salam
ใช่แล้วครับน้องอัลฟาตอนีย์ หากเราจะโต้ชีอะฮ์ก็ต้องไปศึกษาจากตำราชีอะฮ์ หากเราจะโต้วิจารณ์วะฮาบีก็ต้องไปศึกษาจากตำราต่าง ๆ ที่อุลามาอฺวะฮาบีได้ประพันธ์ได้สอนกันเอาไว้ เฉกเช่นเดียวกัน หากผู้ใดที่ต้องการจะวิจารณ์แนวทางของซูฟีย์ ก็เขาต้องไปศึกษาจากตำราต้นฉบับของปราชญ์ซูฟีย์อย่างแท้จริง ไม่ใช่ไปอ่านจากหนังสือแปลมาเป็นไทย มาจากภาษาอังกฤษ ความรู้ที่เขามีต่อซูฟีย์ คือรู้ด้วยการอ่าน ไม่ใช่ด้วยการร่ำเรียนโดยตรง ความวิบัติย่อมบังเกิดครับ แม้จะเรียนถึงระดับด็อกเตอร์ก็ตาม หากไม่ได้เรียนโดยตรง เขาก็รู้ไม่จริง
ต่อมาคนที่ชอบอ่านหนังสือชอบค้นคว้า ต้องการที่จะวิจารณ์ซูฟีย์ สิ่งที่เขาทำได้ก็คือ ไปอ่านจากตำราภาษาไทยที่ไม่ใช่ต้นฉบับจากตำราอุลามาอฺซูฟีย์แห่งอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ความคลาดเคลื่อนย่อมเกิดขึ้นอย่างมิต้องสงสัย ยิ่งผู้รู้ที่ไม่เรียนวิชาเกี่ยวกับตะเซาวุฟ แต่ข้ามขั้นไปค้นคว้าตำราที่วิจารณ์ซูฟีย์แบบอคติ ความรู้หรือทัศนะคติที่เขามีต่อซูฟีย์ ก็จะมีความเข้าใจเบี่ยงเบน กล่าวหาไปทั่วเลยทีเดียว วัลอิยาซุบิลลาฮ์
วัลลอฮุอะลัม
เพิ่มเติมจากที่บังอัลฯ กล่าวข้าวต้นนี้ก็คือ เนื่องจากวิชาตศ็อววุฟนั้น เป็นวิชาที่ลึกซึ้งมาก ถือเป็นที่วิชาหนึ่ง หรือวิชาต้นๆ ก็ว่าได้ ที่มีความยากที่สุดในบรรดาวิชาทั้งหลายของอิสลาม และผู้ที่เรียนวิชานี้ อย่างน้อยที่สุดนั้น เขาจะต้องมีพื้นฐานในเรื่องอกีดะฮ์และชรีอะฮ์ที่เข้มแข็งในระดับหนึ่งมาพอสมควรแล้ว เพราะถ้าหากเขายังไม่มีความเข้าใจในสองวิชาข้างต้น สำหรับบางเขาอาจจะยังไม่มีสิทธิเรียนวิชาตศ็อววุฟ หรือหากอนุญาต ก็จะต้องเป็นตศ็อวฺวุฟขั้นต้นเท่านั้น หรือที่เราเรียกว่า วิชาอัคลาก นั่นเอง
ผมสังเกตุเห็นงานวิจัยและวิทยานิพนธ์หลายเล่มที่ออกมา (โดยเฉพาะวิทยานิพนท์ที่ผ่านการตรวจขององค์กรการอิสลามศึกษาหนึ่งใน จ.ปัตตานีนั้น) ที่วิจารณ์อกีดะฮ์ของอชาอิเราะฮ์ และรวมไปถึงนักศูฟีย์บางท่านนั้น ผมเชื่ออย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า แทบทุกคนนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตศ็อวฺวุฟ หรือศูฟีย์ที่แท้จริงคืออะไร คุณประโยชน์อันมหาศาลของวิชานี้มีอะไรบ้าง มันมีบทบาทต่อสังคมและปัจเจกบุคคลอย่างไร แต่ทว่าส่วนใหญ่ มักจะแสดงถึงความแปลกที่มีอยู่ในตัวเขา นั่นก็คือ พูด หรือตำหนิในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ซ้ำยังวิจารณ์นั้นแต่ด้านลบของสิ่งนั้น โดยเอามาตรฐานทางความรู้ที่ตนเลื่อมใสมาเป็นเกณฑ์ ผมว่า ต่อให้วิจารณ์ออกมาเป็นหนังสือกี่สิบเล่ม มันก็ไม่มีค่าใดๆ ที่จะชวนให้มาใส่ใจต่องานวิจัยนั้น เพราะมันหาประโยชน์ไม่ได้เลย
มีอยู่หลายครั้ง ที่ผมลองกระทำดังต่อไปนี้คือ เมื่อหนังสือเล่มหนึ่ง ผมจะดูที่ผู้แต่ง องค์กรที่ผู้เขียนนั้นสังกัดอยู่ จากนั้น อ่านหัวข้อหลักจากสารบัญ แล้วปิดหนังสือ จากนั้นก็ลองเดาว่าเนื้อหาจะเป็นอย่างไร ผลปรากฏก็คือว่า มันไม่น่าเชื่อ ที่การเดามักจะถูก ซ้ำยังอ่านประโยคแรก มันก็พอจะนึกภาพในประโยคถัดไปได้ ผมไม่ได้มีความสามารถรับรู้อะไรที่เกินญาณวิสัยหรอกครับ แต่เนื่องจากการอ้างอิงข้อมูลที่คัดลอกต่อๆ กันมา พร้อมทั้งการวิจารณ์ที่ออกไปในทิศทางเดียว โดยไม่ผิดเพี้ยนใดๆ ถึงต่างก็แค่ต่างที่สำนวนภาษาเท่านั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอลัยกุม