ผู้เขียน หัวข้อ: เกี่ยวกับบรรดาคอลิฟะฮ์ 12 คน  (อ่าน 5849 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เกี่ยวกับบรรดาคอลิฟะฮ์ 12 คน
« เมื่อ: พ.ค. 03, 2007, 07:39 PM »
0

بسم الله الرحمن الرحيم

คอลิฟะฮฺผู้ปกครอง 12 ท่าน


ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชีอะฮฺเมืองไทยต่างแอบอ้างฮะดิษของซุนนะฮฺให้กับพี่น้องซุนนะฮฺ ที่รู้เท่าไม่ถึงการและชีอะฮฺที่หลงเข้าใหม่ ด้วยบรรดาฮะดิษที่กล่าวถึงผู้ปกครอง 12 ท่าน ซึ่งตัวเลขนี้บังเอิญไปตรงกับเลขลัทธิอิมาม 12 ของชีอะฮฺอิมามียะฮฺ อัรรอฟิเฏาะฮฺ ดังกล่าวนี้ จึงทำให้พี่น้องซุนนะฮฺทั่วไปและชีอะฮฺที่หลงเข้าใหม่และเก่าคิ ดว่าฮาดิษคอลิฟะฮฺ 12 ท่านนั้นคือ อิมาม 12 ของลัทธิชีอะฮฺ ผมคิดว่าจะพูดเรื่อง 20 ฮาดิษที่ระบุอิมาม 12 จากหนังสือ อุซูล อัล-กาฟีย์ แต่ชีอะฮฺเขาไม่ตอบรับในการสนทนา เนื่องจากพวกเขาต้องการสนทนาถึงฮะดิษของซุนนะฮฺที่กล่าวคอลิฟะฮ ฺ 12 ท่านก่อน โดยหลีกเลี่ยงการสนทนา 20 ฮะดิษในอุซูล อัล-กาฟีย์ โดยอ้างว่าต้องการเอามาเป็นบทนำในการร่วมสนทนา ผมก็พอเข้าเจตนาของพวกเขา ดังนั้น ผมก็ขอตอบรับการสนทนาเกี่ยวกับฮะดิษของซุนนะฮฺที่กล่าวถึงผู้ปก ครองคอลิฟะฮฺ 12 ท่านและตามไปด้วยเรื่องเกี่ยวกับอิมาม 12 และการระบุชื่อ อิมาม 12 ในหนังสือ อุซูล อัล-กาฟีย์ หวังว่าพวกชีอะฮฺทั้งหลายคงให้การชี้แนะ

عن جابر بن سمرة رضي الله عنه عن النبي صلى الله عليه وسلم قال : يكون بعدى اثنا عشر خليفة كلهم من قريش

รายงานจาก ญาบิร บุตร ซะมุเราะฮฺ (ร.ฏ.) จากท่านนบี (ซ.ล.) ท่านกล่าวว่า " จะมี 12 ผู้ปกครอง ซึ่งพวกเขาทั้งหมดมาจากกุเรช " ฟัตฮุลบารีย์ เล่ม 13 หน้า 181 รายงานโดย มุสลิม ฮะดิษที่ 1821 ท่านติรมิซีย์ ฮะดิษที่ 2224 มุสนัด อิมามอะหฺมัด เล่ม 5 หน้า 87-90-92-95-97-99-101-107-108

ท่านบุคอรีย์รายงานจากญาบิร บุตร ซะมุเราะฮฺ อีกว่า

 لا يزال الإسلام عزيزاً إلى اثني عشر خليفة كلهم من قريش 

ความว่า " อิสลามยังคงยิ่งใหญ่ จนกระทั้งถึงคอลิฟะฮฺ 12 คน ซึ่งพวกเขาทั้งหมดมาจากกุเรช "

ท่านบุคอรีย์รายงานโดยใช้อีกคำหนึ่งว่า " اثنى عشر أميراً " ความว่า " หัวหน้า(ผู้ปกครอง) 12 คน "

มีสายรายงานอื่นอีกจากท่านอบีดาวูด

لا يزال هذا الدين قائماً حتى يكون عليكم اثنا عشر خليفة كلهم تجتمع عليه الأمة فسمعت كلاماً من النبي صلى الله عليه وسلم لم أفهمه ، قلت لأبي : ما يقول ؟ قال : كلهم من قريش

ความว่า " ศาสนานี้ยังคงดำรงอยู่ จนกระทั่งมี 12 คอลิฟะฮฺปกครองพวกท่าน ซึ่งพวกเขาทั้งหมดนั้น ประชาชาติ(อิสลาม)ได้รวมไว้บนเขา แล้วฉันก็ได้ยินคำพูดหนึ่งจากท่านนบี(ซ.ล.)โดยที่ฉันไม่เข้าใจมัน ฉันจึงกล่าวกับบิดาของฉันว่า ท่านนบีกล่าวว่าอะไรหรือ ? บิดาฉันกล่าวว่า " พวกเขาทั้งหมดนั้นมาจากกุเรช " สุนัน อบีดาวูด ฮะดิษที่ 4279 และอีกสายรายงานเช่นกันว่า " ศาสนานี้ยังคงความยิ่งใหญ่ จนกระทั่งถึง 12 คอลิฟะฮฺ " สุนัน อบีดาวูด ฮะดิษที่ 4280

อธิบาย

จากบรรดาฮะดิษที่ผมหยิบยกมาสนทนานั้น ยังมีอีกหลายฮะดิษที่อยู่ในความหมายทำนองเดียวกัน ซึ่งบรรดาฮะดิษดังกล่าวนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวเอาไว้อย่างรวบรัดและได้ใจความว่า จะมีคอลิฟะฮฺผู้ปกครองหลังจากท่าน 12 คน โดยที่ท่านนบีไม่ได้บอกเอาไว้ว่าเป็นผู้ใดบ้าง ดังนั้น รายงาน คอลิฟะฮฺ 12 คนนั้น จึงอยู่ในเรื่องการวินิจฉัยของบรรดาอุลามาอฺซุนนะฮฺจากตัวบทที่ ท่านนบี(ซ.ล.)ได้บอกเอาไว้ สิ่งที่ได้จากบรรดาฮะดิษดังกล่าวนั้น สรุปพอสังเขปตามความเป็นจริงและเกิดขึ้นจริงได้ดังต่อไปนี้

1. จะมีคอลิฟะฮฺ 12 คน หลังจากท่านนบี(ซ.ล.)เสียชีวิต

2. คอลิฟะฮฺ 12 คนนั้นมาจากกุเรช

3. คอลิฟะฮฺ 12 คนดังกล่าวนั้น พวกเขาจะได้เป็นผู้ปกครองอาณาจักรอิสลาม

4. อิสลามยังคงมีความมั่นคง แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงคอลิฟะฮฺ 12 คน

ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุกะษีร กล่าวว่า "พวกเขาเหล่านั้นที่ได้ระบุไว้ในฮะดิษ ไม่ใช่ อิมาม 12 ที่ชีอะฮฺ อัรรอฟิเฏาะฮฺได้โกหกกล่าวอ้าง โดยที่พวกเขานั้นมะอฺซูม เพราะส่วนมากจากพวกเขานั้น ไม่มีคนหนึ่งคนใดทำการปกครองประชาชาติอิสลามในฐานะคอลิฟะฮฺ ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังไม่ได้ปกครอง แคว้นหนึ่งจากบรรดาแคว้นต่าง ๆ หรือเมืองหนึ่งจากบรรดาเมืองต่าง ๆเลย แต่ทว่าได้ปกครองจากพวกเขา โดยท่านอลี และท่านหุซัยนฺ ( ร่อฏิยัลลอฮฺ อันฮุมา ) ดู นิฮายะฮฺ อัลฟิตัน เล่ม 1 หน้า 17-18 อัลบิดายะฮฺ วะ อันนิฮายะฮฺ เล่ม 6 หน้า 198

พี่น้องชาวซุนนะฮฺลองมาพิจารณาความเห็นของ อัล-หาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ (ร.ฏ.) ท่านกล่าวว่า " ที่ใกล้เคียงที่สุด ในเรื่องนี้ ดังที่อุลามาอฺกลุ่มหนึ่งได้กล่าวไว้ มีความว่า จุดมุ่งหมายของฮะดิษนี้ คือ บรรดาคอลิฟะฮฺทั้งสี่ มุอาวิยะฮฺ และบุตรของเขา คือยะซีด จากนั้น อับดุลเลาะฮฺบินมัรวาน และบรรดาบุตรของเขาทั้งสี่คน และก็อุมัรบินอับดุลอะซีซฺ ฉันขอกล่าวว่า บรรดาบุตรของอับดุลมาลิกบินมัรวานนั้น คืออัลวะลีด สุลัยมาน ยะซีดและฮิชาม โดยที่ท่านอุมัรบินอับดุลอะซีซฺนั้นได้ขั้นกล่างระหว่าง สุลัยมานและยะซีด พวกเขาก็เป็น 12 คอลิฟะฮฺพอดี และจุดมุ่ง ที่ใกล้เคียงและถูกต้องที่สุด เกี่ยวกับผู้นำ 12 คนนั้น จำนวนของพวกเขาสิ้นสุดที่ ฮิชาม บุตร อับดุลมาลิก เพราะศาสนาอิสลามในสมัยพวกเขา ยังมั่นคงดำรงอยู่ อิสลามได้แพร่หลาย สัจจะธรรมยังคงอยู่ การญิฮาดก็ยังคงอยู่ และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ยะซีดเสียชีวิต จากการขัดแย้งในเรื่องคอลิฟะฮฺ โดยที่มัรวานได้ปกครองที่ชาม อิบนุซุบัยรฺได้ปกครองที่ฮิยาซฺ ก็ไม่เป็นผลกระทบใด ๆกับบรรดามุสลิมีน ในเรื่องที่อิสลามก็ยังคงโดดเด่นมั่นคงอยู่ ดังนั้นศาสนาอิสลามของพวกเขาก็ยังคงโดดเด่น ภาระกิจของพวกเขาก็ยังคงอยู่ ศรัตรูของพวกเขาก็ยังถูกพิชิต ทั้งที่มีการขัดแย้งกัน จากนั้นดังกล่าวก็ยุติลงด้วยการให้สัตยาบันอย่างสมบูรณ์ให้กับ อับดุลเลาะฮฺบินมาลิก.....ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ สิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวไว้ แท้จริงแล้ว มันได้เกิดขึ้นจริง และก็ผ่านมาแล้ว และก็สิ้นสุด(ถึง 12 คน)แล้ว " ดู ฟัตฮุลบารีย์ เล่ม 13 หน้า 211-215

จากคำกล่าวของท่านอิบนุหะญัร บรรดาคอลิฟะฮฺ 12 คนมีดังนี้

1. อบูบักร อัศศิดดีก

2. อุมัร อัลฟารูค

3. อุษมาน ซินนูรัยนฺ

4. อลีบินอบีฏอลิบ อัลมุรตะฏอ

5. มุอาวิยะฮฺ

6. ยะซีด บุตร มุอาวิยะฮฺ

7. อับดุลเลาะฮฺ บุตร มัรวาน

8. อัลวะลีด บุตร อับดุลเลาะฮฺ

9. สุลัยมาน บุตร อับดุลเลาะฮฺ

10. ยะซีด บุตร อับดุลเลาะฮฺ

11. ฮิชาม บุตรอับดุลเลาะฮฺ

12. อุมัร บุตร อับดุลอะซีซฺ

แต่มีชีอะฮฺบางท่าน อาจจะค้านว่า การเป็นอิมามนั้น ไม่จำเป็นต้องนั่งบันลังค์ปกครองเสมอไป ผมขอกล่าวว่า หากชีอะฮฺผู้นั้นพูดอย่างนี้ ก็แสดงว่าบรรดาอิมามของชีอะฮฺ10 คน ก็ไม่ได้เข้าอยู่ในฮะดิษของซุนนะฮฺที่พวกเขาแอบอ้าง เพราะคอลีฟะฮฺในความหมายของบรรดาฮะดิษของซุนนะฮฺนั้น ต้องเป็นคอลีฟะฮฺปกครองอาณาจักรอิสลามอย่างแท้จริงและเกิดขึ้นจ ริง ไม่ใช่เป็นผู้ปกครองแบบในจิตนาการของลัทธิชีอะฮฺ เช่นการปกครองกันทั้งจักรวาลโดยที่จะบริหารอย่างไรก็ตามที่อิมา มของพวกเขาต้องการ

พวกชีอะฮฺบางท่านอาจจะ กล่าวเสียดสีว่า คอลิฟะฮฺ 12 ของซุนนะฮฺนั้น มีทั้งคนดีและไม่ได้ดี ? อย่างเช่น มุอาวิยะฮฺ หรือยะซีด ซึ่งพวกเขาเคียดแค้นเข้ากระดูกดำ จึงทำให้ซุนนะฮฺบางท่านเขวขึ้นมา ซึ่งผมขอชี้แจงว่า ในบรรดาฮะดิษของซุนนะฮฺที่ผมหยิบยกมานั้น ไม่ได้บอกถึงเงื่อนไขว่าต้องเป็นคอลิฟะฮฺผู้ทรงธรรม เพียงแต่บอกว่า เป็นคอลิฟะฮ์ที่มาจากกุเรชและอิสลามยังคงยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อ ง คอลิฟะฮฺผู้ทรงธรรมของซุนนะฮฺนั้น มีอยู่ 4 หรือ 5 ท่าน คือท่านอบูบักร ท่านอุมัร ท่านอุษมาน ท่านอลี และท่านอุมัรบินอับดุลอะซีซฺ ส่วนที่เหลือนั้น เราขอกล่าวว่าพวกเขาคือคอลิฟะฮฺที่เป็นมุสลิม และพวกเขาก็ยังคงปกครองโดยที่อิสลามยังคงยิ่งใหญ่ และการตัดสินและตอบแทนนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะฮฺแต่เพียงผ ู้เดียว เมื่อเรามาพิจารณาถึงคำกล่าวของท่านอลีในนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ เราจะพบว่าไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกที่บรรดามนุษย์นั้น บางครั้งมีผู้นำที่ดีและผู้นำที่ไม่ดี ท่านอลีได้กล่าวไว้ในนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ ในขณะที่ท่านอลีได้ยินคำกล่าวของพวกคอวาริจญฺเกี่ยวกับหลักที่ว่า " ไม่มีการตัดสินอันใด นอกจากเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะฮฺ " ว่า

( وإنه لابد للناس من أمير بر أو فاجر يعمل فى إمرأته المؤمن ويستمتع فيها الكافر ، ويبلغ الله فيها الأجل ، ويجمع به الفىء ، ويقاتل به العدو، وتأمن به السبيل ، ويؤخذ به للضعيف من القوى حتى يستريح برّ ويستراح من فاجر )

ความว่า " โดยแท้จริง จำเป็นสำหรับมนุษย์ ต้องมีผู้นำ ที่ดีหรือชั่ว ซึ่งมุอฺมินสามารถปฏิบัติอามัลได้ ภายใต้การอำนาจการปกครองของเขา และกาเฟรสามารถเสวยสุขได้ภายใต้อำนาจการปกครองของเขา โดยที่อัลเลาะฮฺจะให้การปกครองของเขาได้ถึงระยะเวลาหนึ่ง และจะถูกรวบรวมทรัพย์สินสงครามด้วยกับเขา จะทำการสู้รบกับศรัตรูด้วยกับเขา หนทางจะปลอดภัยด้วยกับเขา สิทธิคนอ่อนแอกว่าจะได้รับเอามาจากคนที่แข็งแรงกว่าด้วยกับเขา จนกระทั่ง คนดีได้พักผ่อน และได้รับการพักผ่อน(ให้พ้น)จากคนชั่ว " ดู หนังสือ อธิบายนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ คำกล่าวที่ 40 เล่ม 1 หน้า 488 อิบนุอบีอัลหะดีด ตีพิมพ์ ฮะญะรียะฮฺ เผยแพร่ ดารฺ มักตะบะฮฺ อัลหะยาฮฺ เบรูต เลบานอน

ท่านอิบนุอะบีอัลหะดีด กล่าวว่าอธิบายว่า " ท่านไม่เห็นคำกล่าวของท่านอลี(อ.)ดอกหรือว่า ท่านได้ให้เหตุผลกับคำกล่าวของท่านที่ว่า " لابد للناس من أمير " ความว่า " จำเป็นสำหรับมนุษย์ต้องมีผู้นำ " ท่านอลีได้กล่าวเหตุผลจากคำพูดของท่าน(ที่มนุษย์ต้องมีผู้นำ)ว่า เพื่อ " จะถูกรวบรวมทรัพย์สินสงครามด้วยกับเขา จะทำการสู้รบกับศรัตรูด้วยกับเขา หนทางจะปลอดภัยด้วยกับเขา สิทธิ์คนอ่อนแอกว่าจะได้รับเอามาจากคนที่แข็งแรงกว่าด้วยกับเขา " ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งจากการคงไว้ซึ่งผลประโยชน์ต่าง ๆของโลกนี้

ท่านอลีกล่าวว่า " มุอฺมินสามารถปฏิบัติอามัลได้ ภายใต้การอำนาจการปกครองของเขา " หมายความว่า การมีอำนาจปกครองของคนชั่วนั้น ไม่ได้ห้ามมุอฺมินจากการปฏิบัติอามัล เพราะเขาสามารถทำการละหมาด ถือศีลอด ทำการบริจาคทาน(ซะกาต)ได้ ถึงแม้ว่าตัวผู้นำเองจะเป็นคนชั่วก็ตาม

ท่านอลีกล่าวว่า " โดยที่อัลเลาะฮฺจะให้การปกครองของเขาได้ถึงระยะเวลาหนึ่ง " เนื่องจากอำนาจการปกครองของคนชั่ว ก็เสมือนกับอำนาจการปกครองของคนดี ในระยะเวลาที่ถูกกำหนดเอาไว้และสิ้นสุดระยะเวลาที่ถูกกำหนดเอาไ ว้สำหรับมนุษย์

หลังจากนั้นท่านอลีกล่าวว่า "จะถูกรวบรวมทรัพย์สินสงครามด้วยกับเขา จะทำการสู้รบกับศรัตรูด้วยกับเขา หนทางจะปลอดภัยด้วยกับเขา สิทธิ์คนอ่อนแอกว่าจะได้รับเอามาจากคนที่แข็งแรงกว่าด้วยกับเขา " ทั้งหมดนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับการปกครองของผู้นำที่ชั่วอีกทั้งมีความเข้ มแข็งในตัวเขาเอง โดยแท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮฺ(ซ.ล.)กล่าวว่า " แท้จริงอัลเลาะฮฺ จะทำให้ยืนหยัดกับศาสนาอิสลามนี้ด้วยกับบุรุษที่เป็นคนชั่ว " อธิบายนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ เล่ม 1 หน้า 489 อิบนุอบีอัลหะดีด

สิ่งที่ได้จากคำกล่าวของท่านอลี(อ.)

1. ในนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺนั้น ท่านอลีไม่กล่าวได้เรื่อง อิมาม 12 ตามแนวทางลัทธิชีอะฮฺเอาไว้ แม้กระทั้งรายชื่อก็ไม่ได้กล่าวเอาไว้เลย ไม่เพียงเท่านั้นท่านเองก็ปฏิเสธเรื่องการจำกัดผู้นำอิมาม 12 ด้วย เนื่องจาก

2. ผู้นำนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี

3. ผู้นำนั้น ทรัพย์สงครามต้องถูกรวบรวมด้วยกับเขา

4. การพิชิตเมืองต่าง ๆก็สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการปกครองของเขา

5. หนทางจะปลอดภัยด้วยกับเขา

6. คนอ่อนแอสามารถทวงสิทธิ์ที่ชอบธรรมจากผู้แข็งแรงที่อธรรมได้ด้วยกับเขา

ในทางตรงกันข้าม บรรดาอิมามของชีอะฮฺ 12 ที่พวกเขาอ้างนั้น 10 คนไม่ได้เป็นปกครองอาณาจักรอิสลาม ทรัพย์สินสงครามไม่ได้รวบรวมด้วยกับพวกเขา การต่อสู้กับศรัตรูและพิชิตเมืองต่าง ๆไม่ได้เกิดขึ้นโดยคำสั่งของพวกเขา หนทางจะสามารถผ่านได้อย่างปลอดภัยก็ไม่ใช่เพราะพวกเขาตามที่ท่า นอลีได้กล่าวเอาไว้ถึงเหตุผลการเป็นผู้นำในนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ หากมีชีอะฮฺบางท่านแย้งผมว่า การเป็นผู้นำไม่จำเป็นต้องทำสิ่งดังกล่าว ก็เป็นผู้นำได้ ผมขอกล่าวว่า คำกล่าวแบบนั้นย่อมถือว่าเป็นการเอากำปั้นทุบดิน และติดอยู่ในพรรธนาการแห่งทฤษฏีและจินตนาการของลักษณะการเป็นอิ มามของลัทธิชีอะฮฺ ทั้งที่ ท่านอลี ท่านหะซันและท่านฮุซัยน์ ก็ไม่ได้เคยกล่าวเอาไว้เลยเกี่ยวกับรายชื่ออิมาม 12 เมื่อศึกษาบรรดาฮะดิษเกี่ยวกับการระบุชื่ออิมาม 12ในอุซูลอัลกาฟีย์ ก็แปลก พิกล สายรายงานฏออีฟก็มีหลายฮะดิษ ส่วนฮะดิษที่มีสายรายซอเฮี๊ยฮฺ(ตามทัศนะของชีอะฮฺ) แต่กับไปมีข้อตำหนิในตัวบท บางฮาดิษชี้ให้เห็นว่า ชีอะฮฺ มีอิมาม 13 คนบ้าง อินชาอัลเลาะฮฺ ผมจะนำเสนอในการสนทนาในครั้งต่อไปครับ อีกอย่างหนึ่ง เรื่องหลักฐานที่ชี้ถึง คอลิฟะฮฺทั้ง 4 หรือ 5 ของซุนนะฮฺผู้ทรงธรรมนั้น

al-azhary
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เกี่ยวกับบรรดาคอลิฟะฮ์ 12 คน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พ.ค. 03, 2007, 07:54 PM »
0
แจมแมน

อิสลามมั่นคงเหลือเกินนะครับบัง มุอาวิยะฮ์ที่ก่อสงครามกับอิมามอลี ทำสงครามกับเคาะลีฟะฮ์ กลายเป็นคอลีฟะฮ์ที่ทำให้อิสลามมั่นคง ยัง ยังไม่พอ บังไม่อายปากอายนิ้วหรือไงอ่ะ เอายะซีดมาใส่ด้วยน่ะ ผู้ที่ฆ่าหลานรักท่านนบี ที่ท่านกล่าวถึงว่า "ฮุเซนมาจากฉัน และฉันมาจากฮุเซน" ผู้ที่ฆ่าท่านคือผู้ที่ทำให้อิสลามมั่นคง แสดงว่า นะอูซุบิลลาฮ์ ท่านอิมามฮุเซนทำให้อิสลามล่มจมเหรอครับ ผมไม่อยากคิดว่าชาวอัซฮัรจะคิดงี้ อย่างน้อยก็เสียชื่อมหาลัยชีอะฮฺหมดเลยเนี่ย เฮ้อ..
แล้วคุณนับมาหมดสิบสองคนเนี่ย แล้วอิมามมะฮ์ดีไปอยู่ตรงใหนอ่ะ ที่ท่านจะมาปรากฏน่ะ นั่นหมายความว่า ปัจจุบัน อิสลามไม่มั่นคง อิสลามไม่ดำรงอยู่แล้วดิ แล้วบังนับถือศาสนาอะไรอยู่อ่ะคับ
นับกระโดดข้ามไปข้ามมา ไม่ต่อเนื่อง แสดงว่า อิสลาม"กออิม"หรือดำรงอยู่เป็นพักๆอ่ะสิคับ อิสลามที่ดำรงอยู่เป็นพักๆจะเป็นอิสลามที่อัลลอฮ์ทรงพอใจได้ไงอ ่ะ "วะเราะฏีตุละกุมุลอิสลามะดีนา" และข้าพอใจในอิสลามให้เป็นศาสนาของพวกเจ้า" แล้วอิมามฮะซันไปอยู่ใหนอ่ะคับ แหม เบียดด้วยมุอาวิยะฮ์ บังกะลังเบียดหัวหน้าชายหนุ่มแห่งสรวงสวรรค์ด้วยคนที่นบีแช่งไม ่ให้ท้องอิ่มเนี่ยนะ เฮ้อ คนที่เชื่ออย่างงี้เนี่ย น่าจะไช้ประโยชน์จากหัวมากกว่าอวัยวะที่เอาไว้กั้นหูสองข้างนะ ผมว่า..
สุดท้ายก็อยากบอกว่า ..... เฮ้อ..คนเรากับความตะอัศศุฟบอดไบ้

FANUS

บรรทัดฐานในการกำหนดตัวบุคคล เอามาจากไหน??? เรื่องสำคัญขนาดนี้ ท่าน อิบนุ หะญัร เข้าใจและกำหนดมันเองได้หรือ?
ส่วนที่อ้างตำรา นะฮ์ญุลบาลาเฆาะห์ ไปเข้าใจใหม่ก่อนนะ ว่าตำราเล่มนี้นะ ท่านอะลี ไม่ได้เขียนขึ้นเอง ท่านซัยยิดรอฏี เขาคัดวจนะบางส่วนของท่านอะลีมาบันทึกไว้ต่างหาก และก็ไม่มีชีอะห์คนไหนสักคนที่จะเอาตัวบทจากตำราเล่มนี้ มาอ้างอิงในเรื่องอิมามะห์ ขอทำความเข้าใจใหม่ด้วยนะ

อุซดาซ

อัล-อัซฮะรีย์กล่าวทิ้งทวนว่า " และติดอยู่ในพรรธนาการแห่งทฤษฏีและจินตนาการของลักษณะการเป็นอิ มามของลัทธิชีอะฮฺ ทั้งที่ ท่านอลี ท่านหะซันและท่านฮุซัยน์ ก็ไม่ได้เคยกล่าวเอาไว้เลยเกี่ยวกับรายชื่ออิมาม 12 เมื่อศึกษาบรรดาฮะดิษเกี่ยวกับการระบุชื่ออิมาม 12ในอุซูลอัลกาฟีย์ ก็แปลก พิกล สายรายงานฏออีฟก็มีหลายฮะดิษ ส่วนฮะดิษที่มีสายรายซอเฮี๊ยฮฺ(ตามทัศนะของชีอะฮฺ) แต่กับไปมีข้อตำหนิในตัวบท บางฮาดิษชี้ให้เห็นว่า ชีอะฮฺ มีอิมาม 13 คนบ้าง อินชาอัลเลาะฮฺ ผมจะนำเสนอในการสนทนาในครั้งต่อไปครับ " น่าสนใจสิ่งที่อัล-อัซฮะรีย์กล่าวทิ้งไว้ คุณแจมแมนและฟานูสครับ หากไม่สนทนาในเชิงวิชาการแล้ว ผมว่าพวกคุณหักล้างอัล-อัซฮะรีย์ น้องรักและศิษย์รักของผมไม่ได้หรอกครับ

นาศิฮ์

ผมว่ารายชื่ออิม่ามทั้ง 12 ไม่สำคัญหรอกคับ สำคัญที่อิม่ามท่านแรกว่ามีหรือป่าวอ่ะ? ต้องพิสูจน์กันว่ามีหรือไม่มี ถ้าพิสูจน์ได้ว่ามี อิม่ามท่านต่อไปก็จะพิสูจน์ได้โดยปริยายอ่ะคับ เข้าใจป่าวคับอุสตาดฟารุค?

ก็เหมือนกับเรื่องของคอลีฟะห์อุมัรนั้นแหละคับ ซุนนะห์พิสูจน์ได้ไงว่าท่านอุมัรเป็นคอลีฟะห์อ่ะ?

ส่วนฮาดิษรายชื่อ 12 อิม่ามเป็นข้อพิสูจน์ปลายๆแถวอ่ะคับท่านอุสตาดและท่านอัสฮารี เข้าใจป่ะ? เรียนมาขนาดนี้ไม่น่างงอ่ะน่ะ

แจมแมน

อืมม์ คิดไปคิดมาก็ถูกของบังนาศิฮ์อ่ะคับ เพราะต้นน้ำยังไม่รู้ว่าขุ่นหรือใสสะอาด จะไปวักมาวิจัยวิเคราะห์มันเหนื่อยปล่าวๆอ่ะครับ ถ้าคุย คุยที่ต้นน้ำดีกว่า ว่าท่านนบีแต่งตั้งหรือปล่อยให้อุมมะฮ์เลือกตั้งผู้นำกันแน่ตรงนั้นน่าจะเป็นประเด็นหลักอ่ะนะ หลังจากนั้น ถ้าอิมามที่ท่านนบีจะแต่งตั้งใครต่อ ก็เป็นประเด็นต่อไป
บังฟารุกก็เชิญร่วมคุยด้วยกันสิครับ เป็นพี่และครูปรมาจารย์อัซฮารี ก็ต้องเป็นจอมปรมาจารย์สิบัง แล้วมานั่งลอกของศิษย์มาโพสต์อย่างเดียวเหรอครับ..เสียดายของ

al-azhary
 
อ้างอิงจากแจมแมน

อิสลามมั่นคงเหลือเกินนะครับบัง มุอาวิยะฮ์ที่ก่อสงครามกับอิมามอลี ทำสงครามกับเคาะลีฟะฮ์ กลายเป็นคอลีฟะฮ์ที่ทำให้อิสลามมั่นคง ยัง ยังไม่พอ บังไม่อายปากอายนิ้วหรือไงอ่ะ เอายะซีดมาใส่ด้วยน่ะ ผู้ที่ฆ่าหลานรักท่านนบี ที่ท่านกล่าวถึงว่า "ฮุเซนมาจากฉัน และฉันมาจากฮุเซน" ผู้ที่ฆ่าท่านคือผู้ที่ทำให้อิสลามมั่นคง แสดงว่า นะอูซุบิลลาฮ์ ท่านอิมามฮุเซนทำให้อิสลามล่มจมเหรอครับ ผมไม่อยากคิดว่าชาวอัซฮัรจะคิดงี้ อย่างน้อยก็เสียชื่อมหาลัยชีอะฮฺหมดเลยเนี่ย เฮ้อ..

ตอบ

คุณแจมแมน คงทำใจไม่ได้ เลยคิดอะไรไม่ถูก ได้แต่ยกเรื่องสงครามระหว่างมุอาวิยะฮฺท่านอลี และอ้างยะซีดฆ่าท่านฮุเซ็น ทั้งที่ความจริงแล้ว มุอาวิยะฮฺนั้นท่านอลีก็ยืนยันไว้ว่าเขาเป็นมุอฺมิน สงครามเกิดขึ้นเนื่องจากเรื่องการเรียกร้องกิศอศชีวิตของท่านอุ ษมาน และตอนที่มุอาวิยะฮฺทำสงครามกับท่านอลีนั้น มุอาวิยะฮฺก็ยังไม่ได้เป็นคอลิฟะฮฺ แล้วก็เป็นคอลิฟะฮฺโดยที่อิสลามยังมั่นคงอยู่นั้น มันไปเกี่ยวอะไรกับสงครามระหว่างท่านอลี คุณแจมแมนรู้สึกจะแยกแยะอะไรไม่ออกเลยสักนิด คุณต้องเข้าใจน่ะว่า อิสลามมั่นคงโดยที่ไม่มีศาสนาใดมายึดอาณาจักรอิสลามไปได้ หากคุณแจมแมนคิดว่า ตอนมุอาวิยะฮฺเป็นคอลิฟะฮฺ แล้วศาสนาชีอะฮฺตกต่ำแล้ว ผมก็ไม่เถียงอะไรคุณเลย เพราะพวกชีอะฮฺมันฆ่าสังหารท่านอลีเอง ท่านชัยคฺชีอะฮฺ อิดรีส อัลฮุซัยนีย์ ได้กล่าวประวัติ หลังจากที่ท่านลอบแทงได้รับบาดเจ็บ ท่านฮาซันได้กล่าวกับพวกชีอะฮฺอิรักว่า
ความว่า ? โอ้ชาวอิรัก แท้จริง ด้วยกับตัวฉันนั้น สามประการที่ได้รับการเผื่อแผ่จากพวกท่าน พวกท่านฆ่าบิดาของฉัน พวกท่านแทงฉัน และพวกท่านแย่งชิงสัมภาระของฉัน ? หนังสือ ละก๊อด ชัยยะอะนี อัลฮุเซน หน้า 283 พวกกูฟะฮฺก็คือพวกชีอะฮฺเลวๆนี่แหละครับ หากคุณถือตัวเองว่าไม่ใช่ชีอะฮฺเลวๆก็อย่าร้อนตัวน่ะครับ

ส่วนการเป็นผู้ปกครองของยะซีดนั้น ผมบอกว่า โดยที่อิสลามยังไม่คงอยู่ คือศาสนาอื่นไม่สามารถมาพิชิตอิสลามได้ ยะซีดเองนั้นจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่คุณจะว่าไปเถอะ ผมไม่แคร์หรอก ผมก็ไม่อยากปกป้องด้วย แต่ผมขอบอกน่ะว่า การตายของบรรดาอิมามนั้น ชีอะฮฺมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งนั้น ท่านอลีตายเพราะชีอะฮฺเก่าของท่านอลีเองฆ่า ตามที่ท่านฮะซันกล่าวไว้ ท่านฮะซันเองก็ชีอะฮฺกูฟะฮฺฆ่าตายแทงท่านหะซัน ท่านฮุเซ็นเองก็ชีอะฮฺรวมมือลงแรงกันฆ่าร่วมด้วยกับอิบนุซิยาด จนกระทั่งอิสลามต้องตกต่ำลงเพราะชีอะฮฺ เมื่อ นุซัยรุด อัฏตูซีย์ และอัลอัลเกาะมีย์ของชีอะฮฺเป็นใส้ศึกให้กับพวกมองโกล เข้ามาเข็นฆ่ามุสลิมตายกันเป็นล้าน ชีอะฮฺร่วมมือกับอเมริกายึดอัฟกัน และอเมริกาก็ให้ชีอะฮฺได้เป็นผู้ปกครอง ชีอะฮฺในอิรักร่วมมือกับอเมริกาจนได้เป็นผู้ปกครองอิรักไปโดยอเมริกาอยู่เบื้องหลัง

ยาซีดเป็นผู้ปกครอง โดยที่ศาสนาอิสลามยังมั่งคงอยู่ แต่ถ้าศาสนาชีอะฮฺตกต่ำล่ะก็ ผมก็ไม่ว่าอะไรคุณแจมแมนสักนิดเดียวเลยครับ

อ้างอิงจากแจมแมน

แล้วคุณนับมาหมดสิบสองคนเนี่ย แล้วอิมามมะฮ์ดีไปอยู่ตรงใหนอ่ะ ที่ท่านจะมาปรากฏน่ะ นั่นหมายความว่า ปัจจุบัน อิสลามไม่มั่นคง อิสลามไม่ดำรงอยู่แล้วดิ แล้วบังนับถือศาสนาอะไรอยู่อ่ะคับ

นับกระโดดข้ามไปข้ามมา ไม่ต่อเนื่อง แสดงว่า อิสลาม"กออิม"หรือดำรงอยู่เป็นพักๆอ่ะสิคับ อิสลามที่ดำรงอยู่เป็นพักๆจะเป็นอิสลามที่อัลลอฮ์ทรงพอใจได้ไงอ ่ะ "วะเราะฏีตุละกุมุลอิสลามะดีนา" และข้าพอใจในอิสลามให้เป็นศาสนาของพวกเจ้า" แล้วอิมามฮะซันไปอยู่ใหนอ่ะคับ แหม เบียดด้วยมุอาวิยะฮ์ บังกะลังเบียดหัวหน้าชายหนุ่มแห่งสรวงสวรรค์ด้วยคนที่นบีแช่งไม ่ให้ท้องอิ่มเนี่ยนะ เฮ้อ คนที่เชื่ออย่างงี้เนี่ย น่าจะไช้ประโยชน์จากหัวมากกว่าอวัยวะที่เอาไว้กั้นหูสองข้างนะ ผมว่า..
สุดท้ายก็อยากบอกว่า ..... เฮ้อ..คนเรากับความตะอัศศุฟบอดไบ้

ตอบ

คุณแจมแมนพูดอย่างนี้ แสดงว่าฮะดิษผู้ปกครอง 12 ท่านของซุนนะฮฺ ไม่เกี่ยวกับอิมาม 12 ลัทธิคุณใช่หรือไม่ ? จุดมุ่งหมาย ที่ผมเสนอไปนั้น เพื่อที่จะบอกว่า ฮะดิษผู้ปกครอง12คนของซุนนะฮฺนั้น ไม่เกี่ยวกับลัทธิอิมาม12เลยแม้แต่น้อย เท่านั้นก็เพียงพอแล้วล่ะครับสำหรับเป้าหมายของผม อัลฮัมดุลิลลาห์ แต่หากคุณจะมาสนทนาเรื่องรายละเอียดนั้น ผมจะอธิบายครับ ไม่ต้องกลัว

ดังที่ผมเคยกล่าวไปแล้วข้างต้นว่า ?ดังนั้น รายงาน คอลิฟะฮฺ 12 คนนั้น จึงอยู่ในเรื่องการวินิจฉัยของบรรดาอุลามาอฺซุนนะฮฺจากตัวบทที่ ท่านนบี(ซ.ล.)ได้บอกเอาไว้? และเป็นที่รู้กันว่า เรื่องคอลิฟะฮฺ 12 ท่านนี้ ผมความเห็นจากบรรดาอุลามาอฺหลายทัศนะด้วย ที่ไกล้เคียงตามทัศนะของท่านอิบนุหะญัร ที่คุณแจมแมนทำใจรับไม่ได้นั้น ก็เป็นคำกล่าวหนึ่ง
แต่มีคำกล่าวหนึ่งของอุลามาอฺซุนนะฮฺบอกว่า คอลิฟะฮฺ 12 นั้น คือ

1. อบูบักร

2. อุมัร

3. อุษมาน

4. อลี

5. อัลหะซัน

6. มุอาวิยะฮฺ

7. ยาซีด บุตรมุอาวิยะฮฺ

8. อับดุลเลาะฮฺ บุตร อัซซุบัยร์

9. อับดุลมาลิก บิตร มัรวาน

10. อัลวะลีด บุตร อับดุลมาลิก

11. สุลัยมาน บุตร อับดุลมาลิก

12. อุมัร บุตร อับดุลอะซีซ

โดยมีท่านหะซัน และ อับดุลเลาะฮฺ บุตร ท่านอัซซุบัยร์ แทนที่ ยะซีด บุตร อับดุลเลาะฮฺและฮิชาม บุตรอับดุลเลาะฮฺ การที่อุลามาอฺบางส่วนไม่นับท่านหะซันเข้าอยู่ในผู้ปกครองนั้น เพราะว่าอุมมะฮฺไม่ได้ให้บัยอะฮฺและไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองข องท่านหะซันทั้งหมด (ส่วนคุณจะประณามมุอาวิยะฮฺเพราะแย่งอำนาจของท่านหะซันก็เชิญตา มสบายจ๊ะ) ส่วนอับดุลเลาะฮฺบินอัซซุบัยร์นั้น มุอาวิยะฮฺ ที่ 2 ไม่นับว่าเป็นคอลิฟะฮฺ เพราะปกครองเพียงบางเมืองเท่านั้น และผมก็ขอบอกคุณว่า กรณีนี้ มันเป็นเรื่องวินิจฉัยอยู่บรรดาอุลามาอฺซุนนะฮฺกับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นจริงในอดีต ส่วนทฤษฏีและจินตนาการในเรื่องอิมาม12ของคุณนั้น ก็ว่าไปตามหลักฐานของชีอะฮฺที่ผมจะนำมาถกต่อไป แต่อย่าเอาไปเกี่ยวเรื่องฮาดิษคอลิฟะฮฺ 12 ของซุนนะฮฺ เพราะมันจะเป็นการอ้างฉาบฉวยน่ะคุณ เอาไปหลอกคนบ้านธรรมดาน่ะได้ แต่อย่ามาหลอกคนที่พอจะรู้เรื่องฮาดิษคอลิฟะฮฺ 12 เพราะมันหลอกไม่ได้

ส่วนกรณีอิมามมะฮฺดีนั้น มีบางอุลามาอฺเขาทักท้วงมาเหมือนกัน แต่เป็นมะฮฺดีของซุนนะฮฺน่ะ ไม่ใช่ของชีอะฮฺที่ชีอะฮฺอ้างขึ้นมา หากเราพิจารณาถึงตัวบทที่ผมกล่าวไปนั้น อิสลามจะยิ่งใหญ่ต่อเนื่อง จนถึง คอลิฟะฮฺ 12 ท่าน ส่วนอิมามมะฮฺดีนั้น จะมีบทบาทในช่วงยุคสุดท้าย จึงไม่มีการต่อเนื่อง ดังนั้นอิมามมะฮฺจึงไม่เข้าอยู่ใน12คน ตามนัยยะของฮะดิษผู้ปกครอง 12 ท่านครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เกี่ยวกับบรรดาคอลิฟะฮ์ 12 คน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พ.ค. 03, 2007, 08:01 PM »
0
al-azhary

อ้างอิงจาก FANUS

บรรทัดฐานในการกำหนดตัวบุคคล เอามาจากไหน??? เรื่องสำคัญขนาดนี้ ท่าน อิบนุ หะญัร เข้าใจและกำหนดมันเองได้หรือ?

ตอบ

บรรทัดฐานการกำหนดตัวบุคคล ตามที่ท่านอิบนุหะญัรกล่าวไว้นั้น เอามาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ตามที่ตัวบทฮะดิษได้บอกเอาไว้ ไม่ใช่จากจินตนาการและทฤษฏีที่ไม่เกิดขึ้นจริง ตามตัวบทที่ผมกล่าวเอาไว้จากหลักฐานซุนนะฮฺ ส่วนบรรทัดฐาน กำหนดตัวบุคคลอิมาม12 ตัวลัทธิของคุณนั้น ผมถามคุณแน่ไม้ต้องเป็นห่วง

อ้างอิงจาก FANUS
ส่วนที่อ้างตำรา นะฮ์ญุลบาลาเฆาะห์ ไปเข้าใจใหม่ก่อนนะ ว่าตำราเล่มนี้นะ ท่านอะลี ไม่ได้เขียนขึ้นเอง ท่านซัยยิดรอฏี เขาคัดวจนะบางส่วนของท่านอะลีมาบันทึกไว้ต่างหาก และก็ไม่มีชีอะห์คนไหนสักคนที่จะเอาตัวบทจากตำราเล่มนี้ มาอ้างอิงในเรื่องอิมามะห์ ขอทำความเข้าใจใหม่ด้วยนะ

ตอบ

คุณมาบอกผมทำไมครับ ผมเข้าใจอย่างนั้นมานานแสนนานแล้วครับ จริงอยู่ว่าท่านอลีไม่ได้เขียน ไม่ใช่แต่นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺเท่านั้น หนังสืออุซูลกาฟีย์เอง บรรดาอิมามก็ไม่ได้เขียนเหมือนกัน

ส่วนคำพูดของคุณที่ว่าหนังสือนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺไม่ชีอะฮฺตนใหนส ักคนเอามาอ้างอิงในเรื่องอิมามะฮฺนั้น ผมคิดว่าคุณเข้าใจผิด สงสัยคุณศึกษาชีอะฮฺน้อยหรือเปล่าครับ ท่านลองไปดูหนังสือตัยยานีย์ หลังจากข้าพเข้าได้รับทางนำ (ฉบับภาษาอาหรับ) หน้าที่ 167 และ(ฉบับภาษาไทยหน้า 164 ตัยยานีย์ได้อ้างถึงการเป็นคอลีฟะฮฺของท่านอลี จากหนังสือ นะญุลบะลาเฆาะฮฺ โดย มุฮัมมัด อับดุฮฺ เล่ม 1 หน้า 34 บท อัชชักชะกียะฮฺ (หากเราอ่านฉบับอื่น เขาจะเรียกว่า คุตบะฮฺ อัลมุตะกอ๊มมิเซาะฮฺ เช่นกัน) ยกเพียงเล่มเดียวก็คงหักล้างคำพูดของคุณได้แล้วน่ะครับ

หนังสือ นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺนั้น เป็นหลักฐานกับชีอะฮฺ ไม่ใช่กับซุนนะฮฺ คุณจะมาพยายามหลีกเลี่ยงนั้น ย่อมไร้ผลครับ เพราะท่าน อัลฮาดี กาชิฟ อัลฆ่อฏออฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ มุสตัดร๊อก นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ ว่า ?แท้จริงหนังสือนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ หรือสิ่งที่ อัลลามะฮฺ อบูอัลหะซัน มุฮัมมัด อัรริฏอ ได้เลือกจากคำพูดของ หัวหน้าแห่งศรัทธาชน ..... ซึ่งเป็นหนึ่งจากบรรดาหนังสืออิสลามที่มีความสำคัญยิ่ง...จนกระ ทั่งเขากล่าวว่า.... มันเป็นรัศมี สำหรับผู้เอาแสงสวางด้วยกับมัน และเป็นความปลอดภัยสำหรับผู้ที่ยึดจับมัน และเป็นหลักฐานสำหรับผู้ยึดมั่น และเป็นหัวใจสำหรับผู้พิจารณา? ดู บทนำ มุสตัดร๊อด นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ หน้า 5

 ท่าน กาชิฟ อัลฆ่อฏออฺ กล่าวอีกว่า ?การเชื่อมั่นของเรา ในหนังสือนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺนั้น แท้จริง ทั้งหมดสิ่งที่มีอยู่ในนั้น จากบรรดาคุตบะฮฺ บรรดาสาร บรรดาคำสั่งเสีย บรรดาฮิกมะฮฺ และจรรยามารยาทต่างๆ นั้น สถานะภาพของหนังสือเล่มนี้ เหมือนกับสถานะภาพของสิ่งที่ถูกรายงานมาจากท่านนบี(ซ.ล.)และจาก อะฮฺลิลบัยตฺของท่าน ในการรวบรวมไว้ซึ่งบรรดาฮะดิษที่ซอเฮี๊ยะฮฺและบรรดาสารที่ได้รั บการพิจารณาเชื่อถือ? มุสตัดร๊อด นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ หน้า 192
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เกี่ยวกับบรรดาคอลิฟะฮ์ 12 คน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พ.ค. 03, 2007, 08:19 PM »
0
อัลกุลัยนีย์  ได้รายงานไว้ในหนังสือ อุซูลอัลกาฟีย์ ความว่า

عِدَّةٌ مِنْ أَصْحَابِنَا عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدٍ الْبَرْقِيِّ عَنْ أَبِي هَاشِمٍ دَاوُدَ بْنِ الْقَاسِمِ الْجَعْفَرِيِّ عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ الثَّانِي (عَلَيْهِ السَّلام) قَالَ أَقْبَلَ أَمِيرُ الْمُؤْمِنِينَ (عَلَيْهِ السَّلام) وَمَعَهُ الْحَسَنُ بن علي (عَلَيْهما السَّلام) وَهُوَ مُتَّكِىٌ عَلَى يَدِ سَلْمَانَ فَدَخَلَ الْمَسْجِدَ الْحَرَامَ فَجَلَسَ إِذْ أَقْبَلَ رَجُلٌ حَسَنُ الْهَيْئَةِ وَاللِّبَاسِ فَسَلَّمَ عَلَى أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ فَرَدَّ عَلَيْهِ السَّلامَ فَجَلَسَ ثُمَّ قَالَ يَا أَمِيرَ الْمُؤْمِنِينَ أَسْأَلُكَ عَنْ ثَلاثِ مَسَائِلَ إِنْ أَخْبَرْتَنِي بِهِنَّ عَلِمْتُ أَنَّ الْقَوْمَ رَكِبُوا مِنْ أَمْرِكَ مَا قُضِيَ عَلَيْهِمْ وَأَنْ لَيْسُوا بِمَأْمُونِينَ فِي دُنْيَاهُمْ وَآخِرَتِهِمْ وَإِنْ تَكُنِ الاخْرَى عَلِمْتُ أَنَّكَ وَهُمْ شَرَعٌ سَوَاءٌ فَقَالَ لَهُ أَمِيرُ الْمُؤْمِنِينَ (عَلَيْهِ السَّلام) سَلْنِي عَمَّا بَدَا لَكَ قَالَ أَخْبِرْنِي عَنِ الرَّجُلِ إِذَا نَامَ أَيْنَ تَذْهَبُ رُوحُهُ وَعَنِ الرَّجُلِ كَيْفَ يَذْكُرُ وَيَنْسَى وَعَنِ الرَّجُلِ كَيْفَ يُشْبِهُ وَلَدُهُ الاعْمَامَ وَالاخْوَالَ فَالْتَفَتَ أَمِيرُ الْمُؤْمِنِينَ (عَلَيْهِ السَّلام) إِلَى الْحَسَنِ فَقَالَ يَا أَبَا مُحَمَّدٍ أَجِبْهُ قَالَ فَأَجَابَهُ الْحَسَنُ (عَلَيْهِ السَّلام) فَقَالَ الرَّجُلُ أَشْهَدُ أَنْ لا إِلَهَ إِلا الله وَلَمْ أَزَلْ أَشْهَدُ بِهَا وَأَشْهَدُ أَنَّ مُحَمَّداً رَسُولُ الله وَلَمْ أَزَلْ أَشْهَدُ بِذَلِكَ وَأَشْهَدُ أَنَّكَ وَصِيُّ رَسُولِ الله (صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِه) وَالْقَائِمُ بِحُجَّتِهِ وَأَشَارَ إِلَى أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ وَلَمْ أَزَلْ أَشْهَدُ بِهَا وَأَشْهَدُ أَنَّكَ وَصِيُّهُ وَالْقَائِمُ بِحُجَّتِهِ وَأَشَارَ إِلَى الْحَسَنِ (عَلَيْهِ السَّلام) وَأَشْهَدُ أَنَّ الْحُسَيْنَ بْنَ عَلِيٍّ وَصِيُّ أَخِيهِ وَالْقَائِمُ بِحُجَّتِهِ بَعْدَهُ وَأَشْهَدُ عَلَى عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ أَنَّهُ الْقَائِمُ بِأَمْرِ الْحُسَيْنِ بَعْدَهُ وَأَشْهَدُ عَلَى مُحَمَّدِ بْنِ عَلِيٍّ أَنَّهُ الْقَائِمُ بِأَمْرِ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ وَأَشْهَدُ عَلَى جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ بِأَنَّهُ الْقَائِمُ بِأَمْرِ مُحَمَّدٍ وَأَشْهَدُ عَلَى مُوسَى أَنَّهُ الْقَائِمُ بِأَمْرِ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ وَأَشْهَدُ عَلَى عَلِيِّ بْنِ مُوسَى أَنَّهُ الْقَائِمُ بِأَمْرِ مُوسَى بْنِ جَعْفَرٍ وَأَشْهَدُ عَلَى مُحَمَّدِ بْنِ عَلِيٍّ أَنَّهُ الْقَائِمُ بِأَمْرِ عَلِيِّ بْنِ مُوسَى وَأَشْهَدُ عَلَى عَلِيِّ بْنِ مُحَمَّدٍ بِأَنَّهُ الْقَائِمُ بِأَمْرِ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِيٍّ وَأَشْهَدُ عَلَى الْحَسَنِ بْنِ عَلِيٍّ بِأَنَّهُ الْقَائِمُ بِأَمْرِ عَلِيِّ بْنِ مُحَمَّدٍ وَأَشْهَدُ عَلَى رَجُلٍ مِنْ وُلْدِ الْحَسَنِ لا يُكَنَّى وَلا يُسَمَّى حَتَّى يَظْهَرَ أَمْرُهُ فَيَمْلاهَا عَدْلاً كَمَا مُلِئَتْ جَوْراً وَالسَّلامُ عَلَيْكَ يَا أَمِيرَ الْمُؤْمِنِينَ وَرَحْمَةُ الله وَبَرَكَاتُهُ ثُمَّ قَامَ فَمَضَى فَقَالَ أَمِيرُ الْمُؤْمِنِينَ يَا أَبَا مُحَمَّدٍ اتْبَعْهُ فَانْظُرْ أَيْنَ يَقْصِدُ فَخَرَجَ الْحَسَنُ بن علي (عَلَيْهما السَّلام) فَقَالَ مَا كَانَ إِلا أَنْ وَضَعَ رِجْلَهُ خَارِجاً مِنَ الْمَسْجِدِ فَمَا دَرَيْتُ أَيْنَ أَخَذَ مِنْ أَرْضِ الله فَرَجَعْتُ إِلَى أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ (عَلَيْهِ السَّلام) فَأَعْلَمْتُهُ فَقَالَ يَا أَبَا مُحَمَّدٍ أَ تَعْرِفُهُ قُلْتُ الله وَرَسُولُهُ وَأَمِيرُ الْمُؤْمِنِينَ أَعْلَمُ قَالَ هُوَ الْخَضِرُ (عَلَيْهِ السَّلام

ผม الأزهرى ขอกล่าวว่า ฮาดิษ ฏออีฟ เพราะว่า มี

1- อะฮฺมัดบินมุฮัมมัด อัลบัรกีย์ ผู้ที่สงสัยไม่แน่ใจในสิบสองอิมาม

2- มีอบู ฮาชิม อัลญะฟะรีย์ ผู้ไม่รู้ว่า อิมามที่ 11 คือใคร? คือ ฮาดิษนี้ เขาได้รายงานจากอิมาม คน 8 คืออบูญะฟัร (คนที่2) อิมาม อัรริฏอ ว่ามีอิมาม 12 คน แต่เมื่อเราไปดู บทที่ว่า ด้วยเรื่อง การบ่งชี้และระบุ ถึงการเป็นอิมาม ฮะซัน อัลอัสกะรีย์ ในฮาดิษที่ 10 โดยอบู ฮาชิม อัลญะฟะรีย์ กล่าวว่า ฉันได้เคยอยู่กับอิมามคนที่ 10 คืออิมาม อัลฮาดี หลังจากที่ บุตรชายของท่าน คืออบูญะฟัร (อิมาม อัลญะวาด)เสียชีวิต ฉันเคยกล่าวในใจว่า อบูญะฟัร(อิมามอัลญะวาด) หรือ อบูมุฮัมมัด(อิมาม อัลอัสกะรีย์) กันแน่(ที่เป็นอิมามสืบต่อ) ซึ่งบางที อาจเป็นเหมือนกับ อิสมาแอลบินญะฟัร(อัศศอดิก)กับ มูซาบินญะฟัร(อิมามอัลกาซิม) โดยที่ อิมามอัศศอดิก ได้เคยแต่งตั้ง อิสมาแอลให้เป็นอิมามสืบต่อ แต่หลังที่เขาได้เสียไปเสียก่อน อิมามญะฟัร อัศศอดิก จึงแต่งตั้งอิมามมูซา(อัลกาซิม)เป็นอิมามแทน ดังนั้นเรื่องราวของ ซัยยิดมุฮัมมัด(อิมามญะวาด)และอิมามอัลฮาซัน อัลอัสกะรีย์ ก็คงเหมือนอย่างนั้นเช่นเดียวกัน โดยที่อิมามนั้นท่านมูซา ได้เป็น ..........ดังนั้นอิมามที่10 อบู อัลฮาซัน(อัลฮาดี) จึงบอกจากสิ่งที่ฉันคิดอยู่ "

ผม อัล-อัซฮะรีย์ ขอกล่าวว่า อบู ฮาชิม อัลญะฟะรีย์ นี้ไม่รู้ว่า ใครเป็นอิมาม คน 11 เขาเพิ่งมารู้ตอนที่อิมามท่านที่ 10 บอก ซึ่งฮาดิษนี้ เขาได้รายงานว่ามี 12คน จากอิมามคนที่ 8 พอไปอยู่กับอิมามคน 10 อบู ฮาชิม กับไม่รู้แน่ว่า ใครอิมามคนที่ 11 ??? ส่วนการวิจารณ์เกี่ยวกับตัวบทนั้น คอยติดตามต่อไป...

ผมอยากถามคุณฟานูสและแจมแมนว่า ชีอะฮฺบรรทัดฐานอย่างไรในการเชื่อเรื่องอิมาม12และรายชื่อของพว กเขา ทั้งที่ตัวบทการระบุชื่อนี้ก็ไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะครับ  ส่วนการวิจารณ์เกี่ยวกับตัวบทนั้น คอยติดตามต่อไป...
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เกี่ยวกับบรรดาคอลิฟะฮ์ 12 คน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พ.ค. 03, 2007, 08:50 PM »
0
แจมแมน

เดี๋ยวก่อนดิบังอัซฮะรีย์ ยังงงเรื่องคอลีฟะฮ์สิบสองในทัศนะของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์เลยอ่ะบัง&n bsp; ตกลงแล้วข้อสรุป (คำตอบสุดท้าย) สำหรับเรื่องนี้ไม่มีเหรอ ทัศนะอุละมอขัดแย้งกัน แล้วชาวบ้านตาดำๆอย่างจะไปเอาทัศนะใหนดีอ่ะ บังเลือกทัศนะใหนอ่ะคับ ผมอยากรู้ข้อสรุปอ่ะบัง ตกลงสมัยที่ยะซีดปกครอง ที่มีการถล่มมักกะฮ์กันน่ะ อิสลามยิ่งใหญ่เหรอบังช่วงนั้น แล้วบนีอับบาสไปอยู่ใหนในรายชื่ออ่ะบัง ถ้าตามคำพูดที่บังว่ามา ฮารูน อัรรอชีด กับ มะอ์มูน ไม่ทำให้รัฐอิสลามเจริญกว่าคนอย่างยะซีดเหรอ แล้วไม่เห็นมีเลยอ่ะบัง คำว่าเคาะลีฟะฮ์แปลว่าตัวแทนไช่มั้ยบัง ถ้าเป็นฮะดีษจากนบี เคาะลีฟะฮ์ในที่นี้ก็ต้องเป็นผู้ที่มีคุณลักษณะสอดคล้องกับอัคล ๊ากนบี แล้วยะซีดมาจากใหนอ่ะบัง สอดคล้องกับนบีม๊ากมาก..

al-azhary

คุณแจมแมน คุณต้องเข้าใจนะว่า ฮะดิษที่นำเสนอไปนั้น เป็นฮะดิษของซุนนะฮฺ ที่กล่าวถึงผู้ปกครอง 12 ท่าน ซึ่งมีนบีไม่ได้กล่าวชื่อเลย เราจึงเอาเหตุการณ์จริงที่ไม่ใช่ทฤษฏีและจินตนาการมาพิจารณา วินิจฉัย การวินิจฉัยย่อมมีความเห็นที่แตกต่างกันไป ส่วนความเห็นที ่ไกล้เคียงที่สุด ก็คือความเห็นของอิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ นี่ถ้าผมสนทนากับซุนนะฮฺ ก็เข้าใจไปนานแล้ว แต่เผอิญว่าผมมาสนทนากับชีอะฮฺ อัรรอฟิเฏาะฮฺ อย่างคุณแจมแมนเนี่ย จึงเข้าใจอะไรยากพอสมควร เพราะว่าไม่ยอมเข้าใจอะไรได้ง่ายในกรณีนี้ โดยเฉพาะกรณีของยะซีด ซึ่งผมรู้ดีว่าคุณเกลียดเขาแบบบ้าคลั่ง เอะอะอะไร ไปใหนไม่รอด ก็ไปลงที่ยะซีด กล่าวหาว่าเขาฆ่าลูกหลานนบี ทั้งที่ตัวจริงนั้น เป็นชีอะฮฺมากกว่า สำหรับการที่คุณแจมแมนว่ายะซีดชั่วหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมเองก็ไม่อยากจะปกป้อง เพราะในทัศนะของซุนนะฮฺนั้น เขาไม่ใช่ผู้ปกครองผู้ทรงธรรม
ดังที่ผมได้กล่าวไปที่กระดานแรก ผมรู้สึกว่าค ุณไม่เคยพิจารณาคำกล่าวของท่านอลี(อ.)เลยแม้แต่น้อย ผมไม่ทราบว่าคุณจะเชื่อใคร ผมก็พยายาม จะยกอัลกุรอาน มันไม่ได้กล่าวรายชื่อบรรดาอิมามเอาไว้ และอัลกุรอานก็ถูกบิดเบือนตามทัศนะของชีอะฮฺที่คุณแจมแมนเองก็ช ี้แจงไม่ได้ พออ้างคำกล่าวท่านอลี คุณก็ทำไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย พอผมอ้างฮะดิษของซุนนะฮฺ มันก็ไม่เกี่ยวกับอิมาม12 ตามลัทธิของคุณเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อผมเอาหลักฐานของคุณในหนังสืออัลกาฟีย์มา คุณก็ทำหูไปนาตาไปไร่ แสดงว่าคุณไม่มีหลักยึดอะไรเลย

คุยกันมาตั้งเยอะ คุณแจมแมนก็ยังมีปัญหากับยะซีด ซึ่งชีอะฮฺถือว่าเป็นคนชั่ ว ไม่ว่าจะเป็นกรณีถล่มมักกะฮฺตามที่คุณแจมแมนอ้างขึ้น&nb sp;( ผมอยากถามสักนิดว่า ที่ถล่มมักกะฮฺนั้น ถล่มอย่างไร และใครก็ทำการปกป้องมักกะฮฺอยู่ในตอนนั้น ?? ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ชีอะฮฺอย่างแน่นอน..ซึ่งชีอะฮฺแกนนำโดยโคไมนีย์เคยสร้างฟ ิตนะฮฺขึ้น โดยนำอาวุธและระเบิดเข้าไปก่อความไม่สงบในมักกะฮฺ ทำให้คนล้มตาย ) ในกรณีนี้ผมก็ชี้แจงจากคำกล่าวของท่านอลี ในนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺไปแล้ว
ส่วนคำว่าอิสลามยังคงยิ่งใหญ่นั้น ไม่ใช่ว่า จะไปเทียบเจริญกว่าคนยุคนั้นๆหรือไม่ ? คุณจะไปเทียบกับท่านฮะรูณ อัรร่อชีด หรือมะมูน ไม่ได้หรอก เพราะตามตัวบทฮะดิษนั้น ชี้ถึงการปกครองที่ต่อเนื่อ ง หากพ้นไปจาก ผู้ปกครอง12ท่านแล้ว อิสลามยังยิ่งใหญ่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ดังนั้น คุณเข้าใจคำว่ายิ่งใหญ่ต่อเนื่องหรือไม่ ?

ส่วนคำว่ายิ่งใหญ่นั้น ไม่ใช่ว่าจะเจริญกว่าสมัยนั้น สมัยนี้ หากคุณเปรียบเทียบอย่างนั้น แน่นอนว่า ในสมัยของ ฮารูณ อัรร่อชีด ก็ย่อมเจริญกว่าสมัยท่านอลี อย่างแน่นอน ดังนั้นคำว่าอิสลามยังคงยิ่งใหญ่ ก็หมายถึง อิสลามยังคงเป็นอาณาจักรอิสลาม ที่ไม่มีศาสนาใดมายึดครอง หรือให้รัฐอิสลามต้องตกต่ำลงไป

หากคุณมาค้านผมว่า คอลิฟะฮฺแปลว่าตัวแทน นั้น มันแค่เชิงภาษา แต่ทำไมคุณไม่แปลว่า ผู้ปกครอง อย่างที่คุณเคยแปลไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนหรือผู้ปกครองตามที่คุณเข้าใจ แต่ฮะดิษที่ผมนำเสนอไปนั้น ก็ไม่ได้ว่างเงื่อนไขว่าต้องมีอักล๊ากแบบนบี ไม่ได้ว่างเงื่อนไขว่าต้องเป็นผู้ทรงธรรม ดังที่ท่านอลีได้บอกเอาไว้ว่า บรรดาต่อบรรดามนุษย์ ที่ต้องมีผู้ที่ดีและที่ไม่ดี คนไม่ดี ท่านอลียังเรียกว่า ผู้นำเลยคุณ แต่ผู้นำไม่ดีนั้น ซุนนะฮฺถือว่า ไม่มีการตออัตต่อพวกเขาในเรื่องที่ฝ่าฝืนต่ออัลเลาะฮฺ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เกี่ยวกับบรรดาคอลิฟะฮ์ 12 คน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พ.ค. 03, 2007, 09:02 PM »
0
al-azhary

อ้างอิงจากฮะดิษอัลกาฟีย์ในเรื่องการระบุถึงอิมาม 12 ที่ผมได้เสนอไปแล้วข้างต้น ซึ่งมีตอนหนึ่งว่า

وَمَعَهُ الْحَسَنُ بن علي (عَلَيْهما السَّلام) وَهُوَ مُتَّكِىٌ عَلَى يَدِ سَلْمَانَ

ความว่า" พร้อมกับท่านอลีนั้น มีท่าน อัลหะซันบินอลี(อ.) โดยที่เขานั่งพิงตักท่านซันมานอยู่" สังเกตุให้ดีครับว่า ในขณะนั้น ท่านหะซัน โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และท่านซัลมานก็ชรามากแล้ว ท่านหะซันจะไปนั่งพิงตักท่านซัลมานได้อย่างไร ผู้รายงานฮะดิษนี้ พยายมกุและจินตนาการว่า มีชายบุคลิกดีมาหา โดยที่ท่านหะซันยังเป็นเด็กโดยนั่งตักท่านซัลมาน ทั้งที่ในตอนนั้นท่านหะซันเป็นผู้ใหญ่แล้ว นี่แหละครับเขาเรียกว่า ฮะดิษที่ถูกกุขึ้นมา

ثُمَّ قَالَ يَا أَمِيرَ الْمُؤْمِنِينَ أَسْأَلُكَ عَنْ ثَلاثِ مَسَائِلَ إِنْ أَخْبَرْتَنِي بِهِنَّ عَلِمْتُ أَنَّ الْقَوْمَ رَكِبُوا مِنْ أَمْرِكَ مَا قُضِيَ عَلَيْهِمْ وَأَنْ لَيْسُوا بِمَأْمُونِينَ فِي دُنْيَاهُمْ وَآخِرَتِهِمْ

ความว่า" ชาย(ผู้บุคลิกดี)ผู้กล่าวว่า โอ้ หัวหน้าแห่งศัทธาชน ฉันจะถามท่าน จากสามปัญหาด้วย หากท่านบอกฉันได้ ด้วยกับสิ่งเหล่านั้น ฉันก็รู้ว่า กลุ่มชนนั้นได้ อธรรมต่อภาระกิจของท่าน กับสิ่งที่ถูกกำหนดเหนือพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่ได้รับความปลอดภัย ทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺของพวกเขา " เมื่อเราอ่านตัวบทนี้ไปเรื่อย ๆ เราสามารถทราบว่า คำถาม 3 ข้อนี้ เกี่ยวเรื่อง (1) คนนอนแล้ววิญญานไปใหน (2) ถามเกี่ยกับความจำกับการลืม (3) ลูกจะเกิดมาเกี่ยวกับน้าเขาได้อย่างไร ?? อยู่ดี ๆ ตอบคำถามได้ ก็รู้เลยว่า ผู้ตอบนั้น เป็นอิมาม ทั้งที่คำถามทั้ง 3 ข้อนั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องคอลิฟะฮฺอะไรเลย ?? และคนรายงานก็ไม่รู้ด้วยว่าใครคืออิมามคนที่ 11 แล้วดันมารายงาน รายชื่อิมาม 12 คน

al-azhary

ฮะดิษที่1 นี้ยังมีข้อตำวิจารณ์อีกหลายจุด ส่วนฮะดิษที่ 2 นั้น ผู้รายงานคนเดียวกับฮะดิษที่ 1 ส่วนฮะดิษที่ 3 นั้น เรื่องการระบุชื่ออิมาม ในกระดานที่ท่านญาบิร เห็นจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ โดยที่ ท่านอิมามบากิรสนทนากับญะบิร และท่านญะฟัรอัศศอดิกอยู่ด้วย ทั้งที่ ตอนอิมามบากิรเกิดนั้น ท่านญาบิรเสียชีวิตไปนานแล้ว เราลองมาติดตามการโกหกของชีอะฮฺเกี่ยวกับการกุรายชื่อิมาม12ที่พวกเขากุขึ้นมากันครับ

al-azhary

ฮะดิษที่1 นี้ยังมีข้อตำวิจารณ์อีกหลายจุด ส่วนฮะดิษที่ 2 นั้น ผู้รายงานคนเดียวกับฮะดิษที่ 1 ส่วนฮะดิษที่ 3 นั้น เรื่องการระบุชื่ออิมาม ในกระดานที่ท่านญาบิร เห็นจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ โดยที่ ท่านอิมามบากิรสนทนากับญะบิร และท่านญะฟัรอัศศอดิกอยู่ด้วย ทั้งที่ ตอนอิมามบากิรเกิดนั้น ท่านญาบิรเสียชีวิตไปนานแล้ว เราลองมาติดตามการโกหกของชีอะฮฺเกี่ยวกับการกุรายชื่อิมาม12ที่พวกเขากุขึ้นมากันครับ

แก้ใขคำผิดครับ

ฮะดิษที่1 นี้ยังมีข้อตำวิจารณ์อีกหลายจุด ส่วนฮะดิษที่ 2 นั้น ผู้รายงานคนเดียวกับฮะดิษที่ 1 ส่วนฮะดิษที่ 3 นั้น เรื่องการระบุชื่ออิมาม ในกระดานที่ท่านญาบิร เห็นจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ โดยที่ ท่านอิมามบากิรสนทนากับญะบิร และท่านญะฟัรอัศศอดิกอยู่ด้วย ทั้งที่ ตอนอิมามศอดิกเกิดนั้น ท่านญาบิรเสียชีวิตไปนานแล้ว เราลองมาติดตามการโกหกของชีอะฮฺเกี่ยวกับการกุรายชื่อิมาม12ที่พวกเขากุขึ้นมากันครับ

al-azhary

ฮาดิษที่ 2 จากอัลกาฟีย์ ว่าด้วยเรื่อง การระบุถึง 12 อิมาม

وَحَدَّثَنِي مُحَمَّدُ بْنُ يَحْيَى عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ الْحَسَنِ الصَّفَّارِ عَنْ أَحْمَدَ بْنِ أَبِي عَبْدِ الله عَنْ أَبِي هَاشِمٍ مِثْلَهُ سَوَاءً قَالَ مُحَمَّدُ بْنُ يَحْيَى فَقُلْتُ لِمُحَمَّدِ بْنِ الْحَسَنِ يَا أَبَا جَعْفَرٍ وَدِدْتُ أَنَّ هَذَا الْخَبَرَ جَاءَ مِنْ غَيْرِ جِهَةِ أَحْمَدَ بْنِ أَبِي عَبْدِ الله قَالَ فَقَالَ لَقَدْ حَدَّثَنِي قَبْلَ الْحَيْرَةِ بِعَشْرِ سِنِينَ.

ฮาดิษ นี้ผู้รายงาน เหมือนกับ ฮะดิษแรก และมุฮัมมัด บิน ยะหฺยา กล่าวว่า ฮะดิษ(เกี่ยวกับเรื่องการระบุ 12 อิมาม)นี้ คงไม่มาจากด้านของ อะหฺมัด บิน อบีอับดิลลาหฺ (เขา คืออะหฺมัด บิน มุฮัมมัด บิน คอลิต อัลบัรกีย์ ) เพราะเขาได้กล่าวรายงานกับมุฮัมมัดบินยะหฺยา ก่อน สับสน งง สงสัยในศาสนา และในเรื่อง อิมาม 12 มาตั้ง 10 ปี อันนะญะชีย์ ได้กล่าวไว้ใน หมวดผู้รายงาน อะหฺมัด บิน มุฮัมมัด ว่า เขาเป็นผู้ที่ชอบโกหก หากพี่น้องซุนนะฮฺ ติดตามกระทู้นี้ ก็จะพบว่า อะหฺมัด บิน อบีอับดิลลาหฺนี้ รายงานในฮะดิษที่ 5 ฮาดิษที่ 6 ฮาดิษที่ 9 ฮะดิษที่ 11 ฮะดิษที่ 12 ฮะดิษที่ 13 ฮะดิษที่ 20ซึ่งเป็นฮะดิษสุดท้าย ความจริงผมจะสนทนาเกี่ยวกับฮะดิษที่ระบุ ชื่อ อิมาม 12 เพียงเท่านั้นครับ

al-azhary

ฮะดิษที่ 3 จาก อัลกาฟีย์ ที่ว่าด้วยเรื่อง การระบุถึง 12 อิมาม

مُحَمَّدُ بْنُ يَحْيَى وَمُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ الله عَنْ عَبْدِ الله بْنِ جَعْفَرٍ عَنِ الْحَسَنِ بْنِ ظَرِيفٍ وَعَلِيُّ بْنُ مُحَمَّدٍ عَنْ صَالِحِ بْنِ أَبِي حَمَّادٍ عَنْ بَكْرِ بْنِ صَالِحٍ عَنْ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ سَالِمٍ عَنْ أَبِي بَصِيرٍ عَنْ أَبِي عَبْدِ الله (عَلَيْهِ السَّلام) قَالَ قَالَ أَبِي لِجَابِرِ بْنِ عَبْدِ الله الانْصَارِيِّ إِنَّ لِي إِلَيْكَ حَاجَةً فَمَتَى يَخِفُّ عَلَيْكَ أَنْ أَخْلُوَ بِكَ فَأَسْأَلَكَ عَنْهَا فَقَالَ لَهُ جَابِرٌ أَيَّ الاوْقَاتِ أَحْبَبْتَهُ فَخَلا بِهِ فِي بَعْضِ الايَّامِ فَقَالَ لَهُ يَا جَابِرُ أَخْبِرْنِي عَنِ اللَّوْحِ الَّذِي رَأَيْتَهُ فِي يَدِ أُمِّي فَاطِمَةَ (عليها السلام) بِنْتِ رَسُولِ الله (صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِه) وَمَا أَخْبَرَتْكَ بِهِ أُمِّي أَنَّهُ فِي ذَلِكَ اللَّوْحِ مَكْتُوبٌ فَقَالَ جَابِرٌ أَشْهَدُ بِالله أَنِّي دَخَلْتُ عَلَى أُمِّكَ فَاطِمَةَ (عليها السلام) فِي حَيَاةِ رَسُولِ الله (صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِه) فَهَنَّيْتُهَا بِوِلادَةِ الْحُسَيْنِ وَرَأَيْتُ فِي يَدَيْهَا لَوْحاً أَخْضَرَ ظَنَنْتُ أَنَّهُ مِنْ زُمُرُّدٍ وَرَأَيْتُ فِيهِ كِتَاباً أَبْيَضَ شِبْهَ لَوْنِ الشَّمْسِ فَقُلْتُ لَهَا بِأَبِي وَأُمِّي يَا بِنْتَ رَسُولِ الله (صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِه) مَا هَذَا اللَّوْحُ فَقَالَتْ هَذَا لَوْحٌ أَهْدَاهُ الله إِلَى رَسُولِهِ (صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِه) فِيهِ اسْمُ أَبِي وَاسْمُ بَعْلِي وَاسْمُ ابْنَيَّ وَاسْمُ الاوْصِيَاءِ مِنْ وُلْدِي وَأَعْطَانِيهِ أَبِي لِيُبَشِّرَنِي بِذَلِكَ قَالَ جَابِرٌ فَأَعْطَتْنِيهِ أُمُّكَ فَاطِمَةُ (عليها السلام) فَقَرَأْتُهُ وَاسْتَنْسَخْتُهُ فَقَالَ لَهُ أَبِي فَهَلْ لَكَ يَا جَابِرُ أَنْ تَعْرِضَهُ عَلَيَّ قَالَ نَعَمْ فَمَشَى مَعَهُ أَبِي إِلَى مَنْزِلِ جَابِرٍ فَأَخْرَجَ صَحِيفَةً مِنْ رَقٍّ فَقَالَ يَا جَابِرُ انْظُرْ فِي كِتَابِكَ لاقْرَأَ أَنَا عَلَيْكَ فَنَظَرَ جَابِرٌ فِي نُسْخَةٍ فَقَرَأَهُ أَبِي فَمَا خَالَفَ حَرْفٌ حَرْفاً فَقَالَ جَابِرٌ فَأَشْهَدُ بِالله أَنِّي هَكَذَا رَأَيْتُهُ فِي اللَّوْحِ مَكْتُوباً بِسْمِ الله الرَّحْمَنِ الرَّحِيمِ هَذَا كِتَابٌ مِنَ الله الْعَزِيزِ الْحَكِيمِ لِمُحَمَّدٍ نَبِيِّهِ وَنُورِهِ وَسَفِيرِهِ وَحِجَابِهِ وَدَلِيلِهِ نَزَلَ بِهِ الرُّوحُ الامِينُ مِنْ عِنْدِ رَبِّ الْعَالَمِينَ عَظِّمْ يَا مُحَمَّدُ أَسْمَائِي وَاشْكُرْ نَعْمَائِي وَلا تَجْحَدْ آلائِي إِنِّي أَنَا الله لا إِلَهَ إِلا أَنَا قَاصِمُ الْجَبَّارِينَ وَمُدِيلُ الْمَظْلُومِينَ وَدَيَّانُ الدِّينِ إِنِّي أَنَا الله لا إِلَهَ إِلا أَنَا فَمَنْ رَجَا غَيْرَ فَضْلِي أَوْ خَافَ غَيْرَ عَدْلِي عَذَّبْتُهُ عَذَاباً لا أُعَذِّبُهُ أَحَداً مِنَ الْعَالَمِينَ فَإِيَّايَ فَاعْبُدْ وَعَلَيَّ فَتَوَكَّلْ إِنِّي لَمْ أَبْعَثْ نَبِيّاً فَأُكْمِلَتْ أَيَّامُهُ وَانْقَضَتْ مُدَّتُهُ إِلا جَعَلْتُ لَهُ وَصِيّاً وَإِنِّي فَضَّلْتُكَ عَلَى الانْبِيَاءِ وَفَضَّلْتُ وَصِيَّكَ عَلَى الاوْصِيَاءِ وَأَكْرَمْتُكَ بِشِبْلَيْكَ وَسِبْطَيْكَ حَسَنٍ وَحُسَيْنٍ فَجَعَلْتُ حَسَناً مَعْدِنَ عِلْمِي بَعْدَ انْقِضَاءِ مُدَّةِ أَبِيهِ وَجَعَلْتُ حُسَيْناً خَازِنَ وَحْيِي وَأَكْرَمْتُهُ بِالشَّهَادَةِ وَخَتَمْتُ لَهُ بِالسَّعَادَةِ فَهُوَ أَفْضَلُ مَنِ اسْتُشْهِدَ وَأَرْفَعُ الشُّهَدَاءِ دَرَجَةً جَعَلْتُ كَلِمَتِيَ التَّامَّةَ مَعَهُ وَحُجَّتِيَ الْبَالِغَةَ عِنْدَهُ بِعِتْرَتِهِ أُثِيبُ وَأُعَاقِبُ أَوَّلُهُمْ عَلِيٌّ سَيِّدُ الْعَابِدِينَ وَزَيْنُ أَوْلِيَائِيَ الْمَاضِينَ وَابْنُهُ شِبْهُ جَدِّهِ الْمَحْمُودِ مُحَمَّدٌ الْبَاقِرُ عِلْمِي وَالْمَعْدِنُ لِحِكْمَتِي سَيَهْلِكُ الْمُرْتَابُونَ فِي جَعْفَرٍ الرَّادُّ عَلَيْهِ كَالرَّادِّ عَلَيَّ حَقَّ الْقَوْلُ مِنِّي لاكْرِمَنَّ مَثْوَى جَعْفَرٍ وَلاسُرَّنَّهُ فِي أَشْيَاعِهِ وَأَنْصَارِهِ وَأَوْلِيَائِهِ أُتِيحَتْ بَعْدَهُ مُوسَى فِتْنَةٌ عَمْيَاءُ حِنْدِسٌ لانَّ خَيْطَ فَرْضِي لا يَنْقَطِعُ وَحُجَّتِي لا تَخْفَى وَأَنَّ أَوْلِيَائِي يُسْقَوْنَ بِالْكَأْسِ الاوْفَى مَنْ جَحَدَ وَاحِداً مِنْهُمْ فَقَدْ جَحَدَ نِعْمَتِي وَمَنْ غَيَّرَ آيَةً مِنْ كِتَابِي فَقَدِ افْتَرَى عَلَيَّ وَيْلٌ لِلْمُفْتَرِينَ الْجَاحِدِينَ عِنْدَ انْقِضَاءِ مُدَّةِ مُوسَى عَبْدِي وَحَبِيبِي وَخِيَرَتِي فِي عَلِيٍّ وَلِيِّي وَنَاصِرِي وَمَنْ أَضَعُ عَلَيْهِ أَعْبَاءَ النُّبُوَّةِ وَأَمْتَحِنُهُ بِالاضْطِلاعِ بِهَا يَقْتُلُهُ عِفْرِيتٌ مُسْتَكْبِرٌ يُدْفَنُ فِي الْمَدِينَةِ الَّتِي بَنَاهَا الْعَبْدُ الصَّالِحُ إِلَى جَنْبِ شَرِّ خَلْقِي حَقَّ الْقَوْلُ مِنِّي لاسُرَّنَّهُ بِمُحَمَّدٍ ابْنِهِ وَخَلِيفَتِهِ مِنْ بَعْدِهِ وَوَارِثِ عِلْمِهِ فَهُوَ مَعْدِنُ عِلْمِي وَمَوْضِعُ سِرِّي وَحُجَّتِي عَلَى خَلْقِي لا يُؤْمِنُ عَبْدٌ بِهِ إِلا جَعَلْتُ الْجَنَّةَ مَثْوَاهُ وَشَفَّعْتُهُ فِي سَبْعِينَ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ كُلُّهُمْ قَدِ اسْتَوْجَبُوا النَّارَ وَأَخْتِمُ بِالسَّعَادَةِ لابْنِهِ عَلِيٍّ وَلِيِّي وَنَاصِرِي وَالشَّاهِدِ فِي خَلْقِي وَأَمِينِي عَلَى وَحْيِي أُخْرِجُ مِنْهُ الدَّاعِيَ إِلَى سَبِيلِي وَالْخَازِنَ لِعِلْمِيَ الْحَسَنَ وَأُكْمِلُ ذَلِكَ بِابْنِهِ محمد رَحْمَةً لِلْعَالَمِينَ عَلَيْهِ كَمَالُ مُوسَى وَبَهَاءُ عِيسَى وَصَبْرُ أَيُّوبَ فَيُذَلُّ أَوْلِيَائِي فِي زَمَانِهِ وَتُتَهَادَى رُءُوسُهُمْ كَمَا تُتَهَادَى رُءُوسُ التُّرْكِ وَالدَّيْلَمِ فَيُقْتَلُونَ وَيُحْرَقُونَ وَيَكُونُونَ خَائِفِينَ مَرْعُوبِينَ وَجِلِينَ تُصْبَغُ الارْضُ بِدِمَائِهِمْ وَيَفْشُو الْوَيْلُ وَالرَّنَّةُ فِي نِسَائِهِمْ أُولَئِكَ أَوْلِيَائِي حَقّاً بِهِمْ أَدْفَعُ كُلَّ فِتْنَةٍ عَمْيَاءَ حِنْدِسٍ وَبِهِمْ أَكْشِفُ الزَّلازِلَ وَأَدْفَعُ الاصَارَ وَالاغْلالَ أُولَئِكَ عَلَيْهِمْ صَلَوَاتٌ مِنْ رَبِّهِمْ وَرَحْمَةٌ وَأُولَئِكَ هُمُ الْمُهْتَدُونَ قَالَ عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ سَالِمٍ قَالَ أَبُو بَصِيرٍ لَوْ لَمْ تَسْمَعْ فِي دَهْرِكَ إِلا هَذَا الْحَدِيثَ لَكَفَاكَ فَصُنْهُ إِلا عَنْ أَهْلِهِ.

ฮะดิษที่ 3 นี้ ระบุชื่อ อิมาม 12 เต็มๆ เลยครับ แต่ฮะดิษ เมาฏั๊วะอฺ กุขึ้นมาจริง ๆครับ เช่น อัลมะมากอนีย์ ได้กล่าวเกี่ยวนักรายงาน ซอและหฺ บิน อบี หัมมาด ว่าเขานั้น ฏออีฟ ดู เล่ม 2 หน้า 91 เราลองมาดูบทโดยไม่ต้องพิจารณาสายรายงานที่ฏออีฟกันนะครับ

عَنْ أَبِي عَبْدِ الله (عَلَيْهِ السَّلام) قَالَ قَالَ أَبِي لِجَابِرِ بْنِ عَبْدِ الله الانْصَارِيِّ

จากอบีอับดิลลาฮฺ (อิมามญะฟัรอัศศอดิก) กล่าวว่า บิดาฉันกล่าวกับท่านญาบิร บุตร อับดิลลาห์ อัลอังซอรีย์.... เราลองมาพิจารณาจับเท็จกันนะครับ ความหากท่านญะฟัรอัศศอดิก รายงาน จาอบิดาของเขา คืออิมามบากิร ต้องใช้คำว่า รายงานจาก บิดาของฉัน หรือบิดาของฉันเล่ากับฉันว่า หรือบิดาของฉันบอกแก่ฉันว่า แต่ฉันญัรอัศศอดิกกล่าวว่า บิดาของฉันกล่าวแก่ท่านญาบิร.. ก็แสดงเหมือนว่า ท่านญะฟัรอัศศอดิกอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ทั้งที่ท่านญะฟัรอัศศอดิก เกิดในปีที่ 83 ฮ.ศ. และท่านญาบิร เสียชีวิตในปีที่ 74 ฮ.ศ. (ซึ่งมีการขัดแย้งกันในเรื่องปี) แสดงว่า ท่านญาบิรเสียชีวิตก่อนอิมามญะฟัรอัศศอดิกเกิดเป็น 10 ปี

เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นช่วงที่อิมามบากิรใกล้จะเสียชีวิต แล้วท่านอิมามบากิรก็เรียกท่านญาบิรมา พูดเกี่ยว รายชื่ออิมาม ที่ถูกบันทึกไว้ในแผ่นหนังหรือกระดาน ทั้งที่อิมามบากิรนั้น เสียชีวิตในปี 114หรือ 118 ฮ.ศ. (ซึ่งมีการขัดแย้งกันในเรื่องนี้) ซึ่งตอนนั้น ท่านญาบิร ไม่อยู่ในโลกดุนยา แล้ว และจากตัวบทฮะดิษที่ 3 นี้ ยังมีให้พิจารณาอีกหลายจุดด้วยกัน
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged