แล้วให้สลาม  และกล่าวว่า  เธอจงกล่าวว่า  ลิลลาฮิ มาอะค่อษะ วะมาอะฏอ วะกุลลุชัยอิน อินดะฮู อิลาอะญัล"  (ผู้ที่อัลเลาะฮ์ได้เอาชีวิตเขาก็คือผู้ที่พระองค์ทรงให้ชีวิตแก่เขา  ดังนั้นหากพระองค์ทรงเอาชีวิตเขา  ก็พระองค์ก็ทรงเอาชีวิตผู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ และทุกสิ่ง ณ ที่พระองค์นั้น ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว)  แล้วบุตรีของท่านนบีจึงกล่าวสาบานยืนยันกับท่านนบี(ในการเชื่อสิ่งที่ท่านได้ใช้ให้กล่าว)  ดังนั้นท่านจึงมาที่นางแล้วเด็กน้อย(ผู้เป็นหลานของท่าน)จึงถูกนำมาวางไว้บนตักของท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เสียงหายใจของท่านสั่นเครือ  สองดวงตาของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีน้ำตาเอ่อนองออกมา  ท่านสะอัด(คิดว่าการร้องไห้ต่อผู้ตายเป็นสิ่งต้องห้าม)จึงกล่าวแก่ท่านนบีว่า  นี้มันอะไรกันหรือ (โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮ์)?  ท่านนบีตอบว่า  น้ำตาคือความเมตตา  ซึ่งอัเลาะฮ์ทรงบรรจุไว้ในบรรดาหัวใจผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์  และแท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงเมตตาแก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่มีความเมตตา" รายงานโดยบุคอรี (5223) มุสลิม (1531) และท่านอะบูดาวูด (2718) ถ้อยคำฮะดีษเป็นของท่านอะบีดาวูด

ส่วนหนึ่งจากความเมตตาเอ็นดูของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมที่ต่อเด็ก ๆ และสร้างความดีใจแก่พวกเขานั้น  กล่าวคือท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  บางครั้งท่านจะนั่งร่วมกับเด็ก ๆ  เมื่อผลไม้ที่เพิ่งสุกได้ถูกมอบให้  ท่านก็จะนำไปให้แก่พวกเด็ก ๆ เหล่านั้นด้วย  ท่านอัฏเฏาะบะรอนีย์ ได้รายงานจากท่านอิบนุอับบาส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา ว่า  "ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เมื่อผลไม้แรกสุกได้ถูกนำมามอบให้  ท่านก็นำมันมาวางบนสองตาและสองริมฝีปาก  และกล่าวว่า "โอ้อัลเลาะฮ์ เฉกเช่นที่พระองค์ทำให้เราได้เห็นมันในช่วงแรก(ที่เจริญเติบโต้)  พระองค์ทรงโปรดทำให้เห็นมันในช่วงท้าย(ในช่วงสุกงอม)ด้วยเถิด"  หลังจากนั้นท่านก็หยิบยื่นผลไม้ให้แก่พวกเด็ก ๆ เหล่านั้น" รายงานโดยอิบนุอัซซุนีและอัฏเฏาะบะรอนีย์ จากหนังสือมุฮัมมัด อัลอันซานุลกามิล หน้า 118 ของท่านอิมามอัซซัยิด มุฮัมมัด อะละวีย์ อัลหะซะนีย์

ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กำชับให้มีความเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลาย  อีกทั้งยังห้ามเจ้าของปศุสัตว์ปล่อยพวกมันให้หิวโหยและสร้างความเหน็ดเหนื่อยด้วยการบรรทุกสิ่งที่ทำให้หนักอึ้งหรือกระทำสิ่งที่ทำให้เกิดการทรมารแก่พวกมัน  "ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้เดินทางผ่านอูฐตัวหนึ่งที่ผอมโซ  ดังนั้นท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงกล่าวว่า  พวกท่านจงเกรงกลัวอัลเลาะฮ์เกี่ยวกับปศุสัตว์เหล่านี้  พวกท่านจงขี่มันในสภาพที่มันแข็งแรงและจงให้มันรับประทานสิ่งที่ดี ๆ เถิด" รายงานโดยอะบูดาวูดและท่านอิบนุคุซัยมะฮ์  แหล่งอ้างอิงเดียวกัน

วันหนึ่งท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เข้าไปในสวนของชาวอันซอรคนหนึ่ง  ในสวนนั้นมีอูฐตัวหนึ่ง  ซึ่งท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เห็นมันสะอื้นและสองตาของมันมีน้ำตาใหลออกมา  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงเข้าไปหามันแล้วลูบบริเวนต้นคอระหว่างสองหูของมัน(เพื่อปลอบโยน)  แล้วอูฐก็สงบนิ่ง  ดังนั้นท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า  "ใครคือเจ้าของอูฐนี้?  อูฐนี้เป็นของใคร?" ชายหนุ่มชาวอันซอรคนหนึ่งเดินมาหา  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงกล่าวแก่เขาว่า  "เจ้าไม่เกรงกลัวอัลเลาะฮ์เกี่ยวกับสัตว์ที่อัลเลาะฮ์ทรงให้เจ้าครอบครองนี้ดอกหรือ?  เพราะมันได้ร้องทุกข์กับฉันว่า  เจ้าทำให้มันหิวและเหน็ดเหนื่อยจากการใช้มันมากเกินไปและใช้งานมันเกินความสามารถ" รายงานโดยอิมามอะห์มัด , ท่านอะบูดาวูด , อิมามฮากิม  อ้างอิงจากแหล่งเดียวกัน หน้า 118

ส่วนหนึ่งจากความเมตตาของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น ท่านได้ห้ามปรามการสร้างความยากลำบากให้เกิดขึ้นแก่สัตว์พาหนะในลักษณะหยุดพักแล้วนั่งบนหลังมันโดยไม่มีความจำเป็น  ครั้งหนึ่งท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เข้าไปหาคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งคุยกันอยู่บนหลังสัตว์พาหนะของพวกเขา  ดังนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงกล่าวตักเตือนว่า  "พวกท่านจงขี่มันในยามที่มันไม่เหน็ดเหนื่อยและปล่อยมันพักอย่างสบาย  และพวกท่านจงอย่าทำให้มันเป็นเก้าอี้นั่งพูดคุยกันในระหว่างทางเดินและในตลาด  เพราะบางครั้งสัตว์ที่ถูกขี่ย่อมดีกว่าผู้ที่ขี่มัน และรำลึกถึงอัลเลาะฮ์มากกว่าผู้ขี่เสียอีก" รายงานโดยอิมามอะห์มัด , อะบูยะลา , และอัฏเฏาะบะรอนีย์  อ้างอิงจากแหล่งเดียวกัน

ครั้งหนึ่งท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้เห็นรังผึ้งที่มีบางคนได้ทำการเผามัน  ท่านจึงกล่าวว่า  "ผู้ใดที่ทำการเผามันหรือ?  พวกเขากล่าวว่า พวกเราเองครับ  ท่านจึงกล่าว ไม่สมควรที่จะทำการทรมารมันด้วยไฟนอกจาก(อัลเลาะฮ์)พระผู้เป็นเจ้าแห่งไฟ" รายงานโดยอะบูดาวูด อ้างอิงจากแหล่งเดียวกัน หน้า 119  เช่นเดียวกัน  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เตือนเกี่ยวกับการฆ่านกอย่างไร้ประโยชน์  ไม่ใช่เพื่อประโยชน์การรับประทานและอื่น ๆ  ท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า "ผู้ใดที่ฆ่านกกระจอกตัวหนึ่ง  มันจะฟ้องร้องต่ออัลเลาะฮ์ในวันกิยามะฮ์ว่า  โอ้ ผู้อภิบาล  แท้จริงชายคนหนึ่งได้ฆ่าฉันอย่างไรประโยชน์  เขาไม่ได้ฆ่าฉันเพื่อเป็นประโยชน์(ในการรับประทาน)" รายงานโดยท่านอัฏเฏาะบะรอนีย์ อ้างอิงจากแหล่งเดียวกัน หน้า 119  และเช่นเดียวกัน ท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กำชับให้มีความนุ่มนวลในการเชือดสัตว์และให้มีความพิถีพิถันแก่มัน  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวแก่ผู้ที่ล้มแกะตัวหนึ่งแล้วทำการลับมีดว่า "ท่านต้องการจะทำให้มันตาย(หรือทรมาร)ถึงสองครั้งกระนั้นหรือ?  ทำไมท่านไม่ลับมีดให้คมก่อนที่จะล้มแกะ!" รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม อ้างอิงจากแหล่งเดียวกัน หน้า 119

และในมัสยิดของท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  จะนำลำต้นของอินทผาลัมมาทำเป็นเสามัสยิด  เมื่อท่านได้ทำการกล่าวสุนทรพจน์(คุฏบะฮ์)  ปกติท่านจะยืนบนไม้ที่ทำมาจากลำต้นอินทผาลัม  ซอฮาบะฮ์จึงเสนอแก่ท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า  ควรจะทำมิมบัรอันใหม่สำหรับยืนกล่าวสุนทรพจน์  เมื่อบรรดาซอฮาบะฮ์ได้ทำมิมบัรอันใหม่แก่ท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ท่านจึงใช้ให้นำไม้ที่ทำจากต้นอินทผาลัมไปวางไว้ข้าง ๆ มัสยิด  ทันใดนั้นพวกเขาต่างได้ยินเสียงสะอื้นของลำต้นอินทผาลัมเพราะความรักและความสดชื่นที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ยืนกล่าวสุนทรพจน์บนมัน  บรรดาซอฮาบะฮ์ต่างก็ร้องไห้  ดังนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงลงจากมิมบัร  แล้วเอามือลูบบนมันด้วยความเมตตาปลอบโยน  แล้วมันก็หยุดนิ่ง  แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ใช้ให้นำมันไปฝังใต้มิมบัรที่สร้างขึ้นมาใหม่ 

ท่านอัลฮะซัน อัลบะซอรีย์  ได้กล่าวว่า "โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย  ขนาดไม้ที่ทำมาจากลำต้นอินทผาลัมที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมยืนกล่าวสุนทรพจน์ยังมีความรักและคิดถึงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้นพวกท่านจงคิดถึงคะนึงหาที่จะไปพบกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม" หนังสืออัลบิดายะฮ์ อันนิฮายะฮ์ ของท่านอิบนุกะษีร เรื่องดะลาอิล อันนะบูวะฮ์

ท่านผู้อ่านทั้งหลายครับ  ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ผู้มีความรักห่วง  หวังดี  เมตตา  ปราณียิ่งแก่พวกเรานั้น

إِنَّ اللَّهَ وَمَلَائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوا تَسْلِيماً

"แท้จริงอัลเลาะฮ์และมะลาอิกะฮ์ของพระองค์  ทำการประสาทพรแก่ท่านนบี  โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย  พวกเจ้าจงซ่อลาวาตแก่นบีเถิดและจงประสาทความสันติแก่เขาอย่างแท้จริงเถิด" อัลอะห์ซาบ 56


اللهُمَّ صَلِّ عَلَي سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَلَي آلَهِ وَصَحْبِهِ وَسَلَّمَ وَالْحَمْدُ للهِ رَبِّ العَالَمِيْنَ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

มีน้องคนหนึ่งหลังไมค์มาว่า ขอใช้บทความนี้ไปใช้งาน เอาไปเลยครับ แต่อยากรู้ว่าเอาไปใช้ทำอะไร  ;D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
 salam

น่าจะนำไปเผยแพร่มั้ง(ความน่าจะเป็น)...ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ(อะม้าล)คุณงามความดีต่างๆแก่ตนเองและส่วนรวมครับ

ออฟไลน์ khata

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 209
  • เพศ: หญิง
  • ซอบัร ซอบัรและซอบัร
  • Respect: +5
    • ดูรายละเอียด
อัสลามมุอะลัยกุม.....
พิ่งได้อ่าน....ซาบซึ้ง....จริงๆในความเมตตา....ของท่านนบีมุฮัมมัด  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ศาสนทูตแห่งประชาชาติ.....(ขออัลลฮฺทรงประทานความจำเริญแด่ท่าน...).

อ่านอีกหลายรอบก็ยิ่งจะทำให้หัวใจที่แข็งกระด้าง...นอบน้อมลงได้....อัลฮัมดุลิลละหฺ.....

ฉันไม่มีอะไรพิเศษหรอก หากอัลลอฮฺไม่ประสงค์ให้ฉันเป็น

ฉันจะขอยืนหยัดในหนทางของอัลลอฮฺจนกว่าวันสุดท้ายจะมาถึง

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
 salam

อย่าว่าแต่โลกดุนยาเลย แม้กระทั่งโลกหน้าวันกิยามะฮ์  ท่านนบี (ซ.ล.) ยังเป็นเมตตาเป็นห่วงแต่ประชาชาติของท่าน  โดยทำการช่วยเหลือ(ชะฟาอัต)ผู้ที่กระทำบาป 

เราเป็นหัวหน้าครอบครัว  ก็ต้องเมตตาเอ็นดูรักห่วงสมาชิกในครองครัวของเราใช่ไหมครับ  แต่ท่านนบี(ซ.ล.)เป็นหัวหน้าหรือนายของเรา ที่เมตตาและรักห่วงเราผู้เป็นประชาชาติของท่านมากกว่าพ่อแม่ที่รักลูกเสียอีก

อัลลอฮุ้มศ็อลลิอะลามุฮัมมัด loveit:
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ tksarb

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 109
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ท่านนบีมูฮัมหมัด ซอลลอลลอฮูอลัยฮีวะซัลลัม คือผู้ที่มีแบบฉบับและมารยาทดีที่สุดที่เราสมควรเอาแบบอย่าง
ท่านมีทัศนคติที่ดีต่อผู้อื่นเสมอ ไม่เคยมีอคติกับผู้ใด
เย่อหยิ่ง ทะนงตน โอ้อวดต่อผู้อื่นในสิ่งที่ตนเองมีหรือเป็น คิดว่าตนเองแจ๋วกว่าผู้อื่น ชอบตำหนิมุสลิม ทั้งหมดนี้เป็นซีฟัตของใครหว่า คุ้นๆ ?

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านนบีมูฮัมหมัด ซอลลอลลอฮูอลัยฮีวะซัลลัม คือผู้ที่มีแบบฉบับและมารยาทดีที่สุดที่เราสมควรเอาแบบอย่าง
ท่านมีทัศนคติที่ดีต่อผู้อื่นเสมอ ไม่เคยมีอคติกับผู้ใด

ถูกต้องยิ่ง แม้พวกกุฟฟารและพวกมุชริกีนจะทำร้ายท่านจนเลือดตกยางออก แต่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่อคติกับพวกเขาและไม่สาปแช่งแต่ท่านกลับขอดุอาอ์แก่พวกมุชริกีนกุฟฟารความว่า

اَللَّهُمَّ أهْدِ دَوْساً

"โอ้ อัลเลาะฮ์  โปรดทรงประทานทางนำแก่เผ่าเดาซ์ด้วยเทอญ"  รายงานโดยมุสลิม

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ขอดุอาอ์ให้แก่กลุ่มชนของท่านที่เป็นพวกมุชริกีน ความว่า

اَلَلَّهُمَّ أهْدِ قَوْمِى فَإِنَّهُمْ لاَ يَعْلَمُوْنَ

"โอ้ อัลเลาะฮ์  โปรดทรงประทานทางนำแก่กลุ่มชนของฉันด้วยเถิด  เพราะแท้จริงพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ไม่รู้"

ดัง นั้นท่านญิบรีล อะลัยฮิสลามจึงกล่าวว่า  อัลเลาะฮ์ทรงสัจจริงที่ได้เรียกชื่อท่านว่า  ผู้เมตตาเอ็นดูยิ่งและมีความเมตตายิ่ง (ดู หนังสือ นูรุลยะกีน ของท่านชัยค์ มุฮัมมัด อัลคุฏรีย์  หน้า 56)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
ท่านรอซูล (ซ.ล.) ผู้เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา ผู้ถูกชาวกุฟฟารดูถูก และเย้ยหยัน ได้ปฏิเสธการช่วยเหลือจากญิบรออีลในการที่จะทำลายล้างชนเผ่าที่รังแกท่าน แต่ท่านรอซูล (ซ.ล.)ได้กล่าวว่า

" ถึงแม้ว่า ผู้คนเหล่านี้จะไม่ยอมรับอิสลาม แต่ฉันหวังจากอัลลอฮฺว่า จะต้องมีผู้คนจากเผ่าพันธ์ของเขาที่จะภักดีต่ออัลลอฮฺ "

จงได้พิจารณาดูแบบอย่างของท่านรอซูล (ซ.ล.) ผู้ที่เราสัญญาว่า จะปฏิบัติตาม เรานั้นรู้สึกขุ่นเคืองในเรื่องเพียงเล็กน้อย หรือจากการที่มีใครมากล่าวว่าเราแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น  เราก็เก็บความเจ็บแค้นเอาไว้ตลอดชีวิตของเรา และหาทางแก้แค้นผู้นั้น หรือให้ผู้นั้นมาขอมาอัฟเราให้จงได้  เราเป็นกลุ่มผู้คนที่ได้กล่าวอ้างว่า จะปฏิบัติตามท่านรอซูล(ซ.ล.) ผู้ยิ่งใหญ่หรือป่าว จงพิจารณาดู ถึงแม้ท่านรอซูล  (ซ.ล.) ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างมากมาย ซึ่งกระทำโดยน้ำมือพวกมุชริกกุฟฟาร ท่านก็มิได้สาปแช่งพวกเขา หรือกระทำการอันใดอันเป็นการแก้แค้นถึงแม้ท่านจะมีโอกาสก็ตาม 




اَللَّهُمَّ صَلِّ عَلىَ مُحَمَّدٍ وَعَلىَ آلِ مُحَمَّدٍ

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาติเล่านะคะ กับการนำแบบอย่างของท่านรอซูล (ซ.ล.) มาปฏิบัติ

มีมุอัลลัฟท่านหนึ่ง เริ่มแรกที่ต้องการรับอิสลามนั้น เธอได้บอกกับคนในครอบครัวว่า ต้องการรับอิสลามด้วยใจจริง ถึงแม้ไม่ได้แต่งงานก็ต้องการที่จะเป็นมุสลิม   พี่สาวของเธอนั้นบันดาลโทสะ เพราะเดิมทีนั้นมิได้ชอบมุสลิมเลย ได้ด่าทอ และทุบตี พร้อมทั้งไล่เธอออกจากบ้าน และเธอได้นึกถึงหะดิษที่ท่านนบี (ซ.ล.)ได้ถูกชาวกุฟฟารเย้ยหยัน เธอจึงซอบัรและ  เธอมิได้โกรธพี่สาวของเธอเลย เพราะรู้ว่าพี่สาวนั้นเป็นผู้ไม่รู้ เป็นกลุ่มชนผู้ไม่รู้  ดังนั้น ทุกครั้งหลังละหมาดเธอจะขอดุอาต่ออัลลอฮฺให้ทรงเปิดใจพี่สาว
เวลาผ่านไปไม่นาน  พี่สาวของเธอคนที่ด่าทอคนนั้น ได้รับฮิดายะห์ให้เข้ารับอิสลาม ค่ะ    loveit:

ออฟไลน์ khata

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 209
  • เพศ: หญิง
  • ซอบัร ซอบัรและซอบัร
  • Respect: +5
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาติเล่านะคะ กับการนำแบบอย่างของท่านรอซูล (ซ.ล.) มาปฏิบัติ

มีมุอัลลัฟท่านหนึ่ง เริ่มแรกที่ต้องการรับอิสลามนั้น เธอได้บอกกับคนในครอบครัวว่า ต้องการรับอิสลามด้วยใจจริง ถึงแม้ไม่ได้แต่งงานก็ต้องการที่จะเป็นมุสลิม   พี่สาวของเธอนั้นบันดาลโทสะ เพราะเดิมทีนั้นมิได้ชอบมุสลิมเลย ได้ด่าทอ และทุบตี พร้อมทั้งไล่เธอออกจากบ้าน และเธอได้นึกถึงหะดิษที่ท่านนบี (ซ.ล.)ได้ถูกชาวกุฟฟารเย้ยหยัน เธอจึงซอบัรและ  เธอมิได้โกรธพี่สาวของเธอเลย เพราะรู้ว่าพี่สาวนั้นเป็นผู้ไม่รู้ เป็นกลุ่มชนผู้ไม่รู้  ดังนั้น ทุกครั้งหลังละหมาดเธอจะขอดุอาต่ออัลลอฮฺให้ทรงเปิดใจพี่สาว
เวลาผ่านไปไม่นาน  พี่สาวของเธอคนที่ด่าทอคนนั้น ได้รับฮิดายะห์ให้เข้ารับอิสลาม ค่ะ    loveit:

mycool:

อัลฮัมดุลิลละห์......อัลลอฮฺทรงอยู่กับบรรดาผู้ที่อดทน........
เพราะฉะนั้นเราต้องซอบัร..มาก ๆ.........
ฉันไม่มีอะไรพิเศษหรอก หากอัลลอฮฺไม่ประสงค์ให้ฉันเป็น

ฉันจะขอยืนหยัดในหนทางของอัลลอฮฺจนกว่าวันสุดท้ายจะมาถึง

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านอัตติรมีซีย์ได้รายงานว่า

‏عَنْ ‏ ‏سَيَّارٍ ‏ ‏قَالَ ‏ ‏كُنْتُ أَمْشِي مَعَ ‏ ‏ثَابِتٍ الْبُنَانِيِّ ‏ ‏فَمَرَّ عَلَى صِبْيَانٍ فَسَلَّمَ عَلَيْهِمْ ‏ ‏فَقَالَ ‏ ‏ثَابِتٌ ‏كُنْتُ مَعَ ‏ ‏أَنَسٍ ‏فَمَرَّ عَلَى صِبْيَانٍ فَسَلَّمَ عَلَيْهِمْ وَقَالَ ‏ ‏أَنَسٌ ‏ ‏كُنْتُ مَعَ رَسُولِ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏فَمَرَّ عَلَى صِبْيَانٍ فَسَلَّمَ عَلَيْهِمْ 

"จากยะซาร เขากล่าวว่า ฉันได้เดินพร้อมกับท่านษาบิต อัลบุนานีย์ แล้วเขาได้เดินผ่านพวกเด็ก ๆ แล้วกล่าวให้สลาต่อพวกเขา ดังนั้นท่านษาบิตจึงกล่าวว่า ฉันเคยอยู่พร้อมกับท่านอะนัส ซึ่งเขาได้เดินผ่านพวกเด็ก ๆ แล้วทำการกล่าวสลามให้พวกเขา และท่านอะนัสก็กล่าวว่า ฉันได้เคยอยู่พร้อมกับท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม (เมื่อ)ท่านได้เดินผ่านพวกเด็ก ๆ ท่านก็กล่าวให้สลามแก่พวกเขา" (2620) ท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า ฮะดีษนี้ซอฮิห์

ฮะดีษนี้บ่งชี้ถึง สุนัตให้ทำการกล่าวสลามแก่พวกเด็ก ๆ ที่รู้เดียวสาแล้ว และยังบ่งชี้ความนอบน้อมถ่อมตนของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และยืนยันถึงความเมตตาเอ็นดูอันสมบูรณ์ที่มีประชาชาติของท่าน
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

ท่านอิยาฏ บิน หิมาร อัลมุญาชิอีย์ ได้กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

وَأَهْلُ الْجَنَّةِ ثَلَاثَةٌ...وَرَجُلٌ رَحِيمٌ رَقِيقُ الْقَلْبِ لِكُلِّ ذِي قُرْبَى وَمُسْلِمٍ

"ชาวสรรค์นั้นมีบุคคล 3 ประเภท...(ส่วนหนึ่งคือ)...ชายคนหนึ่งที่มีความเมตตา จิตใจอ่อนโยนแก่เครือญาติและมุสลิมทุกคน" รายงานโดยมุสลิม(5109)

ความเมตตาเป็นคุณลักษณะหนึ่งของผู้ที่เป็นชาวสวรรค์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
salam

รายงานจากญาบิร (ร.ด.) กล่าวว่า ท่านรอซูล ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

อุปมาตัวของฉันกับพวกเจ้านั้น ก็เหมือนกับชายคนหนึ่งที่เขาจุดไฟขึ้นมา  ครั้นแล้วแมลงเม่าและแมลงตัวเล็กๆ ก็บินเข้าไปในกองไฟ และเขาก็ปัดป้องขับไล่พวกมันให้ออกห่างจากไฟ   ฉันก็เช่นเดียวกัน ฉันกำลังป้องกันพวกเจ้าให้ปลอดภัยจากไฟของญะฮันนัม  โดยจับที่เอวของพวกเจ้าไว้  แต่พวกเจ้ากำลังหลุดออกไปจากมือของฉัน (ไปอยู่ในไฟของญะฮันนัม) .... (รายงานโดยมุสลิม)

ในฮะดิษนี้บรรยายถึง ความเมตตาสงสารอันเหลือล้น และความต้องการของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม   ซึ่งมีอยู่ในจิตใจของท่าน ที่จะป้องกันอุมมะห์ของท่านให้ปลอดภัยจากไฟของญะฮันนัม

ออฟไลน์ Molto

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 109
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam

อ่านแล้วทำให้จิตใจอ่อนโยน  อยากเมตตาสัตว์  อยากมีเมตตาเด็กๆ อยากเมตตามนุษย์ทั้งหลายมากกว่าที่เป็นอยู่

อยากให้นำเสนอเกี่ยวกับแบบฉบับที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของท่านนบี(ซ.ล.)เยอะๆ  เพราะพี่น้องเขาสนใจเกี่ยวกับ

เรื่องของท่านนบี(ซ.ล.)

 

GoogleTagged