ผู้เขียน หัวข้อ: หะดีษที่เกี่ยวกับดัจญาล  (อ่าน 2685 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มาลิกกุ๊กกิ๊ก

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 451
  • เพศ: ชาย
  • คนความรู้น้อย
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
หะดีษที่เกี่ยวกับดัจญาล
« เมื่อ: ต.ค. 21, 2010, 11:05 PM »
0

ผมเคยอ่านเจอหะดีษบทหนึ่งที่เกี่ยวกับดัจญาล แบบว่ามีคนนั่เรืออกไปไกล เเละไปเจอชายคนหนึ่ง  เเละเค้าก็ถามอะไรกันนี่แหละ เเละก็กลับมาเล่าให้นบีฟัง บอกถึงรูปร่างลักษณะที่เขาได้เจอ  เเละนบีก็บอกว่า นี่แหละ มันคือ "ดัจญาล"

ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นหะดีษซอฮีฮฺนะครับ

ผมอยากทราบตัวบท รบกวนท่านผู้รู้ด้วยครับ

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
Re: หะดีษที่เกี่ยวกับดัจญาล
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ต.ค. 21, 2010, 11:11 PM »
0

ใช่อันนี้มั้ย
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=1518.0

ออฟไลน์ ฮุ้นปวยเอี๊ยง

  • رَبِّ زدْنِيْ عِلْماً
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 994
  • เพศ: ชาย
  • وَارْزُقْنِيْ فَهْماً
  • Respect: +116
    • ดูรายละเอียด
Re: หะดีษที่เกี่ยวกับดัจญาล
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ต.ค. 22, 2010, 03:24 AM »
0
يسم الله الرحمن الرحيم

 عن فاطمة بنت قيس رضي الله عنها قالت :                                                                                                                           
( سَمِعْتُ نِدَاءَ الْمُنَادِي ، مُنَادِى رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ، يُنَادِي ( الصَّلاَةَ جَامِعَةً ). فَخَرَجْتُ إِلَى الْمَسْجِدِ فَصَلَّيْتُ مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ، فَكُنْتُ فِى صَفِّ النِّسَاءِ الَّتِى تَلِى ظُهُورَ الْقَوْمِ ، فَلَمَّا قَضَى رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم صَلاَتَهُ جَلَسَ عَلَى الْمِنْبَرِ وَهُوَ يَضْحَكُ ، فَقَالَ « لِيَلْزَمْ كُلُّ إِنْسَانٍ مُصَلاَّهُ » . ثُمَّ قَالَ « أَتَدْرُونَ لِمَ جَمَعْتُكُمْ » ؟

قَالُوا : اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَعْلَمُ . قَالَ :                                                                                                                                           

« إِنِّى وَاللَّهِ مَا جَمَعْتُكُمْ لِرَغْبَةٍ وَلاَ لِرَهْبَةٍ ، وَلَكِنْ جَمَعْتُكُمْ لأَنَّ تَمِيماً الدَّارِىَّ كَانَ رَجُلاً نَصْرَانِيًّا فَجَاءَ فَبَايَعَ وَأَسْلَمَ ، وَحَدَّثَنِى حَدِيثاً وَافَقَ الَّذِى كُنْتُ أُحَدِّثُكُمْ عَنْ مَسِيحِ الدَّجَّالِ ، حَدَّثَنِى أَنَّهُ رَكِبَ فِى سَفِينَةٍ بَحْرِيَّةٍ مَعَ ثَلاَثِينَ رَجُلاً مِنْ لَخْمٍ وَجُذَامَ ، فَلَعِبَ بِهِمُ الْمَوْجُ شَهْراً فِى الْبَحْرِ ، ثُمَّ أَرْفَئُوا ( أي : التجؤوا ) إِلَى جَزِيرَةٍ فِى الْبَحْرِ حَتَّى مَغْرِبِ الشَّمْسِ ، فَجَلَسُوا فِى أَقْرُبِ السَّفِينَةِ ( وهي سفينة صغيرة تكون مع الكبيرة كالجنيبة يتصرف فيها ركاب السفينة لقضاء حوائجهم ، الجمع قوارب والواحد قارب ) فَدَخَلُوا الْجَزِيرَةَ فَلَقِيَتْهُمْ دَابَّةٌ أَهْلَبُ ( أي : غليظ الشعر ) كَثِيرُ الشَّعَرِ ، لاَ يَدْرُونَ مَا قُبُلُهُ مِنْ دُبُرِهِ مِنْ كَثْرَةِ الشَّعَرِ ، فَقَالُوا : وَيْلَكِ مَا أَنْتِ ؟ فَقَالَتْ : أَنَا الْجَسَّاسَةُ ( قيل سميت بذلك لتجسسها الأخبار للدجال ) . قَالُوا : وَمَا الْجَسَّاسَةُ ؟ قَالَتْ : أَيُّهَا الْقَوْمُ ! انْطَلِقُوا إِلَى هَذَا الرَّجُلِ فِى الدَّيْرِ فَإِنَّهُ إِلَى خَبَرِكُمْ بِالأَشْوَاقِ . قَالَ لَمَّا سَمَّتْ لَنَا رَجُلاً فَرِقْنَا ( أي خفنا ) مِنْهَا أَنْ تَكُونَ شَيْطَانَةً ، قَالَ فَانْطَلَقْنَا سِرَاعاً حَتَّى دَخَلْنَا الدَّيْرَ ، فَإِذَا فِيهِ أَعْظَمُ إِنْسَانٍ رَأَيْنَاهُ قَطُّ خَلْقاً ، وَأَشَدُّهُ وِثَاقاً ، مَجْمُوعَةٌ يَدَاهُ إِلَى عُنُقِهِ ، مَا بَيْنَ رُكْبَتَيْهِ إِلَى كَعْبَيْهِ بِالْحَدِيدِ ، قُلْنَا : وَيْلَكَ مَا أَنْتَ ؟ قَالَ : قَدْ قَدَرْتُمْ عَلَى خَبَرِي ، فَأَخْبِرُونِي مَا أَنْتُمْ ؟ قَالُوا : نَحْنُ أُنَاسٌ مِنَ الْعَرَبِ ، رَكِبْنَا فِى سَفِينَةٍ بَحْرِيَّةٍ ، فَصَادَفْنَا الْبَحْرَ حِينَ اغْتَلَمَ ( أي هاج ) ، فَلَعِبَ بِنَا الْمَوْجُ شَهْراً ، ثُمَّ أَرْفَأْنَا إِلَى جَزِيرَتِكَ هَذِهِ ، فَجَلَسْنَا فِى أَقْرُبِهَا ، فَدَخَلْنَا الْجَزِيرَةَ ، فَلَقِيَتْنَا دَابَّةٌ أَهْلَبُ كَثِيرُ الشَّعَرِ لاَ يُدْرَى مَا قُبُلُهُ مِنْ دُبُرِهِ مِنْ كَثْرَةِ الشَّعَرِ ، فَقُلْنَا : وَيْلَكِ مَا أَنْتِ ؟ فَقَالَتْ : أَنَا الْجَسَّاسَةُ . قُلْنَا : وَمَا الْجَسَّاسَةُ ؟ قَالَتِ : اعْمِدُوا إِلَى هَذَا الرَّجُلِ فِى الدَّيْرِ فَإِنَّهُ إِلَى خَبَرِكُمْ بِاْلأَشْوَاقِ . فَأَقْبَلْنَا إِلَيْكَ سِرَاعاً ، وَفَزِعْنَا مِنْهَا وَلَمْ نَأْمَنْ أَنْ تَكُونَ شَيْطَانَةً ، فَقَالَ : أَخْبِرُونِي عَنْ نَخْلِ بَيْسَانَ . قُلْنَا : عَنْ أَىِّ شَأْنِهَا تَسْتَخْبِرُ ؟ قَالَ : أَسْأَلُكُمْ عَنْ نَخْلِهَا هَلْ يُثْمِرُ ؟ قُلْنَا لَهُ : نَعَمْ . قَالَ : أَمَا إِنَّهُ يُوشِكُ أَنْ لاَ تُثْمِرَ . قَالَ : أَخْبِرُونِى عَنْ بُحَيْرَةِ الطَّبَرِيَّةِ ؟ قُلْنَا : عَنْ أَىِّ شَأْنِهَا تَسْتَخْبِرُ ؟ قَالَ : هَلْ فِيهَا مَاءٌ ؟ قَالُوا : هِىَ كَثِيرَةُ الْمَاءِ . قَالَ : أَمَا إِنَّ مَاءَهَا يُوشِكُ أَنْ يَذْهَبَ . قَالَ : أَخْبِرُونِى عَنْ عَيْنِ زُغَرَ ؟ ( وهي بلدة تقع في الجانب القبلي من الشام ) قَالُوا : عَنْ أَىِّ شَأْنِهَا تَسْتَخْبِرُ ؟ قَالَ : هَلْ فِى الْعَيْنِ مَاءٌ ؟ وَهَلْ يَزْرَعُ أَهْلُهَا بِمَاءِ الْعَيْنِ ؟ قُلْنَا لَهُ : نَعَمْ ، هِىَ كَثِيرَةُ الْمَاءِ ، وَأَهْلُهَا يَزْرَعُونَ مِنْ مَائِهَا . قَالَ : أَخْبِرُونِى عَنْ نَبِىِّ الأُمِّيِّينَ مَا فَعَلَ ؟ قَالُوا : قَدْ خَرَجَ مِنْ مَكَّةَ وَنَزَلَ يَثْرِبَ . قَالَ : أَقَاتَلَهُ الْعَرَبُ ؟ قُلْنَا : نَعَمْ . قَالَ : كَيْفَ صَنَعَ بِهِمْ ؟ فَأَخْبَرْنَاهُ أَنَّهُ قَدْ ظَهَرَ عَلَى مَنْ يَلِيهِ مِنَ الْعَرَبِ وَأَطَاعُوهُ ، قَالَ لَهُمْ : قَدْ كَانَ ذَلِكَ ؟ قُلْنَا نَعَمْ . قَالَ : أَمَا إِنَّ ذَاكَ خَيْرٌ لَهُمْ أَنْ يُطِيعُوهُ ، وَإِنِّى مُخْبِرُكُمْ عَنِّي ، إِنِّى أَنَا الْمَسِيحُ ، وَإِنِّى أُوشِكُ أَنْ يُؤْذَنَ لِى فِى الْخُرُوجِ ، فَأَخْرُجَ فَأَسِيرَ فِى الأَرْضِ فَلاَ أَدَعَ قَرْيَةً إِلاَّ هَبَطْتُهَا فِى أَرْبَعِينَ لَيْلَةً غَيْرَ مَكَّةَ وَطَيْبَةَ فَهُمَا مُحَرَّمَتَانِ عَلَيَّ كِلْتَاهُمَا ، كُلَّمَا أَرَدْتُ أَنْ أَدْخُلَ وَاحِدَةً أَوْ وَاحِداً مِنْهُمَا اسْتَقْبَلَنِى مَلَكٌ بِيَدِهِ السَّيْفُ صَلْتاً يَصُدُّنِى عَنْهَا ، وَإِنَّ عَلَى كُلِّ نَقْبٍ مِنْهَا مَلاَئِكَةً يَحْرُسُونَهَا . قَالَتْ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم - وَطَعَنَ بِمِخْصَرَتِهِ فِى الْمِنْبَرِ - : « هَذِهِ طَيْبَةُ هَذِهِ طَيْبَةُ هَذِهِ طَيْبَةُ » . يَعْنِى الْمَدِينَةَ « أَلاَ هَلْ كُنْتُ حَدَّثْتُكُمْ ذَلِكَ ؟ » . فَقَالَ النَّاسُ :نَعَمْ .


        ฟาตีมะฮฺ บุตรีเกียส ได้กล่าวว่า ฉันได้ยินเสียงเรียกของท่านศาสดามูฮัมหมัดว่า ?ละหมาดคือศูนย์รวม ฉันก็ได้ออกไปยังมัสยิด และละหมาดพร้อมกับท่านศาสดามูฮัมหมัดโดยนั่งทัดจากชายกลุ่มหนึ่ง เมื่อท่านศาสดาเสร็จจากละหมาด ท่านก็มานั้งบนมิมบัรโดยหัวเราะ แล้วก็กล่าวว่า จำเป็นต่อทุกคนต้องยึดที่ละหมาดของตน (ให้นั่งอยู่กับที่) แล้วกล่าวต่อไปว่า พวกท่านรู้หรือไม่ว่า ฉันรวมพวกท่านมาเพื่อเหตุใด? พวกเขากล่าวว่า อัลลอฮฺและศาสดาเท่านั้นที่รู้ดียิ่ง ท่านศาสดากล่าวต่อไปว่า ฉันและอัลลอฮฺไม่ได้รวมพวกท่านมาเพื่อต้องการหรือขมขู่หรอก แต่ทว่าฉันรวมพวกท่านมาก็เพราะว่าท่านตามีมอัดดารีย์ที่เป็นชาวคริสเตียน เขาได้มาแล้วทำาการให้สัตยาบัน และได้เข้ารับอิสลาม เขาได้เล่าเรื่อง ๆ หนึ่งที่ตรงกับเรื่องที่ฉันเคยเล่าให้พวกท่านได้ฟังมาแล้วจากเรื่องของดัจ ญาล เขาเล่าให้ฉันฟังว่า เขาแล่นเรือเดินทะเล พร้อมกับคนอีก 30 คนที่เป็นโรคเรื่อน เรือของพวกเขาได้โต้คลื่นนานถึง 1 เดือนในทะเล แล้วพวกเขาก็ได้ไปติดเกาะ ๆ หนึ่งจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก โดยพวกเขาก็นั่งอยู่ที่เรือ แล้วก็เดินเขาไปในเกาะ จนกระทั่งมีสัตว์ตัวหนึ่งที่มีขนมากมายมาพบกับพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าด้านไหนหลังด้านไหนหน้า (เพราะว่าขนมันเยาะ) พวกเขาจึงอุทานว่า ?ชิบหายล่ะ แกคืออะไรกันแน่? มันก็ได้พูดว่า ฉันคือยัซซาซะฮฺ พวกเขาก็ได้พูดต่อไปว่า อะไรคือยัซซาซะฮฺ มันก็พูดว่า ทุกคนจงไปหาชายที่อยู่ในโบรถสิ เขาอยากได้ยินข่าวจากพวกท่านใจจะขาด ท่านตามีมก็ได้กล่าวว่า เมื่อยัซซาซะฮฺมันได้บอกกับเราถึงชายคนหนึ่ง เราก็ได้แยกจากมัน ปรากฏว่ามันเป็นชัยตอน ท่านตามีมก็ได้กล่าวว่า เราก็ได้รีบด่วนไปจนเข้าไปในโบรถ ในนั้นมีชายร่างใหญ่ เราได้เห็นมันในสภาพที่เป็นมนุษย์ ถูกมัดไว้แน่น โดยรวบมือทั้ง 2 ไว้ที่ต้นคอ ล่ามขาหรือหน้าแข้งด้วยกับเหล็ก เราจึงอุทานว่า ชิบหายล่ะ ท่านคืออะไรกัน มันจึงพูดว่า พวกท่านสามารถบอกข่าวให้กับฉันได้ ดังนั้นจงบอกข่าวให้ฉัน พวกท่านเป็นใคร ? พวกเขาได้กล่าวว่าเราเป็นชาวอาหรับ เราได้นั่งเรือมา บังเอิญทะเลเกิดปั่นป่วน พวกเราจึงโต้คลื่นอยู่นานถึง 1 เดือน ต่อมาเราก็มาติดเกาะของท่านนี่แหละ เราก็ได้นั่งอยู่ใกล้ ๆ เรือ แล้วเราก็เดินเขามาในเกาะ แล้วก็พบกับสัตว์มีขนมาก (แล้วพูดคุยกับมัน)....ชายในโบรถนั้นจึงกล่าวว่า พวกท่านจงบอกฉันถึงเรื่องอินทผลัมบัยซานซิ เราก็กล่าวว่า ท่านต้องการรู้เรื่องอะไรของมัน ? ชายในโบรถจึงกล่าวว่า ฉันจะถามพวกท่านว่าอินทผลัมนี้มีผลหรือไม่ เราก็ตอบว่า ?ใช่ มันมีผล? ชายผู้นั้นก็ได้กล่าวว่า ?แน่นอนมันเกือบที่จะไม่ออกผลแล้ว? แล้วก็กล่าวต่อไปว่า ?พวกท่านจงบอกกับฉันถึงเรื่องทะเลสาบต็อบรีย์ซิ? เราจึงกล่าวว่า ?ท่านต้องการรู้เรื่องอะไรของมัน ? มันจึงกล่าวว่า ?ในนั้นมีน้ำหรือไม่? พวกเขาก็บอกว่า ?มันมีน้ำมาก? มันก็กล่าวต่อไปว่า ?น้ำในทะเลสาบนั้นเกือบที่จะแห้งหมดแล้ว? แล้วก็พูดว่า ?พวกท่านจงบอกฉันถึงเรื่องตาน้ำซูค๊อร? พวกเขาก็บอกว่า ?ท่านต้องการรู้เรื่องอะไรของมัน? ชายผู้นั้นตอบว่า ?ในตาน้ำมีน้ำหรือไม่ แล้วชาวบ้านซูค๊อรใช้ตาน้ำนี้ทำการเพาะปลูกหรือเปล่า? เราก็บอกว่า ?ใช่ มันมีน้ำมากและใช้ทำการเพาะปลูกด้วย? ชายผู้นั้นกล่าวว่า ?จงบอกกับฉันซิ ถึงเรื่องนบี อัลอุมมีย์ (นบีที่ไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ คือนบีมูฮัมหมัด) ว่าเขาทำอะไรบ้าง? พวกเขาบอกว่า ?นบีได้ออกมาจากมักกะห์มุ้งไปยังเมืองยัซร๊อบ? ชายผู้นั้นก็พูดว่า ?อาหรับจะฆ่าเขาใช่ไหม? เราก็บอกว่า ?ใช่? แล้วมันก็เล่าให้ชายผู้นั้นฟังว่า ?อย่างไรที่เขาทำกับอาหรับ? เราก็บอกว่า ?อาหรับจะติดตามเขา และภักดีต่อท่านนบี? ชายผู้นั้นก็กล่าวว่า ?ใช่อย่างที่เล่ามาหรือ? เราก็บอกว่า ?ใช่? แล้วชายผู้นั้นก็กล่าวว่า ?หากมันเป็นเช่นนั้น มันก็ดีกับพวกเขาจากการที่พวกเขาภักดีต่อนบี และฉันก็จะบอกกับพวกท่านถึงเรื่องฉัน ฉันคือมาเซียฮฺ (ดัจญาล) ฉันเกือบที่จะถูกอนุญาตให้ออกไปแล้ว แล้วฉันก็จะออกเดินทางไปบนหน้าแผ่นดิน ฉันจะไม่เว้นไปสักหมู่บ้านเดียว แต่ฉันจะไปทุก ๆ หมู่บ้านภายใน 40 คืน นอกจากมักกะห์และตอยยีบะห์ สองเมืองนี้ถูกห้ามสำหรับฉัน ทุก ๆ ครั้งที่ฉันต้องการจะเข้าไปในเมือง ๆ หนึ่ง จะมีบรรดามะลาอิกะฮฺถือดาบวิ่งมาขัดขวางไม่ให้ฉันเข้าไป และถูก ๆ ถนนจากสองเมืองก็จะมีมะลาอิกะฮฺ มารักษาความปลอดภัยอยู่? ท่านฟาติมะฮฺได้เล่าว่า ท่านนบีได้กล่าว และเอานิ้วก้อยจิ้มไปที่มีมบัร ?นี่แหละตอยยีบะฮฺ (หมายถึงมาดีนะห์) โปรดทราบ ฉันเคยเล่าเรื่องดังกล่าวให้พวกท่านฟังแล้วใช่ไหม? ผู้ฟังก็ตอบว่า ?ใช่?... (รายงานโดยมุสลิม อบูดาวุท และตีรมีซีย์)

  * ยืมคำแปลมาจากบัง Muftee จากกระทู้ด้านบนคร๊าาบ party:

ออฟไลน์ มาลิกกุ๊กกิ๊ก

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 451
  • เพศ: ชาย
  • คนความรู้น้อย
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
Re: หะดีษที่เกี่ยวกับดัจญาล
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ต.ค. 22, 2010, 07:39 AM »
0
ขอบคุณครับ แปลได้อร่อยดีนะ

^^

 

GoogleTagged