بسم الله الرحمن الرحيم
เป็นที่ทราบกันดีว่า การร้องไห้ในขณะที่โศรกเศร้าหรือดีใจ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผู้หญิงที่มาควบคุมธรรมชาติอันอ่อนโยนของพวกนาง ผู้หญิงร้องไห้ บางครั้งร้องไห้มากกว่าเด็ก ๆ และบางทีก็มีผู้หญิงที่ไม่ร้องไห้ จึงกล่าวกันว่าเธอเป็นผู้หญิงที่แข็งเกร่งเหมือนผู้ชาย เป็นผู้หญิงที่ไร้หัวใจและความรู้สึก
ผู้ชายที่ชอบร้องไห้ จึงเป็นเรื่องที่ดูแปลก แต่ในขณะเดียวกัน ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยอเมริกได้ส่งเสริมให้ผู้หญิงและผู้ชายร้องไห้เพื่อรักษาไว้ซึ่งสุขภาพทางจิตใจและความอ่อนโยน มหาวิทยาลัยดังกล่าวเผยกว่า หากท่านผู้ในสถานะการร์หนึ่งที่ทำให้ร้องไห้ได้หรือสังคมยอมรับกับการร้องไห้นั้น ดังนั้น เพื่อความสุขภาพดีของท่าน ก็อย่าลังเลใจที่จะร้องไห้และหลั่งน้ำตาออกมา เพราะน้ำตาจะทำหน้าที่ทำความสะอาดดวงตาของเรา ทำการความสะอาดเชื้อโรคและแบคทีเรีย ทำให้บรรเทาอาการวิตกทางจิตใจที่อาจจะทำให้บางโรคมีการกำเริบขึ้นมา เช่นโรคกระเพาะและโรความดันโลหิตสูง และผลการวิจัยพบว่า น้ำตาประกอบด้วยโฮร์โมนต่าง ๆ ที่ร่างกายของเราผลิตขึ้นมาในขณะที่ร่างกายมีความวิตกทางจิตใจ ดังนั้น ในขณะที่เราร้องไห้ โฮร์โมนต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความวิตกก็จะหายไป ถัดจากนั้น เราจึงมีความรู้สึกดีและสบายใจ
หลังจากการวิจัยดังกล่าว เราขอตั้งคำถามว่า การร้องไห้เป็นสิ่งที่ผิดหรือเป็นสิ่งที่น่าตำหนิหรือไม่? การร้องไห้เป็นหลักฐานที่ชี้ถึงความอ่อนแอของผู้ชายหรือไม่? การตรวจสอบต่อไปนี้ ได้ให้คำตอบต่อคำถามเหล่านี้ว่า การร้องไห้เป็นสภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทั่วไป การร้องไห้ไม่ใช่เผยให้เห็นถึงความโศรกเศร้าเท่านั้น แต่บางครั้งผู้คนร้องไห้เพื่อความดีใจเช่นกัน ก่อนที่จะพูดถึงการร้องไห้ จำเป็นที่เราต้องทราบก่อนว่า ดวงตาเป็นเนี๊ยะมัต(สิ่งอำนวยสุข)หนึ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้แก่เรา เพื่อเราจะได้มองเห็นและดูความมหัสจรรย์ของบรรดามัคโลคของอัลเลาะฮ์ เราขอกล่าวว่า ดวงตาเป็นหนึ่งจากประสาทสัมผัสทั้งห้าที่สำคัญต่อมนุษย์
หากเราถามว่า เหตุใดน้ำตาจึงไหลออกมาจากดวงตาของเรา มันเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษต่อดวงตา? เราจะพบว่ามนุษย์ทุกคน ย่อมมีสาเหตุเฉพาะที่ผลักดันให้เขาร้องไห้ ดังนั้นคนที่ร้องไห้เพราะความโศรกเศร้าหรือเจ็บปวด เขาก็จะสบายใจด้วยน้ำตา แต่บางครั้งเขาร้องไห้เพื่อเผยให้เห็นถึงความดีใจ ดังนั้น การร้องไห้จึงมีสถาพการณ์ที่แตกต่างกัน เด็กทารก เมื่อเขาได้ลืมตาดูโลก เสียงร้องของเขาครั้งแรกย่อมสื่อความหมายได้มากมายในเชิงการแพทย์ บางครั้งเด็กเล็ก ๆ ส่งเสียงร้องไห้เพื่อเป็นการสื่อสารถึงความต้องการบางสิ่งบางอย่างของเขา เช่นรู้สึกหิว รู้สึกเจ็บในกระเพาะอาหาร หรือต้องการจะนอน ซึ่งเด็กจะไม่หยุดร้องนอกจากรู้สึกสบายใจเมื่อได้รับการตอบสนองในสิ่งที่เขาต้องการ แต่บางคนร้องไห้มากเกินจนทำให้เป็นลมอย่างกระทันหัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนจิตใจไม่สามารถแบกรับไว้ได้
นั่นคือบางสถานะการณ์ที่ทำให้ร้องไห้ แต่ยังมีการร้องไห้อีกสภาพการณ์หนึ่ง ที่ประเสริฐยิ่งกว่า นั่นคือการร้องไห้เพราะเกรงกลัวต่ออัลเลาะฮ์ ร้องไห้ต่อความผิดของตน ร้องให้เพื่ออาคิเราะฮ์ไม่ใช่เพราะดุนยา เพราะการร้องไห้เพราะดุนยาทำให้หัวใจเราเศร้าหมอง แต่การร้องไห้เพราะอาคิเราะฮ์ ทำให้จิตใจของเราเข้มแข็ง เบิกบาน มีรัศมีสว่างไสว ใบหน้าอิ่มเอิบเบิกบานมีรัศมีที่สะท้อนมาจากภายในจิตใจ
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า
وَيَخِرُّونَ لِلأَذْقَانِ يَبْكُونَ وَيَزِيدُهُمْ خُشُوعاً
"
และพวกเขาหมอบลงจรดคาง พลางร้องไห้ และอัลกุรอานได้เพิ่มพูน แต่ความนอบน้อมแก่พวกเขา"
รายงานจากท่านอิบนุอับบาส ว่า ฉันได้ยินท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"
สองดวงตาที่ไฟนรกจะไม่สัมผัสมันทั้งสอง คือดวงตาที่ร้องไห้ในยามค่ำคืนเพราะเกรงกลัวต่ออัลเลาะอ์ และดวงตาในยามค่ำคืนที่คอยเฝ้าเป็นยามรักษาสอดส่งกองกำลังทหารที่ต่อสู้ในวิถีทางของอัลเลาะฮ์" รายงานโดยท่าน อัตติรมีซีย์ ( 1639) หะดิษหะซัน
รายงานจากท่านอบู อุมามะฮ์ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"
ไม่มีหยดใดจะเป็นที่โปรดปรานยิ่งไปยังอัลเลาะฮ์ที่จะมากไปกว่าหยดน้ำตาที่ร้องไห้เพราะเกรงกลัวต่ออัลเลาะฮ์ และหยดเลือดที่หลั่งออกมาเพราะทำสงครามในวิถีทางของอัลเลาะฮ์" รายงานโดยท่าน อัตติรมีซีย์ หะดิษหะซัน
แล้วเราเคยร้องไห้กันบ้างหรือเปล่า แล้วร้องไห้เพื่ออะไรกัน? :'(