بسم الله الرحمن الرحيم
คอลิฟะฮฺผู้ปกครอง 12 ท่าน
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชีอะฮฺเมืองไทยต่างแอบอ้างฮะดิษของซุนนะฮฺให้กับพี่น้องซุนนะฮฺ ที่รู้เท่าไม่ถึงการและชีอะฮฺที่หลงเข้าใหม่ ด้วยบรรดาฮะดิษที่กล่าวถึงผู้ปกครอง 12 ท่าน ซึ่งตัวเลขนี้บังเอิญไปตรงกับเลขลัทธิอิมาม 12 ของชีอะฮฺอิมามียะฮฺ อัรรอฟิเฏาะฮฺ ดังกล่าวนี้ จึงทำให้พี่น้องซุนนะฮฺทั่วไปและชีอะฮฺที่หลงเข้าใหม่และเก่าคิ ดว่าฮาดิษคอลิฟะฮฺ 12 ท่านนั้นคือ อิมาม 12 ของลัทธิชีอะฮฺ ผมคิดว่าจะพูดเรื่อง 20 ฮาดิษที่ระบุอิมาม 12 จากหนังสือ อุซูล อัล-กาฟีย์ แต่ชีอะฮฺเขาไม่ตอบรับในการสนทนา เนื่องจากพวกเขาต้องการสนทนาถึงฮะดิษของซุนนะฮฺที่กล่าวคอลิฟะฮ ฺ 12 ท่านก่อน โดยหลีกเลี่ยงการสนทนา 20 ฮะดิษในอุซูล อัล-กาฟีย์ โดยอ้างว่าต้องการเอามาเป็นบทนำในการร่วมสนทนา ผมก็พอเข้าเจตนาของพวกเขา ดังนั้น ผมก็ขอตอบรับการสนทนาเกี่ยวกับฮะดิษของซุนนะฮฺที่กล่าวถึงผู้ปก ครองคอลิฟะฮฺ 12 ท่านและตามไปด้วยเรื่องเกี่ยวกับอิมาม 12 และการระบุชื่อ อิมาม 12 ในหนังสือ อุซูล อัล-กาฟีย์ หวังว่าพวกชีอะฮฺทั้งหลายคงให้การชี้แนะ
عن جابر بن سمرة رضي الله عنه عن النبي صلى الله عليه وسلم قال : يكون بعدى اثنا عشر خليفة كلهم من قريش
รายงานจาก ญาบิร บุตร ซะมุเราะฮฺ (ร.ฏ.) จากท่านนบี (ซ.ล.) ท่านกล่าวว่า "
จะมี 12 ผู้ปกครอง ซึ่งพวกเขาทั้งหมดมาจากกุเรช " ฟัตฮุลบารีย์ เล่ม 13 หน้า 181 รายงานโดย มุสลิม ฮะดิษที่ 1821 ท่านติรมิซีย์ ฮะดิษที่ 2224 มุสนัด อิมามอะหฺมัด เล่ม 5 หน้า 87-90-92-95-97-99-101-107-108
ท่านบุคอรีย์รายงานจากญาบิร บุตร ซะมุเราะฮฺ อีกว่า
لا يزال الإسلام عزيزاً إلى اثني عشر خليفة كلهم من قريش
ความว่า "
อิสลามยังคงยิ่งใหญ่ จนกระทั้งถึงคอลิฟะฮฺ 12 คน ซึ่งพวกเขาทั้งหมดมาจากกุเรช "
ท่านบุคอรีย์รายงานโดยใช้อีกคำหนึ่งว่า " اثنى عشر أميراً " ความว่า " หัวหน้า(ผู้ปกครอง) 12 คน "
มีสายรายงานอื่นอีกจากท่านอบีดาวูด
لا يزال هذا الدين قائماً حتى يكون عليكم اثنا عشر خليفة كلهم تجتمع عليه الأمة فسمعت كلاماً من النبي صلى الله عليه وسلم لم أفهمه ، قلت لأبي : ما يقول ؟ قال : كلهم من قريش
ความว่า "
ศาสนานี้ยังคงดำรงอยู่ จนกระทั่งมี 12 คอลิฟะฮฺปกครองพวกท่าน ซึ่งพวกเขาทั้งหมดนั้น ประชาชาติ(อิสลาม)ได้รวมไว้บนเขา แล้วฉันก็ได้ยินคำพูดหนึ่งจากท่านนบี(ซ.ล.)โดยที่ฉันไม่เข้าใจมัน ฉันจึงกล่าวกับบิดาของฉันว่า ท่านนบีกล่าวว่าอะไรหรือ ? บิดาฉันกล่าวว่า " พวกเขาทั้งหมดนั้นมาจากกุเรช " สุนัน อบีดาวูด ฮะดิษที่ 4279 และอีกสายรายงานเช่นกันว่า " ศาสนานี้ยังคงความยิ่งใหญ่ จนกระทั่งถึง 12 คอลิฟะฮฺ " สุนัน อบีดาวูด ฮะดิษที่ 4280
อธิบายจากบรรดาฮะดิษที่ผมหยิบยกมาสนทนานั้น ยังมีอีกหลายฮะดิษที่อยู่ในความหมายทำนองเดียวกัน ซึ่งบรรดาฮะดิษดังกล่าวนั้น ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวเอาไว้อย่างรวบรัดและได้ใจความว่า จะมีคอลิฟะฮฺผู้ปกครองหลังจากท่าน 12 คน โดยที่ท่านนบีไม่ได้บอกเอาไว้ว่าเป็นผู้ใดบ้าง ดังนั้น รายงาน คอลิฟะฮฺ 12 คนนั้น จึงอยู่ในเรื่องการวินิจฉัยของบรรดาอุลามาอฺซุนนะฮฺจากตัวบทที่ ท่านนบี(ซ.ล.)ได้บอกเอาไว้ สิ่งที่ได้จากบรรดาฮะดิษดังกล่าวนั้น สรุปพอสังเขปตามความเป็นจริงและเกิดขึ้นจริงได้ดังต่อไปนี้
1. จะมีคอลิฟะฮฺ 12 คน หลังจากท่านนบี(ซ.ล.)เสียชีวิต
2. คอลิฟะฮฺ 12 คนนั้นมาจากกุเรช
3. คอลิฟะฮฺ 12 คนดังกล่าวนั้น พวกเขาจะได้เป็นผู้ปกครองอาณาจักรอิสลาม
4. อิสลามยังคงมีความมั่นคง แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงคอลิฟะฮฺ 12 คน
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุกะษีร กล่าวว่า "พวกเขาเหล่านั้นที่ได้ระบุไว้ในฮะดิษ ไม่ใช่ อิมาม 12 ที่ชีอะฮฺ อัรรอฟิเฏาะฮฺได้โกหกกล่าวอ้าง โดยที่พวกเขานั้นมะอฺซูม เพราะส่วนมากจากพวกเขานั้น ไม่มีคนหนึ่งคนใดทำการปกครองประชาชาติอิสลามในฐานะคอลิฟะฮฺ ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังไม่ได้ปกครอง แคว้นหนึ่งจากบรรดาแคว้นต่าง ๆ หรือเมืองหนึ่งจากบรรดาเมืองต่าง ๆเลย แต่ทว่าได้ปกครองจากพวกเขา โดยท่านอลี และท่านหุซัยนฺ ( ร่อฏิยัลลอฮฺ อันฮุมา ) ดู นิฮายะฮฺ อัลฟิตัน เล่ม 1 หน้า 17-18 อัลบิดายะฮฺ วะ อันนิฮายะฮฺ เล่ม 6 หน้า 198
พี่น้องชาวซุนนะฮฺลองมาพิจารณาความเห็นของ อัล-หาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ (ร.ฏ.) ท่านกล่าวว่า " ที่ใกล้เคียงที่สุด ในเรื่องนี้ ดังที่อุลามาอฺกลุ่มหนึ่งได้กล่าวไว้ มีความว่า จุดมุ่งหมายของฮะดิษนี้ คือ บรรดาคอลิฟะฮฺทั้งสี่ มุอาวิยะฮฺ และบุตรของเขา คือยะซีด จากนั้น อับดุลเลาะฮฺบินมัรวาน และบรรดาบุตรของเขาทั้งสี่คน และก็อุมัรบินอับดุลอะซีซฺ ฉันขอกล่าวว่า บรรดาบุตรของอับดุลมาลิกบินมัรวานนั้น คืออัลวะลีด สุลัยมาน ยะซีดและฮิชาม โดยที่ท่านอุมัรบินอับดุลอะซีซฺนั้นได้ขั้นกล่างระหว่าง สุลัยมานและยะซีด พวกเขาก็เป็น 12 คอลิฟะฮฺพอดี และจุดมุ่ง ที่ใกล้เคียงและถูกต้องที่สุด เกี่ยวกับผู้นำ 12 คนนั้น จำนวนของพวกเขาสิ้นสุดที่ ฮิชาม บุตร อับดุลมาลิก เพราะศาสนาอิสลามในสมัยพวกเขา ยังมั่นคงดำรงอยู่ อิสลามได้แพร่หลาย สัจจะธรรมยังคงอยู่ การญิฮาดก็ยังคงอยู่ และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ยะซีดเสียชีวิต จากการขัดแย้งในเรื่องคอลิฟะฮฺ โดยที่มัรวานได้ปกครองที่ชาม อิบนุซุบัยรฺได้ปกครองที่ฮิยาซฺ ก็ไม่เป็นผลกระทบใด ๆกับบรรดามุสลิมีน ในเรื่องที่อิสลามก็ยังคงโดดเด่นมั่นคงอยู่ ดังนั้นศาสนาอิสลามของพวกเขาก็ยังคงโดดเด่น ภาระกิจของพวกเขาก็ยังคงอยู่ ศรัตรูของพวกเขาก็ยังถูกพิชิต ทั้งที่มีการขัดแย้งกัน จากนั้นดังกล่าวก็ยุติลงด้วยการให้สัตยาบันอย่างสมบูรณ์ให้กับ อับดุลเลาะฮฺบินมาลิก.....ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ สิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวไว้ แท้จริงแล้ว มันได้เกิดขึ้นจริง และก็ผ่านมาแล้ว และก็สิ้นสุด(ถึง 12 คน)แล้ว " ดู ฟัตฮุลบารีย์ เล่ม 13 หน้า 211-215
จากคำกล่าวของท่านอิบนุหะญัร บรรดาคอลิฟะฮฺ 12 คนมีดังนี้
1. อบูบักร อัศศิดดีก
2. อุมัร อัลฟารูค
3. อุษมาน ซินนูรัยนฺ
4. อลีบินอบีฏอลิบ อัลมุรตะฏอ
5. มุอาวิยะฮฺ
6. ยะซีด บุตร มุอาวิยะฮฺ
7. อับดุลเลาะฮฺ บุตร มัรวาน
8. อัลวะลีด บุตร อับดุลเลาะฮฺ
9. สุลัยมาน บุตร อับดุลเลาะฮฺ
10. ยะซีด บุตร อับดุลเลาะฮฺ
11. ฮิชาม บุตรอับดุลเลาะฮฺ
12. อุมัร บุตร อับดุลอะซีซฺ
แต่มีชีอะฮฺบางท่าน อาจจะค้านว่า การเป็นอิมามนั้น ไม่จำเป็นต้องนั่งบันลังค์ปกครองเสมอไป ผมขอกล่าวว่า หากชีอะฮฺผู้นั้นพูดอย่างนี้ ก็แสดงว่าบรรดาอิมามของชีอะฮฺ10 คน ก็ไม่ได้เข้าอยู่ในฮะดิษของซุนนะฮฺที่พวกเขาแอบอ้าง เพราะคอลีฟะฮฺในความหมายของบรรดาฮะดิษของซุนนะฮฺนั้น ต้องเป็นคอลีฟะฮฺปกครองอาณาจักรอิสลามอย่างแท้จริงและเกิดขึ้นจ ริง ไม่ใช่เป็นผู้ปกครองแบบในจิตนาการของลัทธิชีอะฮฺ เช่นการปกครองกันทั้งจักรวาลโดยที่จะบริหารอย่างไรก็ตามที่อิมา มของพวกเขาต้องการ
พวกชีอะฮฺบางท่านอาจจะ กล่าวเสียดสีว่า คอลิฟะฮฺ 12 ของซุนนะฮฺนั้น มีทั้งคนดีและไม่ได้ดี ? อย่างเช่น มุอาวิยะฮฺ หรือยะซีด ซึ่งพวกเขาเคียดแค้นเข้ากระดูกดำ จึงทำให้ซุนนะฮฺบางท่านเขวขึ้นมา ซึ่งผมขอชี้แจงว่า ในบรรดาฮะดิษของซุนนะฮฺที่ผมหยิบยกมานั้น ไม่ได้บอกถึงเงื่อนไขว่าต้องเป็นคอลิฟะฮฺผู้ทรงธรรม เพียงแต่บอกว่า เป็นคอลิฟะฮ์ที่มาจากกุเรชและอิสลามยังคงยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อ ง คอลิฟะฮฺผู้ทรงธรรมของซุนนะฮฺนั้น มีอยู่ 4 หรือ 5 ท่าน คือท่านอบูบักร ท่านอุมัร ท่านอุษมาน ท่านอลี และท่านอุมัรบินอับดุลอะซีซฺ ส่วนที่เหลือนั้น เราขอกล่าวว่าพวกเขาคือคอลิฟะฮฺที่เป็นมุสลิม และพวกเขาก็ยังคงปกครองโดยที่อิสลามยังคงยิ่งใหญ่ และการตัดสินและตอบแทนนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะฮฺแต่เพียงผ ู้เดียว เมื่อเรามาพิจารณาถึงคำกล่าวของท่านอลีในนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ เราจะพบว่าไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกที่บรรดามนุษย์นั้น บางครั้งมีผู้นำที่ดีและผู้นำที่ไม่ดี ท่านอลีได้กล่าวไว้ในนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ ในขณะที่ท่านอลีได้ยินคำกล่าวของพวกคอวาริจญฺเกี่ยวกับหลักที่ว่า " ไม่มีการตัดสินอันใด นอกจากเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะฮฺ " ว่า
( وإنه لابد للناس من أمير بر أو فاجر يعمل فى إمرأته المؤمن ويستمتع فيها الكافر ، ويبلغ الله فيها الأجل ، ويجمع به الفىء ، ويقاتل به العدو، وتأمن به السبيل ، ويؤخذ به للضعيف من القوى حتى يستريح برّ ويستراح من فاجر )
ความว่า "
โดยแท้จริง จำเป็นสำหรับมนุษย์ ต้องมีผู้นำ ที่ดีหรือชั่ว ซึ่งมุอฺมินสามารถปฏิบัติอามัลได้ ภายใต้การอำนาจการปกครองของเขา และกาเฟรสามารถเสวยสุขได้ภายใต้อำนาจการปกครองของเขา โดยที่อัลเลาะฮฺจะให้การปกครองของเขาได้ถึงระยะเวลาหนึ่ง และจะถูกรวบรวมทรัพย์สินสงครามด้วยกับเขา จะทำการสู้รบกับศรัตรูด้วยกับเขา หนทางจะปลอดภัยด้วยกับเขา สิทธิคนอ่อนแอกว่าจะได้รับเอามาจากคนที่แข็งแรงกว่าด้วยกับเขา จนกระทั่ง คนดีได้พักผ่อน และได้รับการพักผ่อน(ให้พ้น)จากคนชั่ว " ดู หนังสือ อธิบายนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ คำกล่าวที่ 40 เล่ม 1 หน้า 488 อิบนุอบีอัลหะดีด ตีพิมพ์ ฮะญะรียะฮฺ เผยแพร่ ดารฺ มักตะบะฮฺ อัลหะยาฮฺ เบรูต เลบานอน
ท่านอิบนุอะบีอัลหะดีด กล่าวว่าอธิบายว่า " ท่านไม่เห็นคำกล่าวของท่านอลี(อ.)ดอกหรือว่า ท่านได้ให้เหตุผลกับคำกล่าวของท่านที่ว่า " لابد للناس من أمير " ความว่า " จำเป็นสำหรับมนุษย์ต้องมีผู้นำ " ท่านอลีได้กล่าวเหตุผลจากคำพูดของท่าน(ที่มนุษย์ต้องมีผู้นำ)ว่า เพื่อ " จะถูกรวบรวมทรัพย์สินสงครามด้วยกับเขา จะทำการสู้รบกับศรัตรูด้วยกับเขา หนทางจะปลอดภัยด้วยกับเขา สิทธิ์คนอ่อนแอกว่าจะได้รับเอามาจากคนที่แข็งแรงกว่าด้วยกับเขา " ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งจากการคงไว้ซึ่งผลประโยชน์ต่าง ๆของโลกนี้
ท่านอลีกล่าวว่า " มุอฺมินสามารถปฏิบัติอามัลได้ ภายใต้การอำนาจการปกครองของเขา " หมายความว่า การมีอำนาจปกครองของคนชั่วนั้น ไม่ได้ห้ามมุอฺมินจากการปฏิบัติอามัล เพราะเขาสามารถทำการละหมาด ถือศีลอด ทำการบริจาคทาน(ซะกาต)ได้ ถึงแม้ว่าตัวผู้นำเองจะเป็นคนชั่วก็ตาม
ท่านอลีกล่าวว่า " โดยที่อัลเลาะฮฺจะให้การปกครองของเขาได้ถึงระยะเวลาหนึ่ง " เนื่องจากอำนาจการปกครองของคนชั่ว ก็เสมือนกับอำนาจการปกครองของคนดี ในระยะเวลาที่ถูกกำหนดเอาไว้และสิ้นสุดระยะเวลาที่ถูกกำหนดเอาไ ว้สำหรับมนุษย์
หลังจากนั้นท่านอลีกล่าวว่า "จะถูกรวบรวมทรัพย์สินสงครามด้วยกับเขา จะทำการสู้รบกับศรัตรูด้วยกับเขา หนทางจะปลอดภัยด้วยกับเขา สิทธิ์คนอ่อนแอกว่าจะได้รับเอามาจากคนที่แข็งแรงกว่าด้วยกับเขา " ทั้งหมดนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับการปกครองของผู้นำที่ชั่วอีกทั้งมีความเข้ มแข็งในตัวเขาเอง โดยแท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮฺ(ซ.ล.)กล่าวว่า " แท้จริงอัลเลาะฮฺ จะทำให้ยืนหยัดกับศาสนาอิสลามนี้ด้วยกับบุรุษที่เป็นคนชั่ว " อธิบายนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ เล่ม 1 หน้า 489 อิบนุอบีอัลหะดีด
สิ่งที่ได้จากคำกล่าวของท่านอลี(อ.)
1. ในนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺนั้น ท่านอลีไม่กล่าวได้เรื่อง อิมาม 12 ตามแนวทางลัทธิชีอะฮฺเอาไว้ แม้กระทั้งรายชื่อก็ไม่ได้กล่าวเอาไว้เลย ไม่เพียงเท่านั้นท่านเองก็ปฏิเสธเรื่องการจำกัดผู้นำอิมาม 12 ด้วย เนื่องจาก
2. ผู้นำนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี
3. ผู้นำนั้น ทรัพย์สงครามต้องถูกรวบรวมด้วยกับเขา
4. การพิชิตเมืองต่าง ๆก็สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการปกครองของเขา
5. หนทางจะปลอดภัยด้วยกับเขา
6. คนอ่อนแอสามารถทวงสิทธิ์ที่ชอบธรรมจากผู้แข็งแรงที่อธรรมได้ด้วยกับเขา
ในทางตรงกันข้าม บรรดาอิมามของชีอะฮฺ 12 ที่พวกเขาอ้างนั้น 10 คนไม่ได้เป็นปกครองอาณาจักรอิสลาม ทรัพย์สินสงครามไม่ได้รวบรวมด้วยกับพวกเขา การต่อสู้กับศรัตรูและพิชิตเมืองต่าง ๆไม่ได้เกิดขึ้นโดยคำสั่งของพวกเขา หนทางจะสามารถผ่านได้อย่างปลอดภัยก็ไม่ใช่เพราะพวกเขาตามที่ท่า นอลีได้กล่าวเอาไว้ถึงเหตุผลการเป็นผู้นำในนะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ หากมีชีอะฮฺบางท่านแย้งผมว่า การเป็นผู้นำไม่จำเป็นต้องทำสิ่งดังกล่าว ก็เป็นผู้นำได้ ผมขอกล่าวว่า คำกล่าวแบบนั้นย่อมถือว่าเป็นการเอากำปั้นทุบดิน และติดอยู่ในพรรธนาการแห่งทฤษฏีและจินตนาการของลักษณะการเป็นอิ มามของลัทธิชีอะฮฺ ทั้งที่ ท่านอลี ท่านหะซันและท่านฮุซัยน์ ก็ไม่ได้เคยกล่าวเอาไว้เลยเกี่ยวกับรายชื่ออิมาม 12 เมื่อศึกษาบรรดาฮะดิษเกี่ยวกับการระบุชื่ออิมาม 12ในอุซูลอัลกาฟีย์ ก็แปลก พิกล สายรายงานฏออีฟก็มีหลายฮะดิษ ส่วนฮะดิษที่มีสายรายซอเฮี๊ยฮฺ(ตามทัศนะของชีอะฮฺ) แต่กับไปมีข้อตำหนิในตัวบท บางฮาดิษชี้ให้เห็นว่า ชีอะฮฺ มีอิมาม 13 คนบ้าง อินชาอัลเลาะฮฺ ผมจะนำเสนอในการสนทนาในครั้งต่อไปครับ อีกอย่างหนึ่ง เรื่องหลักฐานที่ชี้ถึง คอลิฟะฮฺทั้ง 4 หรือ 5 ของซุนนะฮฺผู้ทรงธรรมนั้น
al-azhary