เนื้อหาข้างต้น ที่บาบอแอฯ ตอบนั้น พอจะสรุปได้บางส่วนคือ ท่านได้บอกถึงสาเหตุที่พวกมุ๊อตะซิละฮ์ปฏิเสธศิฟัตอัลลอฮฺ ก็เพราะพวกเขายึดติดกับคำว่า เอกะของอัลลอฮฺมากจนเลยเถิด จนถึงขนาดที่กลัวว่า หากฑาต (องค์) ของอัลลอฮฺเป็นก็ดีม (ไม่มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด) แล้วศิฟัตของอัลลอฮฺก็เป็นก็ดีม นั่นก็หมายถึง สิ่งก็ดีมจะเป็นที่นับได้
ดังนั้น เมื่อวนกลับมาดูอายะฮ์กุรฺอานกล่าวว่าอัลลอฮฺทรงเอกะ มันก็จะค้านกัน สติปัญญาไม่ยอมรับ เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปฏิเสธศิฟัตของอัลลอฮฺ เพราะสิ่งก็ดีมจะมีสองไม่ได้ นี่คืออกีดะฮ์ของพวกมุอฺตะซิละฮ์ แต่ของอะฮฺลุสสุนนะฮ์วัลญมาอะฮ์นั้น จะกลัวถูกที่และถูกจุด คือว่า เราศรัทธาว่าฑาตที่ก็ดีมของอัลลอฮฺนั้นมีเพียงหนึ่ง พร้อมกันนั้นพระองค์ก็ทรงคุณลักษณะที่ก็ดีมด้วยหลากหลายศิฟัต ซึ่งศิฟัตกับฑาตจะอยู่ด้วยกันตลอด ไม่สามารถแยกออกจากกันได้, ศิฟัตจะอยู่โดดๆ โดยไม่มีฑาต (ตัวตน) ไม่ได้
(เช่น แก้วคือตัวตน (ฑาต) และใหญ่ คือคุณลักษณะ, ฉะนั้น คุณลักษณะที่ใหญ่ มันจะอยู่โดดๆ โดยที่ไม่ไปเกาะ หรืออยู่ในสิ่งๆ หนึ่งนั้นไม่ได้ เรารู้ว่าลักษณะใหญ๋มีอยู่ก็เพราะมีแก้ว และเรารู้ว่าแก้วนั้นใหญ่ ก็เพราะมันมีศิฟัตใหญ่อยู่ที่ตัวมัน ดังนั้น ทั้งสองจะแยกออกจากกันไม่ได้เลย, สรุปคือ มีฑาตก็ต้องมีศิฟัตอยู้พร้อมกับมันด้วย และมันทั้งสองก็มีขึ้นพร้อมกันตั้งแต่แรกเริ่มที่มันเป็นแล้ว แต่ทว่าฑาตและศิฟัตของอัลลอฮฺนั้น ไม่มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด เพราะมันเป็นสิ่งก็ดีม - ในวงเล็บนี้เป็นคำอธิบายจากความคิดของผมอีกที อาจมีผิดถูก ช่วยท้วงติงด้วยหากเจอ) - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอลัยกุม