ผู้เขียน หัวข้อ: เก่งจริงลองแปลซีฟัตอัลเลาะฮ์เป็นภาษาไทยซิ!?  (อ่าน 2960 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด

อัสลามุอะลัยกุ้มวะเราะห์มะตุลลอฮ์วะบะรอกาตุฮ์

ผมได้ติดตามอ่านการเสวนาที่เว็บมุสลิมไทยเกี่ยวกับจุดยืนเรื่องอะกีดะฮ์การมีรูปร่างของอัลเลาะฮ์(ซ.ล.) ระหว่างพี่น้องอัลอะชาอิเราะฮ์กับพี่น้องวะฮาบี  ซึ่งอัลอะชาอิเราะฮ์นั้นปฏิเสธการที่อัลเลาะฮ์เป็นรูปร่างหรือร่างกายอย่างปราศจากข้อแม้ใดทั้งสิ้น  ส่วนแนวทางอะกีดะฮ์ของพี่น้องวะฮาบีนั้นคืออัลเลาะฮ์ทรงเป็นรูปร่างหรือร่างกายแต่ไม่เหมือนมัคโลค  ซึ่งผมได้เห็นข้อความหนึ่งที่มีประโยชน์แก่พี่น้องในการทำความเข้าใจอะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  และสามารถตอบคำถามความคลุมเคลือที่พี่น้องวะฮาบีบางคนได้ตั้งขึ้นมาเพื่อสนองหลักอะกีดะฮ์ของตนเอง  แล้วเราจะตอบว่าอย่างไรและมีจุดยืนอย่างไรต่อคำถามที่มีผลต่ออะกีดะฮ์อันนี้

อนึ่ง  ผมจะทำการก็อบคำเสวนาและเรียบเรียงไหม่บางส่วนเล็กน้อย  พร้อมกับตัดชื่อผู้เสวนา  เพราะผมไม่โปรดปราณที่จะให้กล่าวชื่อ  เลยใช้แค่คำสรรพนาม  และพยายามโพสต์ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย  มีการเน้นอักษรตามที่ผู้เสวนาได้ทำเอาไว้   ดังนั้นผมขอนำเสนอดังนี้ครับ

คุณวะฮาบีถามว่า

ผมอยากจะถามว่า "คำว่า "ซาต" คำนี้ ถ้ามีคนบอกว่า ข้อความหมายแปลไทยหน่อย แปลว่า อย่างไร

คุณอะชาอิเราะฮ์ตอบชี้แจง

คุณครับ การใช้วิธีแปลอัลกุรอานให้เป็นภาษาไทยเพื่อที่คุณจะยืนยันในหลักอะกีดะฮ์ของคุณว่า อัลเลาะฮ์มีรูปร่างหรือร่ายกายนั้น มันเป็นวิธีการสอนคนบ้านที่อันตรายและทำลายอะกีดะฮ์อิสลามทั้งทางตรงและทางอ้อม

หากมีคริสต์คนหนึ่ง ที่เชื่อว่านบีอีซา(เยซู)เป็นภาคหนึ่งของอัลเลาะฮ์ คุณก็ค้านไม่ใช่แบบนั้น แล้วคริสต์คนนั้นก็ถาม คุณลองแปลโองการอัลกุรอานนี้เป็นภาษาไทยแบบตรง ๆ ซิ ที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงเป่าวิญญาณแก่นบีอีซาที่อยู่ในครรภ์ของพระนามมัรยัม ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงตรัสในซูเราะฮ์อัตตะห์รีมว่า

مِنْ رُّوْحِنَا

"จาก.....ของเรา(คือของอัลเลาะฮ์)"

หรือคุณจะแปลเป็นภาษาไทยให้คริสเตียนฟังอย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า "จากวิญญาณของอัลเลาะฮ์" แบบเพียว ๆ แบบนี้เลยใช่ไหม แล้วบอกกับตริสเตียนว่า อัลเลาะฮ์มีวิญญาณแต่ไม่เหมือนกับวิญญาณของมัคโลค!? แบบนี้ก็เข้าทางคริสเตียนซิครับ ดังนั้นการแปลเป็นภาษาไทยแบบนี้ทำลายอะกีดะฮ์อิสลามเลยนะครับ แล้วตกลงว่าการ "แปลเป็นภาษาไทย" นั้นคุณยังจะเอามาเป็นบรรทัดฐานในการเข้าใจเรื่องของอัลเลาะฮ์ที่ได้ระบุไว้ในอัลกุรอานที่เป็นภาษาอาหรับอีกไหม?!

คำว่า ذات "ซาตฺ" ผมเรียกเป็นภาษาไทยแบบทับศัพท์ครับแล้วก็ผ่านมันไปโดยไม่ไปเกี่ยวข้องเรื่องความหมายของมัน หากเราจะเรียกว่า "ซาตฺของอัลเลาะฮ์" ผมก็จะเรียกทับศัพท์เลยไปครับ แต่ถ้าหากคุณไปบีบคั้นหรือคาดคั้นให้ชาวบ้านแปลเป็นภาษาไทยเพื่อให้พวกเขามีอะกีดะฮ์อัลเลาะฮ์เป็นรูปร่างหรือร่างกายตามที่คุณต้องการนั้น ผมก็จะใช้แทนคำว่า "ซาตของอัลเลาะฮ์ ว่า "แก่นแท้ของอัลเลาะฮ์" ครับในความหมายภาษาอาหรับ ให้ความหมายดังนี้

ในปทานุกรมอาหรับ ได้ให้ความหมายคำว่า ذات ดังนี้

حَقِيْقَتُهُ :ذَاتُ الشَّيْءِ

“ซาตของสิ่งหนึ่ง หมายถึง แก่นแท้ของสิ่งหนึ่ง” (ดูหนังสือมั๊วะญัมอัลวะญีซฺ หน้า 243 อักษร ذ หมวด ذات)

ดังนั้นคุณไม่ควรเอาคำแปลภาษาไทยที่เกี่ยวกับเรื่องอัลเลาะฮ์ มาสร้างความเข้าใจผิดต่อชาวบ้านเลยครับ มันอันตราย ศาสนาอื่นเขาจะเอามาเป็นประเด็นโจมตีหลักความเชื่ออัลอิสลามเพราะเอาบรรทัดฐานบิดอะฮ์ในการแปลซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่ระบุเป็นภาษาอาหรับให้เป็นภาษาอื่น(เช่นภาษาไทย) เพื่อมากำหนดหรือสนองอะกีดะฮ์การเป็นรูปร่างของอัลเลาะฮ์ตามหลักอะกีดะฮ์ของคุณ

คุณวะฮาบีถามว่า

หะดิษข้างต้น ประโยคที่ว่า

أنت أبونا، خلقك الله بيده

แปลว่าอย่างไร หากคุณสอนชาวบ้าน และชนในยุคสะลัฟผู้ทรงธรรมเขามีความเข้าใจและมีความเชื่ออย่างไรในประโยคนี้ พวกเขาตีความคำว่า"บิยะดิฮี"ในหะดิษนี้ (ย้ำในหะดิษนี้) ว่าหมายถึงอำนาจเหมือนพวกคุณไหม ? ถ้าไม่กล้าตอบแล้วอ้างโน่น อ้างนี่ ก็ขอเชิญกลับพักผ่อนได้แล้ว เพราะสิ่งที่พวกคุณอุตสาห์นำเสนอมานั้น มันรกกระดานบอร์ด มันไม่มีค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย
คุณอัลอะชาอิเราะฮ์ตอบชี้แจง

คุณอะชาอิเราะฮ์ตอบชี้แจง

อายะฮ์ต่าง ๆ ที่ระบุซีฟัต يد ล้วนแต่เป็นซีฟัตเดียวกัน ไม่ใช่หมายความว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีหลายพระหัตถ์ อายะฮ์นี้อัลเลาะฮ์สร้างด้วยอีกพระหัตถ์หนึ่ง และอีกอายะฮ์อัลลอฮ์ทรงสร้างด้วยกับอีกพระหัตถ์หนึ่ง และอายะฮ์โน้นก็เป็นอีกพระหัตถ์หนึ่งกระนั้นหรือคุณ?! ทั้งที่ซีฟัตของอัลเลาะฮ์นั้นเท่าเทียมกัน มิใช่หมายความว่าซีฟัตพระหัตถ์ที่สร้างนบีอาดัมจะดีกว่าซีฟัตพระหัตถ์ของอัลเลาะฮ์ที่สร้างมัคโลคอื่นๆ หรือดีกว่าซีฟัตพระหัตถ์ที่ใช้สร้างฟากฟ้า ดังนั้นซีฟัต "ยะดุน" ของอัลเลาะฮ์ ไม่ว่าจะสร้างสิ่งใดก็ตาม ล้วนแต่เป็นซีฟัตเดียวกันไม่ได้มีความเลื่อมล้ำกันเลย

สงสารคุณที่นำการแปลภาษาไทยกำหนดความหมายซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่เป็นภาษาอัลกุรอานอันลึกซึ้งซึ่งไม่มีภาษาใดมาเทียบเทียมความอรรถรสได้  ดังนั้นมีด้วยกระนั้นหรือที่ปราชญ์แห่งโลกอิสลามเอาภาษาอื่นมาอธิบายภาษาอัลกุรอานที่เป็นภาษาอาหรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องซีฟัตของอัลเลาะฮ์!?

ฮะดิษดังกล่าว ท่านอิมามอันนะวาวีได้อธิบายจุดยืนของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ว่า

اليد هنا المذهبان السابقان في كتاب الإيمان ومواضع في أحاديث الصفات : أحدهما الإيمان بها , ولا يتعرض لتأويلها , مع أن ظاهرها غير مراد . والثاني تأويلها على القدرة

"คำว่า( อัลยะดุ้)اليد ณ ที่นี้ มีสองมัซฮับที่กล่าวผ่านมาแล้วในบทเรื่องอัลอีมาน และในสถานที่ต่าง ๆ ในบรรดาหะดิษเกี่ยวกับซีฟาต คือ มัซฮับที่หนึ่ง(คือสะลัฟ) : ให้ทำการศรัทธาด้วยกับมัน(ซีฟัตอัลยะดุ้) โดยไม่ต้องนำเสนอตีความกับมันพร้อมกับความหมายผิวเผินของมันไม่ใช่จุดมุ่งหมาย และมัซฮับที่สอง : ให้ทำการตีความมันให้อยู่ในความหมายของเดชานุภาพ" ชัรหุซอเฮี๊ยะห์มุสลิม 8/483
เรายึดตามหลักการที่อิมามอันนะวาวีย์ได้อธิบายแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ไว้

อนึ่ง การที่คุณอใช้การแปลซีฟัตของอัลเลาะฮ์ให้เป็นภาษาอื่น เพื่อยืนยันว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีอวัยวะแล้วเป็นรูปร่างนั้น มันการหลักฐานยืนยันอะกีดะฮ์ตนเองที่อันตรายครับ ถ้าหากชาวบ้านถามคุณว่า ลองแปลอายะฮ์ ที่ 88 ซูเราะฮ์ที่ 28 อัลก่อซ็อซต่อไปนี้หน่อย

كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إلا وَجْهَهُ

หรือคุณอะสันจะแปลว่า "ทุกสิ่งพินาศสิ้นนอกจากใบหน้าของพระองค์" คุณจะแปลแบบนี้ใช่ไหม!?

ส่วนฮะดีษที่คุณให้แปลนั้น หากเราแปลว่า "มือ" แล้วผ่านมันไปโดยไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับความหมายของมัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่อะกีดะฮ์วะฮาบีย์นั้น รู้ความหมายและอธิบายได้ จึงมีคำถามขึ้นมาว่า คำว่า "มือ" มันหมายถึงอะไรและอธิบายความหมายเช่นใด อันนี้คุณต้องอธิบายให้เราทราบ เพราะผมถามตามหลักอะกีดะฮ์แนวทางที่คุณยึดอยู่ ดังนี้

ท่านชัยค์ ซอลิหฺ อัลเฟาซาน อุลามาอ์ท่านอาวุโสของวะฮาบีย์ ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า

ويعتقدون أن نصوص الأسماء والصفات من المحكم الذى يفهم معناه ويفسر ولست من المتشابه

"พวกเขาเอี๊ยะติก๊อตว่า แท้จริง บรรดาตัวบทที่กล่าวถึงบรรดาพระนามและซีฟาต(ของอัลเลาะฮ์) นั้น เป็นสิ่งที่ชัดเจน(มั๊วะกัม) ที่สามารถเข้าใจความหมายของมันได้ และสามารถอธิบาย(ตัฟซีรกับความหมายของมัน) ( يفسر معناه )ได้ และมันไม่ใช่มาจากมุตะชาบิฮะฮ์(ตัวบทที่มีความหมายหลายนัย)" อ้างจาก หนังสือ กิตาบ อัตเตาฮีด ของ ชัยค์ ซอและหฺ อัลเฟาซาน หน้า 6

ดังนั้นการพูดว่า คำนี้แปล ترجمة ว่าอะไร กับ คำนี้มีความหมาย معني ว่าอะไร มันต่างกันครับ  คุณอย่าสับสนน่ะ เพราะมิเช่นนั้นคุณใช้วิธีการยืนยันอะกีดะฮ์ของคุณด้วยหลักการถามให้แปลตัวบท แล้วถ้าคุณจะให้คนอาหรับแปลตัวบทฮะดีษดังกล่าว คนอาหรับจะงงครับ เพราะคนอาหรับเขาแปลฮะดีษเป็นภาษาไทยไม่เป็น

คุณครับตอบเราหน่อยครับในกรณีของหลายอายะฮ์ที่กล่าวถึงซีฟัตของอัลเลาะฮ์เกี่ยวกับ يد หรือ يدين หรือ أيدينا ซึ่งในภาษาอาหรับนั้น คำว่า يد หรือ يدين หรือ أيدينا ที่แปลภาษไทย แปลว่า "มือ" ซึ่งในภาษาอาหรับมีอยู่หลายความหมาย แล้วใหนความหมายฮะกีกัตคำแท้ตามหลักอะกีดะฮ์ของคุณ อาทิเช่น

1. ส่วนอวัยวะของร่างกายที่เป็นฝ่ามือและมีนิ้ว

2. หมายถึงอำนาจ

3. หมายถึงความโปรดปราน

4. หมายถึงเกียรติ

5. หมายถึงพลัง

สำหรับพวกเราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์แล้ว ความหมายข้อที่ 1 ไม่ใช่ความหมายที่จะนำมาเข้าใจกับซีฟัตของอัลเลาะฮ์อย่างแน่นอน ส่วนความหมายที่ 2-4 ข้อนั้นเราไม่รู้ว่าความหมายใดเป็นเป้าหมายที่อัลเลาะฮ์ทรงต้องการ ดังนั้นผมจึงมอบหมายการรู้นี้ไปยังอัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

แต่ตามหลักอะกีดะฮ์ของคุณคือ รู้ความหมายฮะกีกัต(คำแท้)และอธิบายได้ ดังนั้นหากคุณเลือกแปลว่า "มือ" แต่จะเลือกความหมายเหมือนข้อ 2 - 5 นั้น  แน่นอนว่าคุณคงไม่ยอมเพราะจะกลายเป็นการตีความ

ดังนั้นจึงเหลือความหมายข้อที่ 1 "มือ" ที่อยู่ในควาหมายของ "ส่วนอวัยวะของร่างกายที่เป็นฝ่ามือและนิ้ว"

งั้นถ้าชาวบ้านถามคุณว่า คุณครูได้เลือกให้ความหมายฮะกีกัต(คำแท้)ที่คุณครูแปลมา  ซึ่งอยู่ในข้อ 1-5 นั้น คุณครูจะเลือกความหมายใดให้กับซีฟัตอัลเลาะฮ์ เพราะมัซฮับอะกีดะฮ์ของคุณครูนั้นคือรู้ถึงความหมายฮะกีกัตคำแท้และอธิบายได้!?
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
คุณครับตอบเราหน่อยครับในกรณีของหลายอายะฮ์ที่กล่าวถึงซีฟัตของอัลเลาะฮ์เกี่ยวกับ يد หรือ يدين หรือ أيدينا ซึ่งในภาษาอาหรับนั้น คำว่า يد หรือ يدين หรือ أيدينا ที่แปลภาษไทย แปลว่า "มือ" ซึ่งในภาษาอาหรับมีอยู่หลายความหมาย แล้วใหนความหมายฮะกีกัตคำแท้ตามหลักอะกีดะฮ์ของคุณ อาทิเช่น

1. ส่วนอวัยวะของร่างกายที่เป็นฝ่ามือและมีนิ้ว

2. หมายถึงอำนาจ

3. หมายถึงความโปรดปราน

4. หมายถึงเกียรติ

5. หมายถึงพลัง

สำหรับพวกเราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์แล้ว ความหมายข้อที่ 1 ไม่ใช่ความหมายที่จะนำมาเข้าใจกับซีฟัตของอัลเลาะฮ์อย่างแน่นอน ส่วนความหมายที่ 2-4 ข้อนั้นเราไม่รู้ว่าความหมายใดเป็นเป้าหมายที่อัลเลาะฮ์ทรงต้องการ ดังนั้นผมจึงมอบหมายการรู้นี้ไปยังอัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา


จากคำชี้แจงนี้  เมื่อผมได้ศึกษาจากการอธิบายหลักอะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ในเว็บนี้  ก็จะข้อความที่สอดคล้องและอธิบายหลักอะกีดะฮ์ซึ่งและกันได้อย่างกลมกลืนเลยทีเดียว  และสามารถทำให้เราเข้าใจอะกีดะฮ์ได้มากยิ่งขึ้นดังนี้ครับ  จากกระทู้นี้ http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=3799.0  และคำอธิบายในตอนท้ายจะเหมือนกับคำชี้แจงสรุปข้างบนตามหลักอะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์เลยครับ  ซึ่งมีข้อความดังนี้ครับ

การยืนยัน(อิษบาต)ในเชิงความหมายผิวเผินลักษณะภายนอกของถ้อยคำ(คือคำแท้)นั้น    สะลัฟส่วนมากเขาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวความหมายถ้อยคำลักษณะภายนอก(ผิวเผิน)ที่เกี่ยวกับซีฟัตของอัลเลาะฮ์  แต่พวกเขาส่วนมากทำการผ่านมันไปโดยทำการมอบหมายการรู้ถึงจุดมุ่งหมายของความหมายซีฟัตดังกล่าวไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา

ท่านอิบนุกะษีร  กล่าวว่า 

وَإِنَّمَا نَسْلك فِي هَذَا الْمَقَام مَذْهَب السَّلَف الصَّالِح مَالِك وَالْأَوْزَاعِيّ وَالثَّوْرِيّ وَاللَّيْث بْن سَعْد وَالشَّافِعِيّ وَأَحْمَد وَإِسْحَاق بْن رَاهْوَيْهِ وَغَيْرهمْ مِنْ أَئِمَّة الْمُسْلِمِينَ قَدِيمًا وَحَدِيثًا وَهُوَ إِمْرَارهَا كَمَا جَاءَتْ مِنْ غَيْر تَكْيِيف وَلَا تَشْبِيه وَلَا تَعْطِيل وَالظَّاهِر الْمُتَبَادِر إِلَى أَذْهَان الْمُشَبِّهِينَ مَنْفِيّ عَنْ اللَّه

 "แท้จริง เกี่ยวกับ ณ ตรงนี้  เราได้ดำเนินตามมัซฮับของสะละฟุศศอลิหฺ  คือท่านมาลิก , ท่านอัลเอาซะอีย์ , ท่านอัษเษารีย์ , ท่านอัลลัยษ์ บิน สะอัด , ท่านอัชชาฟิอีย์ , ท่านอะหฺมัด บิน หัมบัล , ท่านอิสหาก ร่อฮุวัยฮ์ , และท่านอื่น ๆ จากนักปราชญ์บรรดามสุลิมีนทั้งอดีตและปัจจุบัน  ซึ่งแนวทางของสะละฟุศศอลิหฺ ก็คือ  ให้ทำการผ่านมันไปเหมือนที่มันได้มีมา(โดยมิได้เจาะจงความหมาย) โดยไม่มีรูปแบบวิธีการ  ไม่ยืนยันการคล้ายคลึง และปฏิเสธคุณลักษณะ(ซีฟัต)  และความหมายแบบผิวเผิน(ลักษณะภายนอกของคำ)ที่เข้ามาอยู่ในสมองความเข้าใจของบรรดาพวกมุชับบิฮะฮ์ (คือพวกที่พรรณาการคล้ายคลึงคุณลักษณะระหว่างอัลเลาะฮ์และมัคโลคไม่ว่าจะ แง่ใดแง่หนึ่ง)นั้น  ถูกปฏิเสธจากอัลเลาะฮ์...

ท่านอิบนุกะษีรได้บอกชัดเจนว่า  ให้ผ่านมันไปโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเจาะจงความหมาย  โดยเฉพาะความหมายแบบผิวเผินหรือความหมายแบบลักษณะภายนอกของคำที่พวกมุชับบิฮะฮ์นำมาเข้าใจนั้น  ต้องถูกปฏิเสธจากอัลเลาะฮ์  อะไรคือการเข้าใจความหมายแบบผิวเผินหรือถ้อยคำภายนอกของพวกมุชชับบิฮะฮ์?

ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ  อิบนุฮะญัร  ได้กล่าวในขณะอธิบายฮะดิษเกี่ยวกับการลงมา النزول  ว่า

وَقَدْ اخْتُلِفَ فِيْ مَعْنَى النُّزُوْلِ عَلَى أَقْوَالٍ: فَمِنْهُمْ مَنْ حَمَلَهُ عَلَى ظَاهِرِهِ وَحَقِيْقَتِهِ وَهُمُ المُشَبِّهَةُ تَعَالَى اللهُ عَنْ قَوْلِهِمْ

"แท้จริงได้ถูกขัดแย้งกันในความหมายของการ  เสด็จลงมา  บนหลายทัศนะคำกล่าวด้วยกัน  ส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือ  เขาได้ทำการให้ความหมายการลงมานั้นบน(ความหมาย)ถ้อยคำผิวเผิน(หรือถ้อยคำลักษณะภายนอก) และตามความหมายฮะกีกัต(คำแท้ของมันที่มีการเคลื่อนย้ายจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง)  ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นคือพวกมุชับบะฮ์ (พวกที่ให้ความหมายในซีฟัตของอัลเลาะฮ์โดยไปคล้ายคลึงกับความหมายของมัคโลค)  ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากคำกล่าวของพวกเขา"  หนังสือฟัตฮุบารีย์ : 3/36

ดังนั้น  ความเข้าใจความหมายเกี่ยวกับถ้อยคำซีฟัตของอัลเลาะฮ์ของพวกมุชับบิฮะฮ์ก็คือ  การเข้าใจความหมายแบบผิวเผินและเขาใจความหมายแบบคำแท้คำตรง  เช่น  คำว่า  "มือ"  ความหมายคำตรงก็คือ  "ส่วนอวัยวะที่มีฝ่ามือและนิ้ว"  หากให้ความหมายนอกเหนือจากนี้  แสดงว่าให้ความหมายแบบตะวีลและเฉไม่ตรง  ดังนั้นถ้าหากเชื่อในความหมายที่ว่า  อัลเลาะฮ์ทรงมีซีฟัตมือที่อยู่ในความหมายของอวัยวะแต่ไม่เหมือนมัคโลค  ถือว่าเป็นความเข้าใจของพวกมุชชับบิฮะฮ์(พวกพรรณาคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์คล้ายกับมัคโลค)  แต่หากเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีอวัยวะที่เหมือนกับมัคโลค  ถือว่าเป็นความเข้าใจของพวกมุญัสสิมะฮ์ (พวกพรรณาคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์เป็นรูปร่าง) ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ไม่ใช่แนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์

ท่านชัยคุลอิสลาม  อัลฮาฟิซฺ  อิบนุฮะญัร  กล่าวอธิบายความหมาย "ทำการผ่านมันไป"  ว่า

وَمَعْنىَ الِإمْرَارِ عَدَمُ الْعِلْمِ بِالْمُرَادِ مِنْهُ مَعَ اعْتِقَادِ التَّنْزِيْهِ

"ความหมาย(อัลอิมร็อร)ทำการผ่านมันไป  หมายถึงไม่รู้ถึงจุดมุ่งหมายจาก(ถ้อยซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่มีความหมายหลายนัย) พร้อมกับยึดมั่นว่าพระองค์ทรงบริสุทธิ์(จากการไปคล้ายหรือเหมือนกับมัคโลคด้วยความเข้าใจแบบความหมายคำตรงคำแท้)"  หนังสือฟัตฮุลบารีย์ : 6/48

ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ  ฮะญัร  ได้กล่าวเช่นกันว่า

وَالثَّالِثُ إِمْرَارُهَا عَلىَ مَا جَاءَتْ مَفَوَّضاً مَعْنَاهَا إِلَى اللهِ تَعَالَى....قَالَ الطَّيَّبِيُّ: هَذَا هُوَ الْمَذْهَبُ الْمُعْتَمَدُ وَبِهِ يَقُوْلُ السَّلَفُ الصَّالِحُ

"มัซฮับที่สาม  คือทำการผ่านพ้นมันไปตามที่ได้มี(ระบุ)มา  โดยมอบหมาย(ซึ่งการรู้)ถึงความหมายของมันไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา...ท่านอัฏฏ็อยยิบีย์กล่าวว่า  นี้คือแนวทางที่ได้รับการยึดถือ  และเป็นทัศนะคำกล่าวของสะละฟุศศอลิห์"  หนังสือฟัตฮุลบารีย์ : 13/190

ดังนั้น  มัซฮับสะลัฟก็คือการเชื่อในซีฟัต  แต่ทำการผ่านมันไปโดยไม่เข้าไปเจาะจงความหมายหลายนัยของซีฟัตมุตะชาบิฮาตที่มีความหมายหลายนัย  โดยมอบหมายความรู้ไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา

ท่านอิมามอันนะวาวีย์กล่าวว่า

فَيُقَالُ مَثَلاً: نُؤْمِنُ بِأَنَّ الرَّحْمَنَ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى، وَلَا نَعْلَمُ حَقِيْقَةَ مَعْنَى ذَلِكَ وَالْمُرَادُ بِهِ، مَعَ أَنَّا نَعْتَقِدُ أَنَّ الله َتَعَالىَ لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ، وَأَنَّهُ مُنَزَّهٌ عَنِ الحُلُوْلِ وَسِمَاتِ الحَدُوْثِ، وَهَذِهِ طَرِيْقَةُ السَّلَفِ أَوْ جَمَاهِيْرِهِمْ وَهِيَ أَسْلَمُ

"อาทิเช่น  กล่าวว่า   เราได้ศรัทธาอัลเลาะฮ์ทรงอิสติวาอฺเหนืออะรัช  ซึ่งเราไม่รู้ถึงแก่นแท้ของหมายความ(แต่ วะฮาบีย์รู้ความหมายแก่นแท้ของซีฟัต))และไม่รู้เป้าหมายสิ่งดังกล่าว  พร้อมกับเราเชื่อมั่นว่า  แท้จริง  อัลเลาะฮ์ตะอาลานั้น  "พระองค์ไม่มีสิ่งใดมาคล้ายเหมือนกับพระองค์"  และแท้จริงพระองค์ทรงปราศจากการเข้าไปมีที่อยู่  ปราศจากคุณลักษณะที่บังเกิดขึ้นมาใหม่  และนี้ก็คือแนวทางของสะลัฟ  หรือสะลัฟส่วนมาก  ซึ่งเป็นแนวทางที่ปลอดภัยกว่า"  หนังสือมัจญฺมั๊วะ : 1/25

ท่านอิมามอัสสะยูฏีย์กล่าวว่า

مِنَ المُتَشَابِهِ آيَاتُ الصَّفَاتِ... وَجُمْهُوْرُ أَهْلِ السُّنَّةِ مِنْهُمُ السَّلَفِ وَأَهْلُ الحَدِيْثِ عَلى الإِيْمَانِ وَتَفْوِيْضِ مَعْنَاهَا المُرَادِ مِنْهَا إِلىَ اللهِ تَعَالَى، وَلاَ نُفَسِّرُهَا مَعَ تَنْزِيْهِنَا لَهُ  تَعَالَى  عَنْ حَقِيْقَتِهَا

"ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่มีความหมายหลายนัย(คลุมเคลือ) คือบรรดาอายะฮ์ซีฟาต(อายะฮ์ที่พูดถึงคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์)...อะฮ์ลิสซุนนะฮ์ส่วนมาก  ซึ่งส่วนหนึ่งจากพวกเขา  คือชาวสะลัฟและอะฮ์ลุลฮะดิษ  ได้ทำการศรัทธา(อีหม่าน) และมอบหมาย(การรู้)ความหมายที่เป็นเป้าหมาย(จริงๆ)ของมันไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา  และเราจะไม่อธิบายมัน(เพราะไม่รู้ความหมายที่แท้จริงจึงอธิบายไม่ได้)พร้อมกับเราได้ยืนยันความบริสุทธิ์แด่อัลเลาะฮ์ตะอาลา ให้พ้นจาก(ความหมาย)ฮะกีกัตของมัน(คือความหมายคำตรงแบบภายนอกผิวเผินของถ้อยคำ)"  หนังสืออัลอิตกอน ฟี อุลูมิลกุรอาน 2/10

แต่อาจจะมีคำถามขึ้นว่า  การที่สะลัฟได้ทำการผ่านมันไปโดยมอบหมายซึ่งการรู้ควาหมายไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ก็ถือว่าสะละฟุศศอลิห์ไม่รู้ความหมายของอัลกุรอานน่ะซิ ?  ซึ่งเป็นไปได้หรือที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานอัลกุรอานลงมาโดยไม่รู้ความหมาย?

ตอบ : การที่สะลัฟได้ทำการผ่านมันไปโดยมอบหมายซึ่งกันรู้ความหมายไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลานั้น  มิใช่หมายความว่าสะละฟุศศอลิห์ไม่รู้ความหมายในถ้อยคำที่มีความหมายหลายนัย  และพวกเขาไม่รู้ถึงความหมายแบบเชิงรายละเอียด(ตัฟซีล)  พวกเขาไม่รู้ถึงความหมายที่เจาะจงจริง ๆ ตามทัศนะของอัลเลาะฮ์ว่ามันคืออะไรกันแน่  ดังนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถฟันธงเด็ดขาดว่า  ความหมายถ้อยคำที่เกี่ยวกับซีฟัตของอัลเลาะฮ์นี้  คือการนั่งน่ะ  คือการสถิตน่ะ  แต่ทว่าพวกเขารู้และเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของอัลกุรอานในเชิงแบบสรุป(อิจญฺมาล)  ดังรายละเอียดที่ผมจะยกตัวอย่างต่อไปนี้ :

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

يَدُ اللهِ فَوْقَ أَيْدِيْهِمْ

"ยะดุลลอฮ์อยู่เหนือบรรดามือของพวกเขา"

ดังนั้นอายะฮ์นี้  สะลัฟเข้าใจเจตนารมณ์จากความหมายของอายะฮ์แบบสรุปว่า  "อัลเลาะฮ์ได้ทรงช่วยเหลือและให้การสนับสนุนพวกเขา"  ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เหมาะสมกับพระองค์และเป็นความเข้าใจแบบโดยรวมที่มีต่ออายะฮ์นี้  สำหรับถ้อยคำที่ว่า يَدُ ที่พาดพึงไปยังอัลเลาะฮ์นั้น   เมื่อทำการพิจารณาถึงความหมายแบบผิวเผินที่ได้ยินแล้วมันเข้ามาในสมองหรือเข้ามาในความเข้าใจของคนทั่วไปเป็นอันดับแรกว่ามันคือความหมายแบบฮะกีกัตในเชิงภาษาที่หมายถึง "่ส่วนอวัยวะที่เป็นมือ" ปรากฏว่าสะละฟุศศอลิห์ส่วนมากจะปฏิเสธความหมายในเชิงฮะกีกัตที่เป็นอวัยวะมือนี้   หลังจากนั้นพวกเขาก็จะไปพิจารณาความหมายอื่น ๆ ที่มีความหมายหลายนัยยะแบบมะญาซฺ(คำที่มีความหมายอ้อมและเปรียบเปรย)ตามที่หลักภาษาอาหรับเข้าใช้กันอย่างแพร่หลาย  เช่น  หมายถึงอำนาจ , พลัง , เนี๊ยะมัต , ความเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ , เป็นต้น  ซึ่งการตีความได้หลายความหมายหรือหลายนัยยะนี้   สะละฟุศศอลิห์ได้ทำการหยุดเจาะจงความหมายและไม่ฟันธงอย่างเด็ดขาดว่ามันคือความหมายนั้นความหมายนี้ โดยมอบหมายไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ฉะนั้นตามนัยยะนี้แหละ  ที่เป็นเป้าหมายคำพูดที่ว่า  "สะลัฟไม่รู้ความหมายที่เป็นเป้าหมาย(จริงๆ)ของมัน(ตามทัศนะของอัลเลาะฮ์ตะอาลา)และทำการมอบหมายไปยังพระองค์"

ดังนั้น  สะลัฟได้รู้ความหมายถ้อยคำ  يَدُ  ว่ามีความหมายทั้งในเชิงคำแท้(ฮะกีกัต)และมะยาซฺ(คำอ้อม)ที่ได้ให้ความหมายไว้มากมายหลายนัยยะในภาษาอาหรับ  แต่พวกเขาเข้าใจแบบเชิงสรุป(อิจญฺมาล)ดั่งที่ได้กล่าวมาแล้วโดยไม่เจาะจงความหมายหรือฟันธง  เป็นเพราะว่าเมื่อมันเกี่ยวข้องกับถ้อยคำที่มีความหมายซีฟัตของอัลเลาะฮ์  สะละฟุศศอลิห์จึงมีความยำเกรง  เกรงกลัว  และเกรงขาม  ในเรื่องของอัลเลาะฮ์ที่เกี่ยวกับคุณลักษณะอันสูงส่งของพระองค์นี้  และพวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นอันใดในการเข้าไปเจาะจงความหมายใดความหมายหนึ่ง  เนื่องจากในยุคสมัยนั้นปราศจากพวกเบี่ยงเบนที่ทำการตีความหมายคำตรัสของอัลเลาะฮ์และคำพูดของร่อซูลุลลอฮ์บนหนทางต่าง ๆ ที่ไม่ถูกต้องตามหลักภาษาอาหรับและตีความโดยค้านกับความบริสุทธิ์ของพระองค์จากการไปคล้ายหรือเหมือนกับมัคโลค  ด้วยเหตุนี้สะละฟุศศอลิห์ส่วนมากจึงหลีกเลี่ยงการฟันธงหรือเจาะจงความหมาย  ซึ่งพวกเขาถือว่าเพียงพอแล้วที่เข้าอายะฮ์อัลกุรอานแบบสรุป ๆ (อิจญฺมาล)
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
อายะฮ์ต่าง ๆ ที่ระบุซีฟัต يد ล้วนแต่เป็นซีฟัตเดียวกัน ไม่ใช่หมายความว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีหลายพระหัตถ์ อายะฮ์นี้อัลเลาะฮ์สร้างด้วยอีกพระหัตถ์หนึ่ง และอีกอายะฮ์อัลลอฮ์ทรงสร้างด้วยกับอีกพระหัตถ์หนึ่ง และอายะฮ์โน้นก็เป็นอีกพระหัตถ์หนึ่งกระนั้นหรือคุณ?! ทั้งที่ซีฟัตของอัลเลาะฮ์นั้นเท่าเทียมกัน มิใช่หมายความว่าซีฟัตพระหัตถ์ที่สร้างนบีอาดัมจะดีกว่าซีฟัตพระหัตถ์ของอัลเลาะฮ์ที่สร้างมัคโลคอื่นๆ หรือดีกว่าซีฟัตพระหัตถ์ที่ใช้สร้างฟากฟ้า ดังนั้นซีฟัต "ยะดุน" ของอัลเลาะฮ์ ไม่ว่าจะสร้างสิ่งใดก็ตาม ล้วนแต่เป็นซีฟัตเดียวกันไม่ได้มีความเลื่อมล้ำกันเลย

แต่คำชี้แจงนี้  ผมพอเข้าใจ  แต่ผมขอความกระทู้จากผู้รู้แห่งเว็บนี้เพิ่งอีกสักหน่อยครับ  ยะซากัลลอฮุคอยรอนครับ
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ itoursab

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 199
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาตเล่าขำๆนอกเรื่องนะครับ
ตอนแรกที่สนใจศาสนาใหม่ๆ
มีน้องมาบอกว่ามีปัญหาศาสนาถามเขาได้หมด
ผมถามด้วยความไม่รู้ "ซาตฺของอัลลอฮคืออะไร"
...
วันนี้หากมีคนถามผมด้วยคำถามเดียวกัน
ผมคงตอบเหมือนกับน้องคนนั้นแหละครับ
" ไม่รู้ "

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
เซฟกลับไปอ่าน

นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

sara

  • บุคคลทั่วไป
น้องเก่งไม่จิงง่า 555 อัลลอฮเท่านั้นมีความสามารถ    loveit:    อิอิ แอบกวน

ซีฟัต คุณลักษณะของอัลลอฮ นั้น ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ   myGreat:

มิบังอาจจร้า  oh:  oh:  oh:

อินชาอัลลอฮ ถ้าอยากรู้ของจิง ก็ทำอาม้าล-อิบาดะเยอะๆ จะได้ พบพระองค์   hehe  กวนได้อีก  loveit:

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
เรียนรู้เพื่อเพิ่มพูนอีหม่าน
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
จะแปลศิฟัตอัลลอฮฺเป็นภาษาอะไรก็ตาม มันไม่ยากหรอกครับ หากมันการแปลนั้นมันไม่ทำให้คนเอาวามเกิดความคลุมเครือจนนำไปสู่การตับบีหฺ (ทำให้คล้ายคลึง) กับมัฅลู๊ก (สิ่งถูกสร้าง) อีกทั้งการแปลศิฟัต มันต่างจากการแปลคำอื่น เพราะมันคืออมานะฮ์ ความระมัดระวัง และหากแปลมั่วๆ ไม่มีหลักวิชาการ ไอคนที่แปลนั่นแหละจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนแปล - วัลอิยาฑุบิลลาฮฺ - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

 

GoogleTagged