ผู้เขียน หัวข้อ: บทความ : น้ำตาแห่งความหวังสู่เดือนรอมฎอน โดย ผ้าสารบั่นขาว  (อ่าน 18623 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

المقدمة

إن الحمد لله نحمده ونستعينه ونستغفره ونتوب إليه ، ونعوذ بالله من شرور أنفسنا ومن سيات أعمالنا ، من يهده الله فلا مضل له ، ومن يضلل فلا هادي له ، وأشهد أن لا إله إلا الله وحده لا شريك له ، وأشهد أن محمدا عبده ورسوله ، اللهم صل وسلم وبارك على نبينا محمد وعلى آله وصحبه أجمعين...أما بعد

คำนำ

อัลหัมดุลิลลาฮฺ...มวลการสรรเสริญทั้งสินนั้น เป็นสิทธิของพระองค์อัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตายิ่ง ผู้ทรงอภัยยิ่ง  ขอความสันติสุขประสบแด่ผู้ปฏิบัติตามทางนำที่ถูกต้อง  อนึ่ง ฉันของเรียกร้องท่านสู่การยำเกรง (ตักฺวา) ต่อเอกองค์อัลลอฮฺ (สุบฺหานะฮุ วะตะอาลา) ขอขอบคุณ (ชุกูรฺ) ต่อเอกองค์อัลลอฮฺ (สุบฺหานะฮุ วะตะอาลา) ที่ประทานเวลาและประทานความโปรดปรานต่าง ๆ ให้แก่บ่าวของพระองค์ และพระองค์ทรงประทานของล้ำค่าให้แก่พวกเรา นั่นก็คือ "อัลอิสลาม" และมีกะลีมะตุฏฏัยยีบะฮ์ (ลาอีลาฮะ อิลลัลลอฮฺ)  ซึ่งเป็นประโยคทีทมีน้ำหนักในตาชั่งในวันโลกหน้า  ด้วยกับพลังของอีหม่าน และด้วยความตั้งใจอันบริสุทธิ์  ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันได้มุ่งมั่นในการจัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ทุกๆความดีที่เชิญชวนมนุษยชาติ (อุมมะฮ์) ยุคสุดท้าย  สู่การภักดีต่อพระองค์อัลลอฮฺ "ความดีที่เรากระทำนั้นหาจบสิ้นไม่  แต่มันจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณฉันใดสิ่งที่ไม่ดีที่เรากระทำเป็นต้นเหตุ  จนทำให้ผู้อื่นทำตามบาปเหล่านั้นจะกลับมาสู่เราฉันนั้น"  กับสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความวิตกกังวล ความชิงดีชิงเด่น ความต้องการเกียรติ (การยกย่อง) จากมนุษย์ด้วยกัน จนทำให้เราไม่มีโอกาสที่จะขวนขวายความดีงามจากพระองค์อัลลอฮฺได้เลย และนับว่าเดือนเราะมะฎอนเป็นเดือนที่ทุกคนควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และเดือนนี้เป็นเดือนที่เราจะต้องแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ (สุบฺหานะฮุ วะตะอาลา)  และขออภัยจากพระองค์  เพราะหาไม่แล้ว ถ้าเราไม่สามารถแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺในเดือนนี้ได้แล้ว  แล้วเราคิดหรือว่าเดือนอื่น จะมีโอกาสหาความพึงพอพระทัยจากพระองค์ได้  นับเป็นความปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งที่เดือนเราะมะฎอนกำลังมาเยือนเรา  เราเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่า...ถ้าหากว่าเดือนเราะมะฎอนปีนี้ เป็นปีสุดท้ายของชีวิตเรา สิ่งที่เราต้องทำคืออะไร  และอะไรคือสิ่งที่เราอยากจะทำในเดือนนี้  เพราะเราะมะฎอนปีหน้าเราคงไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว  นี่คือคำถามสำหรับผู้ที่นึกถึงความตายอยู่เสมอ  เพราะการที่เรานึกถึงความตายอยู่ประจำ  ทำให้เราฉุดคิดว่า "อะไรคือเสบียงของเรา" ในวันที่เรากลับไปสู่ความเมตตาของพระองค์  สิ่งนั้นันไม่ใช่การละหมาด การอานอัลกุรฺอ่าน การซิกิรฺ การดุอาอ์ การถือศีลอด และการวอนขอให้พระองค์ทรงพอพระทัยดอกหรือ  ที่จะสามารถป้องกันเราได้หลังจากที่ลมหายใจสุดท้ายของเราได้หมดลง  พร้อมทั้งยกประวัติบรรดาผู้ศรัทธาที่พวกเขาต้องร่ำไห้เนื่องจากเพราะความเกรงกลัวจากพระองค์อัลลอฮฺ (สุบฺหานะฮุ วะตะอาลา)

"เวลาของเราคงไม่เหลืออย่างที่เราคิดเป็นแน่"  ในช่วงที่เรามีโอกาส มีความพร้อม จะดีกว่ากันไหม  ถ้าเราใช้โอกาสที่พระองค์อัลลอฮฺ (สุบฺหานะฮุ วะตะอาลา) ได้ทรงไว้ชีวิตเราให้เราได้ใช้เวลาให้หมดไปกับการภักดีต่อพระองค์ และเพื่อหวังในความเมตตาจากพระองค์

สุดท้าย ขอให้พระองค์ทรงคุ้มครองพวกเรา ขอพระองค์ทรงชี้นำทางแห่งแสงสว่างให้กับเรา  และขอให้พระองค์เมตตาแก่บ่าวของพระองค์ด้วยเถิด อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน

ขอพระองค์อัลลอฮฺ (สุบฺหานะฮุ วะตะอาลา) ทรงให้ทางนำ(ฮิดายะฮ์)แก่พวกเราด้วยเถิด


ผ้าสารบั่นขาว


วัสสลามุอะลัยกุม วะเราะหฺมะตุลลอฮิ ตะอาลา วะบะเราะกาตุฮฺ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 27, 2010, 10:36 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
สู่เดือนเราะมะฎอน


ในเดือนชะอฺบาน ปี ฮ.ศ.ที่ 2 อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงบัญญัติการถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอนให้แก่ประชาชาติอิสลาม  พระองค์อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงตรัสว่า "โอ้บรรดาผู้ศรัทธาแล้วทั้งหลาย  การถือศีลอดได้ถูกกำหนดแก่พวกสูเจ้า  ดังที่ได้ถูกกำหนดแก่ประชาชาติก่อนพวกสูเจ้า  เพื่อว่าสูเจ้าจะกลัวเกรง (อัลลอฮฺ)"  (ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ : อายะฮ์ที่ 183)

ความหมาย
อัศ-ศิยาม หมายถึง การงดเว้นจากการกินการดื่ม และการงดเว้นจากการร่วมประเวณีในเวลากลางวันตั้งแต่เวลารุ่งอรุณ (เริ่มเข้าเวลาศุบฺฮิ) จนกระทั้งถึงเวลาดวงตะวันลับขอบฟ้า (เข้าเวลามัฆริบ) โดยมีเจตนาเพื่ออิบาดะฮ์ต่อพระองค์อัลลอฮฺ ตะอาลา

มารยาทของการถือศีลอด
"พวกท่านจงรับประทานอาหารซูฮูรฺกันเถิด  แท้จริงในการรับประทานอาหารซูฮูรฺนั้นมีความจำเริญ (บะเราะกะฮ์)"  (เศาะฮีหฺ อัรฺตัรฺฆีบ หะดีษเลขที่ 1050)

"ผู้คน (ที่ถือศีลอด) จะยังคงอยู่ในความดี ตราบใดที่พวกเขารีบเร่งละศีลอด (เมื่อได้เวลา)" (เศาะฮีหฺ อัรฺตัรฺฆีบ หะดีษเลขที่ 1060)

ได้มีหะดีษระบุอีกไว้ว่า "ผู้ใดไม่ละเว้นจากการกล่าวเท็จและการทำที่เป็นมดเท็จ (ไร้สาระ)  อัลลอฮฺ ตะอาลา ก็จะไม่ทรงประสงค์อันใดในการละเว้นอาหารและเครื่องดื่มของเขา"
          
หะดีษหนึ่งรายงานจากอิบนุอับบาส (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) ว่า "ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) นั้น เป็นบุคคลที่มีจิตใจเผื่อแผ่ที่สุด  โดยเฉพาะท่านจะใจดีเป็นพิเศษในช่วงเดือนเราะมะฎอน  ซึ่งเป็นช่วงที่มลาอิกะฮ์ญิบรีลได้ลงมาพบท่านในทุกค่ำคืนเราะมะฎอน เพื่อทบทวนอัลกุรฺอานให้แก่ท่าน  ท่านนั้นมีความใจบุญในกุศลทานยิ่งกว่าลมโชย (ที่ยังความร่มรื่นแก่ผู้คนในยามเย็น) เสียอีก” (รายงานโดย อัลบุคอรีย์)



((จะรู้ค่าของเวลา  ก็ต่อเมื่อเราสูญเสียมันไป))
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 28, 2010, 12:57 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

โปรดติดตามตอนต่อไป...(อีกแล้ว)...เฮ้อ...ป่วยกาย ;D

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ป่วยการ ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงป่วยกายล่ะ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ khata

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 209
  • เพศ: หญิง
  • ซอบัร ซอบัรและซอบัร
  • Respect: +5
    • ดูรายละเอียด
รออ่านต่อไป......

สงสัยจะยาวช่วยพิมพ์ไหม........ hehe
ฉันไม่มีอะไรพิเศษหรอก หากอัลลอฮฺไม่ประสงค์ให้ฉันเป็น

ฉันจะขอยืนหยัดในหนทางของอัลลอฮฺจนกว่าวันสุดท้ายจะมาถึง

sara

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
ขอพระองค์อัลลอฮฺ (สุบฺหานะฮุ วะตะอาลา) ทรงให้ทางนำ(ฮิดายะฮ์)แก่พวกเราด้วยเถิด

อามีน ยารอบบิลอาละมีน มาตามอ่านด้วยคนค่ะ   myGreat:

Nur-inee

  • บุคคลทั่วไป

โปรดติดตามตอนต่อไป...(อีกแล้ว)...เฮ้อ...ป่วยกาย ;D

ร่างกายป่วยหรือ

หายไวๆ แล้วมาพิมพ์ต่อนะคะ อย่ามัวแต่ออนเอ็ม อิอิ hehe

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
ผลไม้ของอุมมะฮ์


อินทผาลัม ผลไม้ของอุมมะฮ์
อินทผาลัมเป็นผลไม้ที่พิเศษ เมื่อผลมันสุกก็จะหวานโดยไม่ต้องใส่น้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ใด...ขึ้นชื่อว่าอินทผาลัมแล้วก็น่าที่จะหวาน เมื่อเราเก็บไว้หรือเป็นการถนอมอาหารไปในตัว

แต่ในโอกาสนี้เราจะกล่าวถึงประโยชน์อันสารพัดของอินทผาลัมในระยะต่าง ๆ กัน ซึ่งมันเป็นความรู้ใหม่...ที่พวกเราควรทราบ

อินทผาลัมอ่อน มีธาตุร้อนและแห้ง ความแห้งของมันมากกว่าความร้อน ทำให้ความชื่นแห้งลงได้ ช่วยเคลือบกระเพาะ...ทำให้หายปวดท้องจากลำไส้บีบตัว มีประโยชน์สำหรับเหงือกและปาก

อินทผาลัมดิบ มีความเย็นและแห้ง มีประโยชน์กับปากเหงือก และกระเพาะอาหาร แต่เป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อหน้าอกและปอด เนื่องจากความหยายแข็งของมัน ทำให้ย่อยยากในกระเพาะอาหาร และมีคุณค่าทางอาหารน้อย จากหลักฐานมีรายงานว่า "จงรับประทานอินทผาลัมร่วมกับอินทผาลัมแห้ง เพราะแท้จริงมารร้ายจะเสียใจ เมื่อมันเห็นมนุษย์กินเช่นนั้น และจะพูดว่า มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ต่อไปจนกว่าเขาจะกินของใหม่และของเก่าร่วมกัน..."

อินทผาลัมแห้ง จากท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า "บ้านใดที่ไม่มีอินทผาลัมแห้งอยู่ในบ้าน คนในบ้านนั้นจะต้องหิว"
          
อินทผาลัมแห้ง มีความร้อนในระดับสาม มีความชื้นในระดับหนึ่ง ช่วยให้ตับแข็งแรง ทำให้ลำไส้ผ่อนคลาย ลดการระคายเคืองในลำคอ อุดมไปด้วยสารอาหาร หากรับประทานในตอนเช้าตรู่ จะช่วยฆ่าพยาธิต่างๆได้ เป็นผลไม้ที่ให้คุณค่าทางอาหาร และเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความหวานด้วยอินทผาลัม  
          
จากท่านอับดุลลอฮฺ บินญะอฺฟัรฺ กล่าวว่า "ฉันเห็นท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) รับประทานแตงร้านกับอินทผาลัมสุกก่อนที่จะละหมาด ถ้าไม่มีอินทผาลัมสุก ท่านก็จะรับประทานอินทผาลัมแห้ง แล้วท่านก็จะจิบน้ำหลายๆอึก..."

ธรรมชาติของอินทผาลัมสุก เป็นธรรมชาติของน้ำร้อนและน้ำชื้น ทำให้กระเพาะอาหารที่เย็นอยู่นั้นแข็งแรงขึ้น ร่างกายอุดมสมบูรณ์ ให้สารอาหารมากมาย เป็นผลไม้ที่ดีเหมาะสมที่สุดสำหรับชาวมะดีนะฮ์และชาวเมืองอื่นๆ  ในการถือศีลอดของท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)ด้วยอินทผาลัม เป็นการทำตามขั้นตอนอย่างนุ่มนวล เพราะการถือศีลอดนั้นจะทำให้กระเพาะว่างเปล่า ไม่มีอาหารตับก็จะไม่พบสิ่งใดที่สามารถดูดซึมและส่งต่อไป เพื่อให้กำลังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและของหวานนั้นเป็นสิ่งที่ไวที่สุด ที่จะไปยังตับได้ และเป็นสิ่งที่ตับชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นอินทผาลัมสุก จะรับอินทผาลัมนั้นได้อย่างดียิ่ง ทำให้เกิดประโยชน์และให้พละกำลังได้อย่างดี ถ้าไม่มีก็ใช้อินทผาลัมแห้ง ซึ่งมีความหวานและสารอาหารเช่นกัน แต่ถ้าเกิดไม่มีอีกก็ควรจิบน้ำ เพื่อทำให้ความปั่นปวนในกระเพาะบรรเทาลง ความร้อนในร่างกายผู้ถือศีลอดลดลง
;D



((((( ปัญหาและอุปสรรค คือ เมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จ )))))
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 28, 2010, 01:00 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
 salam

เป็นบทความที่ดีมาก
มีประโยชน์มากเลยครับ

วัสสาลาม
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
 salam

ผ้าสารบั่นขาว  = The white turban
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
salam

ปล. ประมาณวันอังคาร  ที่ 8 เดือนกันยายน พ.ศ. 2552 หลังละหมาดอิชาอ์เป็นต้นไป ผมจะนำบทความทั้งหมดมานำเสนอ ณ กระทู้นี้ครับผม...รับทราบ...แล้วอย่าลืมท้วงติงด้วยล่ะครับ
  ;D

อัลหัมดุลิลลาฮฺ...ก็ประมาณว่า เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้วตอนนี้ และ อินชาอัลลอฮฺ ตะอาลา ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากนี้เป็นต้นไป ผมก็จะทะยอยลงนำเสนอเนื้อหาสาระของบทความทั้งหมดลงภายในเวลาดังกล่าวให้แล้วเสร็จ เพราะว่า ตามกำหนดการที่ผมได้สัญญาไว้นั้น มันไม่ทันนิดหนึ่งที่ว่า เมื่อวาน (8/9/5/2552) นั้น ผมติดภารกิจในการรับผิดชอบโครงการอิฟฏ็อรสัมพันธ์ที่มหาวิทยาลัยครับ จึงเรียนมาเพื่อทราบ และก็ต้องขอมะอาฟไว้ ณ โอกาสนี้ แต่วันนี้ ต้องลงให้หมดให้ได้เลย...โอ้นายอัสสะตูลีย์...โปรดติดตาม และอย่าลืมทวงสัญญา (กับนายอัสสะตูลีย์ล็อกแล็ก)...วัสสลามุอะลัยกุม
;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 28, 2010, 01:01 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
3- ความประเสริฐของเดือนเราะมะฎอน


คำว่า "เดือนเราะมะฎอนเป็นเดือนที่อัลกรุอานถูกประทานลงมาให้เป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ และเป็นหลักฐานอันชัดเจนเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ดังนั้น ผู้ใดในหมู่พวกเจ้าเข้าอยู่ในเดือนเราะมะฎอนนั้นแล้ว ก็จงถือศีลอดในเดือนเถิด" (บะกอเราะฮ์ : 185)

นับเป็นความโปรดปรานจากพระองค์อัลลอฮฺ ที่พระองค์ทรงประทานเดือนอันจำเริญให้แก่พวกเรา และนับเป็นความโชคดียิ่งสำหรับคนที่ได้ใช้เวลาของเดือนอันจำเริญนี้หมดไปกับการทำอิบาดะฮ์ เพื่อหวังความโปรดปราน ความพอพระทัยจากพระองค์ช่างหน้าแปลกเหลือเกินว่า ยังมีคนจำพวกหนึ่งเขาไม่เห็นความสำคัญของเดือนนี้ พวกเขาคิดว่าเดือนนี้ก็มิต่างอะไรไปจากเดือนอื่น ๆ ที่แปลกไปจากเดือนอื่นก็คง เป็นเรื่องการอดอาหารในตอนเช้า และการละหมาดตะรอวีหฺในตอนค่ำ (หลังละหมาดอิชาอ์) นี่คือความคิดของพวกที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังขาดทุนหรือล้มละลายอย่างแท้จริง

เพราะเดือนนี้เป็นเดือนแห่งการทำอิบาดะฮ์ กล่าวคือ การอ่านอัลกรุอ่าน การซิกิร การเศาะดะเกาะฮ์ การดุอาอ์ เพราะนั้คือ อะม้าล (การปฎิบัติ) ของผู้ศรัทธา ผู้ที่มีอีหม่าน  (ยำเกรง) ต่ออัลลอฮฺ พวกเขาขอดุอาอ์เพื่อหวังที่จบให้ชีวิตของเขาอยู่จนถึงเดือนเราะมะฎอน "ด้วยกับน้ำตาแห่งศรัทธาและความบริสุทธิใจ" เมื่อเดือนเราะมะฎอนมาถึงพวกเขาจะไม่ปล่อยเวลาให้หมดไปกับเรื่องไร้สาระต่าง ๆ แต่พวกเขาจะรีบเร่งในการทำความดี เพราะว่าท่านนบีมูหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) รีบเร่งในการทำความดียิ่งกว่าสายลมพัด และในเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่ประเสริฐ และความดีหลายอย่างที่ประทานมาพร้อมกับเดือนนี้ ข้าพเจ้าจึงใคร่ขอนำฮาดิษเกี่ยวกับความประเสริฐของเดือนความเมตตานี้มากล่าวเพื่อที่จะเป็นแรงกระตุ้น ปละเสริม พลังแห่งอีหม่านของพวกเราให้เพิ่มขึ้น ดังนี้คือ

หะดีษที่ หนึ่ง
ท่านซัลมาน (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) รายงานว่า ในวันสุดท้ายของเดือนชะอฺบาน ท่านเราะซู้ลของอัลลอฮฺได้กล่าวคำปราศรัยแก่เรา และท่านได้กล่าวว่า โอ้ประชาชาติที่รัก เดือนอันยิ่งใหญ่เดือนหนึ่ง กำลังจะคืบคลานเข้ามาหาทั้งหาลยมันเป็นแห่งเดือนจำเริญอันสูงสุดซึ่งมีอยู่คืนหนึ่งมักจะมีความยิ่งใหญ่ในด้านคุณธรรมมากกว่าหนึ่งพันเดือนที่อัลลอฮฺได้ทำให้เป็นข้อบังคับที่ว่าในวันทั้งหลายนั้น จะต้องมีการถือศีลอด และองค์ได้ทำให้การละหมาเตะรอวีหฺในยามค่ำคืนเป็นซุนนะฮ์
  
ผู้ใดก็ตามที่เขามีความตั้งใจที่จะเข้าใกล้อัลลอฮฺ ด้วยกับปฏิบัติคุณธรรมความดีใด ๆ ก็ตามสำหรับเขาผู้นั้น จะได้รับรางวัลเสมือนเขาผู้ที่ได้รับปฏิบัติฟัรดูหนึ่งในเวลาอันเดียวกัน

แท้จริงเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความอดทน และรางวัลแห่งความอดทนสำหรับเขาจะได้รับรางวัลเป็นจำนวนเจ็ดสิบเท่าของการทำฟัรดูในเวลาอื่น ๆ แท้จริงเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความอดทน และรางวัลแห่งความอดทนที่แท้จริงนั้นก็คือสวนสวรรค์ มันเป็นเดือนแห่งความเมตตาสงสารกับเพื่อนมนุษย์ของเขา มันเป็นเดือนที่ริซฺกีของผู้ศรัทธาที่แท้จริงจะได้รับความเพิ่มพูน ผู้ใดก็ตามที่เขาเลี้ยงดูผู้อื่นที่ถือศีลอด สำหรับเขาจะได้รับการอภัยโทษสำหรับบาปกรรมของเขา และปลอดพ้นจากไฟญะฮันนัม และสำหรับเขาก็จะได้รับรางวัลเช่นเดียวกันกับเขา (ผู้ที่เขาให้การเลี้ยงดู) โดยที่รางวัลบุคคลนั้นจะไม่ถูกลดหย่อนไปเลยแม้แต่น้อย

จากนั้นเราได้กล่าวว่า โอ้ศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ พวกเขาทั้งหมดทุกคนคงไม่มีความสามารถที่จะให้ผู้ถือศีลอด ได้ละศีลอดของเขสดอกศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ได้ตอบว่า "อัลลอฮฺทรงประทานรางวัลเช่นเดียวกันนี้ให้กับเขา ผู้ที่ให้ผู้ถือศีลอดได้ละศีลอด แม้เพียงอิทผาลัมสักเม็ดหนึ่งหรือน้ำดื่มสักแก้วหนึ่งหรือนมสักจิบหนึ่ง”

และในเดือนนี้อยู่สี่สิ่งที่เจ้าควรปฏิบัติอย่างต่อเนื่องให้มาก ๆ ในสองสิ่งของมันคือการทำให้พระผู้อภิบาลของเจ้าพึงพอพระทัยในขณะที่อีกสองสิ่งนั้นเจ้าไม่สามารถทำมันได้ ถ้าปราศจากสองสิ่งแรก สิ่งที่จะทำให้อัลลอฮฺ พึงพอใจก็คือเจ้าควรกล่าวคำว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ (นั้นคือการกล่าวกะลีมะฮ์ ลาอิลาฮะ อินลัลอฮฺ จำนวนมาก ๆ และขออภัยโทษ (อิสติฆฟาร) ให้มาก ๆ

และสองสิ่งนอกจากสองสิ่งข้างต้นนั้นเจ้าไม่สามารถกระทำมันได้ก็คือ เจ้าควรวิงวอนขออัลลอฮฺให้ได้ เข้าสวนสวรรค์และแสวงหาการช่วยเหลือของอัลลอฮฺ ให้พ้นจากนรกญะฮันนัม "และผู้ใดก็ตามที่เขาได้ให้บุคคลผู้หนึ่งผู้ถือศีลอดดื่มน้ำ (ละศีลอด) อัลลอฮฺจะทรงประทานน้ำดื่มให้กับเขาจากน้ำดื่มของฉันเครื่องดื่มเช่นนั้นเมื่อใครได้ดื่มแล้ว เขาจะไม้รู้สึกกระหายน้ำอีกเลยจนกระทั่งเขาได้สู่ญันนะฮ์ (สวนสวรรค์)"

ฮะดิษที่ สอง
          อบูรอยเราะห์(รอดิยัลลอฮูอันฮู)รายงานว่า ท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ  อลัยฮิ วสัลลัม) กล่าวว่า อุมมะฮ์ของฉันได้รับห้าสิ่งด้วยกัน ซึ่งอุมมะฮ์อื่นๆ ไม่เคยได้รับมาก่อนนอกจากพวกเขา สำหรับเขานั้นกลิ่นจากปากผู้ถือศีลอด จะหอมหวานในทัศนะของอัลลอฮฺ มากกว่ากลิ่นหอมของชมดเชียง จนกระทั่งพวกเขาไดละศีลอด อัลลอฮฺทรงจัดเตรียมและประดับประดา อุทยานอันพิเศษสุดในสวนสรรค์ทุกวัน และกล่าว(กับมัน)ว่า เวลาได้ใกล้เข้ามาแล้วที่ข้าทาสผู้ซื่อสัตย์ของฉันได้ละทิ้งการืดสอบอันยิ่งใหญ่ (ของโลก)

          และเข้ามาหาข้า ในเดือนนี้ (สำหรับพวกเขา) ชัยฎอนที่มีจิตใจอันชั่วร้ายจะถูกล่ามโซ่ เพื่อมิมันเข้าไปถึงความชั่วร้ายเหล่านั้น ซึ่งมันเคยเข้าไปถึงในยามปกติของเดือนอื่นๆนอกจากเดือนรอมฎอน ในคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอนพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษ

          เหล่าสาวจึงสอบถามขี้นว่า โอ้ศาสนาทูตแห่งอัลลอฮฺคืนสุดท้ายเป็นคืนลัยละตุ้ลกอดร์หรือท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ  อลัยฮิ วสัลลัม)จึงตอบว่าไม่ใช่ นับเป็นสิทธิแต่เพียงประการเดียวที่ข้าทาสผู้หนึ่ง ควรได้รับผลรางวัลตอบแทนของเขาที่ได้ทำหน้าที่รับใช้อย่างสมบูรณ์

ฮะดิษที่ สาม
          กะอับบินอุจเราะห์(รอดิยัลลอฮูอันฮู) ได้รายงานว่า ท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ  อลัยฮิ วสัลลัม) กล่าวว่า จงเข้ามาใกล้มิมบารเถิด และพวกเขาก็ได้เข้าไปใกล้มิมบาร เมื่อท่านก้าวขึ้นบันไดขั้นที่หนึ่ง ท่านกล่าวว่า อามีน เมื่อท่านก้าวขึ้นบันไดขั้นที่สาม ท่านกล่าวว่า อามีน เมื่อท่านลงจากมีนบาร เราจึงกล่าวว่า โอ้ศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ เราได้ยินจากท่านในวันนี้บางสิ่งที่เราไม่เคยได้ยินมันมาก่อนเลย ท่านกล่าวว่า เมื่อฉันก้าวขึ้นบันไดขั้นที่หนึ่ง ญิบรออีล ได้มาปรากฏอยู่ที่ข้างหน้าฉันและกล่าวว่า ความวิบัติจงมีแด่ผู้พบเดือนรอมฎอนอันจำเริญและปล่อยให้มันผ่านพ้นไปโดยปราศจากการอภัยโทษ เพราะเหตุนั้นฉันจึงกล่าวว่า อามีน เมื่อฉันก้าวขั้นบันไดขั้นที่สอง เขาได้กล่าวว่า ความวิบัติจงมีแด่ผู้ที่เมื่อเขาได้ยินเสียงและชื่อของท่านอยู่ต่อหน้าของเขาแล้ว แล้วแต่กลับไม่ได้ซอลาวาตต่อท่าน ฉันจึงตอบว่า อามีน เมื่อฉันก้าวขึ้นบันไดขั้นที่สาม เขากล่าวว่า ความวิบัติจวมีแด่ผู้ที่เขาได้อยู่ร่วมกับบิดามารดาของเขาหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งลุถึงวัยชราแล้ว และ (จากการบกพร่องที่ไม่ได้รับใช้ท่าน) มิได้รับอนุญาตให้เข้าสู่สวนสรรค์ ฉันจึงกล่าวว่า อามีน)

ฮะดิษที่ 4
          อุบาดะอ์ บิน ซามิต (รอดิยัลลอฮุอันฮู) รายงานว่า ท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ  อลัยฮิ วสัลลัม) ได้กล่าวไว้ในวันหนึ่งขณะเดือนนี้เข้ามาใกล้ว่า ในเดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งความจำเริญได้มาหาเจ้า อัลลอฮฺได้หันมาสู่เจ้าและได้ส่งความเมตตาอันพิเศษมาให้กับเจ้า อภัยโทษในความผิดพลาดตอบรับจากวิงวอนมองดูการแข่งขันของเจ้าด้วยกับความดีอันยิ่งใหญ่ที่สุดและอวดเจ้าต่อมลาอีกะฮ์ ดังนั้นสำแดงคุณธรรมความดีจากตัวเจ้าเองยังอัลลอฮฺเถิดเพราะแท้จริงผู้ที่น่าสงสารและอับโชคที่สุดคือ ผู้ที่ถูกงดเว้นไปจากความเมตตาของอัลลอฮฺ ในเดือนนี้

ฮะดิษที่ ห้า
          อบูสะอี๊ด คุตริ(รอดิยันลอฮู อันฮู) ได้รายงานว่าท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ  อลัยฮิ วสัลลัม) กล่าว่า ในทุกวันของเดือนรอมฎอน อัลลอฮฺทรงปลดปล่อยวิญญาณจำนวนมากให้พ้นจากนรกญะฮันนัม และสำหรับมุสลิมทุกคนในทุกวันและคืนย่อมมีเวลาหนึ่งที่ดุอาอ์เขาจะถูกตอบรับอย่างแน่นอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 28, 2010, 01:10 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
ฮะดิษที่ หก
          ท่านอบูรอยเราะห์(รอดิยัลลลอฮูอันฮู)รายงานว่าท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) กล่าวว่า มีบุคคลอยู่สามารถประเภทที่ดุอาห์ของเขาจะไม่ถูกปฎิเสธ บุคคลที่ถือศีลอด จนกระทั่งเขาละศีลอดของเขา ผู้ปกครองที่ทรงธรรมและดุอาห์ของผู้ที่ถูกกดขี่ ซึ่งดุอาห์นั้นอัลลอฮฺ จะทรงยกให้เหนืออัลลอฮฺทรงตรัสว่า ข้าขอสาบานด้วยเกียรติยศของข้าแท้จริงข้าจะช่วยเจ้า ถึงแม้ว่ามันจะต้องรอคอยสักเวลาหนึ่งก็ตาม

ฮะดิษที่ เจ็ด
          ท่านอิบนิอุมัร (รอดิยัลลอฮุอันฮู) รายงานว่าท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺและมลาอีกะฮ์ของพระองค์ประทานความเมตตาลงมายังผู้กินซุโฮร์

ฮะดิษที่ แปด
          อบูฮูรอยเราะห์(รอดิยัลลอฮฺ อันฮู) รายงานว่าท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) กล่าวว่า มีบุคคลเป็นจำนวนมากที่ถือศีลอดโดยมิได้รับอะไรเลยการถือศีลอดนั้นยกเว้นความหิวและก็มีจำนวนมากที่ทำการละหมาดในเวลากลางคืนโดยมิได้รับอะไรมัน ยกเว้นความไม่สบายอันเกิดจากการตื่นในเวลากลางคืน

ฮะดิษที่ เก้า
          อบูอุบัยดะฮ์(รอดิยัลลอฮู อันฮู)รายงานว่า ฉันเคยได้ยินท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) กล่าวว่า การถือศีลอดเป็นเครื่องคุ้มกันสำหรับมนุษย์คนหนึ่ง ตราบเท่าที่เขามิได้ทำลายเครื่องป้องกันนี้ออก

ฮะดิษที่ สิบ
          อบูฮูรอยเราะฮ์ (รอดิยัลลอฮู ฉันฮู) รายงานว่าท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) กล่าวว่า ผู้ใดก็ตามที่เขากินอาหารเพียงวันหนึ่งของเดือนรอมฎอน โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร(ที่ถูกยอมรับตามหลักซารีอะฮ์) จะไม่สามารถชดใช้วันนั้นได้เลยถึงแม้จะถือศีลอดตลอดปีตลอดชีวิตของเขาก็ตาม

ฮะดิษที่ สิบเอ็ด
          เป็นเวลาที่ประตูสวรรค์ถูกเปิด และบรรดาชัยฎอนจะถูกพันธนาการเป็นพิเศษ ท่านรอซู้ลศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม ทรงกล่าวว่า เมื่อเดือนรอมฎอนมาถึงประตูต่างๆของสวรรค์จะถูกเปิดและประตูต่างๆ ของนรกจะถูกปิด และบรรดาชัยฎอน ก็ถูกพันนรกจะปิด และบรรดาชัยฎอนก็ถูกพันธนาการไว้ (บันทึกโดยอัลบุคอรียฺและมุสลิม)

ฮะดิษที่ สิบสอง
          เป็นเวลาที่อัลอลฮฺทรงให้โอ้กาสแก่ผู้ศรัทธาในการที่จะได้รับการอภัยโทษจากพระองค์ แท้จริงพระองค์ ญิบรออีล ได้มาหาฉัน(ขณะนั้น) แล้วกล่าวว่า ผู้ใดเข้าสู่เดือนรอมฎอนแล้วเขาไม่ได้รับการอภัยโทษ เขาเข้าสู่ไฟนรก
          ขอให้เขาห่างไกลจากความเมตตาของพระองค์ ท่านจงกล่าวว่า อามีน แล้วฉันก็กล่าว อามีน(บันทึกโดยอิบนฺคุ ซัยมะฮฺ อะหมัดและอัลบัยฮากีย์)

ฮะดิษที่ สิบสาม
          เป็นเวลาที่พระองค์อัลลอฮฺทรงให้อภัยโทษต่อความผิดทั้งหลาย ท่านรอซุ้ล ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม ทรงกล่าวว่า ผู้ใดถือศีลอดในเดือนรอมฎอนด้วยความศรัทธาและด้วยความหวังในผลบุญ เขาจะได้รับการอภัยโทษต่อความผิดของเขาที่ทำมาตลอด (ตั้งแต่) อดีต (บันทึกโดยบุคอรียฺและมุสลิม)

ฮะดิษที่ สิบสี่
          การถือศีลอดเป็นเล่ห์ ที่บ่าวใช้เพื่อการป้องกันจากไฟนรก (อัศเศาะเหี๊ยะ อัตตัรฆีบ)

ฮะดิษที่ สิบห้า
          สามจำพวกที่ดุอาห์ของพวกเขาจะไม่ถูกปฎิเสธ คือ ผู้ที่ถือศีลอดอยู่จนกระทั่งเขาละศีลอด ผู้นำที่ยุติธรรม และผู้ถูกอธรรม)(อัซซิละฮ์ เศาะเหี๊ยง เลขที่ 1797)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 09, 2009, 10:45 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

4- กี่คน...ที่จะตามซุนนะฮุนบี


ความหมายของอิติกาฟ
          ความหมายของอิติกาฟ ก็คือ การที่ผู้หนึ่งเข้าไปสงบวิเวกตนเองอยู่ในมัสยิดด้วยกับการเหนีย(ตั้งใจ) อิติกาฟ เพื่อหวังความพอพระทัยจากพระองค์อัลลอฮฺ และพร้อมด้วยการแสวงหา คืนลัยลาตุ้ลก๊อดรุ และด้วยเหตุที่ว่า สวรรค์มิอาจเข้าได้ด้วยกับอาม้าล(การปฏิบัติ) ของเราแต่จะเข้าไปอยู่ในสวรรค์นั้นคือผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัยต่างหาก
          ท่านนบี  ศ๊อลลลอลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม เคยทำอิติกาฟในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนจนกระทั่งอัลลอฮฺทรงให้ท่านวะฟาต (เศาะฮีหฺ บุคอรีย์2/255 และเศาะฮีหฺมุสลิม/1174)
          ท่านหญิงอาอีชะฮ์ ได้กล่าว ท่านรอซู้ล (ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) ได้อิติกาฟสิบวันสุดท้ายของรอมฎอน จนกระทั่งอัลลอฮฺได้เก็บชีวิตท่านต่อไปต่อมาบรรดาภริยาของท่านได้ทำการอิติกาฟต่อจากท่าน
          ท่านนบี ทำการอิติกาฟสิบวันสุดท้ายของรอมฎอน แต่ในปีที่เสียชีวิตนั้นท่านได้ทำการอิติกาฟถึงยี่สิบวัน (รายงายโดยบุคอรี)
          อบูฮูรอยเราะฮฺ(รอดิยัลลอฮูอันฮู)เล่าว่าท่านนบี “เคยทำการอิติกาฟเป็นเวลาสิบวันในเดือนรอมฎอนของทุกๆปี แต่ในปีที่เสียชีวิตนั้น ท่านได้ทำการอิติกาฟเป็นเวลายี่สิบวัน”
          ท่าน อิบนุซิฮาบ อัชซุฮฺรีย์ ได้กล่าวว่า ช่างเป้นเรื่องที่น่าประหลาดใจเหลือเกิน ที่ประชาคมมุสลิมต่างพากันทิ้งการอิติกาฟ ทั้งๆที่ท่านนบี (ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม)เองไม่เคยละทิ้งการอิติกาฟเลยนับตั้งแต่ท่านได้เข้าสู่เมืองมะดีนะ(กล่าวคือ เริ่มตั้งแต่ปีฮิจเราะฮฺ ที่ 2 ซึ่งการศีลอดได้ถูกบัญญัติ)จนกระทั้งอัลลอฮฺให้ท่านวะฟาต

          อาอีชะฮฺ (รอดิยัลลอฮูอันฮา) เล่าว่า
          ท่านรอซู้ล(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) เคยใช้ความเพียรพยายามในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน มากกว่าที่ท่านเพียรพยามยามในช่วงเวลาอื่นๆ
          อาอีชะฮฺ (รอดิยัลลอฮูอันฮา) เล่าว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนนั้น ท่านนบี(ศ๊อลลลอลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) จะกระชับผ้านุ่งกอนอนในเวลากลางคืน และปลุกสมาชิกในครอบครัว/ภริยาของท่าน
          อันนุอฺมมาน  บินบะซีรฺ เล่าว่า พวกเราได้มีโอกาสร่วมละหมาดกิยามุลลัยกับท่านรอซู้ล(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) ในคืนที่ยี่สิบสามของเดือนรอมฎอนจนถึงหนึ่งในสามของกลางคืนต่อมาในคืนที่ยี่สิบเก้าจนถึงเที่ยงคืน และต่อมาในคืนที่ยี่สิบเจ็ดจนถึงเวลาที่พวกเราคิดว่าจะไม่ทันได้รับประทานอาหารซูโฮรเพราะล่าช้าไปมามาก
          ท่านอีหม่าม อัชชาฟีอีย์ กับสหายได้ให้ทรรศนะว่าจะเป็นการดียิ่งหากผู้ทำการอิติกาฟ ใช้เวลาไปกับกิจกรรมต่างๆ แห่งการฎออะฮฺ(การภักดีต่ออัลลอฮฺ)อาทิ เช่น การนมาช การตัสบีหฺ การซิกร์ การอ่าน การเรียน การสอน การศึกษาค้าคว้าตำรับตำรา และการเขียน
          แต่นักวิชาการบางท่านมีทรรศนะว่า กิจกรรมที่ต้องการให้ผู้อิตอกาฟทุกคนปฏิบัตินั้น มีเพียงกิจกรรมหลักๆ เท่นั้นคือ การซิกร์ การเศาะลาฮฺ(นมาช) การอ่านกรุอ่าน และการดุอาห์

ฮะดิที่ หนึ่ง
          ท่านอบู ซี๊ด คุดริ(รอดิยัลลอ ฮูอันฮู) รายงานว่า ครั้งหนึ่งท่านศาสดาศ๊อลลลอลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม ได้ทำอิติกาฟอยู่ในเต้น (ข้างในมัสยิด)ในสิบวันแรกของเดือนรอมฎอน หลังจากนั้นท่านได้ทำในสิบคืนที่สอง หลังจากนั้นท่านได้โผล่ศีรษะออกมาจากเต้นพลางกล่าวว่าแท้จริงในการแสวงหาคืนลัยลาตุ้นกอดรฺ ฉันได้ทำอิติกาฟ
ในสิบคืนแรก แท้จริงคืนนั้นได้ถูกแสดงให้กับฉันแล้วก็ได้ทำให้ลืมเลือนไปแล้ว ซึ่งมันก็จะเป็นเช่นนั้น และอท้จริงฉันได้เห็นตัวของฉันก้มกราบต่ออัลลอฮฺ ด้วยหน้าผลากแตะอยู่บนดินในตอนเช้าหลังจากคืนนั้นเดียวกันนั้นมีฝนตก หลังคาของมัสยิดก็รั่ว และฉันเห็นท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) ทำการซูญุดอยู่ในดินโคลน

ฮะดิษที่สอง
          ท่านอิบนิอับบาส(รอดิลยัลลอฮู อันฮู)  รายงานว่า ท่านศาสดา ศ๊อลลลอลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม กล่าวว่าบุคคลที่เข้าทำการอิติกาฟจะปลอบพ้นจากบาป และแท้จริงเขาได้รับรางวัลเช่นเดียวกับบรรดาผู้ที่ปฏิบัติคุณธรรมความดี (เนื่องจากว่าเขามิอาจกระทำความดีเหล่านั้นได้ ซึ่งเป็นผลจาการที่เขาสงบบวิเวกอยู่ในมัสยิด)

ฮะดิษที่สาม
          ท่านอิบนิ  อับบาส (รอดิยัลลอฮฺ อันอุ) รายงานว่า ขณะที่ท่านทำการอิตอกาฟอยู่ในมัสยิดนะบะวี มัสยิดของท่านศาสดา ศ๊อลลลอลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม ได้มีชายคนหนึ่งมาหาท่าน และก็นั่งลง อิยนิอับบาส ได้กล่าวกับเขาว่า ฉันสังเกตว่าดูท่านชั่งเศร้าหมองและยุ่งยากใจ ชาย ศาสดา ศ๊อลลลอลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม  ฉันกำลังมีเรื่องยุ่งยาก เช่นนั้น ฉันมีภารกิจที่จะต้องทำให้บุคคลบางคน ฉันขอสาบานด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของผู้อาศัยอยู่ในที่พักอันมีเกียรติยิ่งนี้ หลุมฝังศพของท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม)  ว่าฉันไม่สามารถทำภารกิจนี้ให้ลุล่วงไปได้อิบนิอับบาส ถึงสอบถามขึ้นว่า จะให้ฉันไปจัดการภารกิจนั้นกับบุคคลผู้นั้นในนามของท่านทำได้เช่นนั้น ท่านอิบนิอับบาส รอดิยัลลอฮูอันฮู เดินสวมรองเท้าของท่าน และจะออกจากมัสยิด เมื่อชายผู้นี้เห็นดังนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า
          ท่านได้ลืมไปแล้วหรือว่า ท่านกำลังอยู่ในระหว่างการอิติกาฟ ด้วยกับนำตาลที่ไหลพรากจากดวงตาของท่านอิบนิอับบาส จึงตอบว่า หามิได้ วันเวลามันยังคงสดใสอยู่จิตใจของฉัน เมื่อฉันได้ยินเจ้านายผู้สูงส่งแห่งหลุมฝังศพนี้ กล่าวว่า ผู้ใดก็ตามที่ออกไปในหนทาง เพื่อจัดการกิจกรรมอันจำเป็นในนามของพี่น้องของเขา การบริการนั้นจะดีกว่าเขาอิติกาฟ เป็นเวลาถึงสิบปีและผู้ใดก็ตามที่เขาทำการอิติกาฟเป็นเวลาหนึ่งวัน เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺจะทรงเปิดสนามเพลาะระหว่างตัวเขากับไปนรก ซึ่งความกว้างของสนามเพลาะแต่ละอันนั้นจะมีระยะระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดิน

ฮะดิษที่สี่
          ท่านอิบนิ อับบาส รอดิยัลลอฮฺ กล่าวว่า ได้ยินนบีของเรากล่าวว่า แท้จริงสวนสวรรค์ก็จะถูกประพรมด้วยน้ำหอมที่มีกลิ่นหอมในเดือนรอมฎอน เริ่มตั้งแต่ต้นปีไปจนถึงปลายปี มันจะถูกประดับอย่างสวยสดงดงามเพื่อต้อนรับการมาของเดือนรอมฎอนจะมีลมพัดมาจากใต้ คืนแรกของเดือนรอมฎอนบัลลัง(อรัช) ซึ่งมันมีชื่อมุซีราและทำใบไม้ของต้นไม้ในสวรรค์ไหวพลิ้วและมือจับต้นไม้เสียงดัง ซึ่งมันจะให้เสียงอันไพเราะเพราะพิ้งอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน จะมีสตรีร่างสะคราญดวงตาดำขลับ จะก้าวออกมาข้างหน้าจนกระทั่งมาปรากฏตัว อยู่กึ่งกลางระเบียง แห่งสวนสวรรค์โดยอุทานขึ้นว่า มีผู้ใดบ้างไหมที่ได้ขอดุอาห์ต่ออัลลอฮฺให้กับพวกเราเพื่อต่ออัลลอฮฺ จะได้สมรสเราให้กับเขาจากนั้นสตรีเหล่านี้จึงส่งเสียงรียก ขึ้นว่า โอ้ริดวานผู้ดูแลรักษาสวนสวรรค์ คืนนี้ เป็นคืนอะไรนี้ เขาจึงตอบว่า ลับบัยแท้จริงคืนนี้มันเป็นคืนแรกของเดือนรอมฎอน เมื่อประตูสวรรค์จะเปิดอออก สำหรับคืนนี้บรรดาผู้ที่เขารักษาการถือศีลอดจากในหมู่ประชาชาติของท่าน ศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) ยังกล่าวต่อไปอีกว่า อัลลอฮฺ ทรงตรัสว่า โอ้ริดวาน จงปอดประตูของสวนสวรรค์เถิด และโอ้มาลิค(ผู้ดูแลรักษาขุมนรก)จนปิดประตูนรกญะฮันนัม
          สำหรับบรรดาผู้ที่เขาถือศีลอดผู้ที่เขาถือศีลอดจากหมู่ประชาชาติของนบีมูฮัมมัด(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) เถิดโอ้ญิบรออีลจงลงไปยังโลกและจงไปผูกมัดซัยตอนผู้ฝ่าฝืนทั้งหมดเถิดตีตรวนพวกเขาให้หมด และโยนพวกเขาทั้งหมดลงไปในมหาสมุทร ว่าพวกเขาจะได้ไม่ก่อการเสียหาย ซึ่งจะทำให้การถือศีลอดของอุมมัต ของมุฮัมหมัด(ศ๊อลลลอลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) ผู้เป็นที่รักยิ่งของฉันต้องได้รับการเสียหาย
          สมควรอย่างยิ่งสำหรับพวกเรา ที่ต้องอิติกาฟสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน เพราะเป็นซุนนะฮฺทีท่านนบี(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) บรรดาภริยาและบรรดาซอฮาบะฮฺ(สาวก)ท่านได้ถือปฏิบัติ
          ดังที่พระองค์อัลลอฮฺทรงดำรัสว่า
          โอ้มูฮัมหมัดเจ้าจงประกาศเถิด ถ้าหากพวกท่านทั้งหลายรักพระองค์อัลลอฮฺจริงพวกเจ้าจงตามฉัน แล้วแน่นอนพระองค์อัลลอฮฺจะทรงรักใคร่พวกท่าน แล้วพระองค์จะทรงอภัยให้ในบาปโทษของพวกท่าน เพราะพระองค์อัลลอฮฺผู้ทรงอภัยเสมอและทรงเมตตายิ่ง
          จากอายะห์ดังกล่าวนี้ย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่า บุคคลใดที่ปฏิบัติและดำเนินตามอย่างจริงใจต่อรอซู้ล(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) แน่นอนเขาจะเป็นที่รักและเป็นผู้ใกล้ชิดพระองค์อัลลอฮฺ ส่วนผู้ที่ไม่ปฎิบัติตามเท่าท่านนั้น เขาย่อมห่างไกลจากความเมตตาของอัลลอฮฺ และเขาจะไม่ได้รับเราะมะฮ์ของพระองค์เลยนักอรรถาธิบายอัลกรุอ่านเขียนว่า “ผู้ใดที่ทำว่าเขารักอัลลอฮ์ แต่ไม่ได้ดำเนินซุนนะฮ์ของท่านรอซู้ล(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) นั้น เขาผู้นั้นย่อมโกหก เพราะว่าการปฎิบัติตามซุนนะฮ์ของท่านนั้นเป็นสาเหตุ เป็นซารัตแห่งความรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 09, 2009, 11:19 PM โดย as-satuly »

 

GoogleTagged