ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2  (อ่าน 4971 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ก.ย. 02, 2009, 05:29 PM »
0

          กำลังรอคอยการนำเสนอคำตอบที่ชัดเจนเพื่อความเข้าใจที่มีคุณค่าในการปฏิบัติศาสนกิจ(อิบาดะฮ์)ต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา โดยเฉพาะในเดือนร่อมฎอนอันประเสริฐนี้...วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอะลัยกุม

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ก.ย. 02, 2009, 05:47 PM »
0
 salam ผมแก้ไขข้อความด้านบนแล้วครับ กรุณาอ่านอีกครั้งครับ
ผมอยากจะละหมาด 8 ขี้เกียจละหมาด 20 ต้องรีบ มีธุระ
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ก.ย. 02, 2009, 07:42 PM »
0
 salam

อ้างถึง
ท่านนบีกล่าว่า  บุคคลใดละหมาดพร้อมกับอิหมำของเขาจนเสร็จ การละหมาดยาค่ำคืนจะถูกบันทึกให้เป็นของเขา  บันทึกโดย อลุลสุนัน


หะดีษบทนี้ไม่ได้ระบุว่าต้องละหมาดที่มัสยิด

แนะนำว่า ถ้ามีเพื่อนที่เข้าใจตรงกับคุณก็ให้จัดละหมาดที่บ้าน หรือคุณกับเพื่อนจะไปทำธุระกันให้เสร็จก่อนแล้วกลับมาละหมาดตอนดึกหน่อยก็ได้นี่ครับ


แต่ถ้ามีคุณคนเดียวก็ไม่รู้จะว่ายังไงเหมือนกัน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ข้างล่างคงไม่เกี่ยวกับคำถาม แต่เป็นความเข้าใจของผม

เรื่องจำนวนของการละหมาดนักวิชาการเขาแค่เห็นต่างกันว่าอย่างไหนดีกว่ากันเท่านั้น

รวมถึงการละหมาดที่บ้านกับมัสยิดด้วยว่าอย่างไหนจะดีกว่ากันเพราะเป็นละหมาดสุนัต และนักวิชาการมัซฮับซาฟีอีบางส่วนก็ยังมีความเห็นว่าละหมาดที่บ้านดีกว่า


บุคอรีและมุสลิม รายงานจากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ความว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

مَنْ قَامَ رَمَضَانَ إِيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ

"ผู้ใดที่ดำรง(ละหมาด)ในเดือนรอมะดอนโดยมีความศรัทธา(ต่อสัญญาของอัลเลาะฮ์) และมีความบริสุทธิ์ใจ(หรือแสวงหาการตอบแทนจากอัลเลาะฮ์)  เขาก็จะถูกอภัยโทษให้จากบาปที่ล่วงผ่านมาแล้ว"

ในหะดีษบทนี้ซึ่งเป็นซุนนะห์จากคำพูดของท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ซ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ยังไม่ได้ระบุจำนวนร่อกะอัต แต่ที่สำคัญกลับบอกให้มีความอิคลาสในการละหมาด และนั่นย่อมสำคัญกว่า

-------------------------------------------------------------------------
ผิดพลาดอย่างไรก็แนะนำผมด้วย

วัลลอฮุอะอฺลัม
มะอัสลามะฮฺ

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ก.ย. 02, 2009, 09:19 PM »
0
 salam ผมหมายถึง ละหมาดที่ไหนก็ได้ที่เราเป็นมะมูม แล้วละหมาดตามอหมำแค่ 8   วิเต่อีก 3 แล้วก็เผ่น หรือ นั่งสะระน่องดูอีหมำก็แล้วแต่
มะมูมเสร็จก่อนอีหมำ  อย่างนี้ทำแล้วไม่ได้อะไรเลย หรือได้ไม่สมบูรณ์ตามหะดิษที่อ้างใช่ไหม
ช่วยตอบให้ตรงประเด็นอย่างที่ อาจารย์อํซอารีตอบจะได้ไหมครับ  ผมอุตส่าหนีจากการโต้ 8 หรือ20 แล้วนะ  ตอนนีน้หลายคนรอคำตอบเรื่องนี้อยู่ครับ
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ก.ย. 02, 2009, 11:16 PM »
0
เดิมที การละหมาด ตอรอเวียะ ก็แยกกันอยู่แล้วครับ
เพิ่งมาเริ่มในสมัยท่านอุมัร ที่ได้รับการละหมาดตอรอเวียะ

ส่วนที่ถามว่า อยากจะละหมาด 8 ก็ละหมาดไปสิครับ ไม่มีปัญหา
เหนียตใครเหนียตมันครับตรงนี้ ละหมาด 8 ก็ตามแค่ 8 จบ 8 แล้วเราก็กลับ ไปละหมาดวิเตรที่บ้านก็ได้
เพราะหากเราคิดจะนั่งรอเขาละหมาดให้ครบ 20 แล้วละหมาดวิเตรพร้อมอีหม่าม ก็ร่วมละหมาด 20 จะดีกว่าครับ

แต่การละหมาดที่มัสยิดนั้น ไม่ได้เป็นวายิบ เพราะท่านนบีก็ได้ทำเป็นตัวอย่าง
ดังนั้นเห็นสมควรการละหมาดสุนัตนั้น ให้ละหมาดที่บ้าน ในเมื่อเรามีความรู้สึกดีกว่า มั่นคงกว่า ก็ให้ละหมาดที่บ้าน
ส่วนหากมีเพื่อนกลุ่มอื่นๆ อยากจะละหมาดพร้อมๆ กับเรา ก็ให้ร่วมละหมาดกันเป็นยะมาอะได้ครับ

วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: ก.ย. 02, 2009, 11:48 PM »
0
salam ผมหมายถึง ละหมาดที่ไหนก็ได้ที่เราเป็นมะมูม แล้วละหมาดตามอหมำแค่ 8   วิเต่อีก 3 แล้วก็เผ่น หรือ นั่งสะระน่องดูอีหมำก็แล้วแต่
มะมูมเสร็จก่อนอีหมำ  อย่างนี้ทำแล้วไม่ได้อะไรเลย หรือได้ไม่สมบูรณ์ตามหะดิษที่อ้างใช่ไหม
ช่วยตอบให้ตรงประเด็นอย่างที่ อาจารย์อัลอัซฮะรีย์ตอบจะได้ไหมครับ  ผมอุตส่าหนีจากการโต้ 8 หรือ20 แล้วนะ  ตอนนีน้หลายคนรอคำตอบเรื่องนี้อยู่ครับ


          อินชาอัลลอฮฺ...จะรอคำตอบที่มีความชัดเจนหน่อยเช่นกันครับ เพราะว่าเรื่องในประเด็นดังกล่าวนั้น ยังมีการพูดคุยกันพอสมควรเช่นกัน เท่าที่ผมและเพื่อนได้สัมผัสมากับตัวเอง แต่ผมก็ให้คำตอบอะไรไม่ได้ก่อน จึงหวังว่า กระทู้นี้(อาจจะ)ช่วยเปิด(ปม)ประเด็นดังกล่าวได้บ้าง...อินชาอัลลอฮฺ - วัสสลามุอะลัยกุม
loveit:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 02, 2009, 11:56 PM โดย as-satuly »

ออฟไลน์ คนอยากรู้

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 621
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: ก.ย. 04, 2009, 10:18 AM »
0
 salam
เข้ามาหาความรู้ด้วยคน นะคับ     loveit:

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: ก.ย. 04, 2009, 12:07 PM »
0
ผมว่ามันเคลียร์ยากอะครับ เพราะคำถามที่ถามนั้นมันไม่เคลียร์เอาเสียเลย ฝากพิจารณาด้วยครับ คุณ จขกท - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ อัล-อุม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: ก.ย. 04, 2009, 12:24 PM »
0
กลับมาคุยเกี่ยวกับหลักฐานการละหมาดตารอวิต่อคับ  บังแอนตี่หรือคุณสับสน

ท่านอัลฮาฟิซฺปราชญ์ฮาดิส ได้กล่าวอธิบายว่าต่อไปว่า

قال القرطبي‏:‏ أشكلت روايات عائشة على كثير من أهل العلم حتى نسب بعضهم حديثها إلى الاضطراب، وهذا إنما يتم لو كان الراوي عنها واحداً أو أخبرت عن وقت واحد‏:‏ والصواب أن كل شيء ذكرته من ذلك محمول على أوقات متعددة وأحوال مختلفة بحسب النشاط وبيان الجواز والله أعلم‏

"ท่านอัลกุรตุบีย์กล่าวว่า  สายรายงานต่าง ๆ ของท่านหญิงอาอิชะฮ์นี้ทำให้เกิดความคลุมเครือต่อนักวิชาการส่วนมาก  จนกระทั่งบางส่วนพาดพิงหะดิษนี้เป็นหะดิษสับสน(อิฏฏิร๊อบ)  และหะดิษนี้จะสมบูรณ์ได้หากว่าผู้รายงานมีคนเดียวและท่านนางได้บอกในเวลาเดียวกัน  และที่ถูกต้องนั้นคือทุกสิ่งที่ท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้กล่าวมา  ถูกตีความว่า  ได้กล่าวตามช่วงเวลาต่าง ๆ และสภาพที่แตกต่างกันโดยพิจารณาความกระปี้กระเป่าและอธิบายถึงอนุญาต(ให้กระทำได้)  วัลลอฮุอะลัม"


และท่านอัลฮาฟิซฺอธิบายต่อไปอีกว่า

وظهر لي أن الحكمة في عدم الزيادة على إحدى عشرة أن التهجد والوتر مختص بصلاة الليل، وفرائض النهار - الظهر وهي أربع والعصر وهي أربع والمغرب وهي ثلاث وتر النهار - فناسب أن تكون صلاة الليل كصلاة النهار في العدد جملة وتفصيلا‏

"ได้ปรากฏแก่ฉันว่า แท้จริงเคล็ดลับในการไม่เพิ่มมากไปกว่า 11 ร่อกะอัตนั้น  คือการละหมาดตะฮัจยุดและวิติร  ถูกเจาะจงด้วยการละหมาดในยามค่ำคืน  และบรรดาละหมาดฟัรดูช่วงกลางวันนั้น - คือซุฮ์ริ 4 รอกะอัต , อัสริ 4 รอกะอัต , มัฆริบ 3 รอกะอัต ซึ่งถือว่าเป็นวิติรในช่วงกลางวัน -  ดังนั้น  จึงเหมาะสมที่ละหมาดยามค่ำคืนได้เหมือนกับละหมาดกลางวันในด้านของจำนวน ไม่ว่าจะแบบสรุปหรือว่าแบบรายละเอียด"

สิ่งที่ผมได้นำเสนอมานั้น  แสดงว่าการละหมาดค่ำคืนไม่ว่ารอมะดอนหรือไม่ใช่รอมาดอนของท่านนบี 11 รอกะอัตนั้น คือละหมาดวิติรหรือส่วนหนึ่งเป็นละหมาดตะฮัจญุดด้วยครับ  


ดังนั้นเป็นไปได้อยางไรฮาดิสดังกล่าว จากท่านหญิงอาอิชะ(รด) ที่ว่าท่านนบี(ซล)ละหมาดตตารอวิ 11รอกาอั คือ8ตรอวิและ3วิติรเท่านั้น..และจากหลักฐานข้างล่างนี้ที่มีวาฮาบีกล่มเดียวเท่านั้นที่เชื่อฮาดิสนี้ซอเหียะ

ที่ได้รายงานมาจากญาบิรว่า

ความว่า "ท่านนบี มูฮัมมัด ศ้อลฯ ได้ละหมาดกับสาวก 8 ร็อกอะฮฺ และละหมาดวิตริ ในคืนต่อมา บรรดาสาวกต่างมาคอยท่าน แต่ท่านไม่ได้ออกมานำพวกเขา"[/u

ก็ในเมื่อในสายรายงานหะดิษดังกล่าวนี้บรรดามัสหับทั้ง4ไม่ยอมรับสายรายงานเพราะ  มีนักรายงานที่ชื่อว่า อีซา บิน ญารียะฮ์  ซึ่งท่านอัลหาฟิซฺอิบนุหะญัร กล่าวว่า "อีซา บิน ญารียะฮ์ นั้น  ฮะดิษอ่อน"  หนังสือตักรีบอัตตะฮ์ซีบ 2/97
 

ออฟไลน์ อัล-อุม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไม่เคลีย ไม่เลิก 2
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: ก.ย. 04, 2009, 12:30 PM »
0
ท่านบุคอรี  ได้รายงานไว้ในเรื่องละหมาดกิยามุลลัยล์ (ตะฮัจยุด) จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  รอฏิยัลลอฮุอันฮา  ความว่า

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ صَلَّى ذَاتَ لَيْلَةٍ فِي الْمَسْجِدِ فَصَلَّى بِصَلَاتِهِ نَاسٌ، ثُمَّ صَلَّى مِنْ الْقَابِلَةِ فَكَثُرَ النَّاسُ، ثُمَّ اجْتَمَعُوا مِنْ اللَّيْلَةِ الثَّالِثَةِ أَوْ الرَّابِعَةِ فَلَمْ يَخْرُجْ إِلَيْهِمْ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَلَمَّا أَصْبَحَ قَالَ قَدْ رَأَيْتُ الَّذِي صَنَعْتُمْ، وَلَمْ يَمْنَعْنِي مِنْ الْخُرُوجِ إِلَيْكُمْ إِلَّا أَنِّي خَشِيتُ أَنْ تُفْرَضَ عَلَيْكُمْ وَذَلِكَ فِي رَمَضَانَ‏

"แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ละหมาดในค่ำคืนหนึ่งที่มัสยิด  บรรดาผู้คนจึงได้การละหมาดตามการละหมาดของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  หลังจากนั้น  ท่านนบีได้ทำการละหมาดในคืนต่อไป  ผู้คนจึงมากขึ้น  หลังจากนั้นพวกเขาได้ทำการละหมาดรวมกันในคืนที่สามหรือคืนที่สี่  โดยที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ได้ออกมายังพวกเขา  ดังนั้น  เมื่อถึงเวลาซุบฮิ  ท่านนบีได้กล่าวว่า  ฉันได้เห็นสิ่งที่พวกท่านได้กระทำแล้ว  โดยไม่มีสิ่งใดที่มาห้ามฉันให้ออกไปยังพวกท่าน  นอกจากเสียว่า  ฉันเกรงว่ามันจะถูกฟัรดูเหนือพวกท่านต่างหาก  และเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นอยู่ในช่วงของเดือนรอมาดอน" 

عَنْ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَبْدٍ الْقَارِيِّ، أَنَّهُ قَالَ خَرَجْتُ مَعَ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ ـ رضى الله عنه ـ لَيْلَةً فِي رَمَضَانَ، إِلَى الْمَسْجِدِ، فَإِذَا النَّاسُ أَوْزَاعٌ مُتَفَرِّقُونَ يُصَلِّي الرَّجُلُ لِنَفْسِهِ، وَيُصَلِّي الرَّجُلُ فَيُصَلِّي بِصَلاَتِهِ الرَّهْطُ فَقَالَ عُمَرُ إِنِّي أَرَى لَوْ جَمَعْتُ هَؤُلاَءِ عَلَى قَارِئٍ وَاحِدٍ لَكَانَ أَمْثَلَ ‏.‏ ثُمَّ عَزَمَ فَجَمَعَهُمْ عَلَى أُبَىِّ بْنِ كَعْبٍ، ثُمَّ خَرَجْتُ مَعَهُ لَيْلَةً أُخْرَى، وَالنَّاسُ يُصَلُّونَ بِصَلاَةِ قَارِئِهِمْ، قَالَ عُمَرُ نِعْمَ الْبِدْعَةُ هَذِهِ، وَالَّتِي يَنَامُونَ عَنْهَا أَفْضَلُ مِنَ الَّتِي يَقُومُونَ ‏.‏ يُرِيدُ آخِرَ اللَّيْلِ، وَكَانَ النَّاسُ يَقُومُونَ أَوَّلَهُ

จากอับดุรเราะห์มาน บุตร อับดุลกอรี   เขากล่าวว่า  ฉันได้ออกไปพร้อมกับท่านอุมัร บุตร ค๊อฏฏอบ  ในเดือนรอมาดอน  ไปยังมัสยิด  ได้พบว่าประชาชนได้แยกกันเป็นกลุ่ม ๆ คนหนึ่งละหมาดคนเดียวตามลำพัง  คนหนึ่งมีคนละหมาดตามหมู่หนึ่ง  ท่านอุมัรได้กล่าวขึ้นว่า  ถ้าหากพวกเขารวมกันละหมาดตามคนที่อ่านถูกต้องเพียงคนเดียวก็จะเป็นการดียิ่ง  ต่อมาท่านอุมัรก็ได้รวมผู้คนให้ละหมาดตามอุบัยย์ บุตร กะอับ  จากนั้นฉันได้ออกไปพร้อมกับเขาในอีกคืนหนึ่ง  ประชาชนกำลังละหมาดตามผู้นำของเขา  ท่านอุมัรกล่าวว่า "นี่เป็นอุตริ (บิดอะฮ์) ที่ดี  ช่วงเวลาที่พวกเขานอนกันนั้น  ดีกว่าช่วงเวลาที่พวกเขาละหมาดกิยาม  เขาหมายถึงช่วงเวลาท้ายคืน  แต่ประชาชนจะละหมาดกยามในตอนหัวค่ำ"

จำนวนรอกะอัตของละหมาดตะรอวิห์

นักปราชญ์แห่งประชาชาติอิสลามทั้งสะลัฟและคอลัฟ ลงมติ(อิจญมาอ์) ว่า  การละหมาดตะรอวิห์นั้นมี 20 รอกะอัต   ซึ่งเป็นทัศนะที่ถูกยึดถือของมัซฮับทังสี่  คือ มัซฮับหะนะฟีย์ , มัซฮับที่เลื่องลือของมาลิกี , มัซฮับชาฟิอีย์  , และมัซฮับฮัมบาลีย์   และประชาชาติอิสลามที่ผ่านมาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าละหมาดตะรอวิห์มี 8 รอกะอัต  นอกจากเพิ่งเกิดขึ้นมาในสมัยนี้  ซึ่งสาเหตุดังกล่าวนั้นเพราะว่ามีความเข้าใจผิดต่อซุนนะฮ์ของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และไม่มีความสามารถที่จะรวมบรรดาหะดิษต่าง ๆ และยังไม่เข้าใจของหลักการของอิจมาอ์(มติ)ของเหล่าซอฮาบะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุม

ผู้ที่กล่าวว่าละหมาดมี 8 รอกะอัตนั้น  เพราะอ้างหลักฐานจากหะดิษท่านหญิงอาอิชะฮ์ที่ว่า

مَا كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَزِيدُ فِي رَمَضَانَ وَلاَ فِي غَيْرِهِ عَلَى إِحْدَى عَشْرَةَ رَكْعَةً ‏:‏ يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ، ثُمَّ يُصَلِّي أَرْبَعًا فَلاَ تَسْأَلْ عَنْ حُسْنِهِنَّ وَطُولِهِنَّ، ثُمَّ يُصَلِّي ثَلاَثًا، قَالَتْ عَائِشَةُ - رضى الله عنها - فَقُلْتُ ‏:‏ يَا رَسُولَ اللَّهِ أَتَنَامُ قَبْلَ أَنْ تُوتِرَ قَالَ ‏:‏ ‏"‏ يَا عَائِشَةُ إِنَّ عَيْنَىَّ تَنَامَانِ وَلاَ يَنَامُ قَلْبِي

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  กล่าวว่า  ท่านานรอซูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยละหมาดในหรือนอกรอมฎอนเกินกว่า 11 ร๊อกอะฮ์ ท่านละหมาด 4 ร๊อกอะฮ์ ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วท่านก็ละหมาดอีก 4 ซึ่งท่านไม่ต้องถามถึงว่ามันสวยงามและยาวนานแค่ไหน แล้วหลังจากนั้นท่านก็ละหมาดอีก 3 ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า  ฉันได้กล่าวว่า  โอ้ร่อซูลุลเลาะฮ์  ท่านจะนอนก่อนละหมาดวิติรกระนั้นหรือ?  ท่านนบีกล่าวว่า  โอ้อาอิชะฮ์  แท้จริงสองดวงตาของฉันนั้นหลับแต่จิตใจของฉันไม่หลับ" รายงานโดยบุคอรีย์

ซึ่ท่านอิบนุ กุดามะฮ์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัลมุฆนีย์ ว่า "รายงานถึงท่านอิมามอะลี รอฏิยัลลอฮุอันฮุว่า ท่านได้ใช้ให้คนหนึ่งทำการนำละหมาดบรรดาผู้คนทั้งหลาย ในเดือนรอมะฏอน 20 ร่อกะอัต นี้ถือว่าเสมือนกับเป็นการอิจญ์มาอ์(มติของซอฮาบะฮ์)"  ท่านอิบนุกุดามะฮ์กล่าวอีกว่า "สิ่งที่บรรดาซอฮาบะฮ์ของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ได้กระทำนั้น ดีกว่า และเหมาะสมยิ่งกว่างหะดิษนี้ได้บอกกล่าวถึงทางนำของท่านบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่เกี่ยวกับการละหมาดกิยามุลัยล์ทั่ว ๆ ไป  โดยมิได้บ่งถึงการเจาะจงเรื่องของละหมาดตะรอวิห์  เนื่องจากการละหมาดตะรอวิห์นั้นถูกเจาะจงเฉพาะในเดือนรอมาดอนเท่านั้น  ซึ่งมีรากฐานจากซุนนะฮ์ของท่านนบี  แต่การละหมาดเป็นวิธีการของท่านซัยยิดินาอุมัร  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  หมายความว่า  ประชาชาติอิสลามได้ดำเนินตามสิ่งที่ท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ได้วางหลักการไว้จากการรวมผู้คนทำให้ทำากรละหมาดตะริวิห์ 20 รอกะอัต  ในทุกคืนของเดือนรอมะดอน  โดยมีอุบัยย์เป็นอิมามนำละหมาด  และท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

عليكم بسنتى وسنة الخلفاء الراشدين المهديين عضوا عليها بالنواجذ

" พวกท่านจงดำรงไว้ ด้วยซุนนะฮ์ของฉัน และแนวทางของบรรดาค่อลิฟะฮ์ผู้ทรงธรรมอีกทั้งได้รับทางนำ  พวกเขาจงกัด(ยึด)แนวทางนั้นด้วยฟันกราม"

"และพวกท่านจงตามบุคคลทั้งสองต่อไปนี้หลังจากฉัน " คือท่านอบูบักร์และท่านอุมัร..ฮาดิษซอหิฮ์

ท่านอิมาม อัลบัยฮะกีย์  ได้ทำการรายงาน  ด้วยสายสืบที่ซอฮิหฺ  จากท่าน อัซซาอิบ บิน ยะซีด รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่า "บรรดาซอฮาบะฮ์ได้ทำการละหมาดในสมัยของท่านอุมัร รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ในเดือนรอมะฏอน ถึง 20 ร่อกะอัต"  ดู  สุนันอัลบัยฮะกีย์ 2/492

ท่านอัลบัยฮะะกีย์รายงานอีกว่า จากอัซซาอิบ บิน ยะซีด ว่า "บรรดาซอฮาบะฮ์ในสมัยของท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ได้ได้ทำการละหมาด 20 รอกะอัตในเดือนรอมะดอน  อัซซาอิบ บิน ยะซีด  กล่าวอีกว่า 

 พวกเขาเหล่านั้นได้ทำการอ่านถึง 200 อายะฮ์  โดยที่พวกเขาได้ทำการค้ำด้วยไม้เท้าในสมัยของท่านอุษมาน รอฏิยัลลอฮุอันฮุ  เนื่องจากมีการยืนนาน" ดู สุนัน อัลบัยฮะกีย์ 2/429  และอัลมุวัฏเฏาะอฺ 1/114

ไฉนเลย เมื่อบุคคลที่ชอบอ้างว่า ตามกีตาบุลลอฮ์และซุนนะท่านนบี จึงละเลยในสิ่งที่มันขัดกับทัศนะของตน โดยละทิ้งคำสั่งที่ท่านนบี(ซล)ใช้ให้เราตามซอฮาบะบุคคลเหล่านั้นและนั้นคือซุนนะตุ้ลนบีที่ดีงาม เช่นกัน

เพราะแบบฉบับเหล่านี้ได้ถูกตามมาแล้วจากบรรดา ซอฮาบะ ตาบีอีนและสลัฟอัสซอและห์และคอลัฟเหล่านั้นมาแล้ว  ด้วยเหตุว่า เขาเหล่านั้น เชื่อกันว่าฮาดิสดังกล่าวที่รายงานจากท่านญาบิรนั้นมัน ดออีฟ ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้

โดยไม่หลงไหลไปยึดถือกับฮาดิสดังกล่าว ที่ทัศนะของนักวิชาฟิกฮ์ทั้งมัสหับทั้ง4 ส่วนมาก ไม่นำมันมาปฏิบัติได้เลย

ซึ่งในความเป็นจริงทัศนะวาอาบีเองก็ไม่เอาฮาดิสดออีฟนำมาปฏิบัติ  แต่ไฉนเลย มาครั้งนี้ทัศนะที่เคยรังเกียจฮาดิสจึงกลับนำมันมาปฏิบัติ...โดยละทิ้งการกระทำของซออาบะอัรรอซีดีนและอิตจิมาของอุลามะเหล่านั้น. mycry

ผิดพลาดอย่างไรขอมาอัฟด้วยและช่วยชี้แจงด้วยครับ    ญาซากัลลอฮ์....


 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 04, 2009, 02:28 PM โดย อัล-อุม »

 

GoogleTagged