salam
มีหลายๆคำถามที่พี่น้องมุสลิมมุอัลลัฟผู้บริสุทธิ์ใจของเรา อยากที่จะถามและเพื่อที่ให้พี่น้องของเราได้ตอบให้กับสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ แบบ กระจ่างชัด ซึ่งตัวเราเองก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร
และกลัวว่าตอบไปแล้ว จะไม่ตรงกับคำถามในสิ่งที่เขาต้องการทราบ หรือกลัวว่าจะไม่ตรงประเด็นกับที่เขาถามมา แต่ทุกคนที่นี้ก็ล้วนที่จะตอบและมีความกระตือรือร้นให้กำลังใจกันมากมาย
พวกเรารู้ว่า พวกเขา วังเวง หว้าเหว่ เดียวดาย และบางคนก็หนีจากครอบครัวมา เปรียบเสมือนผู้ถูกทอดทิ้งกลาง มหาสมุทรกว้าง ไม่รู้จะไปทางไหนดี จนในที่สุดพวกเขาก็ถูกคลื่นชีวิตพัดพา
มายังมหาสมุทร อิสลาม ซึ่งคำว่า
อิสลามนั้น พยัญชนะเพียงไม่กี่ตัว แต่ความหมายนั้นกว้างยิ่งนักแล.....

อิสลามประกอบด้วย กฏและหลัการต่างๆมากมายซึ่งบางครั้งแม้กระทั่งผู้ที่ไม่ใช่มุอัลลัฟยังไม่สามารถรับมันได้ บางคนเมินหน้าหนีบางคนละทิ้งบางคนไม่สนใจไม่รับรู้ใดๆ
แต่มุอัลลัฟซึ่งเขาผู้ที่พระองค์ประสงค์ที่จะทรงเลือกพวกเขามาสู่ความศรัทธาใหม่ แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายในการที่จะเข้ามาอยู่ในกลางมหาสมุทรอันกว้างไกลในอัลอิสลาม
พวกเขาต้องเผชิญชะตากรรมและบททดสอบมากมายกับบรรดมัคโลคสิ่งถูกสร้างเหมือนกับเขา ซึ่งที่เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อพวกเขามาก เช่นพ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ฯลฯ
พี่น้องมุอัลลัฟครับ ความเป็นอิสลามนั้นไม่ได้อยู่เฉพาะคำกล่าว ชาฮาดะ เท่านั้นแต่มันรวมไว้ทั้งหมดทั้งหลักการศรัทธาที่ถูกต้อง การปฏิบัตอบาดัตที่ถูกต้องและมารยาทอันถูกต้อง
อิสลามไม่ได้อยู่ที่บัตรประชาชนหรือทะเบียนบ้าน แต่อิสลามนั้นอยู่ที่การปฏิบัตในหลัการที่ถูกต้อง และการถูกต้องนั้นจะต้องผ่านบรรดาผู้รู้เพราะบรรดาผู้รู้คือผู้ศึกษามาจากหลักการ
ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพชนก่อนหน้านั้นอีกทีหนึ่ง ดังนั้น อิสลามไม่ได้เป็นศาสนาที่ใครๆก็สามารถปฏิบัติกันได้ โดยคิดไปว่าเมื่อละหมาดเป็น ถือศีลอดได้ อ่านอัลกรุอ่านได้
แค่นี้ถือว่าจะเป็นอิสลามแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องค้นคว้าที่มาที่ไปของหลักการต่างอีกเพราะการกระทำนั้นได้ถูกยอมรับมาก่อนหน้านั้นแล้ว
อัลกรุอ่านใครๆก็ยอมรับในความถูกต้องหรือมีความซอฮิห์มากที่สุดแล้ว ตรงนี้ถือว่าไม่มีมุสลิมคนไหนกล้าคัดค้าน แต่ขณะเดียวกันทำไมตัวบทอัลกรุอ่านเดียวกัน จึงมีความเข้าใจที่แตกต่างกัน
ซึ่งแม้ในสมัยซอฮาบะของท่านนบี(ซล)ซอฮาบะที่มีความรู้เหล่านั้น ต่างคนก็มีความเข้าใจที่ไม่เหมือนกัน ตัวอย่างก็มี มากมาย เช่นเรื่อง การเสียน้ำละหมาด การสะอาดจากประจำเดือน หรืออิดดะ
การตอลาก เป็นต้น
นี่ขนาดอัลกรุอ่าน ที่ถือว่าซอฮิห์สูงสุดแล้ว บรรดาอายะกรุอ่านบางบทยังต้องมีการวินิฉัยและจำแนกออกเป็นหลายประเภท และถัดมาคือ อัลฮาดิส ซึ่งเราก็จะเห็นว่านักปราชญ์ฮาดิสก็ยังมีความเห็นแตกต่างกัน
หลายทัศนะจากาดิสบทเดียวกันจนมีการแบ่งระดับของฮาดิส มีทั้งระดับซอฮิห์ ฮะซัน ดออีฟฯลฯ ดังนั้นไม่ใช่ว่าพอเรารู้ว่าฮาดิสนี้ซอฮิห์เราก็ยึดถือแล้วนำมาปฏิบัติได้เลย เพราะเรานั้นไม่ใช่นักฮาดิสและเราไม่
สามารถแยกแยะตัวบทฮาดิส ซึ่งมีความสลับซับซ้อนทั้งความหมายรูปแบบและอักขระมากมายเช่นกัน ดังนั้นบรรดาผู้รู้หรือผู้สืบทอดความรู้ จึงมีพระคุณกับเราอย่างมากมายที่พยายามถ่ายทอดมาให้เรารับรู้กัน
...
อัลลอฮ์(ซบ)ได้ตรัสว่า....
โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านจงขยายที่นั่ง(ของพวกท่านให้กับคนอื่นเข้ามานั่งด้วย) ดังนั้น พวกเจ้าก็จงขยาย
(ที่นั่งเถิดแล้วอัลเลาะฮ์จักทรงขยายแก่พวกเจ้า(ให้กว้างขวาง) และเมื่อมีผู้พูดว่า พวกท่านจงลุกขึ้นเถิด แน่นอนอัลเลาะฮ์ทรงยกย่องบรรดาผู้ศรัทธาจากพวกเจ้าและ
บรรดาผู้ได้รับความรอบรู้กับหลายฐานันดร และอัลเลาะฮ์ทรงตระหนักยิ่ง ในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ อัล-มุญาดะละฮ์ 11ท่าน อัล-บุคคอรีย์ ได้รายงานจากท่านมุอาวิยะฮ์ว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า
ผู้ใดที่อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ความดีให้แก่เขา แน่นอน พระองค์จะทรงให้เขามีความเข้าใจในเรื่องของศาสนา ท่าน อัตติรมีซีย์และท่านอบูดาวูด ได้รายงานด้วยสายสืบที่ซอฮิหฺ จากท่านอบี อุมามะฮ์ อัลบาฮิลีย์ ว่า ได้ถูกเอ่ยขึ้นแก่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) เกี่ยวกับบุรุษสองประเภท
คือคนหนึ่งเป็นนักอิบาดะฮ์ และอีกคนหนึ่งเป็นผู้มีความรู้ แล้วท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า ผู้มีความรู้ย่อมประเสริฐเหนือกว่าผู้ทำอิบาดะฮ์ เปรียบดั่งความประเสริฐของฉัน
เหนือกว่าผู้ต่ำต้อยจากพวกท่าน หลังจากนั้น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์กล่าวอีกว่า แท้จริง อัลเลาะฮ์ มาลาอิกะฮ์ของพระองค์ ผู้ที่อยู่ในฟากฟ้าและแผ่นดิน แม้กระทั่งมดที่อยู่ในรังและ
หมู่ปลาในท้องทะเล ก็จะประสาทรพรให้แก่ผู้ที่สั่งสอนบรรดามนุษย์ในเรื่องความดีงาม
ท่านอัล-ค่อฏีบ อัล-บุฆดาดีย์ ได้กล่าวรายงานจากท่าน อุมัร บิน อับดุลอะซีซ ว่า
ผู้ใดที่ปฏิบัติบนพื้นฐานที่ปราศจากความรู้ แน่นอน ความเสียหายย่อมมากกว่าประโยชน์
ดู หนังสือ อัล-ฟะกีฮ์ วะ อัล-มุตะฟักกิฮ์ เล่ม 1 หน้า 109
นี่คือ มุมมองของสลัฟที่เรานั้นไม่สมรถเทียบชั้นในทุกๆด้านกับพวกเขาได้เลย แต่พวกเขาก็ต่างยึดถือตามบรรดาผู้รู้ในหมู่พวกเขา แล้วเราหละ เป็นใคร ...แท้จริงแล้วเราคือข้าทาส
อันต่ำต้อย ของพระองค์ ฉนั้น จำเป็นเหลือเกินที่เราจะต้องขวนขวายหาความรุ้ที่มายังพระองค์ เพื่อคืนสู่ไปยังพระองค์ ในวันสุดท้ายของชีวิตเรา....อามีน...ยารอบ..
วัสลาม