ผู้เขียน หัวข้อ: บทความ : น้ำตาแห่งความหวังสู่เดือนรอมฎอน โดย ผ้าสารบั่นขาว  (อ่าน 18687 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
ขอบคุณครับ
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
** ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับคนรักเราก็ต้องรัก**
          

          มีคำของกิ๊ส-อุมัยรีย์ ที่มีต่อไลลา คนรักของเขา อันลือชา ว่า “เมื่อใดที่ฉันผ่านไปที่ม่านบ้านของไลลา ฉันหลงใหลและรักในประตูและผนัง ตลอดจนทุกมุมุบ้านของไลลา”
          แต่สิ่งที่เขารักและหลงใหลที่แท้จริงนั้นไม่ใช่ม่าน หรือประตู แต่ที่เขารักคือบุคคลที่อยู่ในนั้น ที่มีความสัมพันธ์กับไลลา
          ท่านรอซู้ล (ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) กล่าวว่า “อุมมะห์ของฉันทุกคนได้เข้าสวรรค์ นอกจากผู้ปฎิเสธ คือใคร ท่านศาสดา(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) ตอบว่า ผู้ใดทรยศ(ไม่ปฏิบัติตาม) ฉัน ผู้นั้นแหละคือผู้ปฎิเสธ”
          ท่านรอซู้ล (ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) เคยกล่าวอีกว่า “บุคคลใดก็ตามในพวกท่านเขายังไม่อีหม่อนจริง จนกว่าเขาจะต้องคล้ายตามในสิ่งที่ฉำนำมา” (คือ อัลกรุอ่าน) (บันทึกโดย มิซกาต)
          ท่านสะฮ์ดี กล่าวว่า “ผู้ใดที่หลีกออกจากซุนนะฮ์ แบบฉบับของ ท่านรอซู้ล ศ๊อลลอลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม”  เขาจะไปไม่ถึงเป้าหมายด้วยเหตุนี้เองบุคคลใดที่อยู่ใกล้ชิดผู้ที่พระองค์อัลลอฮฺทรงรักและพยายามปฎิบัติตามซุนนะฮ์ของท่านนบี(ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) เขาจะเป็นคนรักของอัลลอฮฺอย่าแท้จริง และแน่นอนเขาจะได้รับการบารอก๊ะฮ์ (มีศีริมงคล)จากพระองค์อัลลอฮฺ
          โอ้บรรดาผู้ศรัทธา//มาเถิดมาสู่ทางนำแห่งอัลลอฮฺ พร้อมกับการทำตามซุนนะฮ์ของท่าน ที่ท่านนบี (ศ๊อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วสัลลัม) ได้นำมาให้แก่พวกเราเพียงเพื่อเป้นการเตือนกี่ยวกับเรื่องศาสนา หน้าที่ของเราผู้ดะวะฮ์(เผยแพร่) ก็ต้องดำเนินไป เพราะศาสนาอิสลามเป็นศาสนาแห่งการตักเตือนมิใช่ หรือ ว่าการดะวะห์จำเป็นบนตัวผู้เขียน แต่เพียงผู้เดียว(ไม่เลย) แต่การดะวะห์จำเป็นบนทุกคนที่จะต้องเรียกร้องมนาย์สู่การยำเกรง(ตักวา)ต่ออัลลอฮฺ(ซุนฮานาฮูวาตาอาลา) เราขอมอบทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของพระองค์อัลลอฮฺ ของพระองค์ได้โปรดฮิดายะฮ์ดลจิตใจให้มุสลิมทุกคนได้ช่วยกันยืนหยัดเพื่อเผยแพร่และฟื้นฟูสัจธรรมของพระองค์ตลอดไปด้วยเถิด”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 27, 2010, 05:50 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

คืนแห่งการแสวงหา


ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า

 تحروا ليلة القدر في الشعر الأواخر من رمضان

"จงเพียรพยายามแสวงหาลัยละตุ้ลก็อดรฺในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน"

สุนัตให้ขอดุอาอ์ให้มาก ๆ ในคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ ดังที่ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้ขอเป็นประจำคือ

اَللَّهُمَّ إِنَّكَ عَفْوٌ تُحِبُّ الْعَفْوَ فَعْفُ عَنِّي

คำอ่าน "อัลลอฮุมมะ อินนะกะ อะฟูวุน ตุหิบบุลอัฟวะ ฟาอฺฟุ อันนี"

ความว่า "ข้าแด่อัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงให้อภัยยิ่ง พระองค์ทรงรักการให้อภัย ดังนั้น โปรดทรงอภัยโทษแก่ฉันด้วยเถิด"

อัลลอฮฺ ตรัสว่า

لَيْلَةُ الْقَدْرِ خَيْرٌ مِنْ أَلْفِ شَهْرٍ 3

ความว่า "คืนแห่งเกียรติยศ ประเสริฐกว่า (คืนธรรมดา) ถึงหนึ่งพันเดือน" (ซูเราะฮ์อัลก็อดรฺ : 3)

ความหมายที่แท้จริง ณ ที่นี้ก็คือว่า ผลรางวัลของการใช้เวลาในคืนนี้ไปกับการประกอบอิบาดะฮ์ดีกว่า และมากกว่าการใช้เวลาถึงหนึ่งพันในอิบาดะฮ์ ตามความเป็นจริงแล้ว มันมากกว่านั้น แต่มันจะมีผลรางวัลมากมายกว่าเท่าใดนั้น เรามิได้ถูกบอกไว้ ณ ที่นี้

หะดีษที่หนึ่ง
อบู ฮุรัยเราะฮ์ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) รายงานว่า ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า ผู้ใดก็ตามที่เขายืนขึ้นเพื่อการสวดภาวนาและการอิบาดะฮ์ในคืนแห่งพลังอำนาจนี้ ด้วยกับความศรัทธาที่บริสุทธิ์ และด้วยกับความหวังอันบริสุทธิ์ เพื่อการได้รับผลรางวัลตอบแทน และบาปของเขาแต่เก่าก่อนจะได้รับการอภัย

หะดีษที่สอง
ท่านอนัส (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) ได้รายงานว่า ครั้งหนึ่งเมื่อเราะมะฎอนได้เริ่มขึ้น ศาสนทูตของอัลลอฮฺ ได้กล่าวว่า "เดือนหนึ่งได้มาปรากฏต่อหน้าเจ้า ที่ซึ่งมีคืนหนึ่งของเดือนนี้ดีกว่าหนึ่งพันเดือน ผู้ใดก็ตามที่เขาพลาดไปจากความจำเริญของมัน แท้จริงเขาได้พลาดไปจากความดีของมัน นอกจากเขาเป็นผู้ที่โชคร้ายที่สุด"

หะดีษที่สาม
ท่านอนัส (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) รายงานว่า ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า "ในคืนแห่งพลังอำนาจ ญิบรีลจะลงมายังโลกพร้อมกับทูตสวรรค์กลุ่มหนึ่ง โดยการกล่าวสลามและวิงวอนเพื่อความจำเริญให้กับข้าทาสทุกคนของอัลลอฮฮฺ ไม่ว่าพวกเขาจะยืนขึ้นเพื่อสักการะหรือนั่งลง เพื่อสรรเสริญความจำเริญของอัลลอฮฺ จากนั้นในวันอีด อัลลอฮฺจะทรงอวดพวกเขากับมวลทูตสวรรค์ว่า โอ้ทูตสวรรค์ของข้า ผลรางวัลตอบแทนของลูกจ้างเหล่านั้นของข้า ที่เขาได้ทำหน้าที่ของเขาสมบูรณ์แล้ว ควรเป็นสิ่งใดดี พวกเขา (ทูตสวรรค์) ตอบว่า โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ รางวัลตอบแทนของเขาควรต้องมอบให้กับเขาจนเต็มที่ จากการนี้อัลลอฮฺได้ทรงตอบว่า โอ้เหล่าทูตสวรรค์ของข้า แท้จริงข้าทาสของข้าทั้งในหมู่ผู้ชายและในหมู่ของผู้หญิงที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา หลังจากนั้นพวกเขาได้ไปรวมตัวกันในวันอีด เปล่งเสียงของพวกเขาในการสวดภาวนาเพื่อข้า ข้าขอสาบานต่อเกียรติยศของข้า ต่อความยิ่งใหญ่ของข้า ต่อความกรุณาของข้า และต่อตำแหน่งความยิ่งใหญ่สูงสุดของข้า ว่าข้าอัลลอฮฺ จะตรัส (กับผู้คน) ว่า จงเคลื่อนไปข้างหน้าเถิด ข้าได้อภัยโทษให้กับบาปของเจ้าแล้ว และได้ทดแทนกิจกรรมที่ชั่วร้ายของเจ้า ด้วยกับคุณธรรมความดี ผู้คนเหล่านั้นจึงเดินทางกลับจากการละหมาดอีดในลักษณะที่ว่า บาปของพวกเขาได้รับการอภัย"

หะดีษที่สี่
ท่าานหญิงอาอิชะฮ์ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) ได้รายงานว่า ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัม) กล่าวว่า "จงแสวงหาคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺจากคืนที่เป็นคี่ของสิบคืนสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน"

หะดีษที่ห้า
อุบาดะฮ์ บิน ศอมิต (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) กล่าวว่า ครั้นหนึ่งท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัม) ได้ออกมาเพื่อจะบอกกับเราถึง (วันที่แท้จริง) คืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ (แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ว่าในขณะนั้น) ได้มีการโต้เถียงเกิดขึ้นระหว่างมุสลิมสองคน ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงกล่าวว่า "ฉันออกมาก็เพื่อจะมาบอกกับพวกท่านว่า ลัยละตุ้ลก็อดรฺนั้นเป็นวันใด แต่เพราะเหตุว่ามีบุคคลสองคนกำลังถกเถียงกันอยู่ (ดังนั้น วันที่ถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอนนั้น) จึงถูกนำกลับไป บางทีสิ่งนี้อาจจะเป็นการดีกว่าสำหรับพวกท่าน ดังนั้น จงแสวงหามันในระหว่างคืนที่เก้า ที่เจ็ด และที่ห้า"

หะดีษที่หก
อุบาดะฮ์ บิน ศอมิต (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) รายงานว่า เขาได้สอบถามท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัม) เกี่ยวกับคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ ท่านตอบว่า "มันอยู่ในเดือนเราะมะฎอนในระหว่างสิบคืนสุดท้ายและอยู่ในคืนที่เป็นคี่ที่ 21 23 25 27 29 หรือในคืนสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน ผู้ใดก็ตามที่เขายืนขึ้นเพื่อทำอิบาดะฮ์ในคืนนี้ ด้วยกับความศรัทธาอันบริสุทธิ์และด้วยความหวังที่แท้จริง  เพื่อให้ได้รับผลตอบแทน บาปที่ผ่านมาของเขาจะได้รับการอภัยโทษในบรรดาเครื่องหมายของคืนนี้ ก็คือว่า มันจะเงียบสงบ เป็นคืนที่สว่างไสวพอสมควร ไม่ร้อนหรือหนาว (ราวกับว่ามันผ่านทางปริมาณของแสงสว่างแห่งวิญญาณ) ดวงจันทร์จะแจ่มใสและปราศจากรัศมีใด ๆ จนกระทั่งถึงเบิกอรุณ จะไม่มีดวงดาวที่จะพุ่งเข้าชนชัยฏอนในคืนนั้น เครื่องหมายอีกประการหนึ่งก็คือ ในตอนเช้าดวงอาทิตย์จะขึ้นโดยปราศจากลำแสงที่รัศมีใด ๆ มันจะปรากฏคล้ายกับดวงจันทร์ในวันเพ็ญ ในวันนั้น อัลลอฮฺจะทรงห้ามชัยฏอนมิให้ลุกขึ้นมาพร้อมกับดวงอาทิตย์"

หะดีษที่เจ็ด
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) รายงานว่า ฉันได้กล่าวขึ้น โอ้ศาสทูตของอัลลอฮฺ เมื่อฉันพบตัวของฉันเองในคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ ฉันควรจะกล่าวว่าเช่นใด ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัม) กล่าวตอบว่า "จงกล่าว โอ้อัลลอฮฺ พระองค์คือผู้ประทานการอภัยโทษในบาปกรรม พระองค์ทรงรักการอภัย ดังนั้น ได้โปรดอภัยโทษให้กับข้าพระองค์ด้วยเถิด"

((ผู้ชนะไม่เคยยอมจำนน และผู้ยอมจำนนไม่มีวันชนะ))
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 08, 2010, 09:11 AM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
 salam
ติดตาม "บทความ : น้ำตาแห่งความหวังสู่เดือนรอมฎอน โดย ผ้าสารบั่นขาว" ประมาณปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2553 นี้ครับ...วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอะลัยกุม loveit:

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
อินชาอัลลอฮฺ
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

ทำไม...ผู้ศรัทธาถึงร้องไห้


ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า "ความเกรงกลัวในอัลลอฮฺ คือรากเหง้าแห่งวิทยปัญญาทั้งมวล"

ท่านฟุซาอิล ผู้เป็นชัยค์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง กล่าวว่า "การเกรงกลัวอัลลอฮฺ นำไปสู่ทุกอย่างที่เป็นความดี"

ท่านชิบลี ชัยค์ผู้มีตำแหน่งสูงอีกท่านหนึ่งกล่าวว่า "เมื่อใดก็ตามที่ฉันรู้สึกเกรงกลัวอัลลอฮฺอยู่ในตัวของฉัน ฉันจะพบประตูแห่งวิชาความรู้บานใหม่บานหนึ่งและวิทยปัญญา ได้ถูกเปิดออกสำหรับฉัน"

ในหะดีษบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า อัลลอฮฺ ตรัสว่า "ฉันจะไม่รวมความกลัวทั้งสองความกลัว และทีี่หลบภันสองแห่งไว้ในตัวของข้าทาสของฉัน ถ้าหากเขาไม่เกรงกลัวฉันในโลกนี้ ฉันจะให้ความเกรงกลัวแก่เขาในโลกหน้า และถ้าหากเขาเกรงกลัวฉันในโลกนี้ ฉันจะรักษาเขาให้พ้นจากความหวาดกลัวทั้่งหลายในโลกหน้า"

ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า "ทุกสรรพสิ่งเกรงกลัวบุคคลที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ ในขณะที่ทุกสิ่งคือแหล่งความกลัวของเขา ถ้าหากเขาเกรงกลัวบางคนมากกว่าอัลลอฮฺ"

ยะหฺยา บิน มุอาซ กล่าวว่า " ถ้าหากมนุษย์เกรงกลัวนรกมากเท่า ๆ กับที่เขาเกรงกลัวความยากจนแล้ว เขาอาจได้เข้าสวรรค์"

อบู สุลัยมาน ดารานีย์ กล่าวว่า "ไม่มีอะไรเลย นอกจากความพินาศสำหรับหัวใจที่ปราศจากความเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ"

ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า "ใบหน้าที่เปียกไปด้วยน้ำตาอันน้อยนิดจากความเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ ย่อมปลอดพ้นจากการเข้าขุมนรก"

ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ยังได้กล่าวอีกว่า "เมื่อมุสลิมสั่นสะท้านไปด้วยความเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ บาปของเขาจะร่วงหล่นไปจากตัวเขาเหมือนกับใบไม้ร่วงหล่นจากต้นของมัน"

ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ผู้เป็นที่รักยิ่งได้กล่าวว่า "บุคคลผู้ที่เขาร้องไห้เพราะความเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ เขาย่อมไม่สามารถไปนรกได้ จนกระทั่งน้ำนมจะไหลกลับคืนเข้าไปในหัวนม (ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็ํนไปไม่ได้)"

อัคบาหฺ บิน อะมิรฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) ครั้งหนึ่งได้สอบถามท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ว่า หนทางใดที่จะนำไปสู่ความจรรโลงใจจ ท่านตอบว่า "จงระวังลิ้นของเธอ จงอยู่ในบ้าน และจงร้องไห้ให้กับความผิดบาป (และกลับตัวกลับใจ)"

อาอิชะฮ์ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮา) ครั้งหนึ่งเคยสอบถามท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ว่า มีใครบ้างในหมู่สาวกของท่าน ที่่จะไปสวรรค์ โดยไม่ต้องถูกสอบสวน ท่านกล่าวตอบว่า "มี คือบุคคลผู้ที่เขาร้องไห้ในบาปกรรมที่เขาได้กระทำ"

มีหะดีษอีกบทหนึ่งที่ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า "ไม่มีหยดใดอันเป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮฺ มากไปกว่าสองหยดน้ำตาหยดหนึ่งที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ และเลือดอีกหยดหนึ่งที่หลั่งในวิถีทางของอัลลอฮฺ"

มีกล่าวไว้ในหะดีษบทหนึ่งว่า "จะมีบุคคล เจ็ด ประเภท ที่จะอยู่ใต้ร่มเงาอะรัชในวันตัดสินพิพากษา คนหนึ่งในพวกเขาจะเป็นบุคคลที่รำลึกถึงอัลลอฮฺ เมื่อเขาอยู่ตามลำพังคนเดียว น้ำตาของเขาได้หลั่งออกจากดวงตาของเขา ด้วยความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ และรู้สึกเสียใจในบาปของเขา"

ท่านอบูบักรฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) กล่าวว่า "ใครที่สามารถร้องไห้ได้ ก็จงร้องเถิด และใครที่ไม่อาจทำได้ ควรทำให้เป็นประหนึ่งว่าเขาเป็นผู้ร้องไห้"

มีรายงานเกี่ยวกับ มุหัมมัด บิน มุนคาดิรฺ ว่า เมื่อเขาร้องไห้ เขาจะลูบน้ำตาของเขาไปทั่วใบหน้าของเขา พร้อมกับกล่าวว่า ฉันเคยได้ยินว่า "ไฟนรกจะไม่แตะต้องส่วนน้ำตาเหล่านี้ที่ได้ถูกลูบไล้"

ซามิท บะนานี ป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับดวงตา แพทย์ของเขาได้กล่าวกับเขาว่า "ดวงตาของท่านจะหายดี หากว่าท่านต้องไม่ร้องไห้ต่อไปในอนาคต" เขาตอบว่า "มันจะมีประโยชน์อะไรกับการมีดวงตา แล้วมันไม่สามารถจะหลั่งน้ำตาได้"

ยาซิร บิน มัยซารา กล่าวว่า "มีเหตุผลอยู่ด้วยกัน เจ็ด ประการ สำหรับการร้องไห้ นั้นคือ ความปราบปลื้มใจอย่างสุดขีด, สติวิปลาส, เจ็บปวดอย่างเหลือทน, ความสะพรึงกลัว, แกล้งร้อง, มึนเมา และเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ"

กะอับ อะหฺบัรฺ กล่าวว่า "ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ผู้ทรงกำชีวิตของฉันไว้ (ในอำนาจ) ของพระองค์ ฉันรักที่จะร้องไห้ในความเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ ดัวยกับน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มของฉัน มากกว่าที่่จะใช้จ่ายทองคำเท่าภูเขาไปในการกุศล"

มีคำกล่าวของบรรดาวลี และผู้ทรงคุณธรรมท่านอื่น ๆ ได้ชี้ให้เห็นว่า "การร้องไห้เพราะการเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ และต่อบาปกรรมของตนเองนั้น ย่อมมีผลและมีประโยชน์อย่างมากต่อการบรรลุถึงการยกระดับของจิตวิญญาณ ถึงอย่างไรเราก็ไม่ควรหมดหวังในอัลลอฮฺ ความเมตตาของพระองค์นั้นโอบอุ้มไปทั่ว"

ท่านอุมัร (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) กล่าวว่า "ถ้าจะมีการประกาศในวันตัดสินพิพากษาดังขึ้นว่า ทุกคนจะต้องไปสู่ขุมนรก ยกเว้นบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้น ความหวังของฉันที่มีต่อความเมตตาของอัลลอฮฺ จะทำให้ฉันบังเกิดความหวังขึ้นมาว่า ฉันอาจจะเป็นบุคคลผู้ที่ได้รับการเลือกนั้นก็ได้ อีกทีหนึ่ง ถ้าหากจะมีการประกาศในวัน (ตัดสินพิพากษา) นั้นว่า ทุกคนจะได้เข้าสวรรค์ ยกเว้นบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้น ความบาปของฉันจะทำให้ฉันกริ่งเกรงไปว่า ฉันอาจจะเป็นบุคคลที่ถูกประณามนั้นก็เป็นได้"

ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ว่า เราควรรวมเอาความกลัวและความหวังเข้าไว้ด้วยกันในหัวใจของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเวลาแห่งความตายกำลังคืบคลานเข้ามา เราควรมีความหวังมากกว่าความเกรงกลัว"

ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  กล่าวว่า "ไม่ควรมีผู้ใดในหมู่ของพวกเจ้าที่จะตาย เว้นแต่ด้วยกับความหวังอันแรงกล้าในความเมตตาของอัลลอฮฺ"

เมื่ออิหม่าม อะหฺมัด บิน ฮัมบาล ใกล้จะถึงแก่ความตาย ท่านได้เรียกลูกชายของท่านมา และขอให้เขาอ่านหะดีษ บทที่ว่าด้วยเรื่องของการส่งเสริมความหวังต่ออัลลอฮฺ และความเมตตาของพระองค์ให้ท่านฟัง"

สิ่งเหล่านี้ บรรดาชนรุ่นก่อนที่ได้กล่าวมา ย่อมแสดงให้เราเห็นว่า "พวกเขายำเกรงต่ออัลลอฮฺอย่างจริงจังและบริสุทธิ์ใจ พร้อมกันนั้น พวกเขาก็ร้องไห้ด้วยความเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺและความหวังต่อความเมตตาจากพระองค์"


((นี่คือต้นฉบับของแบบอย่างที่ดี ที่เราควรเอาเป็นแบบอย่าง))


ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
สเต๊ทโตสโครป
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Hantu

  • บุคคลทั่วไป
ห า ก ท่ า น อ ย า ก ร้ อ ง ไ ห้

จ ง ร้ อ ง ไ ห้ อ ย่ า ง ศรัทธาชน


ห า ก ท่ า น อ ย า ก จ ะ ตาย

จ ง ต า ย ด้ ว ย ร า ง วั ล แ ห่ ง สรวงสวรรค์...(ของอัลลอฮ)


ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

เตือนใจ...ด้วยหะดีษ


عن ابن عباس رضي الله عنهما قال ، قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : "نعمتان مغبون فيهما كثير من الناس الصحة والفراغ" رواه البخاري
 
จากอิบนิ อับบาส (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) กล่าวว่า ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า "คุณงามความดีสองชนิดที่มนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับ คือ ร่างกายปลอดโรคและเวลาว่าง" (บันทึกโดยบุคอรีย์)

สุขภาพร่างกายที่ปลอดโรคและเวลาว่าง คือ ความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่และรองจากอิสลาม อีหม่าน ที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานแก่มวลมนุษยชาติ แต่คนจำนวนมากละเลยไม่ให้ความสำคัญแก่คุณงามความดีทั้งสอง กระทั่งเมื่อสายไปแล้วจึงเห็นคุณค่าของทั้งสองนี้ เมื่อร่างกายยังแข็งแรง มีเวลาว่างผู้คนมักจะใช้เวลาว่างอย่างไร้ค่า อาจจะใช้บ้างก็เพียงการใช้เวลาไปในสิ่งที่ไร้สาระ และบางครั้งใช้เวลาไปในกิจกรรมแห่งความชั่ว เมื่อใดที่ประกอบคุณงามความดีหรืออิบาดะฮ์ จะรู้สึกหนักไม้หนักมือ ทั้ง ๆ ที่กิจกรรมความดีนั้น ไม่ต้องออกกำลังหรือใช้พลังมากมายอะไร และมิได้เป็นการงานที่ลำบาก กล่าวคือ การซิกรฺ หรือการอ่านอัลกุรอาน อาจปฏิบัติขณะทำงาน ขณะเดิน หรือขณะขับขี่รถยนต์ แต่ความเกียจคร้านเป็นภาวะที่ยากแก่การแก้ไข แต่ขณะเดิน ขณะทำงาน หรือขี่พาหนะ ต่างพากันสูบบุหรี่ หรือขณะขับขี่พาหนะต่างก็ฟังเพลง ฟังดนตรี ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว ทำให้มนุษย์ลืมอัลลอฮฺ ทั้ง ๆ ที่ขณะขับขี่ยวดยานพาหนะนั้นเป็นภาวะที่ใกล้ตายมาก เพราะเพียงเผลอเล็กน้อยเท่านั้น อาจจะเกิดอุบัติเหตุและมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ความจริงการเดินทางควรอย่างยิ่งที่จะขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ เพื่อให้ถึงเป้าหมายปลายทางโดยปลอดภัย

ชีวิตของผู้ไม่รู้คุณค่าความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ก็จะดำเนินไปเช่นนี้ กระทั่งเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยจนมิอาจจะลุกขึ้นได้ ร่างกายเริ่มอ่อนแอ จึงจะเพิ่งเริ่มเห็นคุณค่าความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ซึ่งจะพยายามปฏิบัติอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮฺ และจะพยายามละหมาด อ่านอัลกุรอาน ซิกรฺ และจะบนบานต่าง ๆ นานา เพื่อให้อัลลอฮฺทรงประทานเวลา และความเข้มแข็งอีกครั้ง แต่พระองค์จะไม่ทรงตอบรับการวิงวอนหรือบนบานใด ๆ ทั้งสิ้น ต่อบ่าวที่ไม่ให้ความสำคัญต่อภาวะร่างกายที่ยังแข็งแรงและมีเวลาว่างในการปฏิบัติอิบาดะฮ์ต่อพระองค์

ดังนั้น จงช่วงชิงโอกาส ณ บัดนี้ เวลานี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อัลลอฮฺทรงประทานเวลายังให้อยู่แก่เรา เพื่อใช้เวลาว่างยามสุขสบายแข็งแรงเป็นตัวเสริมสร้างความรู้สึกยำเกรงต่ออัลลอฮฺ แล้วจะไม่เสียใจในภายหลัง


((( น้ำตาที่บริสุทธิ์ คือ เกราะกำบังจากไฟนรก )))


ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

คำกล่าวของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)


ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้เรียกร้องความสนใจของเราไปสู่สี่สิ่ง และแนะนำให้เราปฏิบัติมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหล่านี้คือ การอ่านกะลีมะฮ์ฏ็อยยิบะฮ์ การอิสติฆฟารฺ วิงวอนขอสวนสวรรค์ และการแสวงหาความปลอดพ้นจากนรกญะฮันนัม

มันจะยากลำบากอะไรหนักหรือ ที่เราจะคงลิ้นไว้ให้อ่านอัลกุรอาน เศาะละวาต หรือ "ลาอิละฮะ อิลลัลลอฮฺ" ในขณะที่เรามีเวลาว่างหรือในขณะที่เรากำลังทำงานอาชีพของเราอยู่ ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า เราะมะฎอนนั้นเป็นเดือนแห่งการอดทน ด้ังนั้น ถ้าหากบุคคลใดต้องประสบกับความยุ่งยากอย่างหนัก ในขณะที่เขาถือศีลอด เขาก็ควรเผชิญมันด้วยความอดทน บุคคลหนึ่งไม่ควรบ่น เพราะบุคคลส่วนมากมักชอบบ่นเมื่อมันเป็นวันที่อากาศร้อนจัด ในทำนองเดียวกัน ถ้าหากความยากลำยากต้องประสบกับเราในระหว่างละหมาดตะรอวีหฺ เราก็ควรเผชิญมันด้วยความอดทน จงอย่าได้คิดไปว่ามันเป็นความหายนะ ให้กับเรื่องในทางโลก สละในเรื่องการกินและการดื่มทุกชนิดแล้ว เพื่อที่จะให้ได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ

ดังนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าความโปรดปรานของอัลลอฮฺ แล้วความยากลำบากเหล่านี้ จะมีความหมายอะไรกัน

ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้เคี่ยวเข็ญว่ามีสี่สิ่งที่ควรกระทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง ประการแรกการกล่าว กะลิมะฮ์ฎ็อยิบะฮ์

ในหนังสือมิซกาต อบูสะอี๊ด (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) ได้รายงานว่า ครั้งหนึ่งท่านนบีมูซา (อะลัยฮิสสลาม) ได้วิงวอนต่ออัลลอฮฺ เพื่อการประทานการขอดุอาอ์ที่พิเศษให้กับท่าน ซึ่งท่านสามารถรำลึกถึงอัลลอฮฺและขอต่อพระองค์ได้ ดังนั้น อัลลอฮฺจึงทรงบอกให้ท่านอ่านกะลิมะฮ์นี้ ท่านนบีมูซาจึงกล่าวว่า "โอ้อัลลอฮฺ คำพูดนี้ได้ถูกอ่านโดยข้าทาสทั้งมวลของพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะได้บทวิงวอนอันพิเศษสุด" อัลลอฮฺทรงตอบว่า "โอ้มูซา ถ้าหากเจ็ดชั้นฟ้าและแผ่นดินและสิ่งมีอยู่ทั้งหมด ยกเว้นตัวของข้า ถูกวางในตาชั่งข้างหนึ่ง และกะลีมะฮ์นี้วางอยู่ในตาชั่งอีกข้างหนึ่ง กะลีมะฮ์นี้จะมีน้ำหนักเหนือทุกสิ่ง"

และในอีกหะดีษหนึ่งมีกล่าวไว้ว่า ถ้าหากผู้ใดก็ตามที่เขาได้อ่านกะลีมะฮ์นี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ประตูแห่งสวนสวรรค์จะเปิดให้กับเขาในทันที และไม่มีสิ่งใดที่จะยับยั้งเขาจากการเข้าถึงบังลังก์แห่งอัลลอฮฺได้ "มีเพียงเงื่อนไขเดียวก็คือ ผู้อ่านจะต้องงดเว้นจากบาปใหญ่"

และต่อมาสิ่งที่ต้องอ่านให้มาก ๆ ก็คือ การอิสติฆฟารฺ มีหะดีษที่รายงานถึงคุณธรรมของการอิสติฆฟารฺ ในหะดีษหนึ่งพบว่า "ผู้ใดก็ตามที่กล่าวอิสติฆฟารฺมาก ๆ อัลลอฮฺจะทรงเปิดหนทางให้แก่เขาจากความยุ่งยากทั้งปวงและปลดเปลื้องเขาให้พ้นจากความทุกข์โศกทั้งหลาย ในทำนองเดียวกัน เขาจะได้รับริซกีจากแหล่งที่ไม่คาดฝัน"

ในหะดีษหนึ่ง จากท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า "มนุษย์ทุกคนนั้นมีบาป แต่ผู้ที่ทำบาปที่ดีที่สุด คือบรรดาผุ้ที่สำนึกผิดและแสวงหาการอภัยโทษ"

เมื่อมนุษย์คนหนึ่งทำบาป จุดดำจุดหนึ่งจะเกิดขึ้นในหัวใจของเขา แต่เมื่อเขาสำนึกผิด มันก็จะถูกชำระล้างไป ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นเช่นนั้น จุดดำก็จะคงอยู่ต่อไป


<< จงดุอาอ์ขอต่ออัลลอฮฺ ด้วยกับความบริสุทธิ์ใจ >>

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

ความเมตตาสงสาร


เดือน (เราะมะฎอน) นี้เป็นเดือนแห่งความเมตตาสงสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนยากจน ความเมตตาสงสารควรปฏิบัติให้เป็นนิสัย เช่น เมื่ออาหารวางอยู่สักหก เจ็ดอย่าง ควรแบ่งอาหารไว้สักหนึ่งหรือสองอย่างสำหรับคนยากคนและขัดสน เราไม่ควรลืมบุคคลดังกล่าวนั้นเลย ในการแสดงความเมตตาสงสารกับคนยากจนนั้น และในเรื่องอื่นก็เช่นกัน บรรดาเหล่าเศาะหาบะฮ์คือแบบอย่างที่ดี และในการนี้ย่อมเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องปฏิบัติตาม หรืออย่างน้อยก็พยายามปฏิบัติตามท่านเหล่านั้น ขอให้เรามองดูตัวอย่างต่อไปนี้

อบู ยะฮัม (เราะหฺมะตุลลอฮิอะลัยฮิ) ได้รายงานว่า "ในระหว่างสงครามยัรมูก ฉันได้ออกไปมองหลานชายของฉันพร้อมกับได้นำเอาถุงหนังจุน้ำไปด้วยถุงหนึ่ง เพื่อให้หลานชายของเขาดื่ม และเพื่อชำระล้างบาดแผลของเขา ถ้าหากพบว่าเขาได้รับบาดเจ็บและยังมีชีวิตอยู่ เขาได้พบหลานของเขานอนอยู่ท่านกลางหมู่ผู้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อฉันได้ถามเขาว่าต้องการน้ำดื่มบ้างไหม เขาบอกว่า เอา ในขณะนั้นมีบุคคลที่นอนอยู่ใกล้กับเขาร้องครวญครางขึ้นมา หลานชายของฉันได้ชี้ไปทางบุคคลนั้นเพื่อเป็นสัญญาณว่า ฉันควรเอาน้ำดื่มไปให้บุคคลผู้กระหายนั้นดื่มก่อน ฉันจึงเดินไปหาเขาและพบว่าเขาก็ต้องการดื่มน้ำเช่นกัน แต่ในขณะที่ฉันจะเอาน้ำให้เขาดื่ม บุคคลที่สามที่อยู่ใกล้กับเขาก็ร้องครวญครางขึ้นมาเช่นกัน บุคคลที่สองได้ชี้ไปยังบุคคลที่สาม เป็นเครื่องหมายว่า ฉันควรจะเอาน้ำไปให้บุคคลที่สามดื่มก่อน ฉันจึงไปยังบุคคลที่สาม แต่ก่อนที่จะให้เขาดื่มน้ำ เขาก็สิ้นใจตายไปเสียก่อนแล้ว จากนั้นฉันจึงย้อนกลับมายังบุคคลที่สองและก็พบว่าเขาก็ได้สิ้นใจไปแล้วเช่นกัน และเมื่อฉันกลับมายังหลานของฉัน เขาก็ได้กลายเป็นชะฮีดไปแล้วเช่นกัน"

นี่คือแบบอย่างของความเมตตาสงสารที่บรรพบุรุษของเรามีอยู่ ขออัลลอฮฺได้ทรงโปรดปรานกับพวกเราทั้งมวล และขอได้โปรดทรงให้เรามีความสามารถที่จะเจริญรอยตามพวกเขาทั้งหลายด้วยเถิด

ในอีกหะดีษบทหนึ่งมีกล่าวไว้ว่า "บุคคลใดก็ตามที่เลี้ยงดูผู้หิวโหย ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ตัวเปล่าเปลือย และให้ที่คุ้มภัยแก่ผู้เดินทาง อัลลอฮฺจะทรงให้เขาปลอดพ้นจากความหฤโหดของวันกิยามะฮ์ (วันสิ้นโลก)"

ยิ้งไปกว่านั้น ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวถึงคุณธรรมของการเลี้ยงอาหารแก่บุคคลผู้ถือศีลอดเมื่อถึงเวลาละศีลอด ในบทหะดีษหนึ่งมีรายงานว่า "สำหรับบุคคลที่เลี้ยงอาหารละศีลอดแก่ผู้ถือศีลอดจากเงินที่หะล้าลของเขา มลาอิกะฮ์จะแผ่ความเมตตา และในคืนลัยละตุลก็อดรฺ ญิบรีล (อะลัยฮิสสลามป จะมาสัมผัสมือกับเขา เครื่องหมายของสิ่งนั้นก็คือ หัวใจของเขาจะบังเกิดความอ่อนโยนในขณะที่น้ำตาได้ไหลรินออกจากดวงตาของเขาอย่างง่ายดาย"



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 16, 2010, 10:24 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
 salam

ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนความดีงามแก่ผู้นำเสนอคร้าบ
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ DadAm

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 106
  • เพศ: หญิง
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
 salam

ติดตามอ่านเรื่องต่อไปอยู่ค่ะบังอัสสะตูลีย์^^

บทความดีมากเลย
เพราะ..ทางที่เที่ยงตรง มีทางเดียว ทางเส้นนั้น คือ " อิสลาม"

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

วินาทีสุดท้าย...ที่ทุกคนต้องเจอ


ถ้าเราคนหนึ่งที่นอนรอความตาย เพื่อจะก้าวออกจากชีวิตแห่งโลกนี้ และจะไปสู่ประตูชีวิตแห่งโลกหน้า ท่านคนหนึ่งที่เคยหายใจปกติ แต่ทำไมวันนี้การหายใจจึงลำบากเหลือเกิน ข้าง ๆ กายของท่านในวันนั้นเต็มไปด้วยญาติพี่น้อง พวกเขามาทำอะไรกัน พวกเขามาด้วยกับความรัก ด้วยกับความสัมพันธ์ที่เคยมีอยู่ ด้วยความห่วงใย และพวกเขามาเพื่อที่จะเยี่ยมท่านเป็นครั้งสุดท้าย

ท่านคิดหรือไม่ว่า หัวอกของคนที่เป็นลูกที่กำลังจะสูญเสียคุณพ่อไป ความรู้สึกของเขาจะเป็นอย่างไร? แล้วความรู้สึกของภรรยาล่ะคนที่เคยอยู่เคียงบ่าเตียงไหล่กันมา แต่มาวันนี้ต้องมาจากกัน หัวใจของเขาจะต้องแบกรับกับความรู้สึกอันนี้อีกนานเท่าไหร่?

วันนั้นเป็นวันที่ลิ้นของท่านไม่สามารถพูดได้อีก วันนั้นท่านคงอยากจะทำอะไรต่อมิอะไร แต่ไม่สามารถกระทำมันได้ เพราะเวลาของท่านมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว และอีกไม่กี่นาทีท่านก็จะต้องกลับไปสู่ความเมตตาของพระองค์อัลลอฮฺแล้ว ไม่ดีหรือว่าสิ่งที่ท่านอยากทำในวันนั้น ท่านจงทำเสียแต่วันนี้ สิ่งที่ท่านอยากจะพูดในวันนั้น จะดีกว่าไหมถ้าท่านสามารถพูดในวันนี้ท่านก็จงพูดเถิด

แน่นอนการเป็นอยู่ของเราในวันนี้ย่อมมีความหวัง และผู้ที่มีอีหม่านต่ออัลลอฮฺ พวกเขาเหล่านั้นต้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยกับการยำเกรงต่ออัลลอฮฺ มาเถิดมาทำในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงใช้และละเว้นจากสิ่งที่อัลลอฮฺทรงห้าม จงสำนึกผิดในวันนี้และจงหลั่งน้ำตาเถิด "เพราะน้ำตาแห่งความหวังคือการอภัยโทษจากพระองค์อัลลอฮฺ"

และยิ่งไปกว่านััน เดือนเราะมะฎอนเป็นเดือนที่ผู้ศรัทธาต้องการแสวงหาความพึงพอพระทัยจากพระองค์อัลลอฮฺ และเป็นเดือนที่แก้มของผู้ที่ยำเกรงต้องมีรอยน้ำตา เพราะผู้ที่อีหม่านอย่างแท้จริง เขามองตัวเองว่าเขานั้นมีความผิด แต่ตรงกันข้ามกับผู้ที่ขาดศรัทธาถึงแม้ว่าเขาทำบาปสักขนาดไหน เขาจะไม่เห็นความผิด เขาจะไม่สำนึกว่าเขาจะมีบาปแค่ไหน นี่คือสภาพผู้ที่ขาดศรัทธา

เราเคยได้ยินไหมว่า "เดือนเราะมะฎอนปีนี้อาจจะเป็นปีสุดท้ายของเราก็ได้" ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราจะต้องใช้เวลาที่เหลือของเดือนนี้ไปอย่างไร เราจะปล่อยให้มันผ่านไปโดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลยกระนั้นหรือ?! สำหรับผู้ที่ศรัทธาต่อวันแห่งการสอบสวน พวกเขาจะขวนขวายและจะแสวงหาซึ่งความพึงพอพระทัยจากพระองค์อัลลอฮฺ เขาจะไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยที่เขามิได้รำลึกถึงอัลลอฮฺ นี้นับเป็นโอกาสดีสำหรับเขาเราแล้วที่อัลลอฮฺทรงไว้ชีวิตเราให้อยู่ถึงเดือนเราะมะฎอนปีนี้

รายงานจากอิบนิอับบาส (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) ได้กล่าวว่า "ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) นั้น ใจบุญที่สุดในหมู่มนุษย์ และปรากฏว่า ท่านจะใจบุญที่สุดในเดือนเราะมะฎอน ขณะที่ญิบรีลมาหาท่าน เขาจะมาพบท่านนบีเป็นประจำทุกคืนของเดือนเราะมะฎอน แล้วเขาจะอ่านอัลกุรอานกับท่านนบี และแน่นอน ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) นั้น รีบทำความดี (เร็ว) ยิ่งกว่าลมเสียอีก"



(((ความหวังจะอยู่ตราบยังมีลมหายใจ ถ้ายังมีลมหายใจ จะต้องไม่มีคำว่ายอมแพ้ เธออย่าดูถูกตัวเอง อย่ามองข้ามคุณค่าของตัวเธอเอง เพราะเธอคือเพชรเม็ดที่งามที่สุด)))
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 26, 2010, 04:40 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

ดุอาอ์สำหรับผู้ยำเกรง


"โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพเจ้า ขอพระองค์ทรงเมตตาสงสารข้าพเจ้าด้วยเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้เลิกจากความชั่วทั้งหมด ตลอดชั่วระยะเวลาที่พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าได้มีชีวิตอยู่ ขอพระองค์ได้ทรงโปรดเมตตาสงสารข้าพเจ้าด้วยเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้หลีกห่างจากการที่จะดิ้นรนในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้า ขอพระองค์ได้ทรงเมตตาประทานให้ข้าพเจ้าได้รับความสุขด้วยการมองในสิ่งที่พระองค์ทรงพอพระทัยทั้งในตัวข้าพเจ้า ข้าแด่พระองค์ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน พระองค์ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงเกียรติที่ไม่สลาย โอ้ข้าแด่พระองค์อัลลอฮฺ ข้าแด่พระผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอ ข้าพเจ้าขอต่อความยิ่งใหญ่ของพระองค์

โอ้อัลลอฮฺ ได้โปรดทรงแบ่งปันให้แก่เรา ซึ่งความเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺอันจะเป็นสิ่งกั้นขวางเราจากการฝ่าฝืนต่อพระองค์ และการภักดีต่ออัลลอฮฺ ที่จะนำเราไปสู่สวนสวรรค์ของพระองค์ และความศรัทธามั่นอันจะทำให้เราผ่านพ้นบททดสอบต่าง ๆ ในโลกดุนยาไปได้ และโปรดทรงให้เราได้มีความสุขด้วยการได้ยินของเรา และการมองเห็นของเรา และพละกำลังของเรา อันเป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงทำให้เราได้มีชีวิตอยู่ และโปรดทรงให้มันเป็นประโยชน์แก่เรา หลังจากที่เราได้ตายไปแล้ว

และโปรดทรงให้การตอบโต้ของเราประสบแก่ผู้ที่อธรรมต่อเรา และโปรดทรงช่วยเหลือเราในการจัดการกับผู้ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเรา และโปรดทรงอย่าให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นกับศาสนาของเรา และโปรดทรงอย่าให้โลกดุนยาเป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ของเรา และโปรดอย่าให้มันเป็นที่สุดของความรู้ของเรา และโปรดอย่าให้ผู้ที่ไม่มีความเมตตาต่อเรามีอำนาจเหนือเราเลย" (จากอัลหะดีษ รายงานจากอิบนุอุมัร (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) บันทึกโดยอัตติรมีซีย์)

และมีรายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ บุตรของท่านอบีเอาฟาฮฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) ว่า ท่านเราะซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า "ผู้ใดที่มีความจำเป็นเกี่ยวกับเรื่องของอัลลอฮฺ หรือความต้องการเกี่ยวกับลูกลูกอาดัม (มนุษย์) เขาจงทำน้ำละหมาดโดยสมบูรณ์ แล้วละหมาดสองร็อกอะฮ์ แล้วกล่าวสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ แล้วเศาะลาวาตให้แด่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และควรกล่าวว่า

لَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ الْحَلِيْمُ الْكَرِيْمُ سُبْحَانَ اللهِ رَبِّ الْعَرْشِ الْعَظِيْمِ اَلْحَمْدُ لِلَّهِ رَبَّ الْعَالَمِيْنَ أَسْأَلُكَ مُوْجِبَاتِ رَحْمَتِكَ وَعَزَائِمَ مَغْفِرَتِكَ وَالْغَنِيْمَةَ مِنْ كُلِّ بِرٍّ وَالسَّلَمَةَ مِنْ كُلِّ إِثْمٍ لَا تَدَعْ لِيْ ذَنْبًا إِلَّا غَفَرْتَهُ وَلَا هَمَّا إِلَّا فَرَجْتَهُ وَلَا حَاجَةً هِيَ لَكَ رِضًا إِلَّا قَضَيْتَهَا يَا أَرْحَمَ الرَّاحِمِيْنَ

ความว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ ผู้ทรงอารีเมตตาเสมอ มหาบริสุทธิ์ พระองค์ทรงปกครองอรัชอันยิ่งใหญ่ การสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลจักรวาล ข้าขอวิงวอนสู่จุดแห่งการได้รับความเมตตาจากพระองค์ และสู่ความหวังในความโปรดปรานจากพระองค์ และขอให้มีผลกำไรในความดีงาม ตลอดจนปลอดภัยจากบาปโทษด้วย ขอพระองค์อย่าได้ทรงทิ้งความชั่วไว้ให้ข้าพเจ้าเลย ล้วนแล้วแต่พระองค์คงทรงอภัยให้ และได้โปรดอย่าทรงทิ้งความทุกข์อันใด นอกจากรพระองค์จะทรงเปิดช่องทางให้ และไม่มีความประสงค์อันใดที่พระองค์ทรงพอพระทัยแล้ว นอกจากพระองค์จะทรงให้ผลสำเร็จ โอ้ผู้ทรงเมตตายิ่ง ผู้ทรงกรุณายิ่ง"


 

GoogleTagged