ผู้เขียน หัวข้อ: ซอฮะบะฮฺท่านหนึ่งได้ทำชิริกตามทัศนะของเชคบินบาซ  (อ่าน 9487 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
งั้น ผมขอ ถามเสียหน่อยว่า
กระทู้นี้ ต้องการเสวนา กันในเรื่องใด ?
เพราะอย่างที่บังอัล กล่าวไว้ ว่าให้ชี้แจง 2 ข้อไหม
บังเกต บอกไม่ต้องชี้แจง
ส่วนผม ได้เสนอแนวทาง การนำเสนอ ฮะดิสบทนี้ ของเชค 3 รูปแบบ  ทางบังกุรอบะ ก็บอกว่าหลงประเด็นเทือกนั้น
ผมเองขอความกระจ่างด้วยครับ ว่าเราจะเสวนากันเรื่องใด ในกระทู้นี้

วัสลาม...

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
แต่ตอนสุดท้ายเขาก็บอกว่า وعلى تقدير صحته عنه لا حجة فيه ،
 لأن عمل كبار الصحابة مخالفه، وهم أعلم بالرسول صلى الله عليه وسلم وشريعته من غير هم


เชคกล่าวว่า....หากถือว่าการเป็นซอฮาบะนั้นซอฮีฮฺจริง ก็ไม่เป็นหุจยะฮฺ โดยหาว่าสิ่งที่ซอฮะบะฮฺท่านอื่นนั้นทำไม่เหมือน

ตรงขีดเส้นใต้สีแดงนั้น   พี่น้องที่มองอย่างเป็นกลางคงจะได้ข้อคิดอะไรลึกๆจากเชคบินบาช(รฮ)

วัสลาม

ทัศนะข้างต้นเกี่ยวเนื่องกับปัญหา حجية قول الصحابي    หมายถึง คำพูด หรือการกระทำ หรือทัศนะของเศาะหาบะฮฺสามารถนำมาเป็นหุจฯฮฺได้ใหม อย่างไร  ลและเมื่อไหร่ ซึ่งผมคิดว่า คุณอัซฮารีน่าจะถนัดในเรื่องนี้ ดังนั้น จึงขอยกให้อัซฮารีมาชี้แจงก็แล้วกัน

เรื่องคำพูด การกระทำหรือการฟัตวาของซอฮาบะฮ์นั้น เนื้อหามันเยอะนะครับไม่ไหวนำเสนอแบบรายละเอียดนะครับ แต่พอดีวันนี้ผมได้วิภาษ อ.ปราโมทย์ เกี่ยวกับการกระทำของซอฮาบะฮ์ ก็เลยเป็นโอกาสนำเสนอในกระทู้นี้เลยล่ะกันครับ

คำพูดของซอฮาบะฮ์หรือ ฟัตวาของซอฮาบะฮ์นั้น นักปราชญ์อุศูลียีน(ปราชญ์วิชาหลักนิติศาสตร์อิสลาม)มีทัศนะที่แตกต่างกัน  แนวทางของปราชญ์ส่วนมากยืนยันว่าคำพูดของซอฮาบะฮ์หรือฟัตวาของซอฮาบะฮ์นำมา เป็นหลักฐานได้  สำหรับนักปราชญ์ส่วนน้อยมีทัศนะไม่รับการฟัตวาหรือคำพูดของซอฮาบะฮ์  ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นมีมากมาย  ซึ่งกระผมไม่ขอนำเสนอใน ณ ที่นี้  ดังนั้นคำพูดของ อ.ปราโมทย์ที่ว่า "หะดีษเมากูฟ (คำพูดหรือฟัตวาของซอฮาบะฮ์)ตามหลักการแล้วไม่ใช่เป็นหลักฐานของศาสนา" นั้นมันเป็นทัศนะส่วนตัวของ อ.ปราโมทย์ครับ ไม่สามารถมาละเมิดหรือบังคับใช้กับพี่น้องมุสลิมทั่วไปที่เลือกทัศนะของ ปราชญ์ส่วนมากได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นอิสระที่จะเลือกเฟ้นกันไป

ดัง นั้นสิ่งผมอยากจะกล่าวก็คือ คำพูดหรือฟัตวาของซอฮาบะฮ์นั้น ไม่ใช่นำมาเป็นหลักฮุกุ่มศาสนาที่อยู่ในระดับวายิบหรือฮะรอม แต่อย่างน้อยก็อยู่ในขั้นระดับ اَلْجَائِزُ "อนุญาตให้กระทำได้" หรือ لاَ بَأْسَ بِهِ "กระทำมันได้ไม่เป็นไร" ดังนั้นการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรถือว่าเป็นสิ่งที่ อนุญาต الْجَائِزُ ให้กระทำได้และไม่เป็นไร

ท่านอิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล เป็นหนึ่งจากอุลามาอฺสะลัฟที่ยึดคำพูดหรือฟัตวาของซอฮาบะฮ์มาตัดสินไปศาสนา ว่าอนุญาต الْجَائِزُ ให้กระทำได้

ท่านอับดุลเลาะฮ์ บุตร ของท่านอะหฺมัด บิน ฮัมบัล กล่าวว่า

رَأَيْتُ أَبِىْ يَكْتُبُ التََّعَاوِيْدَ لِلَّذِىْ يُصْرَعُ وَلِلحَمِىِّ لِأَهْلِهِ وَقَرَابَاتِهِ ، وَيَكْتُبُ لِلْمَرْأَةِ إِذَا عَسُرَ عَلَيْهَا الْوِلَادَةُ فِىْ جَامٍ أَوْ شَيْءٍ نَظِيْفٍ ، وَيَكْتُبُ حَدِيْثَ إبْنِ عَبَّاسٍ ، إِلَّا أَنَّهُ كَانَ يَفْعَلُ ذَلِكَ عِنْدَ وُقُوْعِ الْبَلاَءِ ، وَرَأَيْتُ يَعُوْدُ فِى الْمَاءِ وَيُشْرِبُهُ الْمَرِيْضَ ، وَيَصُبُّ عَلَى رَأْسِهِ مِنْهُ ، وَرَأَيْتُ أَبِىْ يَأْخُذُ شَعْرَةٍ مِنْ شَعْرِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَيَضَعُهَا عَلَى فِيْهِ يُقَبِّلُهَا ، وَأَحْسِبُ أَنِّىْ قَدْ رَأَيْتُهُ يَضَعُهَا عَلَى رَأْسِهِ أَوْ عَيْنِهِ ، فَغَمَّسَهَا فِى الْمَاءِ ثُمَّ شَرَبَهُ يَسْتَشْفِى بِهِ ، وَرَأَيْتُهُ قَدْ أَخَذَ قَصْعَةَ النَّبِىِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بَعَثَ بِهَا إِلِيْهِ أَبُوْ يَعْقُوْبَ بْنُ سُلَيْمَانَ بْنِ جَعْفَرَ فَغَسَلَهَا فِىْ جُبِّ الْمَاءِ ثُمَّ شَرِبَ فِيْهَا ، وَرَأَيْتُ مِنْ مَاءِ زَمْزَمَ يَسْتَشْفِىْ بِهِ وَيَمْسَحُ بِهِ يَدَيْهِ وَوَجْهَهُ

" ข้าพเจ้าได้เห็นบิดา ทำการเขียนสิ่งที่ขอความคุ้มครองให้กับผู้เป็นลมและผู้ที่ป่วยไข้  ที่เป็นครอบครัวและเครือญาติของท่าน  และบิดาได้เขียนในถ้วยหรือสิ่งที่สะอาดให้กับสตรีคนหนึ่งในยามที่นางคลอด ลำบาก  และบิดาเขียนหะดิษของท่านอิบนุอับบาส  แต่ท่านได้กระทำสิ่งดังกล่าวในยามที่มีภัยมาทดสอบ  และข้าพเจ้าเห็นบิดาทำการอ่านดุอาอ์ขอการคุ้มครอง(แล้วเป่า)ลงในน้ำและให้ ผู้ป่วยดื่มและทำการรดน้ำนั้นลงบนศีรษะ  และข้าพเจ้าเห็นบิดาได้เอาเส้นผมของท่านนบี(ซ.ล.) แล้วนำมาวางบนปากของท่านเพื่อทำการจูบมัน  และข้าพเจ้าเข้าใจว่า  ข้าพเจ้าได้เคยเห็นบิดาวางเส้นผมของท่านนบี(ซ.ล.) บนศีรษะและตาของท่าน  แล้วท่านก็นำเส้นผมของท่านนบีจุ่มลงในน้ำ จากนั้นก็ทำการดื่มน้ำนั้น เพื่อขอให้หาย(จากการป่วย)ด้วยน้ำนั้น  และข้าพเจ้าเห็นบิดาเอาจานของท่านนบี(ซ.ล.) ที่อบูยะอฺกูบ บิน สุไลมาน บิน ญะฟัร ได้ส่งมาให้ท่าน  ดังนั้น  บิดาจึงทำการล้างมันในบ่อน้ำแล้วก็ดื่มมัน  และข้าพเจ้าได้เห็นบิดาเอาน้ำซัมซัมมารักษา และเอามาลูบสองมือและใบหน้าของท่าน" ดู  หนังสือ มะซาอิล อิมามอะหฺมัด  ของท่านอับดุลเลาะฮ์ บิน อะหฺมัดบินฮัมบัล หน้า 447

ท่านอะบูบักร อัลมัรรูซีย์ ศิษย์คนหนึ่งของอิมามอะห์มัดได้ท่านว่า

سَأَلْتُ أَبَا عَبْدِ اللهِ عَنْ قُبْلَةِ اليَدِ فَقَالَ : إِنْ كَانَ عَليَ طَرِيْقِ التَّدَيُّنِ فَلاَ بَأْسَ ، قَدْ قَبَّلَ أَبُوْ عُبَيْدَةَ يَدَ عُمَرَ بْنِ الخَّطَّابِ ، وَإِنْ كَانَ عَنْ طَرِيْقِ الدُّنْيَا فَلاَ

"ท่านได้ถามอะบูอับดิลลาฮ์(อิมามอะห์มัด)จากเรื่องการจูบมือ  ท่านตอบว่า  หากการจูบมือบนหนทางการศาสนา(เช่นให้เกียรติแก่ผู้รู้หรือผู้มีคุณธรรม) ถือว่าไม่เป็นไร  แท้จริงอะบูอุบัยดะฮ์ได้เคยจูบมือของท่านอุมัร บุตร อัลค็อบฏ็อบ , และถ้าหากว่าจูบมือบนหนทางของดุนยา(เช่นจูบมือเพื่อเอาใจกษัตริย์ผู้ปกครอง หรือผู้นำ) ถือว่าไม่ได้” หนังสืออัลวะเราะอฺ ของท่านอัลมัรรุวะซีย์ หน้า 157-158

ท่านอิมามอิบนุกุดามะฮ์ กล่าวว่า

قَالَ أَبُوْ عَبْدِ اللهِ : أَمَّا الْمِنْبَرُ فَقَدْ جَاءَ فِيْهِ يَعْنِيْ مَا رَوَاهُ إِبْرَاهِيْمُ بْنُ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَبْدِ الْقَارِي أَنَّهُ نَظَرَ إِلَي ابْنِ عُمَرَ وَهُوَ يَضَعُ يَدَهُ عَلَي مَقْعَدِ النَّبِيِّ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مِنَ الْمِنْبَرِ ثُمَّ وَضَعَهَا عَلَي وَجْهِهِ

"ท่านอะบูอับดิลลาฮ์(คือท่านอะห์มัด บิน ฮัมบัล) ได้กล่าวว่า สำหรับมิมบัรนั้น  ได้มีระบุสิ่งที่รายงานโดยอิบรอฮีม บิน อับดุรเราะห์มาน บิน อับดิลกอรีว่า แท้จริงเขาได้มองไปที่ท่านอิบนุอุมัร ในขณะที่ท่านได้วางมือของท่าน(เพื่อเอาบะรอกัตสิริมงคล)บนที่นั่งของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่อยู่บนมิมบัร หลังจากนั้นก็ท่านทำการวางมันบนใบหน้าของท่าน" หนังสืออัลมุฆนีย์ 3/591

ท่านอิมามอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวว่า

قُلْتَ : أَيْنَ الْمُتَنَطِّعُ الْمُنْكِرُ عَلَى أَحْمَدَ وَقَدْ ثَبَتَ أَنَّ عَبْدِ اللهِ سَأَلَ أَبَاهُ عَمَّنْ يَلْمَسُ رَمَانَةَ مَنْبَرِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَيَمُسُّ الحُجْرَةَ النَّبَوِيَّةَ فَقَالَ : لاَ أَرَى بِذَلِكَ بَأْساً أَعَاذَنَا اللهُ وَإِيَّاكُمْ مِنْ رَأْيِ الخَوَارِجِ وَمِنَ الْبِدَعِ

"ข้าพเจ้า (คือท่านอัซซะฮะบีย์)ขอกล่าวว่า ใครหน้าใหนที่คิดลึกเลยเถิดและทำการตำหนิต่อท่านอะห์มัด ทั้งที่ได้ยืนยันแล้วว่าแท้จริงท่านอับดุลลอฮ์ได้ถามบิดาของเขาจากผู้ที่เอา มือลูบสัมผัสที่นั่งบนมิมบัรของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และทำการสัมผัสห้อง(สุสาน)ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ดังนั้นท่านอะห์มัดตอบว่า "การกระทำดังกล่าวนั้นถือว่าไม่เป็นไร" และขออัลเลาะฮ์ให้คุ้มครองเราและพวกท่านจากทัศนะความเห็นพวกค่อวาริจญฺและ พวกบิดอะฮ์ทั้งหลาย(ที่ตำหนิในเรื่องนี้)ด้วยเถิด" หนังสือซิยัรอะลามอันนุบะลาอฺ 11/212

ดังนั้นการตะวัสซูลสามารถกระทำได้ครับ อย่าไปคิดลึกเลยเถิด และขออัลเลาะฮ์ให้คุ้มครองเราและพวกท่านจากทัศนะความเห็นพวกค่อวาริจญฺและ พวกบิดอะฮ์ทั้งหลาย(ที่ตำหนิในเรื่องนี้)ด้วยเถิด (พูดเลียนแบบท่านอัซซะฮะบีย์ครับ)
;D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

ความจริงผมไม่ต้องการเข้าร่วมในกระทู้นี้  เพราะลุ้นให้คุณเก็ตชี้แจงเพื่อให้พี่น้องเข้าใจว่าท่านบินบาซฺมิได้กล่าวหาซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีนคนหนึ่งเท่านั้น  และกระทู้นี้ก็มิได้พูดเจาะจงเกี่ยวกับการทำตะวัซซูลแบบโดยรวม  การที่ผมจะโพสต์เกี่ยวกับหลักฐานต่าง ๆ ที่ตะวัซซูลได้นั้น  เกรงว่ามันจะนอกประเด็นของกระทู้ที่พูดเกี่ยวกับทัศนะของเชคบินบาซฺเท่านั้น ผมเลยไม่เข้าร่วมเสวนา

แต่การเสวนานั้น  มีการวิเคราะห์คำพูดของเชคบินบาซฺด้วย แล้วมีเว็บวะฮาบีเอาประเด็นนี้ไปโพสต์วิจารณ์กันแบบเข้าข้างตนเองเกินไป กระผมจึงขอร่วมวงด้วยสักนิดหน่อยครับ  ;D

ท่านอิบนุชัยบะฮ์  กล่าวรายงานว่า

عَنْ مَالِكِ الدَّارِ، وَكَانَ خَازِنُ عُمَرَ، قَالَ أَصَابَ النَّاسَ قَحْطٌ فِيْ زَمَنِ عُمَرَ، فَجَاءَ رَجُلٌ اِلَى قَبْرِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ وَسَلَّمَ فَقَالَ يَارَسُوْلَ اللهِ اِسْتَسَقِ لِأُمَّتِكَ فَاِنَّهُمْ هَلَكُوْا،فَأَتَى الرَّجُلُ فِي الَمَنَامِ فَقِيْلَ لَهُ اِئْتِ عُمَرَ فَاقْرِئْهُ السَّلاَمَ وَأَخْبِرْهُ أَنَّكُمْ مَسْقِيُّوْنَ، وَقُلْ لَهُ عَلَيْكَ الْكَيْسَ عَلَيْكَ الْكَيْسَ ، فَأَتَى عُمَرَ فَأَخْبَرَهُ، فَبَكَى عُمَرُ ثُمَّ قَالَ يَا رَبِّ لاَ آلُوْ اِلاَ مَا عَجَزْتُ عَنْهُ:

"จากมาลิก อัดดาร (รายงานว่า) ผู้ดูแลคลังของท่านอุมัร  ได้กล่าวว่า  ประชาชนได้ประสบความแห้งแล้งในสมัยท่านอุมัร  ดังนั้นจึงมีชายคนหนึ่งได้มายังกุบูรของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และกล่าวว่า  โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ท่านจงขอให้ฝนตกแก่ประชากรของท่านด้วยเถิด  เพราะว่าพวกเขากำลังเดือดร้อน  ดังนั้นท่านร่อซูลุลลอฮ์จึงมาเข้ามาหาชายคนนั้นในฝัน  และถูกกล่าวแก่เขาว่า  ท่านจงไปหาอุมัร  แล้วจากฝากบอกสลามแก่เขาด้วย  และจงบอกเขาว่า  แท้จริงพวกท่านจะได้รับน้ำฝน  และจงกล่าวแก่เขาว่า  จงมุ่งมั่นในภาระกิจของประชาชน  จงมุ่งมั่นในภาระกิจของประชาชน  แล้วชายผู้นั้นก็ไปหาท่านอุมัร  และเล่าให้ฟัง  ท่านอุมัรจึงร้องไห้  หลังจากนั้นก็กล่าวว่า  โอ้ผู้อภิบาลของฉัน  ฉันมิได้ทำการอันพกพร่องเลยนอกจากสิ่งที่ฉันไม่มีความสามารถเท่านั้น" หนังสืออัลมุซันนัฟ 12/31-32  ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร และอัลฮาฟิซฺ อิบนุ กะษีร  กล่าวว่าสายรายงานฮะดีษนี้ซอฮิห์ : ฟัตฮุลบารีย์ 2/495 , หนังสืออัลบิดายะฮ์วันนะฮายะฮ์ ของท่านอิบนุกะษีร 7/111

ท่านอัลฮาฟซฺ อิบนุกะษีร ได้กล่าวว่า

وَقَالَ سَيْفٌ بْنُ عُمَرَ، عَنْ سَهْلٍ بْنِ يُوْسُفَ السُلَمِيِّ، عَنْ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ كَعْبٍ بْنِ مَالِكٍ قَالَ ‏:‏ كَانَ عَامُ الرَّماَدَةِ فِيْ آَخِرِ سَنَةَ سَبْعَ عَشَرةَ، وأََوَّلِ سَنَةِ ثَمَانِيَ عَشَرَةَ، أَصَابَ أَهْلُ الْمَدِيْنَةِ وَمَا حَوْلَهَا جُوْعٌ فَهَلَكَ كَثِيْرٌ مِنَ النَّاسِ، حَتَّى جَعَلَتْ الْوَحْشَ تَأْوِيْ إِلَى الإِنْسِ، فَكَانَ النَّاسُ بِذَلِكَ وَعُمَرُ كَالْمَحْصُوْرِ عَنْ أَهْلِ الأَمْصَارِ حَتَّى أَقْبَلَ بلِاَلٌ بْنُ الحَارِثِ الْمُزَنِيْ فَاسْتَأْذَنَ عَلَى عُمَرَ فَقَالَ ‏:‏ أَنَا رُسْوُلُُ رَسُوْلِ اللهِ إِلَيْكَ، يَقُوْلُ لَكَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏: ‏لَقَدْ عَهِدْتُكَ كَيْساً، وَمَا زَلْتَ عَلىَ ذَلِكَ فَمَا شَأْنُكَ ‏؟ قال‏:‏ متى رأيت هذا‏؟‏  قَالَ ‏:‏ الْبَارِحَةَ، فَخَرَجَ فنَاَدَى فِي النَّاسِ الصَّلاَةُ جَامِعَةً، فَصَلَّى بِهِمْ رَكَعَتَيْنِ،

"ซัยฟ์ บิน อุมัร ได้กล่าวรายงานจาก ซะฮ์ล์ บิน ยูซุฟ อัสสุละมีย์ , จากอับดุรเราะห์มาน บิน กะอับ บิน มาลิก , เขากล่าวว่า : ปีแห่งความแห้งแล้งในช่วงท้ายปีที่ 17 และต้นปีที่ 18 ชาวนครมะดีนะฮ์และสัตว์ที่อยู่บริเวรนครมะดีนะฮ์ประสบความหิวโหย  ดังนั้นผู้คนมากมายเสียชีวิต จนกระทั่งสัตว์ป่าก็ต้องอาศัยเพิ่งพามนุษย์ , ดังนั้นผู้คนจึงประสบสิ่งดังกล่าวโดยท่านอุมัรเหมือนกับผู้ที่ถูกขาดการติดต่อจากชาวเมืองอื่น ๆ ทั้งหลาย จนกระทั่งบิล้าล บิน ฮาริษ อัลมุซะนีย์ เข้ามาหาและขออนุญาตเข้าพบท่านอุมัร และเขาก็กล่าว(แก่ท่านอุมัรว่า) ฉันคือทูตผู้บอกข่าวของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มายังท่าน ซึ่งท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ฝากกล่าวแก่ท่านว่า "แท้จริงฉันได้มอบภาระกิจแก่ท่านให้มีความมุ่งมั่น(ไม่ทอดทิ้ง)ประชาชนและท่านก็ยังดำรงมั่นบนภาระกิจดังกล่าว , ท่านอุมัรจึงถามว่า "ท่านฝันเห็นนบีเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อไหร่?" เขากล่าวว่า "เมื่อวานนี้เอง" ดังนั้นท่านอุมัรจึงออกไป แล้วประกาศแก่ผู้คนทั้งหลายว่า "พวกท่านจงมาละหมาด(ขอฝน)รวมกันเถิด" แล้วท่านอุมัรก็ละหมาดพร้อมกับพวกเขาสองรอะกัต" หนังสืออัลบิดายะฮ์วันนะฮายะฮ์ ของท่านอิบนุกะษีร 7/91

ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร ได้กล่าวว่า

وَقَدْ رَوَىَ سَيْفٌ فِي الْفُتُوْحِ أَنَّ الَّذِيْ رَآى الْمَنَامَ الْمَذْكُوْرَ هُوَ بلِاَلٌ بْنُ الْحَارِثِ الْمُزَنِيِّ أَحَدُ الصَّحَابَةِ، وَظَهَرَ بِهَذَا كُلِّهِ مُنَاسَبَةُ التَّرْجَمَةِ لِأَصْلِ هَذِهِ الْقِصَّةِ أيَضْاً وَاللهُ الْمُوَفِّقُ‏.

"แท้จริงซัยฟ์ได้รายงานไว้ในหนังสืออัลฟุตูห์ว่า แท้จริงบุคคลที่ฝันเห็นนบีดังกล่าวนั้น คือท่านบิล้าล บิน อัลฮาริษ อัลมุซะนีย์ หนึ่งจากซอฮาบะฮ์ , และทั้งหมดนี้ได้แสดงถึงความเหมาะสมจากการกล่าวประวัติให้กับต้นเรื่องนี้เช่นกัน อัลลอฮ์คือผู้ทรงชี้นำ" หนังสือฟัตฮุลบารีย์ 2/496


เชคบินบาซถือว่าหะดีษทั้งสองบทดังกล่าวไม่ถูกต้อง ดังจะเห็นได้จากคำกล่าวเป็นนัยของท่านต่อไปนี้
1. เชคถือว่าอะษัรดังกล่าวไม่ถูกต้อง
ท่านกล่าวว่า هذا الأثر – على فرض صحته كما قال الشارحه  "อะษัรนี้ สมมุติว่าถูกต้องจริงตามคำกล่าวของผู้อธิบาย..." 
คำพูดประโยคนี้เป็นการบอกเป็นนัยว่า ตามทัศนะของท่าน อะษัรนี้ไม่ถูกต้อง 

ความจริงแล้วฮะดีษนี้ซอฮิห์  เพราะท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร และท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ กะษีร ได้ตัดสินว่า "ซอฮิห์"  ปัจจุบันวะฮาบีพยายามบอกว่าฮะดีษนี้ฏออีฟ ด้วยการใช้หลักพิจารณาฮะดีษที่ล้มเหลวและขัดกับหลักการฮะดีษอันเนื่องมาจากความตะอัศศุบนั่นเอง  แต่เชคบินบาซฺบอกว่า ถ้าหากสมมติว่าฮะดีษนี้ซอฮิห์  ท่านก็กล่าวต่อไปเพื่อบอกว่าฮะดีษนี้นำมาเป็นหลักฐานไม่ได้เพราะว่า...

2. เชคบินบาซไม่ปักใจว่าคนที่ไปขอชะฟาอะฮฺนั้นเป็นเศาะหาบะฮฺ หรือบิลาล บิน อัลหาริษ
ท่านกล่าวว่า  لأن السائل مجهول   "เนื่องเพราะผู้ถามคนนั้นเป็นผู้ที่ไม่เป็นที่รู้จัก

ในตัวบทของฮะดีษนั้น(ไม่ใช่ในตัวสายรายงานน่ะ)  หากเป็นผู้ที่ไม่เป็นที่รู้จักหรือระบุชื่อเอาไว้  ผู้ที่เข้าใจหลักพิจารณาฮะดีษก็จะทราบว่าตามหลักฮะดีษแล้วนั้น การมีผู้ที่ไม่ถูกระบุชื่อในตัวบทฮะดีษถือว่าไม่มีผลต่อการตัดสินฏออีฟฮะดีษ  ดังนั้นคำพูดของท่านบินบาซฺจึงไร้น้ำหนักและขัดกับหลักการของฮะดีษ

3. อะษัรที่ระบุชื่อคนที่ไปขอชะฟาอะฮฺว่าเป็น บิลาล บิน อัลหาริษ ก็ไม่สามารถยึดถือตามทัศนะของเชคบินบาซ
ท่านกล่าวว่า
وأما تسمية السائل في رواية سيف المذكور (( بلال بن الحارث )) ففي صحته نظر ، ولم يذكر الشارح سند سيف في ذلك
"ส่วนการระบุชื่อของผู้ไปขอชะฟาอะฮฺในรายงานของเซฟดังกล่าว (บิลาล บิน อัลหาริษ) ในความถูกต้องของสายรายงานยังต้องพิจารณา และผู้อธิบาย (หมายถึงอิบนุหะญัร) ก็ไม่ได้กล่าวถึงสายรายงานของเซฟดังกล่าว(ว่ามีความน่าเชื่อถือขนาดไหน)"

สายรายงานของซัยฟ์ที่ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร ไม่ได้กล่าวไว้นั้น  ท่านอิบนุกะษีรได้กล่าวไว้ในหนังสืออัลอัลบิดายะฮ์อันนิฮายะฮ์ไว้หลายสายรายงานด้วยกัน  ส่วนหนึ่งคือ ซัยฟ์ บิน อุมัร ได้รายงานจาก  ซะฮ์ล์ บิน ยูซุฟ อัสสุลามีย์  จาก อับดุรเราะห์มาน บิน กะอับ บิน มาลิก  ซึ่งทั้งสองเป็นซอฮาบะฮ์  ดังนั้นหากสายรายงานของซัยฟ์ที่ว่าผู้ไปที่กุบูรนบีเป็นซอฮาบะฮ์นามบิล้าล บิน ฮาริษ มีปัญหาจริง  ก็สามารถยืนยันได้ว่า  ผู้ที่ไปกุบูรท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  เป็นซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน   และไม่ว่าจะเป็นซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน  แต่ที่สำคัญคือ ท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้ยอมรับในการที่ซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีนได้ทำการตะวัสซูลต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่กุบูรของท่าน

 
وعلى تقدير صحته عنه لا حجة فيه ،
 لأن عمل كبار الصحابة مخالفه، وهم أعلم بالرسول صلى الله عليه وسلم وشريعته من غير هم[/color]
 
ทัศนะข้างต้นเกี่ยวเนื่องกับปัญหา حجية قول الصحابي    หมายถึง คำพูด หรือการกระทำ หรือทัศนะของเศาะหาบะฮฺสามารถนำมาเป็นหุจฯฮฺได้ใหม อย่างไร  ลและเมื่อไหร่ ซึ่งผมคิดว่า คุณอัซฮารีน่าจะถนัดในเรื่องนี้ ดังนั้น จึงขอยกให้อัซฮารีมาชี้แจงก็แล้วกัน

การกระทำหรือการยอมรับของซอฮาบะฮ์นั้น  สามารถนำมาเป็นหลักฐานตามทัศนะของปราชญ์ส่วนมากจากอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  โดยเฉพาะได้รับการยอมรับจากซอฮาบะฮ์ผู้อาวุโสคือท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ซึ่งบ่งชี้ว่าการตะวัซซุลท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หลังจากเสียชีวิตไปแล้วนั้น  "อนุญาตกระทำได้"  ไม่ใช่ "วายิบ" ต้องทำ  และบ่งชี้อีกว่า การตะวัซซุลของซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีนนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ขัดแย้งกับซอฮาบะฮ์  เพราะถ้าหากขัดแย้งกับทัศนะของซอฮาบะฮ์จริง  แน่นอนท่านอุมัรก็จะทำการตำหนิและไม่ให้การยอมรับ

ผมขอยกตัวอย่างการกระทำชิริกของท่านอิบนุอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ตามหลักความเชื่อของวะฮาบี  และการยอมรับของท่านอะห์มัด บิน ฮัมบัลจากการทำชิริกของท่านอิบนุอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ตามหลักความเชื่อของวะฮาบี ดังนี้ครับ

ท่านอิมามอิบนุกุดามะฮ์ กล่าวว่า

قَالَ أَبُوْ عَبْدِ اللهِ : أَمَّا الْمِنْبَرُ فَقَدْ جَاءَ فِيْهِ يَعْنِيْ مَا رَوَاهُ إِبْرَاهِيْمُ بْنُ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَبْدِ الْقَارِي أَنَّهُ نَظَرَ إِلَي ابْنِ عُمَرَ وَهُوَ يَضَعُ يَدَهُ عَلَي مَقْعَدِ النَّبِيِّ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مِنَ الْمِنْبَرِ ثُمَّ وَضَعَهَا عَلَي وَجْهِهِ

"ท่านอะบูอับดิลลาฮ์(คือท่านอะห์มัด บิน ฮัมบัล) ได้กล่าวว่า สำหรับมิมบัรนั้น  ได้มีระบุสิ่งที่รายงานโดยอิบรอฮีม บิน อับดุรเราะห์มาน บิน อับดิลกอรีว่า แท้จริงเขาได้มองไปที่ท่านอิบนุอุมัร ในขณะที่ท่านได้วางมือของท่าน(เพื่อเอาบะรอกัตสิริมงคล)บนที่นั่งของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่อยู่บนมิมบัร หลังจากนั้นก็ท่านทำการวางมันบนใบหน้าของท่าน" หนังสืออัลมุฆนีย์ 3/591

ท่านอิมามอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวว่า

قُلْتَ : أَيْنَ الْمُتَنَطِّعُ الْمُنْكِرُ عَلَى أَحْمَدَ وَقَدْ ثَبَتَ أَنَّ عَبْدَ اللهِ سَأَلَ أَبَاهُ عَمَّنْ يَلْمَسُ رَمَانَةَ مَنْبَرِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَيَمُسُّ الحُجْرَةَ النَّبَوِيَّةَ فَقَالَ : لاَ أَرَى بِذَلِكَ بَأْساً أَعَاذَنَا اللهُ وَإِيَّاكُمْ مِنْ رَأْيِ الخَوَارِجِ وَمِنَ الْبِدَعِ

"ข้าพเจ้า (คือท่านอัซซะฮะบีย์)ขอกล่าวว่า ใครหน้าใหนที่คิดลึกเลยเถิดและทำการตำหนิต่อท่านอะห์มัด ทั้งที่ได้ยืนยันแล้วว่าแท้จริงท่านอับดุลลอฮ์ได้ถามบิดาของเขาจากผู้ที่เอา มือลูบสัมผัสที่นั่งบนมิมบัรของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และทำการสัมผัสห้อง(สุสาน)ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ดังนั้นท่านอะห์มัดตอบว่า "การกระทำดังกล่าวนั้นถือว่าไม่เป็นไร" และขออัลเลาะฮ์ให้คุ้มครองเราและพวกท่านจากทัศนะความเห็นพวกค่อวาริจญฺและ พวกบิดอะฮ์ทั้งหลาย(ที่ตำหนิในเรื่องนี้)ด้วยเถิด" หนังสือซิยัรอะลามอันนุบะลาอฺ 11/212


อ้างถึง
ท่านเชคบินบาซฺได้กล่าวว่า
وأن ما فعله هذا الرجل منكر ووسيلة إلى الشرك ، بل قد جعله بعض أهل العلم من أنواع الشرك،
"แท้จริงสิ่งที่ชายคนนี้(คือซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน)ได้กระทำ ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิและเป็นสื่อไปยังชิริก ยิ่งกว่านั้นแท้จริง อุลามาอฺบางส่วนได้ทำให้การกระทำของชายคนนี้(คือซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน)เป็นประเภทหนึ่งจากชิริก"

คำพูดของท่านเชคบินบาซฺนี้  ไม่ได้บอกว่า "ชายคนนี้(จากซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน)เป็นพวกตั้งภาคี(มุชริก)"  แต่ท่านเชคบินบาซฺกล่าวว่า  "การกระทำของชายคนนี้(คือซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน)เป็นการกระทำที่ถูกตำหนิ(ชั่ว) และเป็นสื่อช่วงทางยังไปยังชิริก  ยิ่งกว่านั้นเชคบินบาซฺยังให้การยอมรับทัศนะของอุลามาอฺบางส่วนที่บอกว่าการกระทำดังกล่าวเป็นประเภทหนึ่งของชิริก  ก็เท่ากับว่าท่านเชคบินบาซฺกล่าวว่า "สิ่งที่ชายคนนี้(คือซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน)กระทำเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ(ชั่ว)และเป็นการกระทำที่ชิริก"

สรุปคือ  เชคบินบาซฺ ไม่ได้กล่าวว่า "ชายคนนี้(ซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน) เป็นมุชริกีน"  แต่เชคบินบาซฺกล่าวว่า "สิ่งที่ชายคนนี้(คือซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน)เป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ(ชั่ว)หรือเป็นการกระทำที่ชิริก" เท่านั้นเอง

พี่น้องคงเข้าใจคำว่า "ซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีนกลายเป็นมุชริก" กับ "ซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีนกระทำสิ่งที่เป็นชิริก" แล้วนะครับ  ;D

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 13, 2009, 04:14 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ยะซากัลลอฮุคอยรอนครับบังอัซฮะรี่ ที่เข้ามาชี้แจง
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เทือกนั้น...

ออฟไลน์ คนอยากรู้

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 621
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salam
กระทู้นี้ถือว่าเป็นกระทู้หนึ่งที่ผมต้องให้เครดิตติดเพชรระดับ(แพลทตินัม)ให้เลยครับ ได้ความรู้มากจากการวิเคราะห์และการนำเสนอของพี่น้องของเราแม้

จะอยู่คนละทัศนะและยึดถือทัศนะของอุลามะที่ต่างกัน  แต่อย่างน้อยการนำเสนอข้อมูลในด้านความจริงและตามทัศนะของปราชญ์อะลิสซุนนะนั้นถือว่า

เป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนต้องน้อมรับหลักการไว้แม้ว่าจะต่างกันบบนควงามเข้าใจ

ญาซากัลลอฮ์น้องบาชิรที่กรุณานำประเด็นนี้มาถกและเสวนา  เพื่อให้เราได้เรียนรู้ บอกตรงๆว่าผมเองนั้นบางครั้งก็ไม่สามารถเข้าใจได้ถ้วนถี่ต้องอาศัยผู้รู้

ญาซากัลลอฮ์คุณเกตที่เสนอความจริงของอุลามะที่อยู่ในอีกทัศนะหนึ่งให้เราได้รู้ในแง่ของความเข้าใจของพวกเขาพร้อมกับเหกตุผลต่างๆของท่นเหล่านั้น

ญาซากัลลอฮ์ ผู้ร่วมเสวนาที่คุยกันด้วยเหตุด้วยผลและไม่เอาอารมณ์มาเป็นที่ตั้ง

ญาซากัลลอฮ์ น้องอัลอัชฮารีที่สละเวลามาชี้แจง สิ่งเหล่านี้ให้เราสมาชิกได้เข้าใจ  แบบบายอกบายใจกัน  ในเรื่องการอนุญาตในการตะวัสซุ้ล


วัสลาม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ถ้าเอาที่แต่ละคนนำเสนอนี้มาแยกกันจะได้เป็นตัวอย่างของหลายวิชาเลย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

ประเด็นของท่าเชคบินบาซฺ ขอให้จบเพียงเท่านี้นะครับ หากจะเสวนากันต่อไปก็พิจารณาหลักฮะดีษที่ว่าซอฮิห์หรือไม่อย่างไร?

ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร และท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ กะษีร ได้ตัดสินว่า "ซอฮิห์"  ปัจจุบันวะฮาบีพยายามบอกว่าฮะดีษนี้ฏออีฟ ด้วยการใช้หลักพิจารณาฮะดีษที่ล้มเหลวและขัดกับหลักการฮะดีษอันเนื่องมาจาก ความตะอัศศุบนั่นเอง

ผมได้เกริ่นคำพูดนี้ไว้แล้ว  พี่น้องอาจจะตั้งคำถามว่า ผมพูดเช่นนี้จริงหรือเปล่า? ตอนนี้ผมอยากจะบอกว่า มีวะฮาบีที่ชอบก็อบตามเว็บมาแปลแบบมั่วไปหมด กำลังก็อบหลักพิจารณาฮะดีษของวะฮาบีที่ล้มเหลวและขัดกับหลักวิชาฮะดีษ ว่าง ๆ ผมจะมาวิเคราะห์ว่าวะฮาบีเขาล้มเหลวในการพิจารณาฮะดีษในเรื่องนี้อย่างไร และตะอัศศุบอย่างไร และที่ตะอัศศุบเช่นนี้  เพื่อปกป้องใคร? อินชาอัลเลาะฮ์ครับ  ;D

วัสลามุอะลัยกุ้ม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
เขาเอาไปแปลในเวปไหนบ้าง อยากตามไปอ่านดู
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

 

GoogleTagged