มีทางแก้คือ ให้ อ.อัซอารี กลับไทยแล้วเผยแพร่แนวทางอะลิสซุนนะเชิงรุก อย่างวะฮาบี
ในสังคมจริง วะฮาบีมีน้อย แต่ด้วยการเผยแพร่ของพวกเขา พวกเราดูเหมือนเป็นชนกลุ่มน้อยไปเลย
อุลามาอฺมักกะฮ์ในอดีตภาคกลางของประเทศไทยที่เคยทำการสอนในมัสยิดฮะรอม คือ ชัยค์มุศตอฟา (บังอัลอัซฮะรีเขาเรียกท่านว่า แชฟา เพราะเป็นบรรพบุรุษตระกูลของบังอัลอัซฮะรี) ซึ่งเป็นบิดาของจุฬาฯ แช่ม พรหมณ์ยง (ชัมชุดดีน มุศตอฟา) ซึ่งชัยค์มุศตอฟาท่านนี้ เคยกลับมาเมืองไทย มาอาศัยที่ ปากลัด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หลังจากนั้นท่านก็กลับไปสอนที่มักกะฮ์มัสยิดฮะรอมและเสียชีวิตที่นั่น กล่าวกันว่า ชัยค์มุสตอฟาท่านนี้ คือ 1 ใน 2 แห่งอุลามาอฺเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความโด่งดังคู่กับชัยค์ โต๊ะกันนาลีในยุคนั้น
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่บรรพบุรุษที่มีความรู้เป็นอุลามาอฺคนไทยท่านหนึ่งได้สอนในมัสยิดฮะรอมได้เคยแต่งหนังสือโต้วะฮาบี แล้วมีลูกหลานของท่านในยุคต่อมาทำการโต้วะฮาบี เฉกเช่น บังอัลอัซฮะรีย์
ขอนอกเรื่องนิดส์นึง
ได้ยินมาหลายทีแล้วว่า บังอัลอัซ-ฮารี เป็นลูกหลานชาวปากลัด
แต่ก็ยังไม่รู้ซะทีว่าตกลงท่านคือใครกันแน่
เพราะเราเอง ก็เป็นเด็กปากลัด แต่ยังนึกไม่ออกว่า ใครแถวนั้นไปเรียนไคโร
ถ้าบังยินดีจะเปิดเผย ก็ช่วยสงเคราะห์ให้หายคาใจซะทีเถอะ