salam
salam
พอดีไปอ่านกระทู้เก่าๆมีอยู่เพียบ
ตามนี้ละกันครับ เพราะคุยกันมาก็เยอะแล้ว
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?PHPSESSID=c1d0c0e28841f0a87dae5ead0be906d9&topic=3718.15
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?PHPSESSID=c1d0c0e28841f0a87dae5ead0be906d9&topic=1043.0
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?PHPSESSID=c1d0c0e28841f0a87dae5ead0be906d9&topic=3103.15
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?PHPSESSID=c1d0c0e28841f0a87dae5ead0be906d9&topic=253.0
วัสลาม
อ่านจนกระจ่างเลยค่ะ เรื่อง "ฮิญาบ" กับ "นิกอบ"
เพราะกำลังสนใจเป็นอย่างมากกับเรื่อง "นิกอบ"
วันนี้มีเวลาจึงกะจะมาอ่านให้เข้าใจเสียที...
เลยอ้างข้อความที่ท่าน Muftee เขียนไว้จากอึกลิงก์นึง
มาด้วย...เห็นว่าชัดเจน เข้าใจง่ายที่สุด
ที่คนทั่วไปอย่างข้าน้อยจะเข้าใจได้ง่ายๆ
อ่านแล้วไม่งงน่ะค่ะ...
กระทรวงศาสนสมบัติและกิจการศาสนาของอิยิปต์ เตรียมแจกจ่ายหนังสือกว่า 1 แสนเล่ม ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า "นิกอบ" หรือการปิดหน้าของมุสลิมะฮฺนั้น เป็นบิดอะฮฺ ไม่มีที่มาที่ไปในศาสนา และเป็นวัฒนธรรมทางสังคมที่น่ารังเกียจ!! ที่ตลกคือ คนที่พูดเช่นนั้น คือตัวรัฐมนตรีเอง...
ในหนังสือเล่มนี้ยังประกอบด้วยทัศนะต่างๆของชัยคุลอัซฮัร มุหัมมัด สัยยิด ฏ็อนฏอวีย์ และเชคมุฟตีใหญ่ อาลี ยุมอะฮฺอยู่ด้วย
เค้ามีแต่คิลาฟกันว่า การปิดหน้าเป็นวาญิบหรือไม่? หรือเป็นสุนัต? หรือจะปิดก็ได้ไม่ปิดก็ได้..
ยังไม่เคยพบอุละมาอ์อิสลามคนไหนในหน้าประวัติศาสตร์อิสลามที่มีทัศนะเช่นนี้
ลองเข้าไปอ่านรายละหมาดใน
http://www.islamonline.net/servlet/Satellite?c=ArticleA_C&cid=1225698021403&pagename=Zone-Arabic-News/NWALayout
ข้าพเจ้าเองก็ได้เข้าไปลองอ่านดูแล้วเช่นกัน ซึ่งในเวปอ้างถึงคำกล่าวของท่าน เชค อะลีย์ ญุมอะฮฺ มุฟตีย์ อียิปต์ไว้ด้วย
โดยบอกไว้แบบ เน้นๆ ในเครื่องหมายคำพูดของท่านมุฟตีย์ ที่ว่า....
"الدكتور علي جمعة مفتي الجمهورية قال في الكتاب: إن النقاب "ليس بواجب"
ท่านด็อกเตอร์ อะลีย์ ญุมอะฮฺ มุฟตีย์แห่งอียิปต์กล่าวว่า "แท้จริงการปิดหน้านั้น ไม่ใช่สิ่งที่วาญิบ"(มีต่ออีก.......)
ซึ่งผมลองเข้าไปค้นดูในตำราของท่าน และก็พบคำกล่าวนี้จริงๆ ในตำราของท่าน มุฟตีย์ อะลีย์ ญุมอะฮฺ ซึ่งท่าน มุฟตีย์ กล่าวว่า "ส่วนนิกอบ นั้นคือ สิ่งที่ใช้ปกปิดใบหน้าของนาง จากสายตาของคนอื่นๆ ดังนั้น การที่นางปกปิดใบหน้าของนางด้วยนิกอบ และปกปิดฝ่ามือทั้งสองของนางด้วยถุงมือ หรือสิ่งที่คล้ายกันนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับนาง เนื่องจากว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนจากอัลกุรอานและจากสุนนะฮฺ มายืนยันในเรื่องนี้เลยว่าเป็นสิ่งที่วาญิบบนพวกนางว่า ให้ปิดใบหน้าและฝ่ามือทั้งสองของพวกนาง ส่วนการใช้นิกอบ (ผ้าคลุมหน้า) นั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคลซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ใช่วาญิบ ดังนั้น การปิดใบหน้าและฝ่ามือทั้งสองนั้นเป็นเรื่องของการเลือกที่จะปฏิบัติ ไม่ใช่สิ่งที่บังคับใช้ และไม่ใช่สิ่งที่ต้องห้ามแต่ประการใด และถือว่าเป็นสิ่งที่ดีกว่า หากว่าเป็นการสวมเพื่อป้องกันจากฟิตนะฮฺที่อาจเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง การสวมนิกอบ หรือการปกปิดใบหน้าและฝ่ามือทั้งสองนั้น เป็นเรื่องของการเลือกปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องของการสั่งใช้ หรือ การสั่งห้ามเลย"
ดู ตำรา الكلم الطيب فتاوى عصرية โดย الدكتور علي جمعة مفتي الجمهورية ในบทที่ว่าด้วย เครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับ เป็นคำฟัตวาของท่านในเรื่อง หุก่มการสวมนิกอบ (ผ้าคลุมหน้า) หน้าที่ 481
จากคำกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่า ท่านมุฟตีย์อียิปต์ไม่ได้คัดค้านในเรื่องของนิกอบแต่ประการใด ไม่เคยกล่าวว่าการสวมนิกอบเป็นบิดอะฮฺ ไม่เคยกล่าวว่าการสวมนิกอบเป็นประเพณีที่น่ารักเกียจ แต่ประการใด
แต่ท่านกลับกล่าวในเชิงส่งเสริมด้วยซ้ำว่า หากเกรงว่าจะเกิดฟิตนะฮฺก็ควรปิดดีกว่า ดังนั้นหากผู้พูด อ้างคำฟัตวาของท่านเชคมุฟตีย์มาแบบตัดตอนแค่พอเข้าใจ แน่นอนว่าอาจย่อมก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ หรือหากอ้างโดยไม่ยอมอธิบายต่อเพิ่มเติมในทัศนะที่ท่านเชคมุฟตีย์ยึดถือ เช่นอ้างว่า "แท้จริงนิกอบไม่ใช่วาญิบ" แล้วไม่อธิบายต่อว่าท่านเชค เองก็สนับสนุนให้สวมมัน หากเกรงว่าจะเป็นฟิตนะฮฺ และท่านเองไม่ได้คัดค้านเรื่องการสวมนิกอบเลย ซึ่งแน่นอนการกล่าวแบบสั้นๆ แบบนี้ อาจนำไปสู่การเข้าใจผิดต่อท่านเชคมุฟตีย์ได้ .... แต่ยังไงเราก็จะรอดูว่าตำราที่ถูกอ้างมานี้จะออกมาเมื่อไร มีหลักฐานเป็นอย่างไร .......... แน่นอนเราจะชี้แจงครับ....

ถ้าจะสรุปตามความเข้าใจตัวเองว่า
"นิกอบ" หรือ "การปิดหน้าและฝ่ามือทั้งสอง" นั้น
เป็น "อาดะฮฺ"
ซึ่งเป็นเรื่องของการเลือกที่จะปฏิบัติ
ไม่ใช่สิ่งที่บังคับใช้ และไม่ใช่สิ่งที่ต้องห้ามแต่ประการใด
และถือว่าเป็นสิ่งที่ดีกว่า
หากว่าเป็นการสวมเพื่อป้องกันจากฟิตนะฮฺที่อาจเกิดขึ้น
ซึ่งท่านรอซู้ล ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ได้กำชับเราอย่างหนักเรื่องฟิตนะฮฺ...
แต่ถ้าเราพิจารณาตัวเองแล้วและพิจารณาองค์ประกอบ
แล้วว่า การไม่ปิดหน้าของเราไม่ได้สร้างฟิตนะฮฺแต่อย่างใด
การไม่ปิดก็ย่อมมิใช่ปัญหา ใช่หรือไม่คะ...
และถ้าการเปิดหน้าและฝ่ามือของเรา
ทำให้เป็นการเดือดร้อนแก่เรา
และสร้างความวุ่นวายขึ้น เช่น มีคนมารุมจีบเยอะ
มีคนมองมามากมายไม่จบไม่สิ้น เราก็เลยคิดว่า
ปิดหน้าไว้ เขาจะได้ไม่มองมา...
ดังนั้น...เป้าหมายหลักๆของอิสลามในการให้สตรีปกปิด
ก็เพื่อ ป้องกันฟิตนะฮฺใช่มั้ยคะ...หากว่าปกปิดจนเหลือ
แค่หน้ากับฝ่ามือแล้วก็ยังไม่สามารถป้องกันฟิตนะฮฺได้อีก
เราก็สมควรที่จะปิดทั้งหน้าและฝ่่ามือด้วย เพื่อเป้าหมายหลัก
นั่นก็คือ ป้องกันฟิตนะฮฺ...ใช่หรือไม่คะ...
ซึ่งเข้าใจว่าผู้หญิงแต่ละคนนั้นอัลลอฮฺสร้างมาไม่เหมือนกัน
สวยมากสวยน้อยลดหลั่นกันไป...
พ่อเคยบอกว่า...ความสวยงามเป็นภัย...
และอัลลอฮฺทรงส่งเครื่องปกป้องภัยดังกล่าวมาให้แล้ว...
จึงบอกพ่อไปว่า...การที่เราไม่ได้สวยมากมาย
ก็ดีกับตัวเราเหมือนกันนะพ่อนะ...ภัยน้อยดี...
ฟิตนะฮฺก็น้อยด้วย
...อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...
แต่ถ้าเมื่อไหร่ทีี่รู้สึกไม่ปลอดภัย แน่นอนว่า
"นิกอบ" จะเป็นทางเลือกของข้าน้อยแน่ๆ....
ตอนนี้แค่คิดว่า จะเอาฮิญาบให้รอด ก็ลำบากมากค่ะ...
มีแต่คนยุจะให้เอาออกอยู่นั่น...
บอกว่ายิ่งปิดยิ่งอยากรู้...
มารไม่มี บารมีไม่เกิด สุภาษิตไทยอันนี้น่าจะใช้ได้อยู่ค่ะ
ปล.แล้วถ้าคลุมฮิญาบและนิกอบสวยงามจนกลายเป็นที่
ดึงดูดสายตาหมู่ชน จนทำให้เกิดฟิตนะฮฺขึ้นมา...
ฮิญาบกับนิกอบก็จะกลายเป็นเพียงผ้าธรรมดา
ที่ปราศจากคุณค่าแห่งมันไปหรือเปล่าคะ...
หรือว่าแค่ได้คลุมก็ไม่เป็นไรแล้ว...
หรือต้องมีนัยยะมากกว่านั้น...
อันนี้ฝากถามมุสลีมีนค่ะ...
เพราะคู่กรณีของสตรีคือบุรุษ...
หาใช่เพศอื่นใด...
ปล.อีกที....การลดสายตาลงต่ำ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี
ที่อัลลอฮฺบัญชาใช้ และลดฟิตนะฮฺได้เช่นกันค่ะ...
ดังนัั้น...แม้นางจะปิดหมดจนเหลือแค่ลูกกะตาแล้ว
ก็ใช่ว่าลูกกะตาของนางจะเป็นสิ่งที่อนุมัติให้บุรุษ
สามารถจ้องเอาจ้องเอาได้นะคะ...^^
เพราะอัลลอฮฺให้เราลดสายตาลงต่ำ...
เนื่องจากมองผาดๆกับจ้องตามันต่างกันค่ะ
บุรุษและสตรีผู้มีความยำเกรง จึงควรที่จะลดสายตาลงต่ำ
เมื่อเดินผ่าน...จะได้เป็นการลดฟิตนะฮฺกันทั้งสองฝ่ายเลย...
จะได้สมน้ำสมเนื้อหน่อย
วัสลามค่ะ