ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2  (อ่าน 5257 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« เมื่อ: ส.ค. 30, 2009, 01:17 PM »
0

 salam ผมคิดว่าหลายคนไม่เข้าใจคำถามไม่เคลียไม่เลิก ของผมหรือผมเขียนจนอ่านไม่เข้าใจกัน เอาอย่างนี้แล้วกัน
จงเลือกข้อที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว พร้อมกับการอะิบายอย่างละเอียดจนเข้้าใจ  (ถ้าเยอะ แต่ไม่เข้าใจ ห้ามเด็ดขาด ขี้เกียจอ่าน)
1  นาย ก ต้องการละหมาดตะรอเวะ 8 รอกาอัตเป็นมะมูม  แต่อีหมำละหมาดตารอเวะ 20 รอกาอัต  เมื่อนาย ก  ละหมาดครบ 8 รอกาอัต เขาละหมาด วิตริ อีก สาม รอกาอัต เสร็จก็กลับบ้าน  เพราะยึดหลักฐานที่บอกว่า ละหมาดตารอเวะ 8  หรือ 20 ได้ทั้งนั้น

2 นาย ข  ละหมาดตารอเวะคนเดียว 8 รอกาอัต ไม่ต้องการละหมาด 20 ที่มุมหนึ่งของมัสยิด  ขณะเดียวกันอีหมำและมะมูม ละหมาด 20 รอกาอัต ซึ่งไม่หากจากนาย ข มากนัก เพราะกลัวว่าถ้าละหมาดตามอีหมำต้องละหมาด 20 จะเข้าข่ายฮาดิษที่ว่า ผู้ที่ละหมาดจนเส็จพร้อมอีหมำ การทำดีของเขาถูกบันทึกไว้แน่นอน

3  นาย ค ละหมาดตารอเวะคนเดียว 8 รอกาอัต ที่บ้านซึ่งอยู่ติดมัสยิด ไม่ต้องการละหมาด 20    ขณะเดียวกันอีหมำและมะมูม ละหมาด 20 รอกาอัต ซึ่งไม่หากจากนาย ข มากนัก เพราะกลัวว่าถ้าละหมาดตามอีหมำต้องละหมาด 20จะเข้าข่ายฮาดิษที่ว่า ผู้ที่ละหมาดจนเส็จพร้อมอีหมำ การทำดีของเขาถูกบันทึกไว้แน่นอน

ช่วยตอบให้ตรงประเด็นหน่อยครับ 
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ส.ค. 30, 2009, 01:39 PM »
0
salam ผมคิดว่าหลายคนไม่เข้าใจคำถามไม่เคลียไม่เลิก ของผมหรือผมเขียนจนอ่านไม่เข้าใจกัน เอาอย่างนี้แล้วกัน
จงเลือกข้อที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว พร้อมกับการอะิบายอย่างละเอียดจนเข้้าใจ  (ถ้าเยอะ แต่ไม่เข้าใจ ห้ามเด็ดขาด ขี้เกียจอ่าน)


ช่วยตอบให้ตรงประเด็นหน่อยครับ 

ถ้าเยอะแล้วขี้เกียจอ่าน จะเข้าใจได้งัย?

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ส.ค. 30, 2009, 02:06 PM »
0
salam ผมคิดว่าหลายคนไม่เข้าใจคำถามไม่เคลียไม่เลิก ของผมหรือผมเขียนจนอ่านไม่เข้าใจกัน เอาอย่างนี้แล้วกัน
จงเลือกข้อที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว พร้อมกับการอะิบายอย่างละเอียดจนเข้้าใจ  (ถ้าเยอะ แต่ไม่เข้าใจ ห้ามเด็ดขาด ขี้เกียจอ่าน)
1  นาย ก ต้องการละหมาดตะรอเวะ 8 รอกาอัตเป็นมะมูม  แต่อีหมำละหมาดตารอเวะ 20 รอกาอัต  เมื่อนาย ก  ละหมาดครบ 8 รอกาอัต เขาละหมาด วิตริ อีก สาม รอกาอัต เสร็จก็กลับบ้าน  เพราะยึดหลักฐานที่บอกว่า ละหมาดตารอเวะ 8  หรือ 20 ได้ทั้งนั้น

2 นาย ข  ละหมาดตารอเวะคนเดียว 8 รอกาอัต ไม่ต้องการละหมาด 20 ที่มุมหนึ่งของมัสยิด  ขณะเดียวกันอีหมำและมะมูม ละหมาด 20 รอกาอัต ซึ่งไม่หากจากนาย ข มากนัก เพราะกลัวว่าถ้าละหมาดตามอีหมำต้องละหมาด 20 จะเข้าข่ายฮาดิษที่ว่า ผู้ที่ละหมาดจนเส็จพร้อมอีหมำ การทำดีของเขาถูกบันทึกไว้แน่นอน

3  นาย ค ละหมาดตารอเวะคนเดียว 8 รอกาอัต ที่บ้านซึ่งอยู่ติดมัสยิด ไม่ต้องการละหมาด 20    ขณะเดียวกันอีหมำและมะมูม ละหมาด 20 รอกาอัต ซึ่งไม่หากจากนาย ข มากนัก เพราะกลัวว่าถ้าละหมาดตามอีหมำต้องละหมาด 20จะเข้าข่ายฮาดิษที่ว่า ผู้ที่ละหมาดจนเส็จพร้อมอีหมำ การทำดีของเขาถูกบันทึกไว้แน่นอน

ช่วยตอบให้ตรงประเด็นหน่อยครับ 

 salam

ถ้าจะเอาอย่างที่ว่าคงต้องทำงี้

4 ร่อกะอัตแรก ตามอิหม่าม เราเนียต ละหมาดสุนัตธรรมดา

8 ร่อกะอัตต่อมา ตามอิหม่าม เราเนียตละหมาดตะรอวีฮฺ

11 ร่อกะอัตที่เหลือ ตามอิหม่าม เราเนียตละหมาดวิตรฺ


23 ร่อกะอัตพอดีเลิกพร้อมอิหม่าม


ว่าแต่ว่าจาก  "ฮาดิษที่ว่า ผู้ที่ละหมาดจนเส็จพร้อมอีหมำ การทำดีของเขาถูกบันทึกไว้แน่นอน"  อย่างนี้ผู้ที่เป็นอิหมามจะได้ตามหะดีษนี้หรือปล่าวล่ะครับ เพราะหะดีษไม่ได้บอกถึงอิหม่าม  ;D





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 30, 2009, 03:17 PM โดย Deeneeyah »

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ส.ค. 30, 2009, 03:58 PM »
0
หมายถึงมะมูมต้องการตารอวิ 8 วิตริ 3 ครับ
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ส.ค. 31, 2009, 04:32 AM »
0
สุดยอดเลยบังดีนียัฮ เป็นทางออกที่ดีมาก คิดได้ไง
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ อัล-อุม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ส.ค. 31, 2009, 04:30 PM »
0
ละหมาดตรอเวียะแปดแบบตายตัวและเชื่อว่าท่านนบีกระทำแค่แปดรอกาอัตนั้นไม่มีหลักฐานหรอกครับ คุณ แอนตี้  บิดอะฮาซานะ yippy:


ทำไมคุณไม่ตามบรรดาคอลีฟะอัรรอซีดีนละครับ  ท่านนบีก็ใช้นี่คับ

ใครเจาะจงละหมาดแปดอย่างเดียวและคิดว่าท่านนบีกระทำแค่นี้ถือว่า ผิดแล้วคับ cool2:


ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ส.ค. 31, 2009, 05:57 PM »
0
ละหมาดตรอเวียะแปดแบบตายตัวและเชื่อว่าท่านนบีกระทำแค่แปดรอกาอัตนั้นไม่มีหลักฐานหรอกครับ คุณ แอนตี้  บิดอะฮาซานะ yippy:


ทำไมคุณไม่ตามบรรดาคอลีฟะอัรรอซีดีนละครับ  ท่านนบีก็ใช้นี่คับ

ใครเจาะจงละหมาดแปดอย่างเดียวและคิดว่าท่านนบีกระทำแค่นี้ถือว่า ผิดแล้วคับ cool2:



ไม่ได้เข้าเสวนาซะนานเชียว มาเจอแบบนี้ ก็ต้องขอชี้แจง เพราะมากล่าวหาว่า การละหมาดตะรอเวียะห์ 11 รอกาอัต ไม่มีหลักฐานจากนบี


      คำว่า “นมาซตะรอเวี๊ยะห์” ซึ่งพวกเราใช้เรียกการนมาซยามค่ำคืนของเดือนรอมะฎอนในปัจจุบันนี้นั้น เป็นคำศัพท์ที่นักวิชาการยุคหลังได้กำหนดหรือบัญญัติขึ้นมา เพื่อใช้เรียกการนมาซดังกล่าวให้สอดคล้องกับการปฏิบัติที่นิยมกระทำกันในยุคหนึ่งที่นครมักกะฮ์ ...
เพราะในทุกๆ 4 ร็อกอะฮ์ของการนมาซนี้จะมีการ “หยุดพัก” กัน 1 ครั้ง เพื่อไปฏอว้าฟบัยตุ้ลลอฮ์ ...
       การหยุดพักนี้ ชาวอาหรับจะเรียกว่า “ตัรฺวีหะฮ์” ซึ่งมีพหูหจน์เป็นคำว่า “ตะรอเวี๊ยะห์” ดังที่พวกเราและมุสลิมทั่วโลกใช้เรียกนมาซนี้กันอยู่ ...
แต่ในสมัยของท่านศาสดามุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม,  สมัยของเศาะหาบะฮ์,  สมัยของตาบิอีน เป็นต้น จะเรียกการนมาซนี้ว่า กิยามุรอมะฎอน หรือกิยามุ้ลลัยล์ หรือศ่อลาตุ้ลลัยล์ .. อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังมีปรากฏในหะดีษหลายบทที่กล่าวถึงการนมาซนี้ ...
ตัวอย่างเช่น ...
       1. คำว่า “กิยามุรอมะฎอน” .. ท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
              مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيْمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَلَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ
“ผู้ใดยืน(นมาซยามค่ำคืน)ในเดือนรอมะฎอน ด้วยความศรัทธาและแสวงหาผลบุญจากอัลลอฮ์ เขาก็จะถูกอภัยโทษให้ในบาป(เล็ก)ของเขาที่ผ่านมาแล้ว”
(บันทึกโดย ท่านบุคอรีย์,  ท่านมุสลิมและท่านอื่นๆ โดยรายงานมาจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ร.ฎ.) ...
คำว่า قَامَ رَمَضَانَ กับคำว่า قِيَامُ رَمَضَانَ มีที่มาจากรากศัพท์เดียวกันและมีความหมายอย่างเดียวกัน .. คือ การยืนนมาซยามค่ำคืนในเดือนรอมะฎอน ...
        2. คำว่า “กิยามุ้ลลัยล์” .. (แปลว่า ยืนนมาซยามค่ำคืน) มีบันทึกในหะดีษหลายบทด้วยกัน  ตัวอย่างเช่นหะดีษบทหนึ่งจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ.ที่กล่าวว่า ...
           لاَ تَدَعْ قِيَامَ اللَّيْلِ! فَإِنَّ رَسُوْلَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لاَ يَدَعُهُ .....
“ท่านอย่าละทิ้งการยืน(นมาซ)ในยามค่ำคืนเป็นอันขาด เพราะท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมไม่เคยละทิ้งมัน ......”
(บันทึกโดยท่านอิหม่ามอะห์มัด เล่มที่ 6 หน้า 249) ...
        3. คำว่า “ศ่อลาตุ้ลลัยล์” .. (แปลว่า นมาซยามค่ำคืนเช่นเดียวกัน) .. ท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ...
                                صَلاَةُ اللَّيْلِ مَثْنىَ مَثْنىَ
“การนมาซยามค่ำคืนนั้น ให้ทำทีละสองร็อกอะฮ์, ทีละสองร็อกอะฮ์” ...
(บันทึกโดยท่านบุคอรีย์,  ท่านมุสลิม,  ท่านอิหม่ามมาลิก,  ท่านอบูอะวานะฮ์ โดยรายงานจากท่านอิบนุอุมัรฺ ร.ฎ.) ... 

          สรุปแล้ว คำว่า “นมาซตะรอเวี๊ยะห์” ดังที่รู้จักกันแพร่หลายในปัจจุบัน จึงไม่เป็นที่รู้จักหรือเรียกกันในยุคของท่านศาสดา,  ยุคของเศาะหาบะฮ์หรือยุคของตาบิอีนแต่อย่างใด ...
          ผมไม่เคยเจอหลักฐานใดที่รายงานว่า คำว่า “นมาซตะรอเวี๊ยะห์” นี้เกิดขึ้นมาในสมัยใด และนักวิชาการท่านใดเป็นผู้บัญญัติคำศัพท์นี้ขึ้นมาเพื่อใช้เรียกการนมาซยามค่ำคืนของเดือนรอมะฎอนแทนการเรียกว่า กิยามุรอมะฎอน หรือศ่อลาตุ้ลลัยล์ ดังในสมัยของท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม .. แต่เท่าที่ทราบก็คือในสมัยของท่านบุคอรีย์ (มีชีวิตระหว่างปี ฮ.ศ. 194-256) คำๆนี้ก็เป็นที่รู้จักกันแล้ว .. ดังจะเห็นได้จากการที่ท่าน บุคอรีย์ได้ตั้งชื่อเรื่องในหนังสือหะดีษ “อัศ-เศาะเหี๊ยะฮ์” ของท่านบทหนึ่งด้วยคำว่า ..   
           كِتَابُ صَلاَةِ التَّرَاوِيْحِ  : (กิตาบ ศ่อลาติต-ตะรอเวี๊ยะห์) ...


          ท่านอบูสะละมะฮ์ บินอับดุรฺเราะห์มาน ได้กล่าวถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ รฺ.ฎ.ว่า ...
             كَيْفَ كَانَتْ صَلاَةُ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِىْ رَمَضَانَ؟
“ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้นมาซอย่างไรในเดือนรอมะฎอน?” .. ซึ่งท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. ก็กล่าวตอบว่า ...
    مَا كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَزِيْدُ فِىْ رَمَضَانَ وَلاَ فِىْ غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً .........
“ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยนมาซ – ไม่ว่าในเดือนรอมะฎอนหรือมิใช่เดือนรอมะฎอน – เกินกว่า 11 ร็อกอะฮ์ .......................”
(บันทึกโดยท่านบุคอรีย์, ท่านมุสลิม, ท่านอิหม่ามมาลิก, ท่านอบูดาวูด, ท่านอัน-นะซาอีย์, ท่านอะห์มัด, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอัล-บัยฮะกีย์, และท่านอบู อะวานะฮ์)
หะดีษบทนี้เป็นหะดีษเศาะเหี๊ยะฮ์โดยปราศจากข้อโต้แย้ง ...   

จากคำถามและคำตอบข้างต้นระหว่างท่านอบูสะละมะฮ์และท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. มีข้อที่น่าสังเกตอยู่ 3 ประการคือ ...

         1. ท่านอบูสะละมะฮ์ได้ถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. ถึงเรื่องการนมาซของท่านรอซุ้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมในเดือนรอมะฎอนโดยเฉพาะ ซึ่งตามรูปการณ์แล้วก็คือ เป็นการถามเรื่องนมาซที่เราเรียกกันในปัจจุบันว่า นมาซตะรอเวี๊ยะห์ นั่นเอง ...
แล้วท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. ก็ตอบว่า ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยนมาซเกิน 11 ร็อกอะฮ์ ...
ท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์ได้กล่าวในหนังสือ “ฟัตหุ้ลบารีย์” อันเป็นหนังสืออธิบายหะดีษบุคอรีย์ เล่มที่ 4 หน้า 254 ว่า ...
   وَأَمَّامَارَوَاهُ ابْنُ أَبِىْ شَيْبَةَ مِنْ حَدِيْثِ ابْنِ عَبَّاسٍ ((كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُصَلِّىْ فِىْ رَمَضَانَ عِشْرِيْنَ رَكْعَةً وَالْوِتْرَ)) فَإِسْنَادُهُ ضَعِيْفٌ!   وَقَدْ عَارَضَهُ حَدِيْثُ عَائِشَةَ هَذَا الَّذِىْ فِى الصَّحِيْحَيْنِ مَعَ كَوْنِهَا أَعْلَمَ بِحَالِ النَّبِىِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَيْلاً مِنْ غَيْرِهَا وَاللهُ أَعْلَمُ
“อนึ่ง สิ่งที่ท่านอิบนุอบีย์ชัยบะฮ์ได้รายงานมาจากหะดีษของท่านอิบนุอับบาส ร.ฎ. ว่า ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมได้นมาซในเดือนรอมะฎอน 20 ร็อกอะฮ์และนมาซวิตรี่นั้น สายรายงานของหะดีษนี้ เฎาะอีฟ! .. และแน่นอน มันยังขัดแย้งกับหะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ.บทนี้จากการบันทึกที่ถูกต้องทั้งสอง (คือท่านบุคอรีย์และท่านมุสลิม) ซึ่งข้อเท็จจริงก็คือ ท่านหญิงอาอิชะฮ์ย่อมรู้ดีกว่าผู้อื่นถึงสภาพ(หมายถึงการนมาซและเรื่องอื่นๆ)ของท่านนบีย์ในยามค่ำคืน วัลลอฮุ อะอฺลัม” ...
(หะดีษของท่านอิบนุอับบาส ร.ฎ. จากการบันทึกของท่านอิบนุอบีย์ชัยบะฮ์ ดังที่ท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์อ้างถึงนั้น  ผมจะนำรายละเอียดมาวิเคราะห์อีกครั้งในตอนหลัง อินชาอัลลอฮ์) ... 

        2. นมาซที่ท่านนบีย์ปฏิบัติไม่เกิน 11 ร็อกอะฮ์ดังคำตอบของท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ.  มิได้หมายถึงนมาซสุนัตมุฏลัก .. ดังความเข้าใจของกลุ่มครูฟัรฺฎูอีน ...
ทั้งนี้เพราะไม่เคยปรากฏว่าจะมีนักวิชาการหะดีษท่านใด ไม่ว่าท่านบุคอรีย์,  ท่านมุสลิม,  ท่านอบูดาวูด,  ท่านอัน-นะซาอีย์,  ท่านอัต-ติรฺมีซีย์,  ท่านอัล-บัยฮะกีย์ เป็นต้น จะนำเอาหะดีษบทนี้ไปบันทึกไว้ในเรื่อง “นมาซสุนัตมุฏลัก” แม้แต่ท่านเดียว ...
ตรงกันข้ามพวกท่านได้นำเอาหะดีษเรื่องการนมาซ 11 ร็อกอะฮ์นี้ไปบันทึกไว้ในเรื่องนมาซตะรอเวี๊ยะห์บ้าง  นมาซตะฮัจญุดบ้าง,  กิยามุรอมะฎอนบ้าง,  ศ่อลาตุ้ลลัยล์บ้าง,  นมาซวิตรี่บ้าง .. ดังจะถึงต่อไป ...
เพราะฉะนั้น นมาซจำนวน 11 ร็อกอะฮ์ ดังที่ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมกระทำดังข้อความของหะดีษที่ถูกต้องข้างต้น  แล้วมุสลิมจำนวนมากทั่วโลกก็รับมาปฏิบัติตาม จึงไม่ใช่นมาซสุนัตมุฏลักแน่นอน ...   
และ .. สมมุติว่า ถ้าหะดีษข้างต้นของท่านนบีย์ เป็นนมาซสุนัตมุฏลักดังที่พวกท่านเข้าใจ ผมก็อยากจะถามว่า ...
ก. มีนักวิชาการท่านใดบ้างไหมที่อ้างหะดีษบทนี้เป็นหลักฐานเรื่องนมาซสุนัตมุฏลักดังข้ออ้างของพวกท่าน? ..
ข. หรือมีนักวิชาการท่านใดบ้างไหมที่อธิบายว่าให้พวกท่านทำนมาซสุนัตมุฏลักทีละ 4 ร็อกอะฮ์, 4 ร็อกอะฮ์ แล้วก็ 3 ร็อกอะฮ์ .. ดังคำอธิบายของท่านหญิงอาอิชะฮ์ในตอนหลังของหะดีษบทนี้ ??? ...
3. คำตอบของท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. ที่ว่า .. ไม่ว่าจะเป็นเดือนรอมะฎอนหรือมิใช่รอมะฎอน ท่านนบีย์ไม่เคยนมาซเกิน 11 ร็อกอะฮ์ ...
คำตอบนี้มีความหมายชัดเจนว่า นมาซยามค่ำคืน ไม่ว่าจะกระทำในเดือนรอมะฎอน(ที่เราเรียกกันในปัจจุบันว่านมาซตะรอเวี๊ยะห์) หรือในเดือนอื่นๆ (ที่เราเรียกกันว่า กิยามุ้ลลัยล์บ้าง, ศ่อลาตุ้ลลัยล์บ้าง, นมาซตะฮัจญุดบ้าง ฯลฯ) คือนมาซเดียวกัน!  และตามปกติท่านนบีย์จะกระทำไม่เกิน 11 ร็อกอะฮ์ ...

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ

จากบางส่วนของบทความ ชี้แจงข้อเขียนของกองทุนติญารียะห์ กลุ่มครูฟัรฺฎูอีน  โดย อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย 

สรุป เพราะฉะนั้น คำกล่าวที่ว่า การละหมาด 8 รอกาอัต ไม่มีหลักฐานจากท่านนบี เป็นคำกล่าวหาที่เลื่อนลอยครับ   


ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ส.ค. 31, 2009, 07:01 PM »
0
ขออนุญาติร่วมเสวนาด้วย ( นิดหน่อย )

ผมเห็นว่า พี่น้องบางท่านนั้น ไม่มีความกระจ่าง ในเรื่องของ การทำละหมาด ชนิดนี้ ในสายของเขาเอง
ดังนั้น เป็นการดีที่ผมจะนำเสนอให้เขาได้เข้าใจ

ในสายทรรศนะ วะฮะบี ( ไม่ใช่วะฮะบียะ ) กล่าวว่า
การทำละหมาดกิเยามุลรอมฎอนนั้น มีทั้งหมด 8 ร๊อกอัต โดยที่มีแบบอย่างจากท่านนบี และ มีแบบอย่างจากท่านอุมัรคือ 20 ร๊อกอัต
พวกเขาให้เหตุผลว่า การทำละหมาด 8 หรือ 20 นั้น ใช้ได้ ทั้งสิ้น โดยลงความเห็นว่า การละหมาด 20 ร๊อกอัต นั้นเป็นสิ่งที่ส่งเสริม
อันเนื่องมาจาก ท่านอุมัร ซึ่งเป็น คุลาฟะรอชิดีนนั้น ได้กระทำไว้เป็นตัวอย่าง
ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวว่า หากการละหมาด 20 ร๊อกอัตนั้น มีความกุชัวที่ดี และยาวนาน ( เหมือนๆ กับละหมาด 8 ) ก็เห็นสมควรให้ละหมาด 20 ร๊อกอัต ซึ่งเป็นทรรศนะที่ถูกต้อง

แต่ทรรศนะที่กล่าวว่า ท่านนบี ละหมาด 8 และ ใน 1 ค่ำคืนนั้น ท่านนบีละหมาดเพียง 11 ร๊อกอัตนั้น
มาจากทรรศนะของ วะฮะบียะ ( ลูกศิษย์ ที่ชอบยึดเอาบางอย่างของ ทรรศนะนี้ ) โดยพวกเขากล่าวว่า
ฮะดิส ที่รายงานว่า ท่านอุมัร ละหมาด 20 ร๊อกอัตนั้น เป็นฮะดิสดออีฟ
ดังนั้นพวกเขาจึงถือว่า การละหมาด 8 ร๊อกอัตนั้น ได้ผลบุญมากกว่า 20 ร๊อกอัต

จึงเห็นว่า คำกล่าวอ้าง ที่ว่า ทำ 8 ก็ได้หรือ 20 ก็ได้นั้น แต่เดิม ต้องละหมาด 20 ร๊อกอัต ที่จะได้ผลบุญมากกว่า
ซึ่งมีตัวอย่างจาก ประเทศวะฮะบีแท้ๆ อย่างซาอุ ที่ทำละหมาดตอรอเวียะ 20 ร๊อกอัต
และรวมถึง สายมัซฮับ ทั้ง 4 ซึ่งไม่มีทรรศนะไหน กล่าวว่า ละหมาด 8 นั้นประเสริฐที่สุด

และขอทักท้วง คุณ ۞QolbunSaleem۞  ด้วยว่า ข้อเขียนของ อ ปราโมทย์นั้น กล่าวเช่นนั้นจริง
โดยอ้างว่า ละหมาดทั้งหมด ในยามค่ำคืนนั้นคืออย่างเดียว กัน เรียกว่า ตะฮัยยุต กิเยามุลลัย หรือ กิเยามุลรอมฎอน นั้น
ย่อมหมายความว่า การละหมาด ของเขา ( เมื่อ 8 ร๊อกอัต และตามด้วย วิเตร แล้ว ) จะไม่มีการตะฮัตยุตอีก ซึ่งขัดกับฮะดิสที่ส่งเสริมการละหมาดยามค่ำคืน อื่นๆ
อีกทั้ง ตัวของ อ. ปราโมทย์เองนั้น เป็นคน ปฎิเสธ ฮะดิส ที่ท่านอุมัร ละหมาด 20 ร๊อกอัต เช่นนั้นแหละ
สรุปคือ หากคุณ ตั้งใจตามทรรศนะของ อ. ปราโมทย์ คุณก็ต้องเชื่อว่า ฮะดิสท่านอุมัรนั้น ดออีฟ ..... ถึงได้กล่าวว่า ละหมาด 8 นั้นประเสริฐกว่า 20 ร๊อกอัต...

วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

ออฟไลน์ Molto

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 109
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ส.ค. 31, 2009, 07:10 PM »
0
          ท่านอบูสะละมะฮ์ บินอับดุรฺเราะห์มาน ได้กล่าวถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ รฺ.ฎ.ว่า ...
             كَيْفَ كَانَتْ صَلاَةُ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِىْ رَمَضَانَ؟
“ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้นมาซอย่างไรในเดือนรอมะฎอน?” .. ซึ่งท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. ก็กล่าวตอบว่า ...
    مَا كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَزِيْدُ فِىْ رَمَضَانَ وَلاَ فِىْ غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً .........
“ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยนมาซ – ไม่ว่าในเดือนรอมะฎอนหรือมิใช่เดือนรอมะฎอน – เกินกว่า 11 ร็อกอะฮ์ .......................”
(บันทึกโดยท่านบุคอรีย์, ท่านมุสลิม, ท่านอิหม่ามมาลิก, ท่านอบูดาวูด, ท่านอัน-นะซาอีย์, ท่านอะห์มัด, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอัล-บัยฮะกีย์, และท่านอบู อะวานะฮ์)
หะดีษบทนี้เป็นหะดีษเศาะเหี๊ยะฮ์โดยปราศจากข้อโต้แย้ง ...   

อะบูสะละมะฮ์เขาถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ในเรื่องละหมาดกิยามุลลัยน์  ไม่ใช่ถามเรื่องละหมาดตะรอวิห์  เพราะท่านหญิงเขาตอบเรื่องการละหมาดยามค่ำคืนในทั้งเดือนรอมะดอนและอื่นจากเดือนรอมะดอน  ดังนั้นถ้าหาก 11 รอกะอัตนี้  คือละหมาดตะรอวิห์  ก็แสดงว่า  ทั้งในเดือนรอมะดอนและเดือนอื่นจากรอมะดอนก็มีละหมาดตะรอวิห์ด้วยน่ะซิ

อีกอย่าง ฮะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮ์นี้  มีปราชญ์ฟิกห์บางส่วนบอกว่าเป็นหลักฐานของละหมาดวิติร 11 รอกะอัต เพราะทำได้ทั้งเดือนรอมะดอนและอื่นจากเดือนรอมะดอน

ดังนั้นเมื่อฮะดีษดังกล่าวมีการตีความเกิดขึ้น  การจะนำมาอ้างหลักฐานในเรื่องละหมาดตะรอวิห์ก็ต้องตกไป

ออฟไลน์ Molto

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 109
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ส.ค. 31, 2009, 07:27 PM »
0
ฮะดิส ที่รายงานว่า ท่านอุมัร ละหมาด 20 ร๊อกอัตนั้น เป็นฮะดิสดออีฟ
ดังนั้นพวกเขาจึงถือว่า การละหมาด 8 ร๊อกอัตนั้น ได้ผลบุญมากกว่า 20 ร๊อกอัต

เท่าที่สังเกตุ อ.ปราโมทย์  ที่วะฮาบียะฮ์ชอบนำมาเสนออ้างว่าฮะดีษท่านอุมัร 20 รอกะอัตฏออีฟนั้น  อาจจะทำให้หางเครื่องเข้าใจผิดกันไปเอง เพราะฮะดีษ 20 นั้นมีรายงานอยู่ 2 รูปแบบ

1. รายงานที่ว่าท่านอุมัรใช้ให้ละหมาด 20 นั้น ฏออีฟ

2. รายงานว่าในสมัยท่านอุมัรมีการละหมาด 20 นั้น ซอเฮี๊ยะห์แน่นอนครับ

ดังนั้นฮะดีษที่ยืนยันว่าในสมัยท่านอุมัรละหมาดตะรอวิห์ 20 นั้นซอเฮี๊ยะห์แน่นอนอย่างปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียว  ฉะนั้นเมื่อมีความซอเฮี๊ยะห์  ก็สามารถนำไปสนับสนุนสายรายงานที่ท่านอุมัรได้ใช้ให้ละหมาด 20 อย่างมิต้องสงสัย

เพราะเป็นไปไม่ได้ที่มีรายงานซอเฮี๊ยะห์ยืนยันว่าสมัยท่านอุมัรละหมาด 20 โดยท่านอุมัรไม่เคยใช้ละหมาด 20 รอกะอัต

และการละหมาดตะรอวิห์ 20 นั้น  เป็นอิจญฺมาอฺจากซอฮาบะฮ์  กระทำต่อ ๆ กันมาเรื่อย ๆ จนถึงสมัยอิมามชาฟิอีย์ ก็ยังเห็นละหมาดตะรอวิห์ 20 รอกะอัตในมักกะฮ์  แล้วท่านอิมมามชาฟิอีย์บอก  เป็นที่รักยิ่งยังฉันในการทำละหมาด 20 รอกะอัต  ไม่ใช่ 11 รอกะอัต   ท่านอิมามอะห์มัดก็ 20 รอกะอัต  ท่านอะบูฮะนีฟะฮ์ก็ 20 ร่อกะอัต  ทัศนะที่เลื่องลือจากอิมามมาลิก ก็ 20 รอกะอัต

ดังน้นนักปราชญ์ฮะดีษที่เป็นปราชญ์ฟิกห์  พวกเขาได้วินิจฉัยตัวบทแล้ว  ปรากฏว่าละหมาด 11 ร่อกะอัตไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาในการนำมาเป็นละหมาดตะรอวิห์เลย 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 31, 2009, 07:36 PM โดย Molto »

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ส.ค. 31, 2009, 07:57 PM »
0
คุณ Molto  กล่าวได้ถูกต้องแล้ว

ทีนี้เรามาดูตัวบทวิเคราะห์กันให้ลึกกว่า

ความหมายที่ท่านญอาอิซะกล่าวนั้น ในฮะดิสที่ว่า กล่าวว่าท่านนบีไม่เคยละหมาด เกิน 11 ร๊อกอัต นั้นมีประเด็นหน้าสนใจดังนี้

1. ผู้ถาม กล่าวถามถึง ละหมาดในเดือนรอมฎอน
2. ท่านญ อาอิซะกล่าวว่า ไม่ว่าเดือนอะไรก็ตาม ไม่เคยละหมาดเกิน 11 ร๊อกอัต

เราอธิบายได้ดังนี้
1. ผู้ถาม กล่าวถามถึงละหมาด ในรอมฎอน นั่นแสดงให้เห็นว่า ผู้ถามนั้น เข้าใจว่า ละหมาดรอมฎอน กับละหมาดเดือนอื่นๆ นั้นแตกต่างกัน
เพราะหาก ผู้ถามนั้น เข้าใจว่าเหมือนกัน ( ดังที่ อ. ปราโมทย์ กล่าวอ้าง ) ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องถาม
ชี้ให้เห็นว่า การละหมาดในเดือน รอมฎอน กับ การละหมาดในเดือน อื่นๆ นั้นแตกต่างกัน ตามนัยยะที่ผู้ถามนั้นได้ถาม
และตามที่ ฮะดิสบุคอรีย์ได้กล่าวไว้ ในการแบ่งหมวดหมู่ว่า .."การละหมาดของท่านนบี ในตอนกลางคืนของรอมฎอน และเดือนอื่นๆ" ( ในซอเฮียะบุคอรี )
ยิ่งชี้ให้เห็นว่า การละหมาดของค่ำคืนในต่างเดือนนี้ ย่อมแตกต่างกัน เพราะหากเหมือนกัน ในบทฮะดิสก็คงถูกจับไปรวมกันไว้ในบทเดียวกันนั่นเอง

2. ในส่วนตรงนี้ เราเข้าใจได้ว่า การละหมาดนั้น ไม่รวมถึงการละหมาดฟัรดู หรือละหมาดสุนัต อื่นๆ ในค่ำคืน เพราะการละหมาด ฟัรดูและสุนัตนั้น
มีทั้งเวลา มักริบ และอีซา ซึ่งหากเรานับก็อาจจะมีมากกว่า 13 ร๊อกอัตแน่นอน ( มักริบ 3 อีซา 4 สุนัต หน้าหลังอีก 4 และหลังมักริบ 2 )
ดังนั้น การละหมาดจึงยกยอดไปถึงการละหมาดที่เป็น สุนัตอื่นๆ
แล้วจากการละหมาด วิเตร ด้วย ก็หมายความว่า วิเตรนั้น ต้องเป็นเลขคี่ หรือร๊อกอัตคี่ คือ 1 3 5  เป็นต้น
ดังนั้น หากเราจะกล่าวว่า การละหมาดตอรอเวียะ หรือ กิเยามุลรอมฎอน มี 8 ร๊อกอัต ก็หาใช่ทีเดียวไม่ เพราะไม่แน่อาจจะหมายถึง วิเตรที่มี 1 หรือ 5 ร๊อกอัตก็ได้
ซึ่งจะทำให้ ละหมาดตอรอเวียะดังกล่าว เป็นได้ทั้ง  6 หรือ 10 อีกต่างหาก

สรุป แล้วฮะดิส บทดังกล่าว ไม่ได้เป็นตัวชี้ว่า การละหมาดของท่านนบีในเดือนรอมฎอน ( ตอรอเวียะ ) นั้นมี 8 ร๊อกอัตแต่อย่างใด
แล้วหากเป็นเช่นนั้นจริง ฮะดิสที่กล่าวก็สอดคล้องกับ การละหมาดสุนัตธรรมดาโดยทั่วไป ตามหัวข้อที่ 1 หรือเป็น ละหมาดวิเตร ที่ทำได้ไม่เกิน 11 ร๊อกอัต
ซึ่งทรรศะนี้เป็น ทรรศนะที่สอดคล้อง และเหมาะสมกับ ฮะดิสที่ท่านอุมัรละหมาด 20 ร๊อกอัต อย่างไม่ขัดแย้งกันอีกด้วย
เนื่องจากฮะดิส 20 ร๊อกอัตนั้น เป็นการละหมาดที่ไม่รวมวิเตร แต่อย่างใด

ซึ่งเรายังต้องพิจารณถึงหลักพิจารณาฮะดิสอื่นๆ ด้วย
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ส.ค. 31, 2009, 09:08 PM »
0
salam ช่วยตอบให้ตรงคำถามหน่อยครับด้านบนสุดนะครับ อย่ามัวมาเถียง 8 หรือ20    
โบนัส  ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยนมาซ – ไม่ว่าในเดือนรอมะฎอนหรือมิใช่เดือนรอมะฎอน – เกินกว่า 11 ร็อกอะฮ์ .......................”
(บันทึกโดยท่านบุคอรีย์, ท่านมุสลิม, ท่านอิหม่ามมาลิก, ท่านอบูดาวูด, ท่านอัน-นะซาอีย์, ท่านอะห์มัด, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอัล-บัยฮะกีย์, และท่านอบู อะวานะฮ์)
ไม่เกิน 11หมายถึง 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11 ใช่ไหมเลือกซิกี่รอกาอัตแต่ต้องไม่เกิน 11 (สำหรับผู้ที่บอกว่าฮาดิษนี้ชี้ว่า 8  )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 31, 2009, 09:28 PM โดย anti-bid'ah »
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ ช้างนั่ง

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 6
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ส.ค. 31, 2009, 09:30 PM »
0
 salam


นักศึกษากุลลียะห์ยะลา ท่านนี้ร้อนเหลือเกิน โปรดรอ อาจารย์ อัชอารี หรือ ผู้รู้ท่านอื่นๆมาตอบล่ะกันครับ

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ส.ค. 31, 2009, 10:10 PM »
0
ไม่เห็นมีคำถามอะไรที่มันชัดเจน พยายามหาอยู่นานว่า อันไหนเป็นคำถาม ด้วยความรัก... ไม่เห็นอันไหนเป็นคำถามเลยครับ

อีกอย่างจากที่ด้านบน คำว่าไม่เกิน 11 ก็ไม่ได้หมายความว่า 8 แล้วก็ไม่ได้หมายความว่า 6 หรือ 10 อย่างที่บอกไปแล้ว
และที่สำคัญที่สุด ตอรอเวียะตรงนี้ ไม่ใช่ 1 3 5 7 9 หรือ 11 แน่นอน

ไม่เกิน 11หมายถึง 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11 ใช่ไหมเลือกซิกี่รอกาอัตแต่ต้องไม่เกิน 11 (สำหรับผู้ที่บอกว่าฮาดิษนี้ชี้ว่า 8  )
ก็หมายความว่า ไม่มีหรอกที่เป็น 1 3 5 7 9 11 ยกเว้น ไม่ใช่ตอรอเวียะ
ส่วนที่กล่าวว่า ฮะดิสนี้บอกว่า 8 ก็ต้องไปถาม อาจารย์ ปราโมทย์เอง เพราะอาจารย์แกว่าอย่างนั้น

วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

ออฟไลน์ อัล-อุม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ส.ค. 31, 2009, 10:16 PM »
0
ผมขอเสริมด้วยคนครับ มีเรื่องต้องเคลียร์นะคับ
ที่คุณQolbunSaleem ก่อนคับลูกศิษย์อ.ปราโมทย์ แล้วค่อยตอบคำถาม..คุณแอนตี้บิดอะฮาซานะ.........

    ท่าน  QolbunSaleemคงจะก๊อบมาจากการแก้ต่างของอ.ปราโมท ที่ท่านเข้าใจว่า...ละหมาดตารอวิห์นั้นมี20รอกาอัต.นั้นไม่ใช่ละหมาดตารอวิ ในเวปของอ.มุรีดใช่ปะคับ..ตอบผมด้วย..นะ

อ้างถึง ท่านอบูสะละมะฮ์ บินอับดุรฺเราะห์มาน ได้กล่าวถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ รฺ.ฎ.ว่า ...
             كَيْفَ كَانَتْ صَلاَةُ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِىْ رَمَضَانَ؟
“ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้นมาซอย่างไรในเดือนรอมะฎอน?” .. ซึ่งท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. ก็กล่าวตอบว่า ...
    مَا كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَزِيْدُ فِىْ رَمَضَانَ وَلاَ فِىْ غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً .........
“ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยนมาซ – ไม่ว่าในเดือนรอมะฎอนหรือมิใช่เดือนรอมะฎอน – เกินกว่า 11 ร็อกอะฮ์ .......................”
(บันทึกโดยท่านบุคอรีย์, ท่านมุสลิม, ท่านอิหม่ามมาลิก, ท่านอบูดาวูด, ท่านอัน-นะซาอีย์, ท่านอะห์มัด, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์, ท่านอัล-บัยฮะกีย์, และท่านอบู อะวานะฮ์)
หะดีษบทนี้เป็นหะดีษเศาะเหี๊ยะฮ์โดยปราศจากข้อโต้แย้ง ...    

จากคำถามและคำตอบข้างต้นระหว่างท่านอบูสะละมะฮ์และท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. มีข้อที่น่าสังเกตอยู่ 3 ประการคือ ...

         1. ท่านอบูสะละมะฮ์ได้ถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. ถึงเรื่องการนมาซของท่านรอซุ้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมในเดือนรอมะฎอนโดยเฉพาะ ซึ่งตามรูปการณ์แล้วก็คือ เป็นการถามเรื่องนมาซที่เราเรียกกันในปัจจุบันว่า นมาซตะรอเวี๊ยะห์ นั่นเอง ...
แล้วท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. ก็ตอบว่า ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยนมาซเกิน 11 ร็อกอะฮ์ ...

ประโยคที่ผมมาร์คไว้นั้น นี่คือ การจับผิดที่ของอ.ปราโมทเข้าใจผิดแบบหมกเม็ด ที่ท่านอ้างว่า ท่านอบูสลามะได้ถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. ถึงเรื่องการนมาซของท่านรอซุ้ลุลลอฮ์ว่าเป็นละหมาดตารอวิ...นี่คือความผิดพลาดของอ.ปราโมท ที่จริงแล้วท่านอบูสาลามะได้ถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ. ถึงเรื่องการนมาซของท่านรอซุ้ลุลลอฮ์ในยามคำคืน(กิยามุลลัย)ทั่วๆไปต่างหาก  ..
ดังที่เราจะเห็นว่านักบันทึกฮาดิษทั้ง6จะนำฮาดิสที่วาฮาบีย์อ้างว่า ตารอวิมี11รอกาอัตนั้น ไปไว้ในบทที่ว่าด้วยการละหมาดทั้วๆไป..ไม่มีเลยที่ว่าด้วยเรื่องละหมาดตารอวิ มีเพียงท่านบุคอรี เท่านั้น ที่รวมไว้ในสองบทในคราเดียวกัน


..และกรีณีที่ท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์ได้กล่าวในหนังสือ “ฟัตหุ้ลบารีย์” อันเป็นหนังสืออธิบายหะดีษบุคอรีย์ เล่มที่ 4 หน้า 254 ว่า ...
   وَأَمَّامَارَوَاهُ ابْنُ أَبِىْ شَيْبَةَ مِنْ حَدِيْثِ ابْنِ عَبَّاسٍ ((كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُصَلِّىْ فِىْ رَمَضَانَ عِشْرِيْنَ رَكْعَةً وَالْوِتْرَ)) فَإِسْنَادُهُ ضَعِيْفٌ!   وَقَدْ عَارَضَهُ حَدِيْثُ عَائِشَةَ هَذَا الَّذِىْ فِى الصَّحِيْحَيْنِ مَعَ كَوْنِهَا أَعْلَمَ بِحَالِ النَّبِىِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَيْلاً مِنْ غَيْرِهَا وَاللهُ أَعْلَمُ
“อนึ่ง สิ่งที่ท่านอิบนุอบีย์ชัยบะฮ์ได้รายงานมาจากหะดีษของท่านอิบนุอับบาส ร.ฎ. ว่า ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมได้นมาซในเดือนรอมะฎอน 20 ร็อกอะฮ์และนมาซวิตรี่นั้น สายรายงานของหะดีษนี้ เฎาะอีฟ! .. และแน่นอน มันยังขัดแย้งกับหะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร.ฎ.บทนี้จากการบันทึกที่ถูกต้องทั้งสอง (คือท่านบุคอรีย์และท่านมุสลิม) ซึ่งข้อเท็จจริงก็คือ ท่านหญิงอาอิชะฮ์ย่อมรู้ดีกว่าผู้อื่นถึงสภาพ(หมายถึงการนมาซและเรื่องอื่นๆ)ของท่านนบีย์ในยามค่ำคืน วัลลอฮุ อะอฺลัม” ...
(หะดีษของท่านอิบนุอับบาส ร.ฎ. จากการบันทึกของท่านอิบนุอบีย์ชัยบะฮ์ ดังที่ท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์อ้างถึงนั้น  ผมจะนำรายละเอียดมาวิเคราะห์อีกครั้งในตอนหลัง อินชาอัลลอฮ์) ...  

.........ในส่วนความเห็นของท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์ได้กล่าวในหนังสือ “ฟัตหุ้ลบารีย์” อันเป็นหนังสืออธิบายหะดีษบุคอรีย์ เล่มที่ 4 หน้า 254 ว่า ...

ที่ว่าท่านปฏิเสธสายรายงานนี้นั้น   แต่อันที่จริงแล้ว สิ่งที่ท่านอิบนุอบีย์ชัยบะฮ์รายงานหะดีษของท่านอิบนุอับบาส ร.ฎ. ว่า ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมได้นมาซในเดือนรอมะฎอน 20 ร็อกอะฮ์และนมาซวิตรี่นั้น ...

ท่านปฏิเสธในเรื่องการนำหลักฐานมาอ้างในเรื่องการละหมาดในยามคำคืนทั้งในและนอกรอมาดอน(กิยามุลลัยทั้วๆไปต่างหาก) ว่ามันไม่ใช่20รอกาอัต
แต่ดังกล่าวคือ11รอกาอัตต่างหาก  เพราะท่านนบีละหมาดแบบนี้ทั้งปี และมันหมายถึง ว่าท่านจะไม่เกิน11รอกาอัต นี่คือไม่ใช่ละหมาดตารอวิ

ท่านเลยไม่รับหลักฐานดังกล่าว
 

 

 

GoogleTagged