ผู้เขียน หัวข้อ: สถานการณ์ในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง  (อ่าน 4713 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด

 
salam


ชื่อย่อ ซิน (新)ชื่อเดิม ซีเฉิง แปลว่า เมืองทางตะวันตก ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ประมาณ 1/6 ของพื้นที่ทั้งประเทศ นับเป็นพื้นที่เขตปกครองที่ใหญ่ที่สุดของจีน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศมองโกเลีย ทิศดะวันตกติดกับประเทศรัสเซีย คาซัคสถาน คีร์กิซสถาน และทาจิกิสถาน ดะวันตกเฉียงใต้ติดกับอัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอินเดีย มีชายแดนยาวถึง 5,600 กิโลเมตร
       พื้นที่ 1.66 ล้านตร.กม แบ่งเขตการปกครองเป็น 17 เมือง 70 อำเภอ และ 844 หมู่บ้าน ในจำนวนนี้มีหมู่บ้านชนส่วนน้อยถึง 42 หมู่บ้าน ในเมืองใหญ่ทั้ง 13 เมือง เป็นเขตปกครองตนเองของชนส่วนน้อยถึง 5 เมือง

      ภูมิประเทศ
       เขตปกครองตนเองซินเจียงเป็นพื้นที่ทะเลทรายโกบี 22 % พื้นที่ภูเขา 37% พื้นที่เนินเขาเตี้ยๆ 19% และพื้นที่ราบ 44% โดยแบ่งเป็น 5 เขตสำคัญ ได้แก่ บริเวณเทือกเขาอาเอ่อไท่ซันทางทิศเหนือมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,000-3,000 เมตร เป็นเขตเชื่อมต่อของดินแดน 3 ประเทศ จีน-มองโกล-รัสเซีย
       บริเวณที่ราบจุ่นก๋าเอ่อทางเหนือของเทือกเขาเทียนซัน มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 200-1,000 เมตร มีพื้นที่ราว 380,000 ตร.กม. ผืนดินทางฝั่งตะวันตกลาดต่ำ แต่ทางตะวันออกยกตัวสูง
       บริเวณเทือกเขาเทียนซัน สูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,000-5,000 เมตร ยอดสูงสุดมีความสูง 7,443 เมตรที่ยอดทัวมู่เอ่อ บริเวณนี้มีที่ราบฮามี่ ถูหลู่ฟาน หุบเขาอีหลี
       บริเวณที่ราบถาหลี่มู่ ทางตอนใต้ของเทือกเขาเทียนซัน มีพื้นที่ราว 530,000 ตร.กม. มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 700-1,300 เมตร บรเวณตอนกลางเป็นพื้นที่ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ที่สุดของประเทศ คือ ทะเลทรายถ่าเค่อลามากัน มีพื้นที่ 337,600 ตร.กม.
       บริเวณเทือกเขาคุนหลุน (คุนลุ้น) อาเอ่อจินซัน และที่ราบสูงพ่าหมีเอ่อ รวมเรียก แนวเทือกเขาคุนหลุน มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลราว 5,000-6,000 เมตร บริเวณดังกล่าวมียอดเขาที่มีความสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก คือยอดเขาเฉียวเกอหลี่ มีความสูง 8,611 เมตร

       ทรัพยากร
       มีทรัพยากรสัตว์ป่า 699 ชนิด พืชป่ามีมากนับหลายพันชนิด เป็นพืชเศรษฐกิจกว่าพันชนิด ที่สำคัญได้แก่ ปอ ยางพาราเป็นต้น สำหรับแร่ธาตุที่สำรวจพบปริมาณแล้วมี 122 ชนิด แร่ที่มีปริมาณมากอยู่ในอันดับต้นของประเทศ ได้แก่ เบริลเลี่ยม โซเดียมไนเตรท ไมก้า และดินทำเครื่องเคลือบ เป็นต้น เฉพาะแร่เหล็กมีปริมาณสะสมที่ได้สำรวจแล้ว 730 ล้านตัน
     
      ภูมิอากาศ
       สภาพอากาศแห้งแล้ง อุณหภูมิต่ำสุดเดือนมกราคม -20 ถึง -10 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเดือนกรกฎาคมราว 27 องศา ทั่วมณฑลปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีราว 150 มิลลิเมตร โดยเฉพาะบริเวณเมืองยั่วเชียง เมืองถูหลู่ฟานปริมาณน้ำฝนต่ำสุดราว 10-20 มิลลิเมตร ฤดูร้อนที่เมืองถูหลู่ฟานมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสราว 30-40 วัน จากอดีตได้ชื่อว่าเป็น เมืองแห่งไฟ
       
       ประชากร       ปี 2003 มีประชากร 19.33 ล้านคน อัตราการเกิด16.0% อัตราการตาย 5.2% อัตราการเพิ่มขึ้น 10.8% สัดส่วนประชากรเพศชาย 51.4% เพศหญิง 48.6%
       ซินเจียงได้รับการประกาศจากสถาบันการแพทย์ธรรมชาตินานาชาติให้เป็นเขตพื้นที่ที่มีประชากรอายุยืนยาวของโลก มีประชากรที่มีอายุร้อยปีขึ้นไปถึง 865คน จากกลุ่มผู้สูงอายุทั่วประเทศจีน 3,765 คน
       ในเขตนี้มีประชากรชาวฮั่น 7.5 ล้านคน คิดเป็น 40.61% ของประชากรทั้งเขต นอกจากนี้เป็นชนชาติต่างๆ 47 กลุ่ม ที่สำคัญได้แก่ อุยกูร์ ฮาซัค มุสลิม มองโกล แมนจู รัสเซีย ถ่าจี้เค่อ ทาถาเอ่อร์ ต๋าว่อเอ่อร์ เป็นต้น คิดเป็น 59.39% ของประชากรทั้งหมด
           
         อุตสาหกรรม
       อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ เหล็กกล้า น้ำมันปิโตรเลี่ยม ถ่านหิน พลังงานไฟฟ้า โลหะมีสี เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ เครื่องหนัง สิ่งทอ น้ำตาล
       ทั้งนี้อุตสาหกรรมเบาเติบโตขึ้น 7.1% อุตสาหกรรมหนัก เพิ่มขึ้น 12.0%
             
       ข้อมูลล่าสุด 01/09/04
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 12, 2009, 02:06 PM โดย al-firdaus~* »

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
จีนฮั่นนับร้อยถืออาวุธลุยอุยกูร์ ซินเกียงประกาศเคอร์ฟิว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2552 19:44 น.



เอเจนซี – ชาวจีนในซินเกียงหลายร้อยคนถืออาวุธ ลุยชาวอุยกูร์ในวันนี้ หลังจากที่เปิดศึกนองเลือดกันเละในสุดสัปดาห์จนมีผู้เสียชีวิตร่วมสองร้อยคน ตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลายความวุ่นวาย รายงานยอดผู้เสียชีวิตในศึกปะทะระหว่างเชื้อชาติในแดนมุสลิมแห่งซินเกียง เท่ากับ 156 คน บาดเจ็บกว่า 1,000 คน
       
       ในเย็นวันนี้(7 ก.ค.) สถานการณ์ในอูหลู่มู่ฉีเลวร้ายลงกลายเป็นศึกรุนแรงในชุมชน กลุ่มชุมนุมทั้งชาวอุยกูร์และชาวจีนฮั่นต่างเดินว่อนไปตามท้องถนน ทำร้ายทุบตีผู้ที่เดินผ่านไปมา

       
       
การประจันหน้าระหว่างตำรวจปราบจลาจลของจีนและมุสลิมหญิงชาวอุยกูร์ที่เมืองอูหลู่มู่ฉี เขตปกครองตัวเองชนชาติอุยกูร์แห่งซินเจียงเมื่อวันอังคาร(7 ก.ค.2552) ขณะที่เหตุการณ์ความไม่สงบยังไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด ซึ่งการประท้วงยังมีขึ้นในหลายจุดของเมือง - ภาพเอเอฟพี
       
       เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขาซินเจียง หวัง เล่อเฉียน ประกาศเคอร์ฟิว จำกัดการจราจรบนท้องถนน ห้ามประชาชนออกมาเดินตามถนนระหว่างเวลา 21.00 น.-8.00 น. เพื่อป้องกันความวุ่นวายบานปลายไปกว่านี้
       
       สืบเนื่องจากการปะทะรุนแรงระหว่างกลุ่มประท้วงชาวมุสลิมอุยกูร์และตำรวจปราบจลาจลในอูหลู่มู่ฉี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์มณฑลซินเจียง ช่วงเสาร์และอาทิตย์ (4-5 ก.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 156 ราย และบาดเจ็บอีก 1,080 ราย จากรายงานของทางการจีนเมื่อวันอังคาร (7 ก.ค.) และนายบัน คี มูน เลขาธิการแห่งสหประชาชาติ ต้องออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งความรุนแรง
       
       ในเช้าวันอังคารชาวจีนฮั่นหลายร้อยคนเดือด ถืออาวุธเท่าที่พอหาได้ เช่น มีดบังตอ คันธง โซ่ ท่อนเหล็ก และไม้กระบอง ลุยเข้าไปยังเขตที่อยู่ของชาวมุสลิมอุยกูร์ในอูหลู่มู่ฉี เพื่อปฏิบัติการล้างแค้นคู่อริที่พวกเขาชี้ว่าเป็นผู้ก่อเหตุจลาจลเมื่อสุดสัปดาห์
       
       ชาวฮั่นตระโกนอย่างคลั่งแค้น “ โจมตีพวกอุยกูร์”
       
       ชาวจีนคนหนึ่งในมือถือท่อนเหล็กบอกว่าผู้สื่อข่าวว่า “พวกมันโจมตีเราก่อน คราวนี้ถึงทีเราบ้าง”
       
       กระทั่งช่วงบ่าย คู่อริเปิดศึกขว้างปาก้อนหินเข้าใส่กัน ตำรวจในชุดปราบจลาจลพร้อมด้วยโล่ป้องกันและกระบองหลายร้อยนาย ที่ตรึงกำลังอยู่รอบจัตุรัสใจกลางเมืองอูหลู่มู่ฉี ต้องหย่าศึกด้วยการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ แต่กองทัพผู้ชุมนุมชาวฮั่นนับหมื่นไม่ยอมสลายตัวไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แต่สกัดไม่ให้ชาวฮั่นเข้าไปในเขตของชาวอุยกูร์
       
       ผู้ชุมนุมชาวฮั่นบางรายได้ถือธงชาติจีนไว้ในมือ ขณะที่อีกหลายคนได้ขับร้องเพลง “พิทักษ์ประชาชน” และ “ความเป็นหนึ่งเดียวกัน” เพื่อพูดถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันภายในชาติ
       
       ด้านสำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีน กล่าวว่า ภาพการรวมตัวกันของชาวฮั่นมีให้เห็นในหลายพื้นที่ของเมืองอูหลู่มู่ฉี
       
       นายเสา อี้เด็กหนุ่มวัย 19 ปี เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่การชุมนุมจะเริ่มขึ้น เขากำลังเดินอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง และได้ยินพนักงานรักษาความปลอดภัยตะโกนให้ทุกคนหนีออกไป
       
       “ผมวิ่งอย่างเร็วที่สุด และสามารถออกมาจากชั้นสองได้ หลังจากนั้นไฟทุกดวงก็ดับลง ทุกอย่างมืดสนิท มันน่ากลัวมาก” นายเฉาเล่าให้ฟัง
       
       สำนักข่าวซินหัวรายงานในวานนี้โดยอ้าง นายหลี่ อี้โฆษกพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขาซินเจียง ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อวอดจลาจล 1,434 ราย ในจำนวนนี้มีผู้หญิงรวมอยู่ด้วย 55 ราย และได้เริ่มการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยเหล่านี้แล้ว
       
       สำนักข่าวซินหัวรายงานอีกว่า ในคืนวันจันทร์ (6 ก.ค.) ตำรวจได้สลายผู้ชุมนุมกว่า 200 คนที่รวมตัวกันอยู่ด้านหน้ามัสยิดใหญ่ในเมืองคาชการ์ ที่อยู่ห่างจากเมืองอูหลู่มู่ฉีไปราว 1,050 ก.ม. โดยตำรวจเชื่อว่า คนเหล่านี้พยายามที่จะก่อความไม่สงบขึ้นตามเมืองต่างๆในซินเจียง
       
       หลังจากมีข่าวแพร่ออกมาว่าทางการจีนตัดสัญญาณสื่อสารในเมืองอูหลู่มู่ฉี ล่าสุด นายหลี่ อี้ก็ยอมรับว่า ทางการจีนได้ตัดสัญญาณอินเทอร์เนตในบางพื้นที่ของเมืองอูหลู่มู่ฉี เพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจแพร่กระจายไปสู่เมืองอื่น และไม่ได้ระบุว่าเมื่อใดจะใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตได้อีก
       
ถึงแม้ว่าทางการจีนได้พยายามตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ไม่อาจสกัดกั้นภาพข่าว วิดีโอ และข้อมูลต่างๆจากเมืองอูหลู่มู่ฉีที่หลั่งไหลออกมาสู่สังคมภายนอก เพราะภาพข่าวต่างๆ ยังคงถูกส่งออกมาโดยผ่านเว็บไซต์ อย่างเช่น Twitter YouTube และ Flicker
       
       ผู้อยู่ในบริเวณเกิดเหตุจลาจลฯ เล่าว่า ก่อนการปะทะ ชาวอุยกูร์หลายร้อยคนชุมนุมกันอย่างสงบ เรียกร้องให้มีการสอบสวนกรณีชาวอุยกูร์ 2 คน เสียชีวิตในศึกตะลุมบอนระหว่างคนงานฮั่นกับคนงานชาวอุยกูร์ ที่โรงงานผลิตของเล่นเออร์ลี ไลทธ์ อินเตอร์เนชั่นแนล มณฑลกว่างตง หรือกวางตุ้งเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ปิดฉากด้วยการสังเวยชีวิตคนงานอุยกูร์ 2 คน และบาดเจ็บอ่วมอีก 118 คน
       
       กลุ่มชาวอุยกูร์พลัดถิ่นกล่าวโทษรัฐบาลจีนโต้ตอบสถานการณ์ไม่ดี ทำให้เหตุการณ์ประท้วงบานปลายเป็นจลาจล โดยเจ้าหน้าที่ใช้กำลังปราบปรามและยังยิงกราดใส่ผู้ชุมนุม ขณะที่ทางการจีนกล่าวหา นางรอบียะ กอดีร์ ผู้นำกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ ว่าเป็นผู้ยุยงการเผชิญหน้านี้
       
       อย่างไรก็ตาม นางกอดีร์ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาคมโลกตรวจสอบความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยนางกอดีร์ได้กล่าวในการแถลงข่าวที่วอชิงตันเมื่อวันจันทร์ว่า
       
       “เราหวังว่าสหประชาชาติ สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป จะส่งทีมเข้ามาตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นในซินเจียงและทำเนียบขาวจะออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลจีนหยุดยั้งความรุนแรง”
       
       ชาวอุยกูร์เป็นชนชาติส่วนน้อยในเขตปกครองตนเองซินเจียง พูดภาษาเตอร์ติค ที่ผ่านมาชาวอุยกูร์ได้ร้องเรียนเสมอมาว่าผู้นำจีนกดขี่ชนชาติส่วนน้อย แม้ว่ารัฐบาลจีนผลักดันแผนพัฒนาภาคตะวันตก โดยชักชวนให้บริษัทต่างๆ เข้าไปลงทุนในพื้นที่นี้โดยได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล
       
       แต่ชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองตนเองซินเจียง ทั้งมีทั้งชาวอุยกูร์ ชาวคาซัค และมองโกเลีย ร้องเรียนว่า หัวหน้างานที่เป็นชาวฮั่นได้มอบหมายงานที่ต่ำต้อยให้บรรดาชนกลุ่มน้อยทำ ขณะที่ชาวฮั่นได้รับงานที่ต้องใช้ทักษะและได้รับค่าจ้างสูงกว่า
       
       นอกจากนี้ บรรดาชนชาติส่วนน้อยยังกล่าวหารัฐบาลจีนพยายามกลืนชาติและขยายการใช้ภาษาจีนกลางในดินแดน นอกจากนี้ ยังมีการข่มเหงทางวัฒนธรรม โดยผู้นำจีนในท้องถิ่นบังคับให้ชาวมุสลิมอุยกูร์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐโกนหนวดเคราทั้งที่เป็นข้อบัญญัติในศาสนาอิสลาม และยังห้ามชาวมุสลิมอุยกูร์ถือศีลอดในเทศกาลรอมมาฎอน เป็นต้น



ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
จีนสั่งปิดสุเหร่าซินเจียง โลกจ้องอะไรจะเกิดขึ้น

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กรกฎาคม 2552 15:49 น 




คำสั่งประกาศปิดสุเหร่าที่ติดประตูด้านหน้าของสุเหร่าในเมืองอูหลู่มู่ฉี เขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์แห่งซินเจียงเมื่อวันศุกร์(10 ก.ค. 2552)


รอยเตอร์-บรรยากาศตึงเครียดระหว่างเชื้อชาติในซินเจียงในวันนี้ เคลื่อนจากท้องถนนไปยังสุเหร่าต่างๆในอูหลู่มู่ฉี ชาวมุสลิมหลายคนบอกว่าเจ้าหน้าที่สั่งระงับการสวดมนต์ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันสวดมนต์ใหญ่ประจำสัปดาห์ของชาวมุสลิม
       
       อูหลู่มู่ฉี เมืองเอกของเขตปกครองตัวเองชนชาตอุยกูร์แห่งซินเจียง กลายเป็นสนามศึกเชื้อชาติจีนฮั่นและมุสลิมอุยกูร์เมื่อวันอาทิตย์(5 ก.ค.) ปลิดชีวิตผู้คนภายในไม่กี่ชั่วโมง 156 คน บาดเจ็บกว่า 1,000 คน นับเป็นศึกเชื้อชาติที่รุนแรงที่สุดของจีนในรอบหลาย 10 ปีมานี้ หลังจากจลาจลที่บานปลายจากการประท้วงของชาวอุยกูร์ กลุ่มชาวจีนฮั่นนับพันก็ยกขบวนลุยล้างแค้นคู่อริในเขตของชาวอุยกูร์เมื่อวันอังคาร(7 ก.ค.) ในวันต่อมาจีนส่งกองทัพใหญ่ของเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเข้ามาหย่าศึกในอูหลู่มู่ฉี จึงสามารถยับยั้งการปะทะได้ระดับหนึ่ง
       
       กองกำลังรักษาความสงบพร้อมพาหนะติดอาวุธยังคุมเชิงอยู่ทั่วทุกมุมถนน การสั่งปิดสุเหร่าไม่ให้ชาวมุสลิมมาชุมชนสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้าประจำสัปดาห์ที่เป็นวัตรปฏิบัติสำคัญทุกวันศุกร์ของชาวมุสลิม เป็นบททดสอบความสามารถในการควบคุมชาวมุสลิมของรัฐบาลจีน
       
       หน้าสุเหร่าหลายแห่งในเขตชุมชนตลาดของชาวอุยกูร์ มีป้ายประกาศระงับการสวดมนต์ ป้ายหน้าสุเหร่ากู่หยวน เขียนข้อความว่า “คำสั่งผู้นำ ขอให้ยกเลิกการสวดมนต์ตามปกติชั่วคราวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ที่ต้องการสวดมนต์ ขอให้สวดมนต์อยู่ที่บ้าน”
       
       “พรรคคอมมิวนิสต์ไม่อนุญาตให้เราสวดมนต์” ชายอุยกูร์คนหนึ่งที่ไม่เผยนามบอกกับผู้สื่อข่าว
       
       แน่นอน ผู้นำคอมมิวนิสต์ย่อมกลัวว่าการประกอบพิธีทางศาสนานี้ จะกลายเป็นการชุมชนของชาวอุยกูร์ ซึ่งอาจกระตุ้นความวุ่นวายขึ้นอีก
       
       “ Jumu'ah เป็นช่วงเวลาในสัปดาห์ที่เราต้องสวดมนต์ สำหรับพวกเราการห้ามนี้ถือเป็นการลบหลู่ และอาจเกิดความโกรธแค้น” ชาวอุยกูร์คนหนึ่งกล่าว
       
       อย่างไรก็ตาม กองกำลังทหารและเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลหลายพันคุมเข้มในอูหลู่มู่ฉีพร้อมรับมือการประท้วงใดๆ นอกจากนี้ มีชาวมุสลิมชาวอุยกูร์ไม่มากนัก ที่เคร่งครัดสุดสุดกับพิธีทางศาสนาอิสลาม



หนูน้อยหน้าสุเหร่าในเมืองคาชการ์เดือนสิงหาคม พ.ศ.2551- รอยเตอร์


ภารกิจเร่งด่วนที่สุด
       
       อุยกูร์ เป็นมุสลิมพูดภาษาเตอร์กิค มีวัฒนธรรมร่วมกับชนชาติในเอเชียกลาง ชาวอุยกูร์มีจำนวนเกือบครึ่งของประชากรทั้งหมด 20 ล้านคนในซินเจียง
       
       ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ถึงกับยกเลิกเข้าร่วมประชุมกลุ่มผู้นำ จี 8 ในอิตาลีกลางคัน บินด่วนกลับมายังบ้าน เพื่อหยุดศึกรุนแรงในซินเจียง ประมุขหูกล่าวว่า การรักษาเสถียรภาพในเขตที่อุดมด้วยทรัพยากรพลังงานเป็น “งานเร่งด่วนที่สุด”
       
       หูกล่าวในวันอาทิตย์ที่เกิดจลาจลว่า “อาชญากรรมรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ เป็นแผนของ “กองกำลังสามกลุ่มภายในประเทศและต่างประเทศ”
       
       สำหรับกองกำลังสามกลุ่มของจีน หมายถึงกลุ่มสุดขั้วทางศาสนา กลุ่มลัทธิแบ่งแยกดินแดน และกลุ่มลัทธิก่อการร้าย
       
       เจ้าหน้าที่จีนดูไม่ลดราวาศอกในการตามจับผู้ที่สังหารผู้คนในอูหลู่มู่ฉีเมื่อวันอาทิตย์ มีการติดประกาศในอูหลู่มู่ฉีให้ผู้ก่อหวอดจลาจลมามอบตัว มิฉะนั้นจะได้รับโทษร้ายแรง “ผู้ที่มามอบตัวแต่โดยดีจะได้รับโทษสถานเบา หรือยกเว้นโทษ” ป้ายประกาศระบุ พร้อมระบุต่อว่า ผู้ที่ให้เบาะแสในการตามจับผู้ต้องสงสัยจะได้รับรางวัลและการคุ้มครองจากตำรวจ
       
       ด้านชาวอุยกูร์ชี้ว่าในการที่ชาวจีนฮั่นยกขบวนเปิดศึกในเขตอุยกูร์ ก็มีประชาชนเสียชีวิตหลายคน แต่รัฐบาลไม่ได้ประกาศตัวเลขใดๆ
       
       ทั้งนี้ รัฐบาลจีนควบคุมซินเจียงอย่างเคร่งครัดมาตลอด เนื่องจากเป็นขุมปัญหาตึงเครียดทางเชื้อชาติ ที่เกิดจากช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างเชื้อชาติ นอกจากนี้การควบคุมทางศาสนาและวัฒนธรรมของอุยกูร์แล้ว รัฐบาลยังสนับสนุนกลุ่มแรงงานอพยพชาวฮั่นเข้ามาในซินเจียง จนปัจจุบันชาวจีนฮั่นกลายเป็นชนกลุ่มใหญ่ตามหัวเมืองใหญ่ทุกเมืองในซินเจียง รวมทั้งอูหลู่มู่ฉี
       
       ผู้นำจีนไม่อาจคลายอุ้งมือที่ควบคุมซินเจียง ซึ่งมีขนาดกว้างใหญ่เป็นสองเท่าของประเทศไทย มีพรมแดนติดต่อกับรัสเซีย มองโกเลีย คาซัคสถาน คีรกิสถาน ทาจิกิสถาน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอินเดีย ที่สำคัญที่สุดคือ เป็นแหล่งสำรองน้ำมันที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งผลิตก๊าซธรรมใหญ่ที่สุดของจีน.




ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
จีนสั่งปิดมัสยิดกว่า 200 แห่งและสั่งห้ามละหมาดวันศุกร์


อูรุมฉี – ตำรวจปราบจลาจลพร้อมอาวุธปืนกลจับชาวมุสลิมอุยเกอร์หลายคนจากมัสยิดขาว ในเมืองอุรุมฉี หลังจากมีการประท้วงที่เจ้าหน้าที่สั่งปิดมัสยิดไม่ให้เข้าไปนมาซวันศุกร์ โดยมีประชาชนมุงดูเป็นพยานหลายร้อยคน


ช่วงเช้าวันศุกร์ เจ้าหน้าที่ทางการจีนพยายามสั่งห้ามการชุมนุมที่มัสยิด ทั้งๆ ที่เป็นสิ่งปกติธรรมดาที่มุสลิมจะต้องมาชุมนุมในการนมาซวันศุกร์ แต่หลังจากที่ผู้ศรัทธานับพันยืนยันจะเข้าไปในมัสยิดเพื่อนมาซยุมมาอะฮฺ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องผ่อนปรนให้เข้าไปได้ แต่หลังจากนั้นมีหลายคนถูกจับกุม


มีคำสั่งให้ปิดมัสยิดประมาณ 200 แห่ง และไม่อนุญาตให้ประกอบศาสนกิจรวม หลังจากเกิดการจลาจลที่สูญเสียชีวิตถึง 156 คน แต่การนมาซรวมเมื่อวานนี้ เป็นเสมือนการหยั่งเชิงว่ารัฐบาลจีนจะสามารถควบคุมชาวอุยเกอร์ได้หรือไม่ ที่ผ่านมาทางการจีนปกครองซินเจียงด้วยความเข้มงวด เนื่องจากเกรงว่าจะเสียดินแดนที่กว้างขวาง อันเป็นเขตติดต่อกับหลายประเทศ ได้แก่ รัสเซีย มองโกเลีย คาซัคสถาน คีร์กิสถาน ทาจิกิสถาน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอินเดีย อีกทั้งยังเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลายมัสยิดของชาวจีนเชื้อสายหุย ซึ่งมีเชื้อสายเดียวกับชาวฮั่น ต้องเปิดประตูให้มุสลิมเข้ามานมาซ หลังจากมีการตะโกนเรียกร้อง เพราะมัสยิดของอุยเกอร์ในเขตอุรุมฉีถูกสั่งปิดหมด


ที่หน้ามัสยิด Dong Kuruk Bridge มีมุสลิมที่โกรธแค้นและผิดหวัง มาชุมนุมอยู่จำนวนหนึ่ง โดยกล่าวว่าพวกเขาถูกห้ามไม่ให้เข้าไปนมาซ ในขณะที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของรัฐบาลซึ่งไม่ใช่มุสลิม เข้าไปใช้มัสยิดเป็นฐาน รวมทั้งใช้หออะซานเป็นที่สังเกตการณ์

ที่หน้ามัสยิด Guyuan มีประกาศติดห้ามเข้ามานมาซตั้งแต่วันพุธ โดยไม่มีกำหนดยกเลิก และยังแนะนำว่าควรกลับไปนมาซที่บ้าน
ประธานาธิบดี หู จินเทา ถึงกับยกเลิกกำหนดไปร่วมประชุม จี8 ที่อิตาลี โดยกล่าวว่า การดำรงให้เกิดความมั่นคงในซินเจียงเป็นงานเร่งด่วนที่สำคัญกว่า


มุสลิมดอทคอม

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
อุยกูร์-ฮั่น ยังฮึ่มไม่เลิกถืออาวุธพร้อมลุย จีนลั่น "ประหาร" ฆาตกรในศึกวุ่นวาย  

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2552 17:45 น.


เอเจนซี - จีนส่งกองทัพเสริมกำลังคุมความสงบเมืองอุรุมชีในซินเจียงเมื่อวันพุธ (8 ก.ค.) แต่ความรุนแรงยังไม่มีทีท่าสงบ เพราะชาวอุยกูร์และชาวฮั่นยังถืออาวุธครบมือพร้อมตะลุมบอนเมื่อเจออริ ด้านนางรอบียะ กอร์ดีร์ ประธานสภาอุยกูร์โลกเผยตัวเลขชาวมุสลิมที่เสียชีวิตมีสูงถึง 400 ราย
       
ผู้พรรคคอมมิวนิสต์สาขาเขตปกครองตนเองชานชาติอุยกูร์แห่งซินเจียง นายหลี่ จื้อ แถลงในที่ประชุมข่าววันนี้(8 ก.ค.) ว่า ผู้ที่มีความผิดเป็นฆาตกรสังหารโหดระหว่างจลาจลในเมืองอูหลู่มู่ฉี จะถูกตัดสินโทษประหารชีวิต
       
เหตุการณ์จลาจลที่เขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง ซึ่งนับเป็นการก่อจลาจลโดยชนกลุ่มน้อยที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของจีนในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา ยังไม่มีทีท่าลดอุณหภูมิลง ทำให้ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ต้องตัดสินใจยกเลิกกำหนดการเข้าร่วมการประชุม G8 ที่อิตาลี เพื่อกลับมาจัดการวิกฤตครั้งนี้
       
การจลาจลเริ่มต้นในวันอาทิตย์ (5 ก.ค.) เมื่อผู้ประท้วงชาวอุยกูร์ได้ปิดถนนและเผายานพาหนะต่างๆ ทั้งยังปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยปราบปรามจลาจล โดยการประท้วงครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากเมื่อปลายเดือนมิ.ย. ได้เกิดการปะทะกันระหว่างชาวฮั่นกับคนงานชาวอุยกูร์ที่โรงงานผลิตของเล่นในมณฑลกวางตุ้ง ส่งผลให้มีชาวอุยกูร์เสียชีวิต 2 ราย
       
การปะทะรุนแรงระหว่างกลุ่มประท้วงชาวมุสลิมอุยกูร์และตำรวจปราบจลาจลในอูหลู่มู่ฉี หรืออุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ ซินเจียง ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 156 ราย บาดเจ็บอีก 1,082 ราย และถูกจับไป 1,434 คน
       
ล่าสุดเมื่อเช้าวันพุธ (8 ก.ค.) ทางการจีนได้ส่งกำลังเสริมเข้ามายังเมืองอุรุมชี มีเฮลิคอปเตอร์ทหารบินอยู่เหนือเมือง ขณะที่ทหารและตำรวจปราบจลาจลนับพันยาตราเข้ามา พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “ปกป้องประชาชน”
       
“พวกเราเห็นด้วยที่รัฐบาลปฏิบัติการปกป้องชีวิตประชาชน” ชาวจีนฮั่นแซ่หรุน วัย 45 ปีกล่าวขณะที่เขากำลังมองดูขบวนรถบรรทุกเคลื่อนย้ายกองกำลังทหารเข้ามา แต่หรุนก็อดตำหนิไม่ได้ว่า “พวกเขาน่าจะมาที่นี่ให้เร็วกว่านี้นะ นี่ผ่านมาตั้ง 3 วันแล้วเพิ่งจะมา ทำไมถึงได้ช้าขนาดนี้”
       
เพราะหลังจากเกิดเหตุการปราบจลาจลเมื่อวันอาทิตย์ ชาวฮั่นหลายร้อยที่อาศัยอยู่ในซินเจียง ได้ระบายความโกรธแค้นต่อเหตุการณ์ที่ชาวอุยกูร์ก่อจลาจลทำร้ายชาวฮั่น จึงได้พากันพกพาอาวุธ เช่น มีดบังตอ ขวาน โซ่ ท่อนเหล็ก และไม้กระบอง ลุยเข้าไปยังเขตที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมอุยกูร์ในอุรุมชี ทำลายข้าวของและทุบตีผู้ที่ผ่านไปมา เพื่อปฏิบัติการล้างแค้นคู่อริที่พวกเขาชี้ว่าเป็นผู้ก่อเหตุจลาจลเมื่อสุดสัปดาห์
       
เป็นเหตุให้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทางเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขาซินเจียง หวัง เล่อเฉียน ต้องประกาศเคอร์ฟิว จำกัดการจราจรบนท้องถนน ห้ามประชาชนออกมาเดินตามถนนระหว่างเวลา 21.00 น.-8.00 น. เพื่อป้องกันความวุ่นวายบานปลายไปกว่านี้
       
ถึงแม้ว่าตำรวจปราบจลาจลนับพันสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ระดับหนึ่ง โดยแต่ละนายสวมหมวก ถือโล่ ยืนแถวประจำที่อยู่บนถนนสายหลักของเมืองอุรุมชี เพื่อกั้นแบ่งเขตใจกลางเมืองและเขตที่ชาวอุยกูร์อาศัยอยู่ โดยมีกองทหารตั้งแถวสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ขณะที่รถบรรทุกทหารก็วิ่งพร้อมประกาศใส่เครื่องขยายเสียงว่า “ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ กรุณากลับบ้านไปเสีย”
       
แต่กระนั้นก็ยังมีชาวฮั่นและชาวอุยกูร์บางส่วนออกมาถืออาวุธครบมือ เดินป้วนเปี้ยนอยู่ที่ใจกลางเมืองและเขตที่ห่างไกลออกไป และนำไปสู่การเผชิญหน้าและความรุนแรง โดยนักข่าวของสำนักข่าวเอเอฟพีเห็นกับตาว่ามีชาวจีนฮั่นราว 20 คนถือไม้และอาวุธอื่นๆ รุมโจมตีชายชาวอุยกูร์ในเมืองอุรุมชี
       
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไป 1 นาที การจู่โจมดังกล่าวก็ยุติลง เมื่อกองกำลังรักษาความสงบเข้ามาสลายม็อบ ส่วนอาการบาดเจ็บของชายผู้นั้นยังไม่แน่ชัด เพราะเขาถูกเคลื่อนย้ายออกจากที่เกิดเหตุในทันที
       
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า มีชาวอุยกูร์กว่า 200 คน ในมือถือไม้ ท่อ และหิน ยืนประท้วงอยู่ด้านหน้าตำรวจที่ตั้งแถวกั้นเขตชุมชนชาวอุยกูร์กับเขตที่อยู่ชาวฮั่น ชาวอุยกูร์บางส่วนตะโกนประณามและกล่าวหาชาวฮั่นที่อยู่อีกฟากหนึ่งด้วย
       
ทั้งนี้ ชาวอุยกูร์ออกมาชุมนุมประท้วงเพิ่มมากขึ้น หลังจากเกิดเหตุชาวจีนฮั่นบุกทำลายบ้านเรือนของชาวมุสลิมเมื่อคืนวันอังคาร โดยผู้ประท้วงเชื่อว่า ตำรวจอนุญาตให้ชาวจีนฮั่นเข้ามาโจมตีพื้นที่ของชาวมุสลิมอย่างอิสระ
       
       “เมื่อคืนมีชาวฮั่นประมาณ 300 คนฝ่าแนวป้องกันของตำรวจเข้ามาโจมตีบ้านเรือนและทำลายร้านค้าของประชาชน” นายอัคบาร์ วัย 20 ปีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี
       
ล่าสุด Jerla Isamudin นายกเทศมนตรีอูหลู่มู่ฉีแถลงในที่ประชุมข่าววันนี้(8 ก.ค.) ว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ในเมืองได้แล้ว
       
    

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 12, 2009, 02:22 PM โดย al-firdaus~* »

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
 
ประชากรมุสลิมอุยกูร์ เพิ่ม 4% เป็น 40% ระยะเวลา 50ปี โตเร็วเลยเจอแผนสกัด






ความขัดแย้งเกี่ยวกับเชื้อชาติรุนแรงถึงขั้นนองเลือดตายเป็นเบือ เกิดขึ้นอีกครั้งบนแผ่นดินใหญ่จีน โดยคราวนี้เกิดที่เมืองอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ามณฑลหรือจังหวัดหนึ่ง อยู่ทางภาคตะวันตกสุดของประเทศ
   
ซินเจียงอุยกูร์มีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลถึง 1.6 ล้านตารางกิโลเมตร ประมาณ 1 ใน 6 ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ หรือใหญ่กว่าประเทศไทยเรากว่า 3 เท่า (ไทยมีเนื้อที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร)

ตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ ซิน เจียงอุยกูร์อยู่ในเขตเอเชียกลาง มีเขตแดน ติดกับหลายประเทศ ทางตะวันตกติดกับอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กีซสถาน คาซัคสถาน ทางเหนือติดรัสเซีย ส่วนทางใต้ติดแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งอินเดียกับปากีสถานแบ่งเขตกันยึดครอง
   
จะเห็นได้ว่าดินแดนแต่ละประเทศ ที่ติดเขตแดนซินเจียงอุยกูร์ ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามทั้งสิ้น เช่นเดียวกับประชาชนส่วนใหญ่ของซินเจียงอุยกูร์ ซึ่ง เขตปกครองตนเองของจีนแห่งนี้แม้จะมีเนื้อที่กว้างขวาง แต่ประชากรมีแค่ 20 ล้านคน ประกอบด้วยผู้คน 47 ชนเผ่า
   
มีมากสุดคือชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชาวมุสลิมเชื้อสายเติร์ก (ตุรกี) มีประมาณ 8.3 ล้านคน รองลงไปเป็นชาวจีนเชื้อสายฮั่น ซึ่งเป็นเชื้อสายหลักของชาวจีนส่วนใหญ่ และจำนวนในซินเจียงอุยกูร์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จาก 6% ในปี 2492 กลายเป็นมากกว่า 40% ในปัจจุบันจากการสำรวจล่าสุด
   
ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจีนบอกว่า การเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตาของชาวฮั่นในซิน เจียงอุยกูร์ เป็นส่วนหนึ่งของแผน “กลืนชาติ” ของรัฐบาลปักกิ่ง แบบเดียวกับที่กำลังทำอยู่กับเขตปกครองตนเองทิเบต นั่นคือการส่งคนจากเขตมณฑลอื่นที่การทำมาหากินฝืดเคือง ฝนฟ้าไม่อำนวยต่อการทำเกษตรกรรม อพยพไปตั้งรกรากในดินแดนเหล่านี้
   
ซินเจียงอุยกูร์เป็น 1 ใน 5 เขตปกครองตนเองของจีน ในยุคโบราณเคยปกครองแล้วปล่อยดินแดนแห่งนี้หลายครั้ง จนกระทั่งมายึดครองครั้งล่าสุดในปี 2492 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งตอนนั้นซินเจียงอุยกูร์ใช้ชื่อดินแดนตนเองว่า “เตอร์กีสถานตะวันออก”
   
เหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นจลาจลเมื่อวันอาทิตย์ ต้นเหตุตามข่าวบอกว่า เมื่อเดือน มิ.ย. หรือเดือนที่แล้ว เกิดการทะเลาะวิวาทกันระหว่างชาวฮั่นกับชาวอุยกูร์คนงานโรงงาน ซึ่งฝ่ายหลังเสียชีวิต 2 คน และไม่พอใจการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ทางการ โดยกล่าวหาว่าเข้าข้างชาวฮั่น หรืออะไรทำนองนั้น การประท้วงจึงเกิดขึ้น และลุกลามบานปลาย
   
ขณะเขียนข่าวมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 156 ศพ บาดเจ็บกว่าพันคน และถูกจับกุมอีกกว่าพันคนเช่นกัน
   
นักวิเคราะห์มองว่า สาเหตุแท้จริงของความรุนแรง น่าจะมาจากปัญหาหมัก หมมยาวนาน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและศาสนา ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งหลายครั้ง นับตั้งแต่จีนยึดครองดินแดนแห่งนี้เมื่อปี 2492
   
แต่ตรงนี้รัฐบาลปักกิ่งเถียงคอเป็นเอ็น สามารถยืนยันได้จากข้อมูลการพัฒนา เงินงบประมาณที่จัดสรรให้ดินแดนแห่งนี้ ในแต่ละปี แต่ไม่เถียงว่าความเป็นชาวจีน ต่างเชื้อชาติในซินเจียงอุยกูร์ ไม่เกิดความสมานฉันท์กันเท่าที่ควร
   
เลนซ์ซูม/เดลีนิวส์
 
 
 

ออฟไลน์ wahaba

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 219
  • สร้างรูปร่างให้พระเจ้าคือความเชื่อของวะฮาบีและยิว
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam  ขอพระองค์คุ้มครองพี่น้องมุสลิมของเรา

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
ผมไม่รู้ว่าทำไมนะ อิมามที่ออกทีวีที่แถลงการณ์ประนามผู้ที่ชุมนุมว่า กระทำผิดต่อศาสนา สงสัยถูกบังคับให้พูดมั๊ง และดูท่าเรื่องนี้ จะบานปลายเป็นเรื่องใหญ่โตซะแล้ว หลังจากที่มันสงบมาพอสมควร - ขออัลลอฮฺทรงทำให้ความจริงเป็นที่ปรากฏด้วยเถิด และได้โปรดปกป้องชาวมุสลิมที่จีนและทุกที่จากภยันตรายทั้งปวงด้วยเถิด - อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ itoursab

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 199
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
จุดก่อนสุดท้ายของ
การไม่รู้จักผสานกันอย่างสันติ
ก็คือการ... ใช้กำลัง
และจุดจบ ก็มีแต่ความสูญเสีย

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณสำหรับการนำเสนอข่าวสารข้างต้น

     จริงเท็จเป็นเช่นไรก็ช่วย ๆ กันนำเสนอต่อนะคะ

คงไม่มีความรุนแรงใดเกิดขึ้นโดยปราศจากการถูกกดขี่หรอกเน๊อะ



     
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
เรื่องความแตกต่างนั้น ต้องยอมรับว่ามันยากที่จะประสานกันจริงๆ อีกทั้งมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ บางปัญหาที่นำไปสู่การใช้กำลัง หากย้อนมาดูต้นเหตุ ก็มักจะมาจากเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันสะสมและหมักหมมเพิ่มขึ้นๆ จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ หากจะถามหาความถูกต้องกันจริงๆ แล้ว คงยากจะตอบได้ว่า อะไรคือความถูกต้อง เพราะเมื่อฝ่ายใดได้พูด ฝ่ายนั้นก็มักจะอ้างความชอบธรรมของตน แล้วโทษอีกฝ่ายว่าผิด แต่เมื่อฝ่ายที่ถูกกล่าวหาว่าผิด มีโอกาสได้พูด ก็จะพูดถึงความชอบธรรมของตนในลักษณะเดียวกัน ซึ่งทุกสังคมมีลักษณะแบบนี้กันเกือบทั้งหมด เว้นแต่กลุ่มสังคมที่ยึดมั่นในสัจธรรมแห่งพระผู้ทรงยุติธรรมเท่านั้น ที่พวกเขาจะยอมรับผิดเมื่อตนผิด และจะยืนหยัดในสัจธรรมเมื่อตนประสบกับภาวะคับขัน - ยาอัลลอฮฺ ขอให้พวกเราเป็นหนึ่งจากกลุ่มบุคคลที่อยู่ในหนทางที่พระองค์ทรงพึงพระทัยด้วยเถิด - อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

Nur-inee

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
 salam

ขอบคุณพี่สาวชาวจีน  ที่นำเสนอข่าวสาร
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
 salam

มุสลิมดอทคอม : ซินเจียง คือหัวใจสำคัญทางยุทธศาสตร์ของจีน
มุสลิมไทยดอทคอม ซินเจียงดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ของจีน


นอกจากซินเจียงจะมีแหล่งน้ำมันใหญ่เป็นที่ 2 ของจีนแล้ว ยังมีเศรษฐกิจอันหลากหลาย และตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นกันชนระหว่างจีนกับดินแดนที่กำลังเป็นจุดขัดแย้งของโลก ดังนั้น ซินเจียงจึงมีความสำคัญกับจีนในด้านสำคัญถึง 2 ด้าน
Wenran Jiang อาจารย์ซื่งเป็นผู้ชำนาญด้านจีนศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ท่า กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ซินเจียงมีความสำคัญยิ่งต่อจีน โดยทำหน้าที่คล้ายกับธิเบต คือ เป็นกำแพงเมืองชั้นนอกของประเทศ โดยซินเจียงกั้นเขตทางตะวันตกเฉียงเหนือ และทางการจีนจะไม่มีทางประนีประนอมในเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ด้วยความกว้างขวางถึง 1.6 ล้านตาราง กม. ซินเจียงมีขนาดใหญ่เป็น 1 ใน 6 ของอาณาเขตทั้งประเทศจีน  มีเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับแร่ธาตุ การเกษตร และพลังงาน โดยผลิตน้ำมันได้ถึง 27.4 ล้านตัน

พื้นที่ซินเจียงเป็นทางผ่านของท่อส่งน้ำมันดิบ และแก๊ส จากเอเชียกลาง เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการในการใช้พลังงาน ในเขตตะวันออกของจีนที่พัฒนาแล้ว และมีประชากรมากกว่า




Ren Xianfang นักวิเคราะห์จาก HIS Global Insight กล่าวว่า ยิ่งปริมาณน้ำมันสำรองในเขตไฮลองเจียง และ ชานดอง ลดน้อยลงเพียงใด ความสำคัญของซินเจียงในด้านยุทธศาสตร์ และทรัพยากรที่ยังไม่ได้ถูกแตะต้องยิ่งเพิ่มความหมาย
ซินเจียงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 1980 ทำให้ชาวจีนเชื้อสายฮั่นหลั่งไหลเข้ามายึดครองเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ชาวอุยเกอร์เจ้าของพื้นที่ถูกละเลย

Jean-Francios Huchet ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อการศึกษาจีนร่วมสมัย ซึ่งเป็นสถาบันของฝรั่งเศสในฮ่องกง กล่าวว่า มีชาวอุยเกอร์ไม่กี่คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมน้ำมัน ชาวอุยเกอร์ส่วนมากเป็นเกณตรกร อาศัยอยู่ตามพื้นที่รอบนอกเมือง และไม่ได้มีผลผลิตที่สร้างกำไรมากมายนัก

แต่อย่างไรก็ดี ยังมีการปลูกฝ้ายซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่ทำให้ชาวอุยเกอร์สามารถต่อรองได้

มีกลุ่มที่คล้ายทหารเรียกว่า bingtuan ซึ่งควบคุมดูแลเส้นทางเกษตรกรรมในพื้นที่ โดยเป็นผู้จ้างแรงงานกว่า 2.2 ล้านคนทำงานที่นั่น ซึ่งคนงานส่วนมากเป็นชาวจีนเชื้อสายฮั่น และนี่เป็นที่มาของการสันนิษฐานว่า ทางการจีนต้องการเจือจางเอกลักษณ์ วัฒนธรรม และศรัทธาของอุยเกอร์ รวมทั้งการเปลี่ยนการเรียนการสอนจากภาษาพื้นเมืองเป็นภาษาจีนกลางด้วย

นอกจากนั้น พื้นที่ซินเจียงยังใช้เป็นสถานที่ทดลองนิวเคลียร์ของจีนมากว่า 10 ปีแล้ว และยังมีฐานยุทธศาสตร์ที่ใช้ในการปล่อยจรวดมิสไซล์ ซินเจียงยังมีความสำคัญทางภูมิศาสตร์การเมือง เพราะเป็นเขตติดต่อกับหลายประเทศ รวมทั้งอัฟกานิสถาน และปากีสถาน ซึ่งเป็นดินแดนที่มีการสู้รบกันตลอด - สำนักข่าวมุสลิมไทย
Source: Islamonline.net

 
 
 

 

GoogleTagged