السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
ต่อครับ ละหมาดวันศุกร์เสร็จ ก็นึกถึงกระทู้ของคุณ isma-il อันนี้ ผมก็เลย อยากเขียนบันทึกให้สักหน่อย ละหมาดเสร็จก็เข้ามาที่บ้านเช่าธรรมดาไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่ของนักเรียนเซอร์ ๆ จน ๆ แต่พอมีพี่ซุกหัวนอน ได้มีที่อ่านหนังสือ ค้นคว้าอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ เพื่อจะมานำเสนอในเวปไซท์แห่งนี้ได้ก็พอ
หลังละหมาดวันศุกร์ก็ต้องไปละหมาดซื้อกับข้าวมาตุนไว้หน่อย เผื่อมีเพื่อน ๆ น้อง ๆ มาเยี่ยม ระหว่างไปตลาดก็ฉวยโอกาสเอาถุงขยะไปทิ้งพอดี หมักมมไว้หลายวันแล้วกว่าจะขยะจะเต็มถุง เดิน ๆ ไปก็จะใช้ความคิดและความรู้สึกเพื่อนำมาแสดงความคิดเห็นกันในกระทู้นี้สักหน่อย ระหว่างถือถุงขยะ ก็คิด ๆ ว่า ตัวเราอย่าทำตนเหมือนถุงขยะ ที่หมักมมแต่สิ่งที่ไร้ประโยชน์ ซึ่งสมควรที่จะขจัดเอาออกเสียบ้างก็ดีเหมือนกัน เพื่อให้จิตแจ่มใส่พร้อมที่จะต้องขัดเกลาตลอดเวลา
พอเอาขยะไปทิ้งก็ผ่านไปตลาดเลยครับ วันนี้ถือว่าไปตลาดที่พิเศษหน่อย เพราะต้องมาระบายความรู้สึกที่กระทู้นี้ ผู้คนมากมายเดินไปมาจับจ่ายใช้สอยกัน นึก ๆ แล้ว ก็คิดเหมือนกันว่า การดำเนินชีวิตของผู้คนในตลาดเนี่ย ผู้ใดกันหนอเป็นผู้กำหนดให้พวกเขาต้องมีวิถีชีวิตเช่นนี้เยี่ยงทุกวัน แต่คิด ๆ ไป ก็อนิจจังครับ เพราะตัวผมเองและทุก ๆ คนที่เดินในตลาดทั้งหมดต้องมีจุดจบเดียวกัน นั่นคือความตาย
ปากทางตลาดมีจะร้านขายปลาขาประจำที่ผมชอบซื้อ เมื่อซื้อแล้วผมก็มักจะฝากถุงปลาเอาไว้กับเจ้าของร้านก่อน แล้วเดินเข้าไปในตลาดข้างใน เพื่อซื้อผักและผลไม้ ตามสูตรของผม มองดูพ่อค้าแม่ค้าอาหรับแต่ละคนก็ช่างน่าอิจฉาพวกเขา คิดเสมอว่าพวกเขาดีกว่าเรา เพราะขยันทำมาหากิน ส่วนเรายังต้องให้พ่อแม่ยากลำบากส่งเรียนหนังสือ ที่ตลาดบางเจ้าก็มีลูกสาวคลุมฮิญาบสวย ๆ มาช่วยขายของให้พ่อแม่ด้วย ได้เห็นแล้วชื่นใจครับ เพราะรสนิยมส่วนตัวชื่นชมกับสตรีที่ชอบขยันทำงานช่วยเหลือพ่อแม่ อย่างน้อยหากเราลำบากเขาก็พอที่จะอดทนอยู่ร่วมกับเราได้
วันนี้ได้เจอพ่อค้าขายผลไม้ที่ตลาดคนหนึ่ง ขายแคนตะลู๊บ (ชัมมาม) ขาลีบพิการเดินไม่ได้ ต้องเดินด้วยมือ ก็เลยนึกชื่นชมที่พิการเยี่ยงนี้ แต่ก็ยังขยันทำงานไม่ขอใครกิน เริ่มนึกถึงตัวเองอีกแล้วครับ ว่าโตป่านนี้แล้วยังไม่มีงานทำกับเขาเสียที เฮ้อ... เห็นพ่อค้าเลยชื่นชม จึงอุตหนุนแคลตะลู๊บ 2 กิโล ก็ประมาณ 15 บาทบ้านเรา คือที่อียิปต์ไม่แพงครับ นักเรียนอย่างเรา ๆ ซื้อกินได้ครับ อีกอย่างหนึ่งคือพ่อค้าขอพิการนั้น พอเวลาเข้ามาใกล้ ๆ ผมเห็นมีบุหรี่หนึ่งตัวเหน็บไว้ที่หูข้างขวาของเขาด้วยครับ

แล้วก็ไปซื้อไก่ 1 กิโล 7 ปอนด์ วันนี้ลดลงมาอีกแล้วครับ เมื่อวันก่อน 8 ปอนด์ ส่วนอีกร้านหนึ่ง 9 ปอนด์ พอเจอต่างชาติก็มักจะมีหลายราคาครับ แต่ยืนคุยกับพ่อค้าสักพัก ก็ลดราคาเองแหละครับ
พูดถึงตลาด ย่อมไม่ค่อยมีบะรากัต(ศิริมงคล)สักเท่าไหร่จริง ๆ ครับ เพราะบางทีพ่อค้าแม่ขายแต่ละคน ก็พยายามที่เรียกลูกค้า โปรโมตสิ่งที่ตนเองขาย จริงมั้ง โกหกมั้ง ชั่งโกงมั้ง เวลาหยิบผลไม้ก็จะพยายามหยิบของที่ไม่ค่อยดีใส่ลงไปด้วย (ถ้าเราเผลอน่ะ) ของดี ๆ คนจน ๆ ก็อยากได้ แต่กระนั้น ก็ได้แค่เดินมองผ่านไปนั้นเท่านั้น ซึ่งถือว่าสินค้านั้นจะขาดความศิริมงคลลงไปบ้างแล้วครับ สรุปก็คือ ในตลาดนั้น ชัยฏอนชุมมาก การหลอกลวง การโกงตาชั่ง พูดเท็จในการโปรโหมดสินค้า ซ่อนข้อบกพร่องของสินค้าที่ตนขายไม่ให้ผู้ซื้อทราบ ดังนี้แหละครับ ที่ในหลักวิชาการฟิกห์เขาบอกว่า "มักโระฮ์(ไม่บังควร)ที่จะทำการละหมาดในตลาด" เพราะชัยฏอนมันชอบมาอยู่ตลาดด้วยเหตุฉะนี้
อย่างหนึ่งที่ผมชอบไปตลาด ก็คือแม่บ้านชายอียิปต์มักจะนำบุตรเล็กๆ ของตนไปจ่ายตลาดด้วย แต่ละคนน่ารักครับ น่าสต๊าฟมาไว้ที่บ้าน ได้แค่จับแก้ม ไม่กล้าหอมแก้ม กลัวๆ แม่เด็กจะว่าเอา เด็กอาหรับเล็ก ๆ บางคนน่ารักมากครับ เลยของเสี่ยงหอมแก้มสักที แม่เด็กจะว่าก็ไม่สนใจแล้ว แต่เวลาได้หอมสักทีนะครับ แทนที่แม่เขาจะว่าตามที่ผมระแวง เขากลับมาพูดกับผมว่า ชุกร๊อน (ขอบคุณ) เอ้า! โล่งไปหน่อย นึกว่าจะถูกว่าเสียแล้วเรา
พอเดินออกจากปากทางตลาด ผมเห็นคนขาดีค่อนข้างชราเดินได้ แต่ใช้ไม้เท้า เดินแบมือขอทาน เลยนึกถึงคนขาลีบที่ต้องใช้มือเดินแทนเท้าขายผลไม้อยู่ในตลาด ซึ่งมันเป็นภาพที่กลับตะละปัดกันอย่างสิ้นเชิง เดิน ๆ ก็นึก ๆ อมยิ้มว่า ได้มีเรื่องนำเสนอในกระทู้แล้วล่ะเรา
والسلام